บทที่ 114 ชาติกำเนิดเจ้าก้อนน้อย

นางน้อยจอมพลังของนายพลบ้านนา

สวีฉางหลินที่ยืนอยู่ตรงกลางอัดอั้นตันใจยิ่งกว่า ประชันยื้อยุดระหว่างอารมณ์และความคิดอยู่นาน สุดท้ายยังคงเก็บขาแล้วกลับไปนอนบนเตียงเตาฝั่งของตัวเอง

โจวกุ้ยหลานปลุกปลอกเจ้าก้อนน้อยพักหนึ่งแล้วจึงดีขึ้น ไม่นานก็หลับปุ๋ยไปอีกครั้ง

โจวกุ้ยหลานวางเขานอนอยู่ตรงกลางดีๆ เขาพลิกตัวแล้วเอามือไปวางอยู่บนตัวสวีฉางหลิน

สวีฉางหลินขมวดคิ้วมุ่น นับวันก็ยิ่งรังเกียจบุตรชายคนนี้

เขาตะแคงตัว แล้วยื่นมือข้ามเจ้าก้อนน้อยมาจับมือภรรยาตัวน้อยอีกครั้ง

“พรุ่งนี้ส่งเขาไปนอนกับท่านแม่เถอะ?” สวีฉางหลินปรึกษาหารือกับโจวกุ้ยหลานเบาๆ

“อย่างนั้นเขาไม่เสียใจแย่หรือ?” โจวกุ้ยหลานกล่าวไม่เห็นด้วย

อีกอย่าง นางยังไม่กระจ่างในสถานภาพของสวีฉางหลิน ยังมีเรื่องค้างคาใจอยู่

ที่แท้ผู้หญิงคนนั้นยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ แล้วต่อไปจะกลับมาอีกหรือไม่?

สวีฉางหลินเล่นนิ้วของโจวกุ้ยหลาน อึดอัดใจ สุดท้ายจึงได้แต่นอนดีๆ หลับตานอน

เมื่อเห็นอย่างนี้ โจวกุ้ยหลานก็รู้สึกผิดเล็กๆ

ระยะนี้นางคิดฟุ้งซ่าน ไม่สบายใจ อีกอย่างนางก็ร่วมชีวิตกับสวีฉางหลินแล้ว แต่กลับไม่มีความสุข นางกลั้นอารมณ์อยู่เต็มอก ตอนนี้จึงฉวยโอกาสพลิกมือจับมือของสวีฉางหลิน

“แม่ของเจ้าก้อนน้อยยังมีชีวิตอยู่หรือไม่” โจวกุ้ยหลานหักห้ามอารมณ์ของตัวเองเอ่ยถาม

“ไม่รู้” น้ำเสียงของสวีฉางหลินมีความหนักใจ

ฟังแล้วยังเหมือนปวดใจเล็กน้อย

ทันใดนั้นโจวกุ้ยหลานก็รู้สึกขุ่นเคือง ตาคนนี้ดีจริง ตบแต่งกับนาง ดีกับนาง แล้วยังคิดถึงผู้หญิงคนอื่นอีก!

หากเป็นเช่นนี้ นางก็ไม่อยากอดกลั้นอีกต่อไปแล้ว!

ยิ่งคิดก็ยิ่งโมโห นางสะบัดมือของสวีฉางหลินออก ผุดลุกขึ้นนั่ง “พูดอย่างนี้ ตัวเจ้าเองก็ยังไม่แน่ใจละสิ?”

สวีฉางหลินพลันรู้ว่าภรรยาตัวน้อยของตัวเองโกรธแล้ว จึงรีบลุกขึ้นนั่งทันที

“เจ้าโกรธหรือ?” ขณะถามเขายังระวังอยู่นิดๆ

“โกรธ? เรื่องนี้แค่โกรธก็แก้ไขได้แล้วหรือ?” โจวกุ้ยหลานตะบึงตะบอนตอบไปประโยคหนึ่ง เหลือบตามองเจ้าก้อนน้อยที่อยู่บนเตียง กดเสียงเบาลงหลายส่วน กลัวจะทำเจ้าก้อนน้อยตื่น

“เจ้าไม่พอใจอะไรข้า?” สวีฉางหลินเอ่ยปากถามอีกครั้ง

ไม่พอใจอะไร? ไม่มีสักหน่อย เขาออกจะดี แล้วยังออกตัวทำงานเอาใจนางอีก อยู่ข้างนอกก็ปกป้องนาง หน้าตาดี ไม่หว่านเสน่ห์ไปทั่ว…

แน่นอนว่าโจวชิวเซียงทึกทักเอาเอง เรื่องนี้จะโทษเขาไม่ได้

แต่เพราะอย่างนี้ เขาถึงน่าโมโหไหม?

นางตระหนักว่าตัวเองมีความรู้สึกกับเขามากขึ้นทุกที แต่เขาเล่า? กลับยังมีผู้หญิงคนอื่นอยู่ในใจ!

“ในเมื่อแม่ของเสี่ยวเทียนยังไม่ตาย แล้วเจ้ามาแต่งกับข้าทำไม?” โจวกุ้ยหลานอดกลั้นความปวดร้าว กดเสียงต่ำถาม

สวีฉางหลินอึ้ง “แม่ของเขาคือแม่ของเขา เจ้าคือเจ้า”

โจวกุ้ยหลานโมโหโกรธากับคำพูดของเขามาก นี่นางจะโมโหตายอยู่แล้ว

อะไรเรียกว่าแม่ของเขาคือแม่ของเขา นางคือนาง?

นี่เรียกว่าเมียน้อยตัวสำรองไหม?

ถึงจะเป็นยุคปัจจุบัน ไม่มีสิ่งที่เรียกว่าเมียน้อย แต่นางก็ร่วมใช้ผู้ชายคนเดียวกับผู้หญิงอื่นอยู่?

คิดแล้วก็รู้สึกขยะแขยง!

“อย่างไร เจ้ายังอยากมีภรรยาอีกสองคน? ต่อไปมีเงินแล้วยังอยากแต่งภรรยาอีกใช่ไหม?” โจวกุ้ยหลานค้อนถามตอบ

ถึงจะเป็นเรื่องปกติในยุคสมัยนี้ แต่นางเป็นคนยุคใหม่ รับไม่ได้!

ไม่ได้ ความรู้สึกไม่บริสุทธิ์อย่างนี้ นางไม่เอาเสียจะดีกว่า!

“เปล่า ข้ามีเจ้าเป็นภรรยาเพียงคนเดียว ต่อไปก็จะมีแต่เจ้าเท่านั้น”

สวีฉางหลินรับประกันทันที

นี่นางเป็นอะไรไป? เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่เลย ทำไมจู่ๆ ก็โกรธล่ะ?

วาจานี้กลับทำให้โจวกุ้ยหลานรู้สึกดีขึ้นนิดหน่อย อื่ม อย่างน้อยต่อไปก็จะไม่มีผู้หญิงมากขึ้น

แต่…อะไรเรียกว่ามีนางเป็นภรรยาคนเดียว?

หรือว่าแม่ของเจ้าก้อนน้อยไม่ใช่ภรรยาของเขา?

หรือว่า…

หรือว่าเขาไม่ได้ตบแต่งกับนางคนนั้นก็มีเจ้าก้อนน้อยแล้ว?

เขาไปสวมหมวกให้ผู้ชายคนอื่นหรือ?

ยิ่งคิดก็ยังอึ้ง โจวกุ้ยหลานควบคุมความคิดของตัวเองไม่ได้แล้ว

เรื่องใหญ่ นี่มันเป็นเรื่องใหญ่จริงๆ!

“แล้ว…แล้วผู้หญิงคนนั้นล่ะ?”

โจวกุ้ยหลานถามตะกุกตะกัก

สวีฉางหลินไม่รู้เลยว่าความคิดโจวกุ้ยหลานจะซับซ้อนเพียงนี้ แต่หลังจากคิดทบทวนถ้อยคำเมื่อครู่นั่นแล้ว เขาก็เหมือนพอตระหนักในความหมายภรรยาตัวน้อยของตัวเองบ้าง

“เสี่ยวเทียนไม่ใช่ลูกชายแท้ๆ ของข้า แม่ของเขาเป็นพี่สาวข้า หลังจากคลอดเขาแล้ว เสี่ยวเทียนก็เกือบถูกพ่อแท้ๆ ทุ่มตาย พี่ข้าก็เลยให้ข้าอุ้มเขามาเลี้ยง เพื่อความสะดวก ข้าก็เลยให้เขาเรียกข้าว่าพ่อ”

สวีฉางหลินบอกเล่าความเป็นมาชัดเจน

เกรงว่าพูดตรงไหนไม่ชัด ภรรยาตัวน้อยของตัวเองจะโกรธเอา

เขามีนางเป็นภรรยาแค่คนเดียว ถึงจะมีบุตรชาย แต่ก็มีนางเป็นภรรยาเพียงคนเดียวเท่านั้น!

โจวกุ้ยหลานอ้าปากหวอกว้างกว่าเดิม

นี่มัน…

ผิดคาด!

ฉะนั้น…ที่นางครุ่นคิดในระยะนี้ก็คิดมากไปเอง? แล้วตัวเองยังหงุดหงิดใจนานขนาดนั้นอีก?

ยิ่งคิดโจวกุ้ยหลานก็ยิ่งรู้สึกว่าตัวเองโง่งม

“กุ้ยหลาน เจ้ายังโกรธอีกไหม?” สวีฉางหลินถามอย่างระมัดระวัง

ภรรยาตัวน้อยโกรธแล้วจะเสียสุขภาพได้!

“ฮาๆ ข้าไม่ได้โกรธ โกรธอะไร? มีอะไรน่าโกรธ? นอนๆ!” โจวกุ้ยหลานเก้อเขินยิ่ง ตอบไปนิดหน่อยก็รีบนอนลง

ขายหน้าชะมัด!

สวีฉางหลินเห็นโจวกุ้ยหลานหลับตาลงแล้ว แล้วยังได้ยินนางกล่าวเช่นนี้อีก จึงตระหนักว่าคืนนี้คงจะจ้ำจี้กับภรรยาไม่ได้แล้ว
“รีบนอนเถอะ พรุ่งนี้ยังต้องไปเผาถ่านกับพี่ข้าอีก” โจวกุ้ยหลานหลับตา เตือนอีกคำ จากนั้นก็ตะแคงตัวหันหลังให้เขา

สวีฉางหลินคับอกคับใจนอนลง หลับตาทั้งสอง

ความคิดโจวกุ้ยหลานวุ่นวายพัลวัน คิดถึงเรื่องเมื่อครู่แล้วยังรู้สึกเก้กังเหลือแสน

ไอ้หยา นางจะรู้ได้อย่างไรว่าจะเป็นอย่างนี้? ตาคนนั้นก็รูดซิปปากสนิท ที่ผ่านมาไม่เคยบอกอะไรกับนางเองเลย แล้วเจ้าก้อนน้อยก็เรียกเขาว่าพ่อ การที่นางจะคิดว่าเขามีผู้หญิงคนอื่นก็เป็นเรื่องปกตินี่

ใช่แล้ว นี่เป็นเพราะไม่รู้ถึงสาเหตุ จะโทษนางคนเดียวไม่ได้

โจวกุ้ยหลานตั้งค่าให้ตัวเองในใจ ยิ่งคิดก็สมองก็ยิ่งแจ่มใส ผลลัพธ์คือนอนไม่หลับทั้งคืน นางพลิกตัวไปพลิกตัวมา แล้วมองสวีฉางหลินทางนั้น

แสงจันทร์ลอดผ่านหน้าต่างตกอยู่ดวงหน้าเขา สาดเป็นเงาดำผืนหนึ่ง ขับเน้นองคาพยพของเขาได้พอดิบพอดี

บุรุษผู้นี้งามสง่าโดยแท้ องคาพยพอันสมบูรณ์แบบอยู่บนดวงหน้าเขา จะให้ไม่หวั่นไหวสักนิดได้อย่างไร

นางออกเรือนกับเขาได้ ช่างโชคดีจริงๆ!

โจวกุ้ยหลานคิดๆ ริมฝีปากก็ยกขึ้นอย่างอดกลั้นไม่อยู่

นางมองดูอยู่เงียบๆ รู้สึกอิ่มเอมใจมากขึ้น จากนั้นก็ผล็อยหลับไปอย่างไม่รู้ตัว

รุ่งขึ้นฟ้ายังไม่สาง โจวกุ้ยหลานลืมตาขึ้นก็เห็นสวีฉางหลินลุกนั่งสวมใส่เสื้อผ้าแล้ว

โจวกุ้ยหลานมองข้างนอกแวบหนึ่ง ยังมืดอยู่เลย

“ทำไมเจ้าตื่นเช้าอย่างนี้?” โจวกุ้ยหลานเงยหน้า แล้วเอ่ยกับสวีฉางหลิน

สวีฉางหลินหันมามองนาง ตอบ “ฉวยตอนนี้ไปล่าไก่ป่ากลับมาต้มแกง เจ้ารีบนอนเถอะ”