ตอนที่ 310 ปฏิเสธ ศัตรูอยู่ที่ไหนนางจะอยู่ที่นั่น (2)

เหนียงจื่อของคุณชายขี้โรค

ตอนที่ 310 ปฏิเสธ ศัตรูอยู่ที่ไหนนางจะอยู่ที่นั่น (2)

“ความยุติธรรม? ข้าจะไปทวงมันคืนด้วยตัวเอง!” มั่วเชียนเสวี่ยเอ่ยเสียงเย็นด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึก

นางในยามนี้สูงส่งอย่างไม่มีใครเทียบเทียมได้อย่างเห็นได้ชัด ท่วงท่าสง่างามโดดเด่นในยามนี้คล้ายกับความเฉียบคมของกระบี่ที่ กลิ่นอายทะนงองอาจบนตัวนางทำให้คนรู้สึกละอายใจที่สู้นางไม่ได้ โดยเฉพาะนัยน์ตาที่ใสกระจ่างราวกับกระจกคู่นั้น คล้ายกับว่าสามารถมองเห็นถึงก้นบึ้งจิตใจของผู้อื่นได้…

ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ล้วนถูกพลังอำนาจนี้ทำให้ตะลึง ชังมู่กับอวี่เสวียนยิ่งเกิดความรู้สึกเคารพนับถือในใจ

“ในเมื่อมาแล้ว พวกเจ้าทั้งสองก็พักอยู่ที่จวนสักสองสามวันก่อนแล้วค่อยกลับเถอะ” สองคนนี้มีกลิ่นอายไม่ธรรมดา ทักษะการสนทนาไม่ธรรมดา แค่เห็นก็รู้แล้วว่าเป็นชนชั้นนำของเฮยมู่รั่วสุ่ย ซูชีเคยพูดเอาไว้ว่า เมื่อท่านพ่อสิ้นชีพ ชนเผ่าชางก็มาเผชิญหน้าที่ชายแดนตะวันตกตลอด เกรงว่าพวกเขาจะอยู่ในเมืองหลวงได้ไม่นาน

ที่มาเยือน ประการแรกก็เพื่อยืนยันฐานะของตนเอง ประการที่สองคือต้องการจะถ่ายทอดเจตนารมณ์ที่จะติดตามนางสินะ

ชังมู่ไม่ได้ตอบกลับ แต่นิ่งไปครู่หนึ่ง และลุกขึ้นกำหมัด “คุณหนูใหญ่ ในเมืองหลวงนั้นไม่ค่อยสงบสุข ฮ่องเต้มีเจตนาไม่ดีต่อคุณหนูใหญ่ ชังมู่ขอบังอาจเชิญคุณหนูใหญ่กลับไปยังเฮยมู่รั่วสุ่ยกับพวกเรา ที่นั่นมีจวนของท่านกั๋วกงเช่นกัน คุณหนูใหญ่ไปที่ชายแดนตะวันตกแล้ว อยากจะทำอะไรก็ทำได้ ไม่ต้องมีสิ่งใดต้องกังวล…”

เขาไม่ได้ตาบอดหูหนวก เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นหลังจากมั่วเชียนเสวี่ยเข้ามายังเมืองหลวง บนท้องถนนนั้นแพร่กระจายไปหลายแบบ เมื่อวานเขาก็เห็นมั่วเชียนเสวี่ยออกมาจากคุกหลวงกับตาตนเอง…ตอนนี้มีเพียงแค่รับนางกลับไปยังชายแดนตะวันตก จึงจะรักษาความปลอดภัยของนางได้

มั่วเชียนเสวี่ยสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย ไปชายแดนตะวันตก?

สถานที่แห่งนี้ ในภายภาคหน้านางจะไปแน่นอน นางต้องการไปเห็นสถานที่ที่บิดาและมารดาทุ่มเทแรงกายแรงใจทั้งชีวิตเพื่อสร้างมัน

แต่ ไม่ใช่ตอนนี้

ถ้าหากว่านางจะไป ก็ทำได้เพียงแค่แอบไป ถ้าหากว่านางแอบไป หนิงเซ่าชิงจะทำอย่างไร สัญญาของพวกนางเล่าจะทำอย่างไร

ทว่า ทั้งหมดนี้ดูเหมือนว่าจะไม่ได้สำคัญที่สุด

สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ศัตรูอยู่ที่นี่ นางจะถอยได้อย่างไร!

ด้านนอกมีลมพัดเข้ามา สายลมอันสดชื่นพัดผ่านแก้มของมั่วเชียนเสวี่ย ทำให้ปอยผมยาวด้านข้างของนางปลิวขึ้น และเป็นปัจจัยที่ทำให้ความดื้อดึงภายในตัวนางถูกปลดปล่อยจนถึงขีดสุด ”ไม่ต้องหรอก ข้าจะอยู่ที่จวนกั๋วกง ไม่ไปไหนทั้งนั้น ข้าอยากจะดูว่าฮ่องเต้คิดจะทำอย่างไรกับข้ากันแน่”

ยังมีอีกประโยคหนึ่งที่นางไม่ได้กล่าว ศัตรูอยู่ที่นี่ นางจะไปที่ไหนได้

มั่วเชียนเสวี่ยมีท่าทีหนักแน่น แม้ว่านางจะไม่ได้พูดประโยคนั้น แต่ชังมู่กับอวี่เสวียนล้วนเข้าใจ

หลังจากชังมู่และอวี่เสวียนสบตากันครู่หนึ่ง ก็ไม่ได้ชักชวนอีก สมกับเป็นบุตรีของท่านกั๋วกง รู้อยู่แท้ๆ ว่ามีอันตราย แต่กลับไม่ถอยแม้แต่น้อย แววตาของชังมู่ปรากฏความเคารพขึ้นมาเล็กน้อย

ความเคารพก่อนหน้านี้เป็นเพราะท่านกั๋วกง แต่ความเคารพในตอนนี้กลับเป็นเพราะความแข็งแกร่งไม่ย่อท้อต่อความยากลำบากที่แผ่ออกมาจากร่างของมั่วเชียนเสวี่ย

ชังมู่ถอนสายตาที่เต็มไปด้วยความเคารพกลับคืนมา และเอ่ยเสียงขรึมว่า “พวกเราทั้งสองคนแต่ละคนล้วนนำหน่วยกล้าตายในกองทัพมาด้วย จำนวนคนไม่มาก แต่ล้วนเป็นทหารกล้าที่ชนเผ่าของพวกเราคัดสรรมาอย่างดี เพื่อมาปกป้องความปลอดภัยของคุณหนูใหญ่ หากคุณหนูใหญ่เชื่อในตัวพวกเรา ก็โปรดให้ทหารกล้าทั้งสองกลุ่มเข้ามาในจวน เพื่อปกป้องความปลอดภัยของจวนกั๋วกง และความปลอดภัยของคุณหนูใหญ่” ไม่รอให้มั่วเชียนเสวี่ยตอบ อวี่เสวียนก็คุกเข่าประสานมือขึ้นระดับอกแล้วเอ่ยว่า “ถ้าหากว่าคุณหนูใหญ่ไม่รังเกียจ อวี่เสวียนยินยอมอยู่ที่เมืองหลวง เพื่อติดตาม และปรนนิบัติคุณหนูใหญ่ คุณหนูใหญ่ช่วยให้ข้าสมปรารถนาด้วยเถอะ!”

มั่วเชียนเสวี่ยส่งสายตาไป มั่วเหนียงก็รีบประคองอวี่เสวียนให้ลุกขึ้น

สัญชาตญาณคิดอยากจะปฏิเสธ แต่ก็คิดได้ว่าสภาพการณ์มันไม่ค่อยดีจริงๆ ในฐานะคุณหนูใหญ่ในเรือน นางไม่ขาดกำลังคน

แต่ในฐานะเจ้านายของจวนกั๋วกง กำลังคนข้างกายนางนั้นน้อยไปอยู่บ้าง ครุ่นคิดเรียบร้อยแล้วก็เหลือบตาขึ้นมอง “อวี่เสวียน เจ้าคิดดีแล้ว?”

อวี่เสวียนเอ่ยออกมาโดยไม่มองชังมู่แม้แต่น้อย “ข้าน้อยยินยอมสละชีพเพื่อคุณหนูใหญ่” นางกลัวว่าหากมองไปทางเขาแล้ว ก็จะอดคิดอยากตามเขากลับไปเมืองรั่วสุ่ยในชายแดนตะวันตกไม่ได้

แต่ว่า นางไม่สามารถกลับไปได้

ชังมู่เป็นบุตรชายของผู้นำชนเผ่าเฮยมู่ ความปลอดภัยและภยันตรายของชนเผ่าผูกติดอยู่กับกาย เขามีภาระอันหนักอึ้ง ดังนั้นจึงจำเป็นต้องกลับไปยังชายแดนตะวันตก

นางเป็นบุตรีของชนเผ่ารั่วสุ่ย เป็นบุตรีที่วิทยายุทธ์ยอดเยี่ยมที่สุดของชนเผ่ารั่วสุ่ย นางไม่ต้องแบกรับภาระความเจริญของชนเผ่าเอาไว้บนหลัง ดังนั้นความรับผิดชอบของนางก็คือปกป้องสายเลือดของท่านกั๋วกง นางจำเป็นต้องอยู่ที่นี่!

ผู้นำชนเผ่าเคยพูดเอาไว้ว่า ถ้าไม่รับคุณหนูกลับไป ก็ให้นางอยู่เป็นเพื่อนคุณหนูใหญ่

คุณหนูใหญ่มีชีวิตยู่ นางก็จะมีชีวิตอยู่ด้วย!

คุณหนูใหญ่สิ้นชีพ นางก็จะสิ้นชีพตาม!

เมื่อออกจากเมืองรั่วสุ่ย ชีวิตของนางก็เป็นของคุณหนูใหญ่ตระกูลมั่วแห่งจวนเจิ้นกั๋วกง

ตั้งแต่เข้าประตูมา มั่วเชียนเสวี่ยก็มองออกว่าสองคนนี้เป็นคนรักกัน นางจึงไม่อยากจะแยกคู่รักออกจากกัน

แต่นางก็มองเห็นถึงการตัดสินใจที่แน่วแน่ของอวี่เสวียน

แววตาของอวี่เสวียนทอประกายเด็ดขาดและเหี้ยมหาญออกมา เห็นความตายเป็นเพียงการกลับบ้าน ไม่เสียดายหากต้องพลีชีพ เกรงว่าหากนางไม่รับอวี่เสวียนเอาไว้ อวี่เสวียนก็กลับไปที่ชายแดนตะวันตกไม่ได้เช่นกัน

เมื่อมองไปยังชังมู่ที่ยืนอยู่อีกด้านนั้น แววตาเขาไร้ซึ่งความอาลัยอาวรณ์ เต็มไปด้วยความเด็ดเดี่ยวและองอาจผึ่งผายยิ่งกว่า ทั้งยังแฝงไปด้วยความรู้สึกวางใจอย่างเลือนราง

ดูท่าสองคนนี้จะปรึกษากันมาก่อนหน้านี้เรียบร้อยแล้ว

ในเมื่อเป็นเช่นนั้น นางก็ไม่จำเป็นต้องเล่นตัวอีก

มั่วเชียนเสวี่ยลุกขึ้น ชายแขนเสื้อทั้งสองข้างสะบัด สีหน้าสงบนิ่งจริงจัง “ได้ อีกครู่หนึ่งเจ้าก็ไปประลองที่ลานฝึกยุทธ์กับหมัวมัวดูสักครา ถ้าหากว่าเจ้าชนะ ย่อมสามารถอยู่ต่อได้ แต่ในทางตรงกันข้าม…”

ในทางตรงกันข้าม ก็คือวรยุทธ์ของเจ้าใช้ไม่ได้ ให้เจ้าอยู่ที่นี่ก็ไร้ประโยชน์!

ความหมายในวาจานี้ กลับไม่ใช่สิ่งที่อยู่ในใจของนาง ถ้าหากว่านางแพ้ เมื่อกลับไปยังชายแดนตะวันตก ก็จะได้มีคำอธิบายกับคนในเผ่า

กล่าวจบแล้ว มั่วเชียนเสวี่ยก็จะออกไปข้างนอก ชังมู่ถอยหลังไปก้าวหนึ่งขวางนางเอาไว้ และเอ่ยขอคำแนะนำ “แล้วทหารเหล่านั้น?”

มั่วเชียนเสวี่ยเหลือบมองไปยังพ่อบ้านมั่วที่อยู่อีกด้าน และเอ่ยว่า “เรื่องนี้มอบให้ท่านไปจัดการ จัดให้ทั้งสองกลุ่มเข้าไปอยู่ในกลุ่มองครักษ์จวนกั๋วกง โดยให้มั่วเหยียนกับมั่วสิงเป็นผู้รับผิดชอบมอบหมายหน้าที่”

“ขอรับ” พ่อบ้านมั่วมีสีหน้าท่าทางเคารพแต่กลับปิดบังความยินดีเล็กน้อยไม่มิด เห็นได้ชัดว่าดีใจมาก

ลานฝึกยุทธ์ มั่วเชียนเสวี่ยนึกว่าจะมีการต่อสู้อันน่าตกตะลึงสักรอบ

ทว่า นางพลาดไปแล้ว มั่วเหนียงพ่ายแพ้ภายในไม่กี่กระบวนท่า

เพลงยุทธ์ของอวี่เสวียนนั้นเหมือนกับตัวนาง เรียบง่ายว่องไว แต่ละกระบวนท่าแทบไม่มีการเปลี่ยนแปลง ตรงไปตรงมา เคลื่อนไหวเป็นวงกว้าง แต่กลับทำให้ประหลาดใจอย่างคาดไม่ถึง ลงมือครั้งหนึ่งเรียกได้ว่าฉับไว

รวดเร็ว แม่นยำ โหดเหี้ยม กระบวนท่าเหล่านี้เหมาะสมที่จะให้พลทหารใช้!

มั่วเหนียงจะยอดเยี่ยมอย่างไร ฐานะเดิมก็เป็นเพียงสาวใช้ เป็นสตรีที่อยู่ในจวน ทั้งยังอาศัยอยู่ในจวนอย่างสงบมานานหลายปื จะสู้กับความโหดเหี้ยมเช่นนี้ กับความเฉียบขาดและสัญชาตญาณของอวี่เสวียนที่ผ่านการขัดเกลาฝึกฝนจากสนามรบได้อย่างไร

กระบวนท่าของมั่วเหนียง เป็นกระบวนท่าที่ปฏิบัติตามกฎของคนฝึกยุทธ์ เฝ้าระวัง โต้กลับ ป้องกัน ขวางกั้น จากนั้นค่อยโจมตี ส่วนอวี่เสวียนนั้นล้วนเป็นท่าไม้ตาย เอียงไปทางรีบสู้รีบจบ อาศัยความเร็วในการต่อสู้ ปลิดชีพศัตรูอย่างรวดเร็ว

มั่วเชียนเสวี่ยพยักหน้าเล็กน้อย แม้ว่านางจะมีกุ่ยซา แต่กุ่ยซาเป็นคนของหนิงเซ่าชิง อีกทั้งมีหลายสถานที่ก็ไม่สะดวกจะให้บุรุษตามไป

มีอวี่เสวียนแล้ว ความปลอดภัยของนางก็จะมีหลักประกันขึ้นอีกหลายส่วน

แต่นางยังไม่คิดจะยอมแพ้การฝึกกำลังภายใน ฝึกฝนเพลงกระบี่ที่ร่ำเรียนมาจากซูชี การฝังเข็มที่หมอประหลาดสอนนาง ทักษะเหล่านี้นางล้วนต้องเชี่ยวชาญ เพราะนางเชื่อมาตลอดว่าความปลอดภัยต้องอยู่ในกำกับของตนเองจึงจะดีที่สุด

ฮ่องเต้อยากให้นางตาย นางก็จะมีชีวิตที่ดี มีชีวิตอยู่ดูว่าเจิ้นหนานอ๋องจะสิ้นชีพอย่างไร ดูว่าฮ่องเต้จะตายก่อนเช่นไร ดูว่าตระกูลกูจะมีจุบจบที่น่าเศร้าเช่นไร