ตอนที่ 276 มหาสงคราม 8
ตอนที่ 276 มหาสงคราม 8

คริสเผยรอยยิ้ม “อาจเป็นเพราะฝ่าบาทไม่เหมาะสมกับการเป็นจักรพรรดิล่ะมั้ง!”

“ได้ยินมาว่าจักรพรรดิตัดสินใจให้องค์หญิงสามนำกองทัพออกไปสู้รบด้วย ไม่รู้เลยว่าจะเลือกกองทัพไหนดี”

“ควรจะได้เลือกด้วยตัวเองไหม?” หลี่ซิวกล่าวอย่างครุ่นคิด “โดยทั่วไปแล้ว กองทัพขององค์ชายแต่ละองค์จะเลือกองครักษ์เป็นส่วนใหญ่และจากนั้นถึงจะเลือกผู้ติดตามของพวกเขาเข้าร่วม”

“แต่องค์หญิงสามอายุแค่สิบแปดปี ผู้ติดตามส่วนใหญ่ก็เป็นพวกเด็กปีหนึ่ง เพราะงั้นน่าจะให้ความสำคัญกับเด็กปีสี่ก่อนใช่ไหม?”

“น่าจะนะ! ผมล่ะอิจฉารุ่นพี่จริงเลย ๆ!” คริสจ้องมองหลี่ซิวด้วยความอิจฉา หากการคาดเดาของเขาถูกต้อง ภายในอีกสองสามวันข้างหน้าองค์หญิงสามจะต้องมาคัดเลือกผู้เข้าร่วมที่สถาบัน

หากไม่มีอะไรผิดพลาด หัวหน้าหลี่ซิวจะต้องถูกเลือกอย่างแน่นอน

“อย่าเลย นายก็รู้ว่าองค์หญิงสามมีนิสัยที่ไม่เหมือนกับคนทั่วไป มานั่งจินตนาการการคัดเลือกคนของเธอไม่ได้หรอก” แม้ว่าหลี่ซิวจะเชื่อว่าความเป็นไปได้ของการคาดเดานี้มีอยู่ถึงแปดสิบเปอร์เซ็นต์ แต่ก็ไม่มีใครกล้าฟันธงในวินาทีสุดท้าย

จิตใจของสวี่หลิงอวิ๋นกระฉับกระเฉงและมีชีวิตชีวา

จักรพรรดิจ้องมองลูกสาวผู้กล้าหาญ “ลูกสาว ลูกแน่ใจแล้วเหรอว่าจะออกไปสู้น่ะ? ข้างนอกนั่นมีพายุทรายลูกใหญ่ ลูกเป็นผู้หญิง จะทนไหวได้ยังไง?”

“เสด็จพ่อ! ลูกไม่ได้จะออกไปวันนี้สักหน่อย ลูกก็แค่จะไปทำพิธีการทางสถาบันให้เสร็จเท่านั้นเอง!” สวี่หลิงอวิ๋นจ้องมองจักรพรรดิอย่างเหลืออด

แต่กลับไม่กล้าโต้แย้ง เนื่องจากเห็นว่าทุกวันนี้พ่อของเธอดูเหน็ดเหนื่อยจนผมขาวมีจำนวนเยอะขึ้น!

“โอ้ ก็ได้ ๆ!” จักรพรรดิเริ่มปล่อยวาง “เสร็จแล้วก็รีบกลับมาล่ะ”

“คนขององครักษ์จะเข้ามาเสริมกำลังในตอนบ่าย มาดูว่าถ้าลูกชอบคนไหนก็เลือกให้อยู่ต่อ!” จักรพรรดิกล่าว “หรือถ้าลูกต้องการนักเรียนคนไหนก็พาเขามาด้วย แต่ต้องบริหารร่างกายล่วงหน้าหน่อยนะ”

สวี่หลิงอวิ๋นพยักหน้า…

คณบดีพูลแมนรู้สึกปวดหัวขณะมองดูหลี่ซิวพานักเรียนชั้นปีที่สี่เข้ามาขออนุญาตให้พาพวกเขาไปร่วมสู้รบในแนวหน้า

“พวกคุณกำลังทำอะไรกัน? ไปแนวหน้างั้นเหรอ? นี่คือสงคราม เทียบไม่ได้กับเอเลี่ยนด้วยซ้ำ!” คณบดีพูลแมนพูดเกลี้ยกล่อมอย่างไม่ลดละ “พวกคุณต้องไปฝึกซ้อมอีกสักสองปีก่อนถึงจะมีคุณสมบัติเพียงพอที่จะไปคุ้มกันองค์หญิงสาม เข้าใจไหม?”

“ท่านคณบดี พวกเราสามารถเรียนรู้จากกองทัพขององค์หญิงสามได้ นอกจากนี้เหลืออีกแค่สองเดือนพวกเราก็จะเรียนจบแล้ว ในเมื่อตอนนี้มีโอกาสที่เหมาะสมแล้วทำไมถึงไม่ให้พวกเราลองดูล่ะครับ?”

หลี่ซิวคิดไม่ตก

เมื่อเห็นว่าช่วงเวลาการเข้าร่วมสนามรบขององค์หญิงสามถูกกำหนดไว้แล้ว และจะเริ่มออกเดินทางในบ่ายของวันมะรืนนี้ แต่ทำไมถึงยังไม่มาคัดเลือกคนสักที? นี่หมายความว่าพวกเขาไม่ต้องการคนอ่อนหัดที่ไม่เคยไปสนามรบมาก่อนใช่หรือไม่?

ทว่านี่คือโอกาสที่ดีที่สุด! ใครบ้างจะไม่อยากเป็นองครักษ์ให้กับว่าทีจักรพรรดินี?!

มันช่างเป็นเกียรติอย่างยิ่ง! หากเขาได้รับความดีความชอบจากการติดตามองค์หญิงสาม บางทีก็อาจจะมีหนทางสำหรับตนเอง! การประสบความสำเร็จไม่ใช่สิ่งที่ผู้ชายแสวงหาหรอกเหรอ?

“ลองดู? พวกคุณไม่ได้ดูสถานการณ์เลยสินะ! พ่อแม่ของพวกคุณจะเห็นด้วยหรือไง? สงครามครั้งนี้สามารถพรากชีวิตพวกคุณได้ทุกเมื่อ!”

คณบดีพูลแมนจะเต็มใจส่งกลุ่มคนผู้มีอนาคตที่สดใสไปตายได้อย่างไร?!

หากไม่มีจุดชนวนในสงครามก็คงจะดี แต่ถ้ามีล่ะก็…อัตราการเสียชีวิตคงจะสูงอย่างแน่นอน!

ครั้งเมื่อในอดีตไร้ซึ่งเหล่าเอเลี่ยน อัตราการเสียชีวิตของมวลมนุษย์ในสงครามมีจำนวนสูงกว่าอัตราการเสียชีวิตในการสู้รบกับเอเลี่ยนในปัจจุบันเป็นอย่างมาก

สามารถมองเห็นหายนะของมวลมนุษย์ที่เกิดขึ้นจากสงครามได้เลย

“ท่านคณบดี นี่คือจดหมายยินยอมของแม่ผมที่อนุญาตให้ไปสนามรบ” หลี่ซิวหยิบไพ่ไม้ตายออกมา

นักเรียนคนอื่นเริ่มเลียนแบบ

ขณะที่นักเรียนชั้นปีที่สองกำลังยื่นคำร้อง นักเรียนชั้นปีที่หนึ่งก็มาถึงและมองดูคณบดีพูลแมนอย่างเงียบ ๆ พวกเขาเองก็เป็นหนึ่งในนั้นที่หวังว่าจะได้ไปสนามรบกับองค์หญิงสาม

ผู้คนจำนวนมากกว่าสองหมื่นคนแอบเฝ้าดูคณบดี และนั่นทำให้เขารู้สึกกดดันเป็นอย่างมาก

นักเรียนชั้นปีที่สองและนักเรียนชั้นปีที่สามหลายคนก็มาเข้าร่วมเช่นกัน พวกเขาไม่ใช่คนโง่เขลา และก็รู้ดีว่านี่คือช่วงเวลาที่เหมาะสมในการสร้างความสำเร็จ

เมื่อสวี่หลิงอวิ๋นมาถึงสถาบัน และพบว่านักเรียนทั้งสถาบันหายตัวไป แม้แต่เจ้าพวกตัวน้อยน่ารักของเธอก็หายไป!

แปลกจัง! ในขณะเดียวกัน เธอก็ได้รับข้อความฉบับหนึ่งที่ทำให้เธอรีบวิ่งไปยังห้องทำงานของคณบดีอย่างรวดเร็ว

เธอมาถึงและพบเข้ากับมนุษย์หัวดำทั้งหลาย พวกเขารีบจ้องมองมาที่เธอทันทีราวกับเห็นผู้ช่วยชีวิต และแทบจะส่งเสียงเชียร์ออกมา!

ใบหน้าขนาดเล็กเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ ราวกับต้องการจะกล่าวอะไรบางอย่าง แต่กลับไม่ยอมกล่าวออกมา

“พวกนายมาทำอะไรกันที่นี่? มาล้อมคณบดีทำไม? หรือว่าคิดว่าคณบดีพูลแมนไร้ความสามารถ?” สวี่หลิงอวิ๋นกล่าวออกไปอย่างติดตลก “ถึงจะคิดว่าเขาไม่มีความสามารถพอ ก็ไม่จำเป็นต้องขับไล่นี่ สู้ฉวยโอกาสจับเขาใส่กระสอบและทุบตีในคืนมืดมิดไม่ดีกว่าเหรอ?”

คณบดีพูลแมนกลอกตา

“ท่านเลิกทำให้เด็กพวกนี้เสียคนสักที!” จากนั้นเขาก็ขมวดคิ้ว “ท่านเห็นไหมว่าพวกเขาบุกมาที่นี่ก็เพราะท่าน!”

“เพราะฉันเหรอ?” สวี่หลิงอวิ๋นรู้สึกตกตะลึงขณะจ้องมองไปที่นักเรียนทั้งหลาย “เกิดอะไรขึ้น?”

“องค์หญิงสาม ได้โปรดให้พวกเราเข้าร่วมสนามรบเพื่อปกป้องครอบครัวและจักรวรรดิของเราด้วยเถอะครับ!” หลี่ซิวเป็นคนแรกที่แสดงความปรารถนาของเขา

ขณะที่คนอื่นจ้องมองเธอเงียบ ๆ

นักเรียนชั้นปีที่หนึ่งก้าวออกมาอย่างพร้อมเพรียง และร้องตะโกนพร้อมกันว่า “จะอยู่และตายไปพร้อมกับหัวหน้า!”

น้ำเสียงของนักเรียนชั้นปีที่หนึ่งดังก้องกังวานและพร้อมเพรียง ขณะที่นักเรียนชั้นปีอื่นรู้สึกสับสนเล็กน้อยเมื่อเทียบกับพวกเขา!

ทว่าในตอนนี้พวกเขากลับไม่ได้สนใจรายละเอียดดังกล่าวมากนัก เพียงแต่จ้องมองไปที่สวี่หลิงอวิ๋นด้วยสายตาคาดหวัง

สวี่หลิงอวิ๋นจ้องมองนักเรียนเหล่านี้ด้วยท่าทางจริงจังเป็นครั้งแรก ก่อนจะปริปากออกมาหลังจากเวลาผ่านไปนาน

“แล้วพวกนายจะไม่โทษฉันใช่ไหม? บางทีถ้าฉันแต่งงานกับจักรวรรดิปีกพิสุทธิ์ สงครามก็อาจจะไม่เกิดขึ้น”

“แล้วเราจะโทษท่านได้ยังไง?! ทั้งหมดเป็นความผิดของจักรวรรดิปีกพิสุทธิ์! เห็นอยู่ชัด ๆ ว่าพวกเขาทำผิดและวางแผนจะจับท่านคลุมถุงชน ใครก็ตามที่มีสายตาเฉียบคมก็มองมันออก!”

“ใช่! องค์หญิงสาม ท่านอย่าแต่งงานกับจักรวรรดิปีกพิสุทธิ์เลย! พวกเขาไม่ใช่คนดี!”

“ทั้งร้ายกาจและเจ้าเล่ห์! สารเลว!”

สวี่หลิงอวิ๋นยิ้มเล็กน้อย “เอาล่ะ พอแล้ว หยุดด่าเถอะ”

“ขอบใจที่พวกนายทุกคนสนับสนุนฉันนะ แต่ว่าพวกนายยังเด็กและขาดประสบการณ์การต่อสู้ เพราะงั้นครั้งนี้อย่าเพิ่งออกไปกันเลย” สวี่หลิงอวิ๋นปลอบพวกเขาและกล่าวออกไปอย่างยากเย็น “ตอนนี้สิ่งที่พวกนายต้องทำคือฝึกซ้อมอย่างหนัก แล้วสักวันหนึ่งความสามารถของพวกนายจะโด่งดังไปทั่วทั้งห้วงดวงดาว”

หลี่ซิวรู้สึกผิดหวัง

นักเรียนคนอื่นรู้สึกผิดหวังเช่นกัน

ทว่านักเรียนชั้นปีที่หนึ่งกลับไม่ยอมแพ้

“ท่านหัวหน้า! ไม่ต้องพาพวกเขาไปก็ได้ แต่พาพวกเราไปด้วยได้ไหม?!” เบนเน็ต รุย ฉินหยวน และลุคยืนขึ้น

“พวกเราอยู่ในระดับ 8 ดาวแล้ว จะช่วยเหลือท่านได้แน่นอน!”

“อะไรนะ?! 8 ดาว?!”

คบดีพูลแมนที่อยู่ตรงนั้นเป็นคนแรกที่รู้สึกตกใจ โดยไม่รีรอให้สวี่หลิงอวิ๋นได้รู้สึกประทับใจที่ว่าเด็กพวกนี้เลื่อนขั้นไปถึงระดับ 8 ดาวอย่างรวดเร็ว