ตอนที่ 272 เกณฑ์ของผู้ช่วยงาน

Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน

ตอนที่ 272 เกณฑ์ของผู้ช่วยงาน

“มีปัญหาหรือเปล่าครับ”

หลินเยวียนมองไปทางอู๋หย่ง

‘ซุนเย่าหั่วกับเจียงขุยบ้าอะไรล่ะ โดยเฉพาะซุนเย่าหั่วเนี่ย!’

นี่เป็นเสียงคำรามจากภายในใจของอู๋หย่ง

แต่เขาไม่กล้าพูดออกไป

เขาทำได้เพียงรักษารอยยิ้มแข็งทื่อบนใบหน้า พลางมองไปทางหลินเยวียน

“ตัวแทนหลิน ผมจะวิเคราะห์สถานการณ์ให้คุณฟังสักหน่อย อันที่จริงภารกิจของบริษัทคือให้พวกเราปั้นนักร้องแถวหน้ามาสองคน ถ้าเราเลือกนักร้องอย่างจ้าวอิ๋งเก้อ ที่เติบโตในวงการได้ดีมากในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา และสาธารณชนคุ้นเคยมากพอ น่าจะสามารถดันให้พวกเขาเป็นนักร้องแถวหน้าได้ง่าย แต่ถ้าคุณร่วมงานกับนักร้องที่มีพื้นฐานแย่ เราก็จะต้องลงแรงมากขึ้น ถ้าเกิดท้ายที่สุดแล้วทำไม่สำเร็จแถมขาดทุน เรื่องนี้จะส่งผลกระทบกับผลงานของแผนกเราในปีหน้านะครับ…”

ไม่เข้าใจ

อู๋หย่งไม่เข้าใจเอาซะเลย

ถ้าบอกว่า ตัวเลือกอย่างเจียงขุย ทำให้อู๋หย่งแปลกใจและตกใจล่ะก็ ซุนเย่าหั่วก็ทำให้เขาตกตะลึงพรึงเพริดไปเลยทีเดียว!

เขาถึงขั้นจมอยู่ในความเงียบงันไปหลายวินาที กว่าสมองจะนึกถึงรูปลักษณ์ของนักร้องเป้าหมายออก!

เซอร์ไพร์สสุดๆ!!

ยังไม่ต้องเทียบกับจ้าวอิ๋งเก้อ ต่อให้เทียบกับเจียงขุย ซุนเย่าหั่วก็ยังห่างไกลกับคำว่านักร้องแถวหน้าเหลือเกิน!

จะปั้นซุนเย่าหั่วให้เป็นนักร้องแถวหน้า?

นี่กำลังเพิ่มระดับความยากให้เกมที่ตัวเองเล่นอยู่ใช่ไหม

เพราะนักร้องคนนี้ไม่ได้เป็นที่รู้จักมากนัก

จะบอกว่าหล่อก็ไม่ได้หล่อ จะบอกว่าอัปลักษณ์ก็ไม่ได้อัปลักษณ์ จะบอกว่าสูงก็ไม่สูง จะบอกว่าเตี้ยก็ไม่เตี้ย สรุปแล้วธรรมดาไม่โดดเด่น รูปร่างหน้าตาไม่ได้มีเอกลักษณ์

จุดเด่นของเสียงคล้ายว่าจะไม่ชัดเจน บอกได้เพียงว่าฟังแล้วรื่นหู ไม่ได้ทำให้ผู้ฟังรู้สึกต่อต้าน

แต่เมื่อใดที่ไม่ได้ทำให้ผู้ฟังรู้สึกต่อต้าน ก็จะกลายเป็นเกณฑ์ในการตัดสินว่านักร้องคนนี้เก่งหรือไม่

นอกจากนั้นแล้ว แม้ว่าคนคนนี้จะเคยร่วมงานกับหลินเยวียนมาถึงสองครั้ง ผลลัพธ์ของเพลงที่ขับร้องก็ไม่เลว แต่กลับกลายเป็นว่าเพลงดัง คนไม่ดัง

เรื่องพรรค์นี้อันที่จริงออกจะลี้ลับอยู่บ้าง อธิบายด้วยเหตุผลไม่ค่อยได้

มีนักร้องบางคนก็เคยประสบพบเจอกับสถานการณ์ทำนองเดียวกัน

เพลงโด่งดังมากแล้วแท้ๆ ผู้คนก็ล้วนนิยมชมชอบ แต่กลับไม่ค่อยมีใครสนใจว่านักร้องเป็นใคร

เช่นเดียวกับ ‘ทฤษฎีแม่ไก่’ ที่หลินเยวียนโพสต์บนปู้ลั่วและดึงดูดให้ผู้คนมากมายมาเขียนข้อความเลียนแบบ

ซุนเย่าหั่วนับว่าเป็นแม่ไก่ รสชาติของไข่ไก่ไม่เลว ทว่าผู้คนก็ยังไม่ได้อยากขวนขวายทำความรู้จักหรือเรียนรู้เกี่ยวกับ ‘แม่ไก่’ สักเท่าไหร่

การปั้นนักร้องประเภทนี้ให้โด่งดังนั้น ยากกว่าการเลือกปั้นนักร้องระดับจ้าวอิ๋งเก้อไปตั้งแต่แรก ซ้ำร้ายยังต้องใช้ต้นทุนมากกว่าด้วย

สำหรับภารกิจนี้ของบริษัท แผนกประพันธ์เพลงทุกชั้นล้วนมีตัวเลือกอยู่ในใจ ทว่าตัวเลือกเหล่านี้มักจะเล็งไปที่นักร้องอย่างจ้าวอิ๋งเก้อ

อู๋หย่งมั่นใจ!

ว่าไม่ว่าชั้นใดก็ตาม ก็ไม่มีทางใส่ซุนเย่าหั่วไว้ในตัวเลือกที่พิจารณาอย่างแน่นอน

นอกจากนั้นซุนเย่าหั่วยังมีอีกปัญหาหนึ่งก็คือ…

ซุนเย่าหั่วต้องใช้เพลงที่ร่วมงานกับตัวแทนหลินเท่านั้นถึงโด่งดังได้!

แถมยังดังแค่เพลงอีก!

เพลงที่เขาร่วมงานกับนักประพันธ์เพลงคนอื่นๆ ผลลัพธ์ธรรมดามาก เสียงตอบรับก็แสนจะธรรมดา

เมื่อเห็นว่าหลินเยวียนไม่มีปฏิกิริยาตอบสนอง อู๋หย่งทำได้เพียงเอ่ยอย่างใจกล้า “เรื่องซุนเย่าหั่วลองพิจารณาดูอีกทีดีมั้ยครับ เราร่วมงานกับคนอื่นได้ แต่ถ้าทุ่มทรัพยากรไปเพื่อดันเขา แบบนั้นออกจะ…”

“เลือกเขาเนี่ยแหละครับ”

หลินเยวียนเอ่ย

เขาอยากร่วมงานกับรุ่นพี่มาโดยตลอด แต่ไปๆ มาๆ สองครั้งแล้วก็ยังร่วมงานกันไม่สำเร็จสักที

รุ่นพี่มีความใฝ่ฝันด้านดนตรี

ครั้งก่อนไปร้านหม้อไฟ ตอนที่ซุนเย่าหั่วบอกว่าอันที่จริงเขาเป็นนักร้อง ในใจของหลินเยวียนก็พลันเกิดความรู้สึกราวถูกสะกิด

เขาไม่รู้ว่าอะไรที่สะกิดใจตน ทว่าเขาตัดสินใจร่วมงานกับรุ่นพี่อีกครั้ง

“ก็ได้ครับ”

ไม่ว่าอย่างไร ในแผนกประพันธ์เพลงทุกชั้นมีตัวแทนเป็นผู้ตัดสินใจ อู๋หย่งย่อมไม่เข้าไปโต้เถียงกับหลินเยวียนเพราะเรื่องนี้

“งั้นเจียงขุยล่ะครับ”

อู๋หย่งลอบถอนหายใจ “ทำไมไม่เลือกจ้าวอิ๋งเก้อ”

หลินเยวียนตอบ “ดีทั้งคู่ครับ”

อู๋หย่งจนใจ “ในเมื่อดีทั้งคู่ ผมเองก็ยังรู้สึกว่าเลือกบ่มเพาะคนที่สามารถเติบโตได้ไกลกว่าดีกว่านะครับ จ้าวอิ๋งเก้อมาจากรายการแข่งขันความสามารถ มีข้อได้เปรียบเป็นทุนเดิม เพราะฐานผู้ชมรายการสะพรั่งดีอยู่แล้ว แถมตัวจ้าวอิ๋งเก้อเองก็เคยร่วมงานกับตัวแทนหลิน เธอเองก็คงเอนเอียงมาทางชั้นเรา…”

เมื่อเห็นว่าหลินเยวียนไม่พูดอะไร

อู๋หย่งทำได้เพียงกล่าวว่า “อันที่จริงในตัวเลือกนักร้องหญิง เจียงขุยก็อยู่ในขอบเขตการพิจารณา แต่เธอเป็นตัวเลือกอันดับสาม”

“ตัวเลือกอันดับสองล่ะครับ”

“ซย่าฝาน”

หลินเยวียนชะงักไป ทันใดนั้นก็ส่ายหน้า

แน่นอนว่าเขาเห็นซย่าฝานในรายชื่อ เป็นชื่อสีเหลือง

ที่จริงแล้วเขาก็อยากเลือกซย่าฝาน ทว่าก่อนหน้านี้ซย่าฝานเคยบอกกับหลินเยวียนไว้ว่าช่วงหลายปีนี้ หวังว่าเธอจะพยายามได้ด้วยตัวเอง

หลินเยวียนไม่รู้ว่าซย่าฝานคิดอย่างไรถึงตัดสินใจเช่นนี้ แต่เขาก็สนับสนุนการตัดสินใจของเพื่อน

เพราะฉะนั้นเขาจึงเลือกเจียงขุย

กระนั้น เมื่อเห็นท่าทางฉงนใจของอู๋หย่ง หลินเยวียนจึงอธิบายไปว่า “ค่าประสิทธิภาพต่อราคาของเจียงขุยสูงกว่าครับ”

ข้อมูลที่หลินเยวียนนำมาประเมินก็คือ

ส่วนแบ่งที่เจียงขุยรับนั้นน้อยกว่าจ้าวอิ๋งเก้อ แต่ระดับความสามารถในการร้องเพลงของเจียงขุยนั้นไม่ได้ด้อยไปกว่าจ้าวอิ๋งเก้อ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ทำไมไม่เลือกเจียงขุยเลยล่ะ

ส่วนพื้นฐาน

หลินเยวียนรู้สึกว่าตราบใดที่เพลงดี ถ้าหนึ่งเพลงไม่พอก็ปล่อยสักสองเพลง ทั้งยังมีเวลาปีหน้าอีกทั้งปี ย่อมสามารถปั้นนักร้องแถวหน้าขึ้นมาได้

คนอื่นอาจมีความกังวลเรื่องการประพันธ์เพลง แต่หลินเยวียนไม่มี

อู๋หย่งได้ยินดังนั้น ดวงตาก็พลันเบิกกว้าง

ค่าประสิทธิภาพต่อราคา!?

แน่นอนว่านี่ไม่ใช่คำศัพท์ใหม่

อันที่จริงนักประพันธ์เพลงหลายคน เมื่อพูดคุยกันถึงนักร้องเป็นการส่วนตัว มักจะพูดถึง ‘ค่าประสิทธิภาพต่อราคา’

แต่เมื่อกล่าวถึง เงื่อนไขแรกเริ่มแรกของ ‘ค่าประสิทธิภาพต่อราคา’ ก็คือนักร้องจะต้องเป็นผู้ช่วยงาน!

นักประพันธ์เพลงจะพิจารณาถึงค่าประสิทธิภาพต่อราคาก็ต่อเมื่อตัวเลือกเป็นผู้ช่วยงาน

เมื่อร่วมงานกับนักร้องฝีมือดีสักหน่อย ย่อมไม่มีคำว่าผู้ช่วยงานอยู่ในสารบบ

แต่ในครั้งนี้ ภารกิจของบริษัทคือบ่มเพาะนักร้องแถวหน้า!

ไม่มีใครใช้เกณฑ์การเลือกผู้ช่วยงาน มาคัดเลือกต้นกล้าสำหรับปั้นนักร้องแถวหน้าหรอก

คุณคิดว่านี่เป็นเกมของนักร้องหน้าใหม่หรือไง

อู๋หย่งยิ้มขื่น เอ่ยว่า “เลือกคนเพื่อผลลัพธ์นะครับ ตัวเลือกสองคนนี้ โดยเฉพาะซุนเย่าหั่ว จะทำให้ผลงานเราแตะถึงมาตรฐานเหรอครับ”

“ผมจัดการเอง”

หลินเยวียนตอบ

ในใจของอู๋หย่ง คล้ายกับรู้สึกโล่งอกขึ้นมามากในชั่วพริบตา เขากล่าวอย่างไม่แน่ใจนัก “ตัวแทนหลินจะลงมือเอง?”

เขาเผลอมองข้ามความจริงเรื่องหนึ่งไป นั่นก็คือ

ตัวแทนหลินเป็นนักประพันธ์เพลงที่ประสิทธิภาพในการผลิตผลงานสูงมาก!

ชั้นอื่นเลือกนักร้องเป้าหมาย และช่วยกันเขียนเพลง แต่แผนกประพันธ์เพลงชั้นเก้า ตัวแทนหลินชอบลงมือด้วยตัวเอง!

ถ้าตัวแทนหลินยินดีลงมือด้วยตัวเอง ต่อให้พื้นฐานของนักร้องจะด้อยไปสักหน่อย ก็ใช่ว่าจะยอมรับไม่ได้เลย…

ยิ่งไปกว่านั้นบริษัทยังตั้งเป้าไว้สูงมาก

อู่หย่งเชื่อว่าแม้แผนกประพันธ์เพลงชั้นอื่นจะเลือกนักร้องสองคน แต่ถ้าหากในสองคนนี้ มีใครสักคนได้เป็นนักร้องแถวหน้า ก็นับว่าผ่านเกณฑ์

นักร้องแถวหน้าปั้นกันง่ายๆ ซะที่ไหนกัน

ตราบใดที่ตัวแทนหลินทุ่มเทช่วยผลักดันเจียงขุย ผลงานก็น่าจะพอผ่านเกณฑ์ได้ ส่วนซุนเย่าหั่วจะแตะถึงเกณฑ์หรือไม่ไม่ใช่ประเด็นสำคัญ

เมื่อนึกถึงตรงนี้

ในที่สุดอู๋หย่งก็วางใจได้สักที เขาพยักหน้าหงึกๆ

“งั้นก็ไม่มีปัญหาครับ”

…………………………………………………