ตอนที่ 313 เจ้าหญิงเย่ว์อู๋ซวง

อัจฉริยะหญิงเทพสมุนไพร

ตอนที่ 313 เจ้าหญิงเย่ว์อู๋ซวง

วันพุธ หลังจากกินอาหารเช้าเสร็จก็เตรียมตัวออกเดินทาง

เย่ว์จือกวงกับพี่ชายมองส่งทุกคนตาปริบๆ

เฉิงอันนั่วกับปาอินที่ยืนอยู่ข้างสองพี่น้องต่างรู้สึกได้ถึงความอิจฉาริษยาที่แผ่ออกมาจากรูขุมขนทั่วทั้งร่างกายพวกเขา

ปาเฝ่ยส่งสายตากวนประสาทให้สองพี่น้อง จากนั้นก็ถือสัมภาระตัวเองเดินเฉียดสองพี่น้องไปขึ้นเครื่องบิน

คนที่ปวดใจมากที่สุดคือเย่ว์จือกวง เดิมทีครั้งนี้ต้องเป็นเขาที่ไปส่งทุกคนถึงหมู่บ้านเถาหยวน ปรากฏว่าพ่อกลับชิงตัดหน้าแย่งโควตานี้ไป

เป็นพ่อมันดีแบบนี้นี่เอง!

ไม่ว่าสองพี่น้องจะคิดอย่างไร เครื่องบินก็เหินฟ้าท่ามกลางสายตาของพวกเขาแล้ว

มู่เถาเยามองลงมาจากทางหน้าต่าง ไม่นานคนที่อยู่บนพื้นดินก็เหลือเพียงจุดดำเล็กๆ

“น้าเล็กคะ พี่รองยังยุ่งอยู่ไหมคะ”

อวิ๋นไป๋ยิ้มพูด “พี่รองของหลานยุ่งกว่าน้าอยู่แล้ว เขากุมอำนาจเศรษฐกิจของเผ่าหมาป่าพระจันทร์ น้าดูแลแค่กิจการของตัวเอง ทำมากทำน้อยก็ไม่เป็นไร มีอิสระ ตอนนี้น้าก็เลยตามมาได้ยังไงล่ะ”

พูดกับมู่เถาเยาเสร็จก็หันไปมองเย่ว์เลี่ยง

ลู่จือฉินกลั้นยิ้ม

เธอว่าเธอเห็นชัดแล้ว อวิ๋นไป๋เป็นเหมือนที่ทุกคนบอกจริงๆ สายตามักมองไปที่เย่ว์เลี่ยงอยู่บ่อยๆ

สายตาของคนเรามันหลอกกันไม่ได้ ไม่อย่างนั้นจะพูดกันเหรอว่าดวงตาเป็นหน้าต่างของหัวใจ

ถ้าขนาดนี้ยังไม่จริงใจ แบบนั้นยังจะมีความรักไหนบนโลกที่จริงใจอีกเหรอ

อย่าว่าแต่เสี่ยวเยาเยาสนับสนุนเลย เธอก็แทบอยากจับสองคนนี้แต่งงานกัน

“น้าเล็กอยู่เผ่าหมาป่าพระจันทร์ระยะยาวได้กี่ปีคะ”

“เสี่ยวเยาเยา อย่าพูดเหลวไหล เขางานยุ่งจะตาย”

“เย่ว์เลี่ยง ผมไม่ยุ่ง เงินพอให้พวกเราใช้หลายสิบชาติเลยล่ะ”

เย่ว์เลี่ยงถลึงตาใส่

พวกรงพวกเราอะไรกัน!

ย่าเย่ว์อดยิ้มไม่ได้ “เสี่ยวไป๋ ถ้าว่างก็มาเที่ยวที่เผ่าบ่อยๆ นะ”

“ได้ครับคุณน้า ตอนนี้ผมทยอยส่งมอบงานแล้วครับ ต่อไปคงมีเวลาเยอะ”

“งั้นยิ่งดี พ่อแม่เราปกติก็ว่างๆ ไว้พาพ่อแม่มาค้างด้วยกันนะ”

ถึงแม้พวกเขาจะไม่เคยเจอสองผู้อาวุโสของตระกูลอวิ๋น แต่เคยเจออวิ๋นเหอ อวิ๋นไป๋ยิ่งเจอบ่อย สองพี่น้องต่างนิสัยดีทั้งคู่

ดังนั้นคนที่สอนลูกออกมาเก่งแบบนี้ได้ย่อมไม่มีทางแย่

การไปมาหาสู่ของผู้คน สิ่งสำคัญที่สุดคือนิสัยใจคอ

“คุณพ่อคุณแม่ของผมคงดีใจมาก ที่บ้านไม่ค่อยมีเด็ก สุ่ยเหยาต้องไปเรียนรู้งานกับพี่ชายผม เสี่ยวเหยาก็ใกล้จะต้องไปเรียนที่เมืองหลวงแล้ว คุณพ่อคุณแม่ผมเลยว่างมาก แต่คนในบ้านก็ไม่วางใจที่จะให้พวกเขาออกไปเที่ยวกันเอง”

หลักๆ คือคนชราทั้งสองไม่ชอบให้มีคนติดตามออกไปด้วย

ยายหลานยิ้มพูด “เห็นเสี่ยวเยาเยาบอกว่าหลานสาวของคุณก็อยู่หมู่บ้านเถาหยวน ไม่งั้นไปรับพ่อกับแม่ของคุณมาด้วยไหม ปู่ย่าของอู๋เปียนกับเสี่ยวอันเหยี่ยก็อยู่ที่นั่นพอดี คนแก่อย่างพวกเราจะได้ดื่มชานั่งคุย ดูการแข่งขันกีฬาด้วยกัน คิดแล้วน่าสนุกจะตาย!”

อวิ๋นไป๋พูดด้วยความตื่นเต้นดีใจ “ได้ไหม เย่ว์เลี่ยง”

เย่ว์เลี่ยงมองบนอยู่ในใจ “คุณจะมาถามฉันทำไม”

เธอไม่ได้เป็นคนเชิญเสียหน่อย คนจัดการที่พักก็ไม่ใช่เธอ

มู่เถาเยารีบพยักหน้า “ได้ค่ะน้าเล็ก มีที่พัก”

เธอเองก็อยากเจอว่าที่พ่อแม่สามีของอา

ต้องเห็นกับตาตัวเองถึงจะสบายใจ

ลู่จือฉินก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน

“งั้นดีเลย เดี๋ยวพอเครื่องบินลงจอดน้าจะโทรหาแม่ ขอให้พี่ใหญ่กับพี่สะใภ้ช่วยพาพ่อกับแม่มาส่ง”

ปู่เย่ว์กับตาเป่ยยิ้มพลางพยักหน้า

คนเราพอแก่ตัวลงก็ชอบความครึกครื้น

ความเงียบเหงายิ่งทำให้รู้สึกโดดเดี่ยว

ถึงแม้เย่ว์เลี่ยงจะรู้ความต้องการของอวิ๋นไป๋ แต่ก็ไม่อยากทำให้พวกคนแก่หมดอารมณ์ เธอจึงไม่คัดค้าน

ตี้อู๋เปียน “เมื่อก่อนต่อให้คุณตาคุณยายยุ่งแค่ไหนก็จะหาเวลามาอยู่กับผมที่เย่ว์ตู แต่ระยะนี้น้องชายกับน้องสาวผมต้องเตรียมสอบ คุณตากับคุณยายก็เลยมาน้อยลงครับ”

ตอนนี้สอบเข้ามหาวิทยาลัยเสร็จแล้ว อีกทั้งเขาก็ไม่ได้อยู่เย่ว์ตู คุณตาคุณยายอยู่ว่างจนเบื่อ

ทุกคนต่างเข้าใจ

วันสอบเข้ามหาวิทยาลัยของประเทศเหยียนหวงเป็นวันที่สำคัญมาก ผู้ปกครองหลายคนจะตั้งใจพักงานไว้ก่อนเพื่อร่วมฝ่าฟันไปกับลูกหลาน

ตระกูลอวิ๋นไม่ใช่ครอบครัวธรรมดาก็ยังทำเหมือนคนทั่วไปได้ถึงขั้นนี้ หาได้ยากจริงๆ

ย่าเย่ว์ยิ้มพลางพยักหน้า “ในบ้านมีเด็กไม่มาก ลูกๆ ก็ทำงานกัน คนแก่เกษียณแล้วไม่มีอะไรทำ จะไม่เบื่อได้เหรอ ก็พอดี มาหมู่บ้านเถาหยวน คนแก่อย่างพวกเราจะได้มีเพื่อน”

“คุณปู่คุณย่าผมยังมีเสี่ยวอันเหยี่ยอยู่ด้วย แต่คุณตาคุณยาย…ลุงใหญ่กับป้าสะใภ้ปกติงานยุ่งมาก แถมอีกหนึ่งเดือนพวกน้องๆ ผมก็จะเข้ามหาวิทยาลัยแล้ว พวกเขายิ่งเหงาเข้าไปใหญ่”

ยายหลาน “ต้องมีเด็กๆ ถึงจะครึกครื้น อาเหิงกับอากวงของพวกเรา เฮ้อ ไม่มีแม้แต่แฟน พวกเราก็กลุ้มใจ…”

เดิมทีปาเฝ่ยก็มีอารมณ์ร่วมเรื่องสัพเพเหระที่ทุกคนคุยกัน แต่ตอนนี้เขาอยากหดตัวให้ลีบเล็กที่สุด กลัวจะ ‘ติดร่างแห’ ไปด้วย

เขาโตกว่าอาเหิงตั้งหลายปี

มู่เถาเยาพูดด้วยความรักพี่ๆ “พี่ชายสองคนของหนูอายุยังไม่เยอะ คุณปู่คุณย่ากับคุณตาคุณยายกินยาอายุยืนแล้วรักษาสุขภาพให้ดี อยู่ถึงร้อยปีสองร้อยปีก็ไม่ใช่ปัญหาค่ะ ไม่ต้องรีบร้อน”

ปู่เย่ว์หัวเราะอย่างมีความสุข “เสี่ยวเยาเยาพูดมีเหตุผล ก็แค่พอพวกเราแก่แล้วมันจะว่างมากน่ะสิ”

“คุณปู่คุณย่า คุณตาคุณยายคะ ไม่สู้ลองเอาอย่างอาจารย์ใหญ่กับอาจารย์รองของหนูที่ตั้งใจใช้ชีวิตเกษียณดูไหมคะ”

ตี้อู๋เปียนอยากขำ

อะไรคือตั้งใจใช้ชีวิตเกษียณ แถมยังจะให้เอาอย่างด้วย

ตั้งใจ ไม่มีปัญหา ใช้ชีวิตเกษียณ ยิ่งไม่มีปัญหาเข้าไปใหญ่ แต่พอได้ยินคำว่า ‘ตั้งใจใช้ชีวิตเกษียณ’ ทำไมฟังดูน่าขำชอบกล

คุณตาก็หัวเราะ “พวกเราเชื่อฟังเสี่ยวเยาเยา ต่อไปจะตั้งใจใช้ชีวิตเกษียณ พยายามอยู่ให้ได้ร้อยปีสองร้อยปี เลี้ยงลูกให้เสี่ยวเยาเยา”

มู่เถาเยา “…”

เดี๋ยวนะ ทำไมมันย้อนมาเข้าตัวเธอล่ะ

เธอเพิ่งอายุสิบแปดเองนะ!

“หนูว่าอา…”

เย่ว์เลี่ยงรีบพูดเสียงข่ม “เสี่ยวเยาเยา”

มู่เถาเยาแอบหงอ ไม่กล้าพูดว่าอยากได้น้องชายต่อหน้าทุกคน

เธอยังฝังใจเรื่องที่เคยถูกเสด็จแม่ลงโทษตอนเด็กๆ

ตี้อู๋เปียนพูดได้ถูกเวลา “ซาลาเปาน้อย ศิษย์พี่ห้าของเธอจะคลอดเมื่อไรเหรอ”

เขารู้ว่าชิงหลินตั้งท้อง แต่ไม่แน่ใจว่ากี่เดือนแล้ว

มู่เถาเยายิ้มตาโค้งขึ้นมาทันที “เยี่ยจั๋วจะเกิดเดือนมกราปีหน้า”

ยายหลานถามด้วยสีหน้าตกใจ “ลูกของศิษย์พี่ยังอีกตั้งหลายเดือนกว่าจะเกิด ตั้งชื่อเรียบร้อยแล้วเหรอ”

“ค่ะ หนูตั้งเองค่ะ”

ตาเป่ย “จั๋วแปลว่าเข้าใจ ถ่องแท้ เสี่ยวเยาเยาตั้งชื่อได้ดีมากเลยนะ”

ทุกคนต่างพยักหน้า

ย่าเย่ว์ยิ้มกว้างพลางพูด “เมื่อก่อนพวกเราสองคนก็เฝ้ารออยากให้เย่ว์เลี่ยงแต่งงานมีลูก ถึงขั้นคิดชื่อหลานเอาไว้แล้ว ชื่อ ‘เยี่ยนหัง’”

มู่เถาเยา เย่ว์เลี่ยง ลู่จือฉิน ต่างตะลึงอึ้งไปชั่วขณะ

ตี้อู๋เปียนพูด “พี่ชายเดินนำ น้องชายเดินตาม เยี่ยนหังเป็นคำเรียกแทนพี่น้อง แต่ว่าย่าเย่ว์ครับ ถ้าลูกของคุณอาเป็นผู้หญิงล่ะครับ”

“งั้นก็ให้ชื่อเย่ว์อู๋ซวง[1]”

ลูกสาวตระกูลเย่ว์แบกรับชื่อนี้ไหว

ไม่ว่าเย่ว์เลี่ยงจะแต่งกับใคร ตราบใดที่เป็นเด็กผู้หญิงก็ต้องแซ่เย่ว์

ใครใช้ให้ตระกูลเย่ว์มีผู้หญิงน้อยล่ะ!

พวกมู่เถาเยาสามคนอึ้งแล้วอึ้งอีก

‘งามล่มเมือง’ เป็นฉายาของมู่เถาเยาเมื่อชาติก่อน

เดิมทีตั้งชื่อ ‘อู๋ซวง’ ไว้ให้เยี่ยนหัง ปรากฏว่าคลอดออกมาเป็นผู้ชายเลยไม่ได้ใช้

และก็เพราะเป็นเด็กผู้ชายถึงทำให้คนพวกนั้นไม่พอใจครอบครัวเธอ

ปรากฏว่า…

หึ เธอก็เลยขึ้นเป็นจักรพรรดิหญิงเสียเลย!

[1] อู๋ซวง แปลว่า งามเลิศยากจะหาใดเปรียบ