บทที่ 249 ประตูลึกลับ อันตรายใกล้เข้ามา

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ

บทที่ 249 ประตูลึกลับ อันตรายใกล้เข้ามา

“มีเรื่องใด”

หานเจวี๋ยจ้องไปยังพุทธะอาภรณ์ขาวแล้วเอ่ยถาม เขาวิเคราะห์ดูพุทธะอาภรณ์ขาวอย่างละเอียด สัมผัสได้ว่าตบะของพุทธะอาภรณ์ขาวนั้นแข็งแกร่งขึ้น

หลังจากกลับไปคงต้องทำแบบจำลองการทดสอบ ไม่ได้เอาจริงเอาจังกับเขานานเกินไป อย่าได้โดนเจ้าหมอนี่แซงหน้าเชียว!

พุทธะอาภรณ์ขาวกล่าวอย่างประหม่าว่า “พุทธะพิชิตชัยกำลังจะมาสังหารข้า รวมทั้งศิษย์หลานของท่านด้วย!”

พุทธะพิชิตชัย?

ท่าทางของหานเจวี๋ยแปลกประหลาด ถามว่า “ซุนหงอคง?”

“อะไรคือซุนหงอคง”

“อ้อ พุทธะพิชิตชัยแข็งแกร่งมากหรือ”

“แข็งแกร่งยิ่งนัก ผู้ที่มีบทบาทรุ่นเยาว์ของสำนักพุทธ หนึ่งล้านปีก็กระโจนเข้าสู่ระดับจักรพรรดิเซียน!”

“ล้านปียังเป็นรุ่นเยาว์อีกหรือ”

“นั่นย่อมแน่นอน โดยรวมแล้วเขาแข็งแกร่งยิ่งนัก ข้าเอาชนะเขาไม่ได้ บรรพชนพุทธภควัตที่กลับชาติมาเกิดในยามนี้ ก็เอาชนะเขาไม่ได้เช่นกัน”

หลังจากที่หานเจวี๋ยได้ฟังเรื่องนี้ เขาก็ตกอยู่ในห้วงความคิด

พุทธะอาภรณ์ขาวถามอย่างประหม่าว่า “ขอให้ยอดแม่ทัพเทพลงมือได้หรือไม่ ไม่เช่นนั้นพวกเราสองคนต้านทานไม่ไหวแน่”

เมื่อกล่าวถึงพุทธะพิชิตชัย เขาก็สั่นสะท้าน

หานเจวี๋ยถามด้วยความประหลาดใจ “น่ากลัวเพียงนั้นจริงๆ หรือ”

“ใช่ การประลองเวทของสำนักพุทธก่อนหน้านั้น เขาได้กวาดโพธิสัตว์ไปพันท่าน รวมถึงพระพุทธองค์ไปหลายสิบองค์ ในที่สุดก็พ่ายแพ้ต่อบรรพชนพุทธ”

“อืม เรื่องนี้ข้ารู้แล้ว ท่านกลับไปฝึกฝนต่อเถิด”

“ขอบคุณ!”

พุทธะอาภรณ์ขาวโล่งใจ ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก

เมื่อหานเจวี๋ยกลับมาในถ้ำเทวาฟ้าประทาน สิ่งแรกที่เขาทำคือการจำลองแบบทดสอบกับพุทธะอาภรณ์ขาว

สังหารฉับพลัน

เอ๋!

ไม่ได้แม้แต่คิดเลย!

หานเจวี๋ยไล่อู้เต้าเจี้ยนออกไป หลังจากนั้นจึงเรียกจักรพรรดิสวรรค์ออกมา เพื่อเล่าเรื่องพุทธะพิชิตชัย

“เราทราบแล้ว จะให้ยอดแม่ทัพเทพไปขัดขวาง!”

“ขอบพระทัย ฝ่าบาท”

หานเจวี๋ยกล่าวขอบคุณ จากนั้นหยิบหนังสือแห่งความโชคร้ายออกมาและเริ่มสาปแช่งศัตรู

จักรพรรดิสวรรค์คงไม่สามารถมองเห็นเหตุการณ์ภายในเขาเพียรบำเพ็ญเซียน ไม่เช่นนั้นเรื่องที่หานเจวี๋ยสาปแช่งเทพเซียน เขาคงโกรธไปนานแล้ว

คาดว่าหานเจวี๋ยจะไม่พูดถึงเขาอีก และเขาจะไม่สามารถติดต่อหานเจวี๋ยได้โดยตรง

วิธีการนี้ หานเจวี๋ยไม่เข้าใจจริงๆ

หานเจวี๋ยเรียกอู้เต้าเจี้ยนเข้ามา ก่อนจะฝึกฝนต่อไป

…..

เจ็ดปีต่อมา

ศัตรูเก่าคนหนึ่งมาเยี่ยมเยียนหานเจวี๋ย

หวงจุนเทียนผู้อาวุโสของสำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์ ซึ่งเคยเป็นเจ้าลัทธิของลัทธิศักดิ์สิทธิ์อาภรณ์ป้องพิรุณ ถูก หานเจวี๋ยส่งไปเป็นสายลับในสำนักเก้ามังกร ผลสุดท้ายยึดบัลลังก์ในทันที

หานเจวี๋ยลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แต่ยังคงปล่อยให้หวงจุนเทียนเข้ามาในถ้ำเทวา

ไม่ว่าจะกล่าวอย่างไร หวงจุนเทียนก็ถือเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของเขา และเข้าร่วมกับสำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์ ก็เพื่อจะตอบแทนเขา

หวงจุนเทียนคุกเข่าต่อหน้าหานเจวี๋ยด้วยความตื้นตัน คำนับซ้ำๆ หลายต่อหลายครั้ง

อู้เต้าเจี้ยนมองมาที่เขาด้วยความแปลกใจ

สามารถทำให้หานเจวี๋ยยอมให้เข้าพบได้ คนผู้นี้มีที่มาอย่างไรกันแน่

“ผู้อาวุโส ข้าบรรลุระดับจักรมหายานแล้ว ข้าขอเข้าร่วมสำนักซ่อนเร้นได้หรือไม่ ข้าสามารถปล่อยวางทุกสิ่งอย่าง รวมทั้งอำนาจในสำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์ ข้าอุทิศตนแก่สำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์เพียงพอแล้ว มากกว่าท่านเจ้าสำนัก เซียวเอ้อร์ หลิ่วปู๋เมี่ยเสียอีก” หวงจุนเทียนเอ่ยถามอย่างระมัดระวัง

หานเจวี๋ยจ้องเขาโดยไม่เอ่ยอะไรออกมาแม้แต่น้อย

เมื่อคิดอย่างถี่ถ้วนแล้ว หวงจุนเทียนเองก็มีความสามารถเช่นกัน

หานเจวี๋ยกล่าวว่า “เจ้าอยากทำงานให้ข้าหรืออยากฝึกฝนบนเขาเพียรบำเพ็ญเซียน”

หวงจุนเทียนตกตะลึงไปชั่วขณะ ก่อนเอ่ยขึ้น “ย่อมต้องทำงานให้ท่าน!”

หานเจวี๋ยพยักหน้ายิ้มและพูดว่า “เจ้าฝึกฝนอยู่ด้านนอกเถิด ผ่านไปร้อยปี เจ้าก็ขึ้นสวรรค์ และเมื่อถึงเวลานั้นข้ามีภารกิจมอบหมายให้เจ้าทำ”

หวงจุนเทียนรู้สึกประหลาดใจ และรีบร้อนขอบคุณเขา

หลังจากที่เขาออกจากถ้ำเทวาไปแล้ว อู้เต้าเจี้ยนก็เอ่ยถามด้วยความสงสัย “คุณสมบัติของเขาแข็งแกร่งมากหรือ รู้สึกว่าก็ธรรมดานี่นา”

ไม่มีศิษย์ระดับมหายานของสำนักซ่อนเร้นคนใดอ่อนแอเท่ากับหวงจุนเทียน

“เขามีบางอย่างที่พิเศษ ไม่ใช่การบำเพ็ญ” หานเจวี๋ยเอ่ยเสียงเบา ก่อนหลับตาลง

อู้เต้าเจี้ยนยิ่งสงสัยมากขึ้นไปอีก

หานเจวี๋ยหยุดคิดถึงหวงจุนเทียน และจดจ่อกับการฝึกฝนต่อไป

เพราะวิชาชุบร่างวัฏจักรดารานับวันเวลาที่ใช้ฝึกฝนก็ยิ่งนานขึ้น หานเจวี๋ยไม่เพียงมีตบะที่แข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น แต่เขามักรู้สึกว่ากายดาราอนธการก็เปลี่ยนแปลงไปเช่นกัน

กล่าวให้ถูกคือรู้สึกตื่นตัว!

ที่ไหนสักแห่ง เขารู้สึกว่าเขากำลังเข้าใกล้ประตูลึกลับสักที่

เมื่อประตูบานนั้นเปิดออก บางทีเขาอาจจะทะลวงขั้น หรืออาจระเบิดพลังออกมา!

หากต้องการเปิดประตูนี้ เขาต้องเติมพลังเวทดวงดาราทุกดวงในร่างกายของเขา!

วันนั้นคงอีกไม่นาน!

หานเจวี๋ยเต็มไปด้วยแรงฮึดและฝึกฝนต่อไป

…..

ณ วังมืดแห่งหนึ่ง

จักรพรรดิเทพกระบี่นั่งอยู่บนเบาะ สีหน้าของเขาซีดเซียวอยู่บ้าง สายตามองไปยังชายที่คุกเข่าอยู่ในตำหนักด้วยแววตาที่ซับซ้อน

“ซูฉี กลับมาก็ดีแล้ว”

จักรพรรดิเทพกระบี่กล่าวอย่างไม่จริงใจนัก

ซูฉีถอนหายใจและกล่าวว่า “หลายปีมานี้ถูกราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์ต้าฮวงไล่สังหารมาโดยตลอด เพราะอย่างนั้นข้าไม่สามารถกลับมาได้ในทันที หวังว่าเจ้าวังจะไม่ตำหนิข้า”

“จะเป็นไปได้อย่างไรกัน เข้ามาวังเทพของข้าวันเดียว เจ้าก็เป็นคนของวังเทพตลอดไป”

จักรพรรดิเทพกระบี่หัวเราะ แต่ในใจของเขาเต็มไปด้วยความเบื่อหน่าย

ราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์ต้าฮวงช่างอ่อนแอนัก กลับทำให้ซูฉีหนีรอดกลับมาได้

ก่อนหน้านี้เป็นเพราะเห็นแก่หน้าหานเจวี๋ย เขาจึงยอมรับซูฉีไว้ และพบว่าโชคร้ายของซูฉีนั้นน่าหวาดกลัวมากจริงๆ ทำร้ายเหล่าลูกศิษย์รอบตัวอย่างง่ายดาย เพราะอย่างนั้นเขาจึงส่งซูฉีออกไปปฏิบัติภารกิจ พระเจ้าคุ้มครอง ให้ราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์ต้าฮวงไล่ล่าซูฉี

น่าเสียดายที่หลังจากผ่านไปหลายปี ซูฉีก็กลับมาอีกครั้ง

จักรพรรดิเทพกระบี่ปวดหัว ควรจัดการซูฉีอย่างไรดี

“เจ้าวัง หลังจากนี้ข้าอยากปิดด่านกักตน ได้หรือไม่” ซูฉีเงยหน้าขึ้นและเอ่ยถาม

จักรพรรดิเทพกระบี่ยิ้มและกล่าวว่า “ย่อมได้แน่นอน”

เขารอไม่ไหวแล้ว!

หลังจากทั้งสองพูดจาไม่กี่คำ ซูฉีก็ขอตัวจากไป

จักรพรรดิเทพกระบี่กำลังจะฝึกฝน ทว่ากลับมีเสียงหนึ่งดังขึ้นภายในตำหนัก

“เจียงอี้แห่งเผ่าเทพอีกาทองมาท้าทายอีกแล้ว จักรพรรดิเทพกระบี่ ท่านไปสั่งสอนเขาสักหน่อยเถิด!”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น จักรพรรดิเทพกระบี่ก็ขมวดคิ้ว

เขาลอบก่นด่าอยู่ในใจ ‘เหตุใดเผ่าเทพอีกาทองจึงรับมือยากเช่นนี้’

ก่อนหน้านี้ไม่ใช่ทำความเข้าใจกันแล้วหรือ เหตุใดยังมาอีก

มาแต่ละครั้ง ก็ให้เขาขึ้นไปบนยอด ทำให้ต้องทนทุกข์อย่างยากจะพรรณนา

จักรพรรดิเทพกระบี่ถอนหายใจและลุกขึ้นอย่างเลี่ยงไม่ได้

…..

ยี่สิบปีต่อมา

ดวงดาราส่วนใหญ่ในร่างกายของหานเจวี๋ยเต็มไปด้วยพลังเวทแล้ว พวกมันก็เข้าใกล้ขีดจำกัดมากขึ้นเรื่อยๆ

เขาหยิบหนังสือแห่งความโชคร้ายออกมาและเริ่มสาปแช่งศัตรู พร้อมถือโอกาสตรวจดูจดหมาย

[จักรพรรดิเทพกระบี่สหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากเจียงอี้สหายของท่าน ได้รับบาดเจ็บทั้งคู่]

[ฟางเหลียงศิษย์หลานของท่านได้รับการคัดเลือกจากผู้ทรงพลัง ได้รับการสืบทอด]

[โจวฝานสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากผู้บำเพ็ญ ได้รับบาดเจ็บสาหัส]

[จี้เซียนเสินสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากวิญญาณร้าย] x259972

[หวงจี๋เฮ่าสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากปีศาจ] x287430

[สุนัขสวรรค์ฮุ่นตุ้นสัตว์เลี้ยงเทพของท่านสำเร็จมรรคผลขึ้นสู่สวรรค์]

[สุนัขสวรรค์ฮุ่นตุ้นสัตว์เลี้ยงเทพของท่านเผชิญกับการโจมตีจากผู้ทรงพลัง ถูกจับเป็นเชลย]

[ยอดแม่ทัพเทพสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากผู้ทรงพลัง ได้รับบาดเจ็บสาหัส]

…..

หานเจวี๋ยขมวดคิ้ว คาดไม่ถึงว่าเจ้าสุนัขนั่นจะขึ้นสวรรค์แล้ว อีกทั้งยังถูกจับไปอีก

ผู้ที่ถูกระบบทำเครื่องหมายว่าเป็นผู้ยิ่งใหญ่ จะต้องเป็นจักรพรรดิเซียนแน่!

อีกทั้งยอดแม่ทัพเทพยังได้รับบาดเจ็บสาหัสอีก เป็นไปได้หรือไม่ว่าเขาได้รับบาดเจ็บจากพุทธะพิชิตชัย?

หานเจวี๋ยเริ่มวิตก

พุทธะพิชิตชัยแข็งแกร่งถึงเพียงนี้เชียวหรือ

กระทั่งยอดแม่ทัพเทพยังสู้เขาไม่ได้?

คิ้วของหานเจวี๋ยยิ่งขมวดแน่นมากขึ้น

แม้ในใจจะกระวนกระวาย แต่หานเจวี๋ยไม่ได้หยุดสิ่งที่ทำอยู่ในมือ

เขาเตรียมจะเพิ่มพุทธะพิชิตชัยเข้าไปในรายการสาปแช่ง

เพื่อจัดการเรื่องนี้ เขาสาปแช่งพุทธะพิชิตชัยครั้งละสิบวัน หักชีวิตไปหลายร้อยปี ทำให้เขาเจ็บปวดใจยิ่งนัก

หลังจากสาปแช่งเสร็จสิ้น หานเจวี๋ยก็หันไปฝึกฝนต่อ พยายามจะบรรลุระดับจักรพรรดิโดยเร็วที่สุด เพื่อให้มีกำลังที่จะต่อสู้กับพุทธะพิชิตชัย

แม้จะสู้ไม่ไหว อย่างน้อยๆ ก็หนีไปให้ได้

ครึ่งปีต่อมา

เสียงที่คุ้นเคยดังขึ้น

“ซือหม่าอี้ ออกมาเล่าเรื่องให้ข้าฟัง”

………………………………………………………………………….