ตอนที่ 533 ไม่มีบรรทัดฐาน ตอนที่ 534 ผู้สืบทอดสมบัติในตระกูล

ข้าอาศัยทำนาให้ร่ำรวยมหาศาล

ตอนที่ 533 ไม่มีบรรทัดฐาน

ซ่งอิงดูมีความสุขขนาดนี้ ทำให้บรรดาชาวบ้านต่างก็ตกตะลึง

พวกเขายังนึกว่าซ่งอิงเป็นตายร้ายดีก็ไม่ยอมรับเสียอีก! อย่างไรเสียตอนนี้ซ่งอิงก็มีกิจการร้านค้าไม่น้อย คนเหล่านี้ที่มาเยือนคิดเอาเปรียบจะทำอย่างไร จะไม่แบ่งปันให้ก็ดูไม่ดีอีก?!

สมกับที่เป็นเอ้อร์ยาจริงๆ แตกต่างจากคนอื่นทั่วไป ใจกว้างอย่างยิ่ง!

ในใจบรรดาชาวบ้าน ตำแหน่งของซ่งอิงยกสูงขึ้นอีกคืบ

“ต้อง ต้องเช่าบ้านหรือ” เหมียวซื่อตะลึงงันเล็กน้อย ถูไถมือ ดูค่อนข้างเก้อเขิน “เอ่อ…พวกเราไม่มีเงินจริงๆ…เพื่อตามหาสามีผู้นั้นแล้วก็ลูกของข้า จึงใช้จ่ายเงินที่ติดตัวไปหมดเกลี้ยงแล้ว หลายวันก่อนก็ไม่ได้กินข้าวอย่างเป็นจริงเป็นจังสักมื้อ…หรือไม่ พวกเราหากองฟางสักแห่งแล้วใช้ชีวิตไปก่อนก็ได้เช่นกัน…”

“น่าเวทนาถึงเพียงนี้เชียวหรือ” ซ่งอิงเลิกคิ้ว “พวกท่านยากจนขนาดนี้ กลับไม่ตั้งหน้าตั้งตาดำรงชีวิตหาเลี้ยงชีพไป อุตส่าห์ตามหาคนอีก อ้อ หรือว่า…อยากหาคนไปทำงานในครอบครัวเพิ่มสักสองคนหรือ”

“เจ้า…” เหมียวซื่อหน้าแดงขึ้นมาทันที “ข้า ถึงอย่างไรข้าก็ต้องรู้เสียหน่อยว่าสามีข้าผู้นั้นและลูกชายยังมีชีวิตอยู่หรือตายจากไปแล้ว…อีกทั้ง ที่ที่พวกเราอาศัยอยู่แห่งนั้นปีนี้ไร้ผลผลิตให้เก็บเกี่ยว ไม่อาจดำรงชีวิตอยู่ได้จริงๆ ก็เลยอยากออกมาหาหนทางดู…”

พูดจบ เหมียวซื่อก็คุกเข่าลงพื้นเกิดเสียงดัง ‘ตุบ’ “ลูกสะใภ้…เจ้า เจ้ารับพวกเราอยู่กินด้วยเถอะนะ!”

ซ่งอิงเม้มปาก

ในเมื่อเอ่ยปากเรียกนางว่าลูกสะใภ้แล้ว ก็ไม่ควรคุกเข่าลงไปต่อหน้าผู้คนมากมายขนาดนี้

ตอนนี้คุกเข่า เช่นนั้นก็เป็นการบอกกล่าวทุกคนว่านางซ่งอิงผู้นี้อกตัญญู?

“ให้อยู่หรือไม่มิใช่ข้าพูดแล้วจะสิ้นเรื่อง อย่างไรเสีย…ข้าก็เป็นแม่ม่ายที่ต้องเลี้ยงดูลูกกำพร้า จะตัดสินเรื่องประเภทนี้ได้ที่ไหนกันเล่า” ซ่งอิงเอ่ยพูดภายใต้สีหน้าน่าสงสาร

หัวหน้าหมู่บ้านซ่งครุ่นคิดแล้วเอ่ยพูด “เอาเช่นนี้แล้วกัน ข้าจะให้คนหาบ้านเก่าๆ ให้พวกเจ้าสักหลังซึ่งพอให้คนเข้าไปอยู่อาศัยได้ เพียงแต่พวกเจ้าต้องปรับปรุงซ่อมแซมด้วยตัวเอง ยังไม่เก็บเงินพวกเจ้าเป็นการชั่วคราว เพียงแต่ต้องการให้พวกเจ้าถางพื้นที่รกร้างในหมู่บ้านสิบหมู่ให้แน่ใจได้ว่าจะทันการเพาะปลูกในฤดูใบไม้ผลิปีหน้า เช่นนั้นพื้นที่นี้ก็จะเพาะปลูกได้ ตกลงหรือไม่”

“ท่านปู่หัวหน้าหมู่บ้านวางแผนได้เยี่ยมจริงๆ เจ้าค่ะ อาศัยน้ำพักน้ำแรงของตัวเองได้ที่อยู่อาศัยมาหนึ่งแห่ง และคนอื่นจะได้ไม่คิดว่าพวกเขาเป็นคนที่ชอบเอาเปรียบผู้อื่น หรือมีใจละโมบโลภมาก” ซ่งอิงพยักหน้า แสดงออกชัดเจนว่าเห็นด้วย

บรรดาชาวบ้านก็ไม่ได้รู้สึกว่าไม่ถูกต้องแต่อย่างใด

ถึงขั้นไม่มีคนรู้สึกว่าซ่งอิงเป็นลูกสะใภ้ก็สมควรรับคนเหล่านี้เอาไปอยู่ด้วย

ความจริงเป็นเพราะในปีนี้ ซ่งอิงนำความเปลี่ยนแปลงมาให้ในหมู่บ้านมากมายเหลือเกิน

อีกทั้ง แต่ละคนล้วนรู้ว่ากว่าซ่งอิงจะหาเงินเหล่านี้มาได้ก็ไม่ใช่ง่ายดาย นางเดิมทีก็เป็นคนจิตใจดีมีน้ำใจ นิสัยใจคอเป็นอย่างไรทุกคนล้วนรู้ชัดกระจ่างแจ้งในใจ ไม่ถึงขั้นต้องใช้เรื่องนี้มาเป็นหลักฐานยืนยันแต่อย่างใด

อีกอย่าง เป็นคนที่ไม่คุ้นเคยกันเลยจริงๆ แม่นางสาวน้องยังเยาว์วัย รับไม่ได้ก็เป็นเรื่องปกติ ทำให้ทุกคนยอมพาคนเขาเข้าไปอยู่ในหมู่บ้านด้วยได้ก็ไม่เลวแล้ว!

เหมียวซื่อพลันหนักใจ

เป็นเรื่องที่คิดไม่ถึงเลยสักนิด คนในหมู่บ้านแห่งนี้ไม่มีบรรทัดฐานขนาดนี้เชียว

ลูกสะใภ้นางผู้นี้มีเงินขนาดนี้ ไฉนยังให้นางไปทำงานลำบากตรากตรำอีกเล่า

แต่ก็ดันไม่มีคนรู้สึกว่าเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้องเสียนี่

ช่างประหลาดจริงๆ

นอกจากให้เงินเล็กๆ น้อยๆ แล้ว ซ่งอิงยังแสดงบทบาทอย่างสมบูรณ์แบบไร้ที่ติ

ร่วมทางไปเลือกบ้านเป็นเพื่อนหัวหน้าหมู่บ้านซ่ง หัวหน้าหมู่บ้านซ่งก็ค่อนข้างเคารพความคิดเห็นของซ่งอิงเช่นกัน นางเลือกหลังไหน หัวหน้าหมู่บ้านซ่งก็ให้บริเวณนั้น ท้ายที่สุด…

เลือกบ้านหลังเก่าที่อยู่ในทำเลค่อนข้างเห็นได้ชัดในหมู่บ้าน

เป็นบ้านกระท่อมสองสามห้องที่เรียบง่าย ค่อนข้างทรุดโทรม พอกันลมกันฝนได้และแน่นอนว่าเทียบไม่ได้กับบ้านอิฐเทาผสมกระเบื้องหลังนั้นของซ่งอิง

นอกจากนี้ พื้นที่รกร้างที่แบ่งให้ก็ไกลจากบ้านซ่งอิงเช่นกัน มั่นใจได้ว่าไม่อยู่ระหว่างทางผ่านพื้นที่บ้านนาง

เหมียวซื่อพร้อมพวกเพิ่งมาเยือนจึงไม่มีอำนาจตัดสินใจเลยสักนิด ยกบ้านให้ พวกเขายังต้องรับเอาไว้อย่างดีอกดีใจ มิเช่นนั้นก็จะถูกคนอื่นคิดว่าไม่รู้จักพอ ส่งผลกระทบต่อความเป็นไปได้ของการตั้งหลักหลักจากนี้

ส่วนซ่งอิง พอเข้าใจสถานการณ์หลักๆ ของคนเหล่านี้แล้วเช่นกัน

ตอนที่ 534 ผู้สืบทอดสมบัติในตระกูล

คนชราผู้นั้นคือโจวซื่อ อายุมากแล้ว นอนสะลึมสะลือไม่พูดไม่จา

เหมียวซื่อยิ่งแล้วใหญ่ แกนสำคัญในครอบครัว สามีของนางในตอนนี้นามว่าฮั่วต้าหู่ ซึ่งจากปากเหมียวซื่อก็คือน้องชายของสามีนาง และเป็นอาของสามีผู้ล่วงลับของซ่งอิงนั่นเอง

เหมียวซื่อมีบุตรกับฮั่วต้าหู่สามคน คนโตนามว่าฮั่วเฉียง ค่อนข้างมีจริตจะก้านเล็กน้อย ใบหน้าขาวผ่องไร้หนวดเครา หน้าตา…ไม่ถือว่าดูดี แต่ก็ไม่ถือว่าอัปลักษณ์เกินไป คนที่สองเป็นสาวน้อย นามว่าฮั่วเสี่ยวเฉียว รูปลักษณ์ค่อนข้างเหมือนเหมียวซื่อ ออกดำคล้ำเล็กน้อย คนเล็กนามว่าฮั่วผิง ดวงตาคู่นั้นสาดส่องไปมา มองดูไม่ใช่เด็กที่ว่านอนสอนง่าย เนื้อตัวสกปรกมอมแมม

แต่ไหนแต่ไรมาซ่งอิงไม่ค่อยมีความอดทนกับเด็กมากนัก

อีกทั้งคนเหล่านี้ก็มีความเป็นไปได้เช่นกันว่าจะเป็นญาติของฮั่วหรงจริงๆ ดังนั้นยามนี้จึงแสดงท่าทีที่ไม่ถือว่าแย่เกินไป

แล้วนับประสาอะไรกับที่คนเหล่านี้เพิ่งมาเยือนวันแรก และนางก็เป็นญาติเพียงคนเดียว จะไม่ดูดำดูดีเลยก็ไม่เหมาะนัก ดังนั้นซ่งอิงก็ใจกว้างเอาพืชผักมามอบให้สักหน่อย

แน่นอนว่า นางไม่ได้จะทำตัวเป็นคนโง่ที่ตามคนอื่นไม่ทัน

ที่มอบให้ก็เป็นจำพวกผักธรรมดาๆ อย่างผักสดและธัญพืช

นางผู้นี้ยังพอมีสัญชาตญาณอยู่บ้าง จากการคุกเข่าเมื่อครู่นั้นจะเห็นได้ว่าเหมียวซื่อไม่ได้ธรรมดาขนาดนั้น คนเหล่านี้มองดูไม่ใสซื่อเหมือนที่เห็นภายนอก ดังนั้นนางย่อมต้องตระหนี่ถี่เหนียวให้ถึงที่สุด

แต่ทว่าหากแรกเริ่มคนเหล่านี้ไม่ได้แสดงออกเช่นนั้น มองๆ ไปก็ดูซื่อตรงจริงใจไม่น้อย ซึ่งบางทีนางอาจจะเห็นแก่ฮั่วหรง ดีกับคนเหล่านี้สักหน่อย

เพียงแต่ตอนนี้ ซ่งอิงดึงความรู้สึกดีๆ ออกมาให้พวกเขาไม่ได้มากนัก

เมื่อซ่งอิงจัดแจงคนเหล่านี้เข้าที่อยู่อาศัยเรียบร้อยก็พาพวกฮั่วหลินกลับบ้านซ่ง

ผลปรากฏว่า ในบ้านซ่งกำลังรวมตัวกันอยู่ในห้องโถงกลาง บิดามารดานางก็รีบมาจากท่าเรือเช่นกัน ยามนี้ต่างร้อนรนใจมาก

“เป็นอย่างไรบ้าง เจ้าได้พูดคุยกับเหมียวซื่อผู้นั้นบ้างหรือไม่ เข้ากับคนผู้นี้ได้ดีหรือไม่” หร่วนซื่อปวดใจถึงขีดสุด “ตอนแรกไหนว่าตระกูลนี้ไร้ญาติไร้ศัตรูไม่ต้องปรนนิบัติใคร แต่ตอนนี้กลับโผล่มาครอบครัวใหญ่เพียงนี้…เด็กๆ ก็ไม่เท่าไรหรอก ถึงอย่างไรเจ้าก็เป็นสะใภ้คนโต แต่ผู้เฒ่าผู้แก่ที่อยู่เหนือขึ้นไป…”

หร่วนซื่อทอดถอนใจ กรอบตาแดงก่ำอีกครั้ง“คนเขาก็อยู่ที่นี่แล้ว คิดมากมายขนาดนี้ก็เปล่าประโยชน์ ที่สำคัญสุดในตอนนี้คือเจ้าต้องดูแลเหลนหลินให้ดีๆ” ผู้เฒ่าซ่งเอ่ยพูดความคิดเห็น

“ท่านพ่อ นี่หมายความว่าอันใดหรือ พวกเขายังจะทำลายหลานหลินด้วยหรือ” ซ่งจินซานตะลึงงัน

“ก็ไม่ใช่เช่นนั้นเสียทีเดียว เพียงแต่ข้ารู้สึกว่า…อย่างไรเสียก็เป็นคนต่างถิ่น อุปนิสัยเป็นเช่นไรเราก็ไม่อาจบอกได้ หากจิตใจดีก็แล้วไป แต่หากใจร้ายใจดำเล่า” ผู้เฒ่าเผยสีหน้าเคร่งขรึม “เหลนหลินเป็นบุตรโดยชอบธรรม เอ้อร์ยาก็มีทรัพย์สมบัติไม่น้อย ทรัพย์สมบัติในครอบครัวเหล่านี้ภายภาคหน้าจะเป็นของใครเล่า แน่นอนว่าเป็นของเหลนหลินทั้งหมด หากคนเขาใจชั่วร้าย เช่นนั้นพวกเขาไม่มีความรู้สึกดีๆ ต่อเอ้อร์ยา กับเหลนหลินก็ยิ่งแล้วใหญ่ คงอยากจะให้เหลนหลินหายๆ ไป พวกเขาจะได้มาเป็นผู้สืบทอด และให้คนครอบครัวตัวเองสืบทอดกิจการของครอบครัวไปอย่างชอบธรรม…”

“…” ซ่งจินซานเบิกตาโตด้วยความตกใจ

“แต่ทว่าไม่ต้องกังวลใจไป ข้าปรึกษาหารือกับคนในหมู่บ้านแล้ว ให้พวกเขาช่วยสอดส่องมากๆ หน่อย หากเป็นคนไม่ดีก็ไปมาหาสู่กันน้อยๆ และระมัดระวังหน่อยก็เป็นอันใช้ได้ หากกล้าทำเรื่องชั่วๆ แล้วถูกจับได้จริง ถึงเวลาหัวหน้าหมู่บ้านก็จะขับไล่คนเขาออกไปอย่างเปิดเผยและชอบธรรมเช่นกัน” ผู้เฒ่าซ่งกล่าวขึ้นอีกครั้ง

“ขอให้เป็นคนดีแล้วกัน มิเช่นนั้นต้องคอยป้องกันทั้งวี่ทั้งวัน ไม่เหนื่อยแย่หรือ” หร่วนซื่อรียกล่าวทันควัน

“ข้าว่า…ระยะนี้ไม่ให้พวกลูกต๋าไปที่นั่นแล้วละกัน” เหยาซื่อสะใภ้ใหญ่พลันเอ่ยปากพูด “ครอบครัวแม่สามีเจ้าตอนนี้ก็มีน้องชายน้องสาวแล้วเช่นกัน หากเห็นบรรดาน้องชายฝั่งตระกูลมารดากินดีอยู่ดีกับเจ้าที่นั่นแล้วรู้สึกไม่พอใจ เดี๋ยวเอ่ยร้องขออะไรต่อมิอะไรกับเจ้าขึ้นมาบ้าง เจ้าก็จะปฏิเสธได้ยากเช่นกันน่ะสิ…”