บทที่ 274 วันเปิดร้าน

ในชั่วพริบตาก็ถึงวันที่ร้านอาหารหนิงเฟิงเปิดให้บริการ เสียงฆ้องและกลองดังไปทั่วอย่างครื้นเครง ในครัวเตรียมวัตถุดิบหลากหลายไว้พร้อมแล้ว หม่าเฉิงสามารถทำอาหารได้ทันทีเมื่อมีลูกค้าเข้ามา อย่างไรก็ตามหลังจากที่รออยู่พักใหญ่ ก็ไม่มีรายการอาหารส่งมาที่ครัวด้านหลังเลย

“ยังไม่มีแขกอีกหรือ?” หม่าเฉิงคว้าเสี่ยวเอ้อร์มาถาม เขาส่ายหัว

“ยังไม่มีเลยพี่หม่า ตอนนี้ยังเช้าอยู่อย่าเพิ่งใจร้อนเลย”

เขาจะไม่ใจร้อนได้อย่างไร?

แม้ว่านายหญิงจะดูมั่นใจ แต่หม่าเฉิงก็ยังคงกังวลเรื่องปัญหาของเขาอยู่ดี

….

หม่าเฉิงรออยู่สักพักเขาอดไม่ได้ที่จะเดินไปยังห้องอาหารด้านหน้า พบว่าว่างเปล่าไม่มีลูกค้าเลยแม้แต่คนเดียว หม่าเฉิงมองไปข้างนอก เห็นผู้คนยืนมุงชี้ไม้ชี้มืออยู่ที่หน้าร้านแต่กลับไม่มีใครเข้ามาเลย ถังหลี่พูดขึ้นว่า

“ทุกท่าน วันนี้เป็นวันแรกที่ร้านอาหารของเราเปิดให้บริการ ข้ายินดีอย่างมากหากท่านจะเข้ามาลองชิมลิ้มรสดู”

“ร้านอาหารที่จ้างหัวขโมยมาเป็นพ่อครัว ใครจะอยากกิน”

“ใช่ พ่อครัวนิสัยแย่เช่นนี้ จะรู้ได้อย่างไรว่าร้านของเจ้าทำอาหารสะอาด!”

ใบหน้าของหม่าเฉิงเริ่มซีดลงเมื่อได้ยินคำพูดเหล่านั้น ไม่ไกลจากร้านอาหารสองพี่น้องตระกูลติงยืนดูเหตุการณ์ที่เกิดอย่างตื่นเต้น ใบหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความสมเพช

วันแรกที่เปิดก็ไม่มีลูกค้าแบบนี้ ดูเหมือนว่าร้านอาหารหนิงเฟิงจะต้องปิดตัวลงแล้ว!

“สมควรแล้ว!” ติงเต๋อเหรินตะคอกเบา ๆ

“ท่านพี่จะไปหรือยัง?” ติงเต๋อโหยวถาม

“รอดูต่ออีกสักหน่อย” ติงเต๋อเหรินตอบทั้งสองคนยังคงยืนมองดูสถารการณ์ต่อไป

….

ผ่านไปครึ่งชั่วยามแล้วก็ยังไม่มีแขกเข้ามาที่ร้านอาหาร ถังหลี่ยังคงนิ่งสงบนางปลอบโยนหม่าเฉิงที่รู้สึกไม่สบายใจจนเขารู้สึกดีขึ้นเมื่อท่าทางสงบนิ่งของถังหลี่

นายหญิงจะทำได้จริง ๆ หรือ?

ในไม่ช้าการเปลี่ยนแปลงก็มาถึง

หนิงเฟิงได้ต้อนรับแขกคนแรกของร้านอาหาร…คนผู้นั้นคือนายท่านเจียง!

ตระกูลเจียงเป็นตระกูลที่ร่ำรวยมากที่สุดในเมืองเหอตง และนายท่านเจียงก็มีชื่อเสียงที่ดีในเมืองอีกด้วย ผู้คนทั่วไปต่างชื่นชมเขา เมื่อเห็นนายท่านเจียงเดินเข้าไปในร้าน บรรดาคนที่เคยหัวเราะเยาะร้านอาหารหนิงเฟิงต่างก็เงียบเสียงลง

ต่อจากนั้นเจ้าเมืองก็มาถึง

เมื่อเห็นว่าเจ้าเมืองมา ถังหลี่ก็ออกมาต้อนรับ ชาวบ้านที่เห็นต่างพากันตกตะลึง

“ท่านเจ้าเมืองกับนายท่านเจียงมาหรือ? ดูเหมือนร้านอาหารแห่งนี้จะไม่ใช่อย่างที่คนพูดกันไปสินะ”

“ใช่ พ่อครัวของพวกเขาเป็นหัวขโมยจริง ๆ หรือ? หรือจะมีบางอย่างที่เราไม่รู้?”

“หากท่านเจ้าเมืองยังกินอาหารที่ร้านอาหารนี้ได้ พวกเราก็น่ากินได้เช่นกัน”

“ไม่รู้ว่าร้านนี้จะมีอาหารจานเด็ดเป็นอะไรบ้าง?”

ผู้คนเหล่านั้นเริ่มมีความอยากลองและอยากเข้าไปดูในร้านอาหารหนิงเฟิง ในตอนนั้นเองถังหลี่เดินออกมาที่ประตูและกล่าวว่า

“ทุกท่าน เนื่องจากวันนี้เป็นวันแรกที่เราเปิดร้าน เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองห้าสิบโต๊ะแรกของวันนี้ จะได้กินอาหารโดยไม่เสียเงินสักอีแปะ!”

พอนางพูดจบ ผู้คนต่างกรูกันเข้าไปในร้านจนแออัด

รายการสั่งอาหารถูกส่งไปยังครัวหลังร้านไม่หยุด ทำให้หม่าเฉิงทำงานมือเป็นระวิง ทั้งหน้าร้านและหลังร้านต่างวุ่นวายไปกันหมด

“ผู้อาวุโสถัง ท่านช่างเป็นคนใจกว้างเหลือเกิน ให้กินเปล่าไม่เก็บเงินถึงห้าสิบโต๊ะเลยหรือ?”

เหยี่ยนเสี่ยวตวนพูดขึ้นมาอย่างประหลาดใจ

ถังหลี่มองเขา รู้สึกอยากข่มเหยี่ยนเสี่ยวตวนขึ้นมา เด็กหนุ่มผู้นี้เริ่มเอาแต่ใจมากขึ้นเรื่อย ๆ เขาแอบมาที่ร้านอาหารในขณะที่ต้าเป่าและสวี่เจวี๋ยยังอยู่ที่สำนักศึกษา แถมยังมานั่งกินแบบไม่เสียเงินอีกด้วย!

“รวยอย่างเดียวไม่พอ มากินข้าวกันเถอะ อย่าพูดมากนักเลย”

ถังหลี่พูดด้วยท่าทีหยิ่งยโสราวกับว่า “ข้ารวยใครจะทำไม?” เหยี่ยนเสี่ยวตวนยกนิ้วให้นาง ในตอนนั้นเองแขกทยอยเข้ามาจนถังหลี่ต้องปลีกตัวไปช่วย

หญิงสาววิ่งไปมาระหว่างโถงด้านหน้าและห้องครัว เมื่อหม่าเฉิงเห็นถังหลี่ ดวงตาของเขาก็เป็นประกาย แม้ว่าตอนนี้หม่าเฉิงจะเหนื่อย แต่หม่าเฉิงกลับตื่นเต้นจนพูดแทบไม่ออก เขาอยากขอบคุณนายหญิงเป็นอย่างมาก เขาได้พบกับเจ้านายที่ดีแล้ว ในใจของเขามีถ้อยคำนับพัน

“เถ้าแก่เนี้ย”

ถังหลี่รู้ว่าเขาอยากพูดอะไร

“ไม่ต้องพูดหรอกทำให้ดีที่สุดก็พอ”

หม่าเฉิงพยักหน้าแรง ๆ นายหญิงเช่นนี้ เขาจะทำงานหนักอย่างถวายหัวไปจนตายเลย! หม่าเฉิงก้มหน้าก้มตาทำงานต่อไป

ที่ด้านนอกร้านอาหาร สองพี่น้องติงเต๋อเหรินและติงเต๋อโหยวกำลังมองภาพนั้นอย่างตกตะลึง ใครจะคิดว่าหญิงสาวผู้นี้จะเชิญท่านเจ้าเมืองให้มาที่ร้านได้

ทั้งสองคนพากันขบเขี้ยวเคี้ยวฟันอย่างเคืองแค้น

….

เวลาผ่านไปหลายชั่วยามจำนวนลูกค้าที่อยู่ในร้านอาหารก็เริ่มลดจำนวนน้อยลง ถังหลี่ออกมาจากห้องครัว พบว่าท่านเจ้าเมืองยังคงนั่งอยู่ นางจึงเดินเข้าไปหาทันที

“ใต้เท้าจู ขอบคุณที่ท่านสละเวลามาในวันนี้นะเจ้าคะ”

วิธีที่จะตอบโต้ข่าวลือเหล่านั้น ถังหลี่ใช้การรับมือโดยเชิญบุคคลที่มีชื่อเสียงสองสามคนในมณฑลเหอตงมาที่ร้านอาหาร รวมถึงนายท่านเจียงและท่านเจ้าเมืองด้วย

ใต้เท้าจูเดินทางมาด้วยตัวเองและใช้เวลาอยู่ในร้านอาหารเป็นเวลานาน ทำให้ถังหลี่ได้หน้าเป็นอย่างมาก

“ฮูหยินเว่ย อาหารในร้านของท่านมีรสชาติอร่อยมากจริง ๆ วันนี้ให้ข้าได้เขียนคำอวยพรร้านของท่านสักหน่อยเถิด”

ท่านเจ้าเมืองพอใจในรสชาติอาหารของร้านหนิงเฟิงเป็นอย่างมาก

ป้ายอวยพรหรือ? ดีจริง ๆ ไม่มีอะไรจะดีไปกว่านี้อีกแล้ว หากป้ายอวยพรของท่านเจ้าเมืองได้แขวนไว้ที่ร้านอาหารของนาง ก็จะไม่มีใครกล้ามาสร้างปัญหาให้นางอีก ถังหลี่รีบให้คนไปนำกระดาษและพู่กันเข้ามามอบให้ใต้เท้าจู ท่านเจ้าเมืองเหอตงผู้นี้ชื่นชอบในบทกวีและการคัดตัวอักษร เขายืนคิดอยู่ชั่วครู่ จากนั้นจึงได้จรดพู่กัน และเขียนบทกวีขึ้นมาสองบรรทัดด้วยลายมืออย่างสวยงาม

“เป็นบทกวีที่สวยงามเหลือเกิน” ถังหลี่อดถอนหายใจด้วยความชื่นชมไม่ได้

“เอาไปแขวนสิ” ใต้เท้าจูเอ่ยอย่างอารมณ์ดี

“บทกวีที่ดีเช่นนี้ ข้าจะต้องทำไปใส่กรอบอย่างดีก่อนจะแขวนไว้เจ้าค่ะ” ถังหลี่กล่าว ก่อนจะเก็บกระดาษแผ่นนั้นไปด้วยความระมัดระวัง

ใต้เท้าจูเดินออกจากร้านไปอย่างร่าเริง แต่แล้วก็ต้องหยุดเพราะมีคนมาขวางไว้

“ท่านเจ้าเมืองได้โปรดคืนความเป็นธรรมให้เราด้วย! พ่อครัวร้านนี้เป็นหัวขโมยที่ขโมยสูตรอาหารของตระกูลติงของข้า! ร้านนี้ยังนำมันไปขายอย่างโจ่งแจ้ง! สงสารก็แต่บรรพบุรุษข้าที่ทำงานหนักเพื่อคิดค้นมัน แต่กลับกลายเป็นเครื่องมือหาเงินของพวกใจคด!”

“ใต้เท้าขอรับได้โปรดลงโทษพวกหัวขโมยด้วย!”

“นายท่านได้โปรดให้ความเป็นธรรมแก่ข้าด้วย”

ชายที่มาร้องเรียนทั้งสองคนคือติงเต๋อเหรินและติงเต๋อโหยว ทั้งสองเต็มไปด้วยความโมโหและคับแค้นใจ พวกเขากล่าวโทษหม่าเฉิงและหนิงเฟิงอย่างรุนแรง ในไม่ช้ากลุ่มคนที่กำลังเดินผ่านไปผ่านมาก็หยุดและสนใจ

“พ่อครัวร้านอาหารแห่งนี้ขโมยสูตรของตระกูลติงจริงหรือ?”

“หากพี่น้องตระกูลติงออกมาพูดเช่นนี้ ก็ต้องเป็นเรื่องจริงสิ!”

“แล้วเหตุใดใต้เท้าจูถึงยังมาทานที่ร้านอาหารของหัวขโมยอีก ข้าเพิ่งเห็นใต้เท้าเข้าไปทานด้านในนะ”

“บางทีใต้เท้าอาจจะโดนหลอกลวง”

“ข้าได้ยินมาว่าหม่าเฉิงขโมยสูตรของติงมานานแล้ว และถ้าเขาทำจริงหนิงเฟิงขายมันอย่างโจ่งแจ้งเช่นนี้ก็ไร้ยางอายเกินไป! ท่านเจ้าเมืองจะต้องลงโทษอย่างหนักแน่!”

ผู้คนที่สัญจรไปมาเริ่มวิจารณ์อีกครั้ง

“ข้าไม่ได้ขโมยสูตรอาหารของตระกูลติง!” หม่าเฉิงที่เพิ่งทำงานเสร็จ เมื่อได้ยินการเคลื่อนไหวที่ด้านนอก เขารีบออกมาอธิบายทันที

“อาหารของตระกูลติงถูกเขียนไว้ในรายการทั้งหมด แต่เจ้ากลับบอกว่าไม่ได้ขโมยหรือ! ในเมื่อหลักฐานก็อยู่นี่!” ติงเต๋อโหยวชูรายการอาหารของหนิงเฟิงที่เขาฉวยมาจากคนอื่น

“สูตรอาหารของตระกูลติงถูกถ่ายทอดให้กับหม่าเฉิงโดยนายท่านตระกูลติง ดังนั้นจะหาว่าเป็นการขโมยสูตรได้อย่างไร?” ถังหลี่กล่าว

“เจ้ากำลังพูดเรื่องไร้สาระอะไร! ในฐานะทายาทของตระกูลติง พวกเราจะไม่รู้เรื่องนี้ได้อย่างไร เจ้าเป็นเพียงคนนอกอย่ามาทำเป็นรู้ดี!” ติงเต๋อเหรินตวาด

ตราบใดที่พวกเขาสองพี่น้องยังยืนยันกับใต้เท้าจูว่าไม่มีการถ่ายทอดวิชาให้กับหม่าเฉิง อย่างไรเสียหม่าเฉิงก็จะเป็นหัวขโมย! ด้วยวิธีนี้หม่าเฉิงกับร้านอาหารหนิงเฟิงจะต้องจบสิ้นในวันนี้!