บทที่ 307 ท่านอ๋องเย็บชุดเพ้า

พลิกชะตาหมอยา

พลิกชะตาหมอยา เฟิ่งชิงหัว บทที่ 307 ท่านอ๋องเย็บชุดเพ้า

จ้านเป่ยเซียวได้ยินดังนั้นก็ตกตะลึงไปทันที จ้องไปที่เฟิ่งชิงหัว: “เจ้าพูดอะไร เจ้าจะให้ข้าทำเรื่องแบบนี้เหรอ?”

“เรื่องแบบนี้มันทำไมหรือ? ก่อนหน้านี้เจ้าไม่ใช่ว่าอยู่ในค่ายทหารมาก่อนหรือ? หรือว่าเสื้อผ้าของทหารพวกนั้นขาดเสียหายแล้วยังมีคนที่เย็บปักให้โดยเฉพาะด้วย ไม่ใช่ว่าจะจัดการด้วยตัวเองหรือ?” มือทั้งสองข้างของเฟิ่งชิงหัวกอดอกเอาไว้ กวาดสายตามองไปที่เขาอย่างคนที่เหนือกว่า

“เสื้อผ้าของข้าไม่เคยปะชุนมาแต่ไหนแต่ไรอยู่แล้ว” จ้านเป่ยเซียวขมวดคิ้ว

“เสื้อผ้านี้เป็นของเจ้า เจ้าก็ย่อมต้องทราบเสียหน่อยว่าเสื้อผ้าหนึ่งชุดกว่าจะทำออกมาได้มันไม่ง่ายเลย ดูเจ้าทั้งวันใส่วันหนึ่งก็โยนทิ้งแล้ว สิ้นเปลืองแรงงานและทรัพยากรมากเท่าไร ไม่เพียงแต่เย็นปัก ยังต้องซักล้าง ยังต้องอบให้หอมอีก ขั้นตอนเยอะแยะมากมาย เจ้าก็ย่อมต้องมารับรู้รสชาติที่ไม่ได้มาง่ายๆ ของแรงงานประชาชนเสียหน่อย” เฟิ่งชิงหัวพูดได้จริงจังมาก

จ้านเป่ยเซียวยิ้มขึ้นที่มุมปากเล็กน้อย: “เจ้าคิดว่าข้าจะเชื่อคำพูดบ้าๆ ของเจ้าหรือ?”

เดิมทีเฟิ่งชิงหัวก็วางแผนว่าจะแหย่เขาเท่านั้น เห็นเขาตอบโต้รุนแรงเช่นนี้ จู่ๆ ก็มีความคิดที่เหิมเกริมขึ้นมา

เฟิ่งชิงหัวรีบวิ่งไปนั่งลงข้างกายที่จ้านเป่ยเซียวนั่งพิงอยู่ คล้องแขนของเขาไว้: “ท่านอ๋อง มา ข้าสอนเจ้า ต่อไปเจ้าออกจากบ้านไปอยู่ข้างนอก ไม่มีคนช่วยเจ้า เจ้าก็ไม่ใช่ว่าจะต้องเรียนรู้ที่จะดูแลตัวเองเช่นกัน”

จ้านเป่ยเซียวหัวเราะเสียงเย็นชาออกมาดังเหอะๆ : “แม้ว่าข้าจะอยู่ข้างนอกเพียงลำพังก็ไม่จำเป็นต้องเรียนของพรรค์นี้เลย”

“จ้านเป่ยเซียว! เจ้าไม่ใช่บอกว่าข้าพรสวรรค์ไม่ดีหรือไง งั้นเจ้ามีพรสวรรค์ดี เจ้าก็เรียนรู้ให้ข้าดุหน่อย ข้าว่าเจ้าก็ไม่ได้ต่างกว่าข้า! จะเดิมพันไหมล่ะ หากเจ้าเรียนรู้ได้ ข้าก็จะยอมรับว่าข้าโง่เอง แล้วก็จะทำเสื้อผ้าชุดนี้โดยทุ่มเททั้งกายและใจให้เสร็จภายใน 2 วัน หากเจ้าก็เรียนยังไงก็ไม่ได้ เจ้าก็ให้เวลาข้าครึ่งเดือน!” เฟิ่งชิงหัวใช้วิธีการเดิมในบัดดล คือการเดิมพัน

จ้านเป่ยเซียวมองดูท่าทางที่เฉียบแหลมเช่นนั้นของเฟิ่งชิงหัวก็ทราบว่าครั้งนี้นางไม่ได้แฝงนัยอะไรไว้ไม่ดี

แต่ก็ไม่ได้พูดเป็นมั่นเป็นหมาย ได้เพียงกล่าวว่า: “เดิมพันกับเจ้า ข้าจะได้อะไร เดิมเจ้าก็ควรจะทำให้ข้าเรียบร้อยอยู่แล้ว”

“จ้านเป่ยเซียว เจ้าไม่กล้าจะเดิมพันใช่หรือเปล่า ก่อนหน้านี้เจ้ายังบอกว่าไม่ต้องให้ข้าทำแล้ว สุดท้ายเพิ่งจะผ่านไปไม่กี่วันก็เปลี่ยนใจเสียแล้ว ข้ายังไม่ได้ถือสาเจ้าเรื่องนี้เลยนะ”

จ้านเป่ยเซียวได้ยินดังนั้นก็จ้องไปยังเฟิ่งชิงหัวด้วยใบหน้าที่ปวดฟัน อีกทั้งมองไปยังประตูห้องที่ปิดสนิทด้วย แล้วกล่าวออกมาอย่างเด็ดขาดว่า: “เอาก็เอา”

เฟิ่งชิงหัวรีบแสดงออกมาให้ดูหนึ่งรอบ จากนั้นก็ส่งเข็มและด้ายให้เขาไป: “ตาเจ้าแล้ว”

นิ้วเรียวยาวของจ้านเป่ยเซียวบีบเข็มเย็บผ้าบางๆ เล่มนั้นอยู่ กำลังนั่งลงอย่างมีสมาธิ ราวกับว่ากำลังเผชิญหน้ากับเรื่องที่เคร่งเครียดอะไรสักหย่างก็ว่าได้

“เจ้าช้าเกินไปเปล่า เร็วหน่อยได้ไหม อย่าคิดแต่จะถ่วงเวลาอยู่นั่นแหละ” เฟิ่งชิงหัวรีบกล่าวอบรมสั่งสอนอย่างไม่ทนอยู่ด้านข้าง

“อย่าเอะอะ” จ้านเป่ยเซียวทิ่มเข็มลงไปอย่างตั้งใจเป็นพิเศษ แล้วก็ยกขึ้นมา ยังไม่ต้องพูดถึงว่าท่าทางเป็นไปตามรูปแบบที่ควรจะเป็นหรือไม่ อย่างน้อยก็สำเร็จแล้ว

เฟิ่งชิงหัวมองดูอย่างอึ้งๆ ไป จากนั้นกล่าวว่า: “เจ้าลองทำดูอีก?”

ในขณะที่พูดอยู่ดวงตาก็อดที่จะกระโดดขึ้นลงตามเข็มนั้นไปไม่ได้ เพื่อดูว่ามันเชื่อฟังเช่นนี้ในมือของจ้านเป่ยเซียว

จ้านเป่ยเซียวเข้าสู่ขั้นยอดเยี่ยม ท่าทางการเคลื่อนไหวในมือก้ยิ่งเร็วขึ้นเรื่อยๆ คิดไม่ถึงว่าไม่มีขาดตกแม้แต่เข็มเดียว เกือบแนบชิดใกล้เคียงกับตำแหน่งรูเข็มบนนั้นเลย

นี่หากเพียงแค่มองแต่มือคู่นี้ เฟิ่งชิงหัวยังเดาและคิดว่าเป็นสตรีเลย แต่เมื่อเงยศีรษะมามองหน้าชายหนุ่มที่สวมหน้ากากไว้อันจริงจังมาก เฟิ่งชิงหัวก็สำลักและหลุดขำออกมา

จ้านเป่ยเซียวหยุดลง มองดูบางคนที่แนบชิดอยู่บนบ่าของตนอย่างยืดเอวไม่ขึ้น สีหน้าท่าทางไม่สบอารมณ์นัก: “เจ้าแพ้แล้ว”

เฟิ่งชิงหัวยกมือข้างหนึ่งขึ้น หัวเราะไปพลางกล่าวไปพลางว่า: “ใช่ๆๆ ข้าแพ้แล้ว แพ้แล้ว แพ้อย่างเลื่อมใสสุดใจ ราบคาบเลย คิดไม่ถึงว่าเจ้าจะเก่งกาจถึงเพียงนี้ แม้แต่เย็บผ้ายังเป็น หากทำกับข้าวซักเสื้อผ้าเป็นอีก เจ้าก็เป็นแบบอย่างของผู้ชายที่ดีได้เลยจริงๆนะ ฮ่าๆๆ”

ในขณะที่เฟิ่งชิงหัวกำลังยกยอปอปั้นอยู่นั้น แต่ว่าสีหน้าท่าทางนั้นทำให้จ้านเป่ยเซียวยิ่งเกิดโทสะมากขึ้น

“หุบปาก” สีหน้าของจ้านเป่ยเซียวเคร่งขรึม

เฟิ่งชิงหัวยังคงหัวเราะอยู่

จ้านเป่ยเซียวหยิบเอาเข็มแกว่งมาทางเฟิ่งชิงหัว: “หากเจ้ายังหัวเราะอีก ระวังข้าจะแทงเข็มให้หมดอารมณ์เลย”

เฟิ่งชิงหัวยื่นมือออกมาดึงมือของจ้านเป่ยเซียวไว้ ควบคุมการหัวเราะของตนแล้วกล่าวว่า: “เจ้าเก่งกาจจริงๆ เจ้าเย็บไปตั้งหลายเข็มขนาดนี้ ไม่ทิ่มถูกมือเลยแม้แต่เข็มเดียว คืนนี้ข้าถูกแทงไปตั้งหลายเข็มแล้ว”

ในขณะที่พูดอยู่ก็แบมือทั้งสองข้างออก ให้จ้านเป่ยเซียวดูรอยรูแห้งที่เข็มแทงถูกบนนิ้วมือของตน

จ้านเป่ยเซียวมองดูรูเข็มที่อยู่บนมือของเฟิ่งชิงหัวรวมกันแล้วราว 5-6 รูได้ สีหน้าก็เปลี่ยนไป แล้วกล่าวด้วยเสียงเข้มออกมาว่า: “ทำไมถึงไม่ระวังเช่นนี้?”

ดึงมือของนางวางไว้ที่มุมปากแล้วก็เป่าไปมาเบาๆ

เฟิ่งชิงหัวไม่คิดฝันมาก่อนว่าจู่ๆ เขาจะมีท่าทางเช่นนี้ได้ ก็เลยถอยหลังไปตามแรงสะท้อน ร่างทั้งร่างก็กล่าวพึมพำอย่างไม่เป็นตัวเองว่า: “ใครจะไปคิดว่าเข็มเล็กๆ นั้นทำไมจู่ๆ จะมาแทงเข้าที่มือได้”

“โง่” อารมณ์ของฝ่ายชายแฝงไว้ด้วยความรักเอ็นดูและสงสารจับใจ

เฟิ่งชิงหัวเบะปาก: “ก็รู้ว่าข้าแพ้แล้ว เจ้าว่าข้าโง่ก็โง่เถอะ ข้าก็เป็นคนที่ยอมรับความพ่ายแพ้พูดคำไหนคำนั้น”

จ้านเป่ยเซียวลูบศีรษะของนาง: “อดทนและระมัดระวัง อย่าสะเพร่า ช้าไปสองสามวันก็ไม่เป็นไร”

“นั่นเจ้าพูดเองนะ ไม่ใช่ว่าข้าบังคับเจ้า”

“อืม ไม่กดดันเจ้า”

เฟิ่งชิงหัวโล่งใจออกมาได้เปลาะหนึ่ง: “งั้นข้าก็จะไปเตรียมอาบน้ำนอนแล้วนะ”

ในขณะที่พูดอยู่ก็มองไปยังจ้านเป่ยเซียว: “เจ้ากลับไปก่อน ข้าอาบน้ำเสร็จแล้วก็จะไปหาเจ้า”

จ้านเป่ยเซียวกล่าว: “ไม่ต้องหรอก บนตัวเจ้าบาดเจ็บ ไม่ต้องไปแล้ว รีบพักผ่อนเถอะ”

เฟิ่งชิงหัวจ้องไปยังเฟิ่งชิงหัวจ้านเป่ยเซียวด้วยความแปลกใจ เห็นได้ชัดว่าไม่ได้คาดคิดมาก่อน จู่ๆ คิดไม่ถึงว่าเขาคิดแทนคนอื่นได้ขนาดนี้

เพียงแต่หลายวันนี้นางอยู่ด้านนอกก็พักผ่อนเอง จู่ๆ จะต้องไปนอนที่แคบและนิ่มไปหน่อยเลยไม่ค่อยชินนัก

เดิมทีนางยังคิดว่าจ้านเป่ยเซียวมาที่นี่นอกจากจะมาสอดส่องจับตาดูนางไม่ให้แอบขี้เกียจแล้ว อีกทางหนึ่งก็เป็นเพราะจะจับนางไปยามประมาณนั้น จะว่าไปนางก็มีจิตใจคับแคบอีกแล้ว

มองดูร่างด้านหลังของจ้านเป่ยเซียวที่เลื่อนเก้าอี้รถเข็นจากไปเพียงลำพัง เฟิ่งชิงหัวรู้สึกอย่างไม่มีสาเหตุว่าร่างนั้นของเขาดูโดดเดี่ยวอยู่บ้าง

ในขณะที่คิดเช่นนี้อยู่ เฟิ่งชิงหัวก็เคาะไปยังศีรษะของตน: “ความเห็นใจของเจ้ามันช่างมาอย่างไม่มีสาเหตุเลยจริงๆ เป็นถึงท่านอ๋องเจ็ดยังต้องการความสงสารจากเจ้าหรือ สงสารตัวเองก่อนดีกว่าเถอะ ตอนนี้เจ้าถูกหมายหัวเอาไว้ว่าเป็นลูกสาวของขุนนางต้องโทษ ใครจะไปรู้ว่าเมื่อไหร่ตนเองก็จะกลายเป็นคนนั้นที่น่าสงสารที่สุดไป”

ความคิดนี้ของเฟิ่งชิงหัวอันที่จริงแล้วก็นับว่าค่อนข้างล่วงรู้ล่วงหน้า

วันถัดมาพอเช้าก็ได้รับการยืนยันเลย

เฟิ่งชิงหัวนอนอยู่บนเตียงยังไม่ลุก ม่านเฉ่าก็เข้ามาเขย่าตัวนางให้ตื่น สีหน้าท่าทางมองมาที่นางอย่างตกตะลึง: “พระชายา พระชายา รีบตื่นเร็ว เกิดเรื่องใหญ่แล้ว!”

เฟิ่งชิงหัวขยี้ตาครู่หนึ่ง ลุกนั่งขึ้นมา หาวไปทีหนึ่งแล้วกล่าวถามว่า: “เกิดเรื่องใหญ่อะไรขึ้นได้ ท่านแม่ข้าทำไมอีก?”

“ไม่ใช่ฮูหยิน เป็นท่านที่เกิดเรื่องใหญ่แล้ว!” ม่านเฉ่าร้อนใจจนแทบจะร้องไห้ออกมาเลย

“ข้า ข้าก็นอนอยู่ดีๆ จะไปเกิดเรื่องใหญ่อะไรได้” เฟิ่งชิงหัวยังคงไม่อยู่ในสภาวะที่ฟื้นตัว

“บ่าวเพิ่งได้ยินมาว่ามีราชโองการมาจากในวัง ท่านอ๋องรับไปแล้ว เป็นราชโองการรับสั่งให้ท่านอ๋องปลดท่านน่ะ อีกอย่างบ่าวก็เพิ่งแอบได้ยินว่าทางด้านจวนเฉิงเซี่ยงนั้น ฮูหยินและคุณหนูใหญ่พวกเขาทั้งหมดถูกจับไปคุมตัวเอาไว้ที่กรมคลังเรียบร้อยแล้ว”