บทที่ 277 หนึ่งปีที่ผ่านไป

เว่ยฉิงอุ้มภรรยาขึ้นไปด้านบนห้องพักของเขาพร้อมกับปิดประตู หานอี้ที่ซ่อนตัวอยู่ข้างในตกตะลึง

เกิดอะไรขึ้น?

นายท่านออกไปและกลับมาพร้อมกับหญิงสาวในอ้อมกอด?

นอกจากนี้เขายังดูสนิทสนมกับนางมาก

หานอี้รู้สึกว่าตัวเขาสับสน แต่เขาเป็นเพียงแค่องครักษ์เงาเท่านั้น เขาจึงได้แต่คอยเฝ้าระวัง

…..

ในขณะที่หานอี้กำลังรู้สึกลังเล เจ้านายของเขาเงยหน้าขึ้นมองมายังหานอี้ที่ซ่อนตัวอยู่ ดวงตาเย็นชาคู่นั้นมีราวกับมีคำเขียนเอาไว้อย่างชัดเจน

ออกไป !

หานอี้จำใจหลบไปอยู่บนหลังคาอย่างเงียบ ๆ โดยที่เขาไม่รู้ว่าหลังจากเขาออกไปแล้วท่าทางที่โหดเหี้ยมของเว่ยฉิงเปลี่ยนไปทันที ตอนนี้ชายหนุ่มเหมือนกับสุนัขตัวใหญ่ เขาฝังใบหน้าถูไถไปมากับซอกคอของถังหลี่

“ฮูหยิน ข้าคิดถึงเจ้าเหลือเกิน” เว่ยฉิงรู้สึกถึงลำคอที่เปียกชื้น ภรรยาของเขากำลังร่ำไห้ เขาตื่นตระหนกตกใจมาก เว่ยฉิงกอดกระชับถังหลี่ไว้ในอ้อมแขน เมื่อเทียบกับขนาดตัวของเขาแล้วถังหลี่ตัวเล็กมาก ยามที่เขาโอบกอดนางเอาไว้ปิดบังตัวนางจนแทบมองไม่เห็นถังหลี่เลยทีเดียว

เว่ยฉิงโน้มใบหน้าจูบไปที่พวงแก้มของนางเพื่อซับน้ำตาที่ละหยด จุมพิตของเขาเต็มไปด้วยความอ่อนโยน ลมหายใจที่ร้อนผ่าว หญิงสาวใบหน้าขึ้นสีแดงระเรื่อเมื่อถูกเขาจูบ

ไม่นานนักเขาก็ปล่อยนางเป็นอิสระ ถังหลี่ยังคงนั่งอยู่อยู่ในอ้อมแขนเขา กอดมือของเขาเอาไว้

“สามี หนึ่งปีที่ผ่านมาท่านเป็นอย่างไรบ้าง?”

หญิงสาวมีหลายสิ่งที่อยากจะพูดคุยกับเขา

“ข้าฝึกศิลปะการต่อสู้กับเรียนรู้กลยุทธ์สงคราม” เว่ยฉิงตอบ

“ท่านเหนื่อยไหม?” ถังหลี่พูดอย่างกังวล

“ข้าไม่เหนื่อยเลย”

ถังหลี่สัมผัสฝ่ามือของเว่ยฉิง ทั้งด้าน หนาและหยาบกร้าน แสดงให้เห็นว่าผู้ชายคนนี้ฝึกฝนอย่างหนักในช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมา หญิงสาวกอดมือของเขาไว้

เมื่อเห็นว่าภรรยาของตนมีสีหน้าไม่ดี หัวใจของเขาก็อ่อนยวบ เว่ยฉิงทนไม่ได้ที่จะเห็นนางเศร้าใจ

“ฮูหยิน ข้าไม่เหนื่อยจริง ๆ” เว่ยฉิงกล่าวเขาพยายามหันเหความสนใจของนาง

“ฮูหยิน เล่าเรื่องราวของเจ้าบ้างสิ”

ถังหลี่พิงหน้าอกของเขาเล่าเรื่องต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในหนึ่งปีที่ผ่านมาให้เขาฟัง

ต้าเป่าและสวี่เจวี๋ยสอบได้อันดับที่หนึ่งและสอง เอ้อร์เป่าย้ายไปเรียนที่สำนักศึกษาเหอตง ซานเป่าสูงขึ้นเล็กน้อยแต่ยังชอบกินขนมอยู่

ต้าเป่าและสวี่เจวี๋ยมีสหายร่วมชั้นชื่อจั๋วชู และเขายังเป็นน้องชายแท้ ๆ ของฮวาเฟิ่งเซี่ยอีกด้วย

“สามี โลกใบนี้แคบมากจริง ๆ มีเรื่องบังเอิญเช่นนี้เกิดได้อย่างไรนะ?” ถังหลี่ถอนหายใจ

เว่ยฉิงมองไปยังใบหน้าเล็ก ๆ ของนาง

“ฮูหยิน ความจริงโลกใบนี้อาจจะไม่ได้เล็ก แต่ทั้งหมดมันเป็นเพราะเจ้า”

“เพราะข้าหรือ?” ถังหลี่มีสีหน้างงงวย

“ใช่แล้ว เพราะถังหลี่ของข้าเป็นดาวนำโชคดวงน้อย ๆ ที่ทำให้คนรอบตัวพบเจอแต่ความสุข” เว่ยฉิงกล่าว

ตั้งแต่หญิงสาวคนนี้เข้ามาในชีวิตเขา ทั้งเขาและลูก ๆ ทั้งสามมีชีวิตที่ดีขึ้นเรื่อย ๆ แน่นอนว่าการได้อยู่กับภรรยานั้นคือความสุขที่สุดในชีวิตของเขา หลังจากที่ความจำของเว่ยฉิงกลับมา หากไม่มีนางเขาคงแทบจะเป็นบ้า แต่เพราะมีภรรยาอยู่ด้วยก็ไม่มีความทุกข์ใดจะขื่นขมมากเกินกว่าที่จะทนไหว ชีวิตเต็มไปด้วยความหวังที่เต็มเปี่ยม ไม่ว่าจะยากลำบากเพียงใดก็มีแรงที่จะมุ่งมั่นก้าวต่อไป ทั้งหมดล้วนเป็นเพราะภรรยาของเขาทั้งนั้น เว่ยฉิงกระชับอ้อมกอดของตัวเองให้แน่นขึ้น

ถังหลี่คิดว่าที่เว่ยฉิงพูดนั้นดูสมเหตุสมผล

ตระกูลหลี่ของนางมีความสามารถทำให้โชคดีมาเยือนผู้คนที่พวกเขารักใคร่ได้ เช่นเดียวกับนำโชคร้ายมาสู่ผู้ที่เกลียดชังได้เช่นกัน

“สามี หลังจากที่ข้าย้ายมาเหอตงก็ได้พบผู้คนมากมาย”

ถังหลี่เล่าไปเรื่อย ๆ แต่เดิมนางไม่ใช่คนช่างพูด ต่อเมื่ออยู่กับเว่ยฉิงเท่านั้น ถึงจะมีเรื่องราวมากมายที่อยากจะเล่าให้เขาฟัง

เว่ยฉิงรับฟังทุกอย่างด้วยความสุขุม ต่อเมื่อนางเงียบเสียงลงเขาจึงเทน้ำชาให้นางจิบและพักผ่อน ตอนนี้พวกเขาทั้งสองอยู่ด้วยกันพูดคุยกันอย่างมีความสุข เว่ยฉิงหวังอยากให้เวลาหยุดเดินเพื่อที่เขาจะได้มองนางได้เห็นรอยยิ้มของภรรยาไปนาน ๆ

พลบค่ำค่อย ๆ คืบคลานมา

ทั้งสองคนอาบน้ำชำระกาย ถังหลี่ดูเหมือนดอกบัวที่โผล่พ้นน้ำ ผิวของนางงดงามเรียบเนียนราวกับน้ำนม ใบหน้าน่ารัก พวงแก้มแดงระเรื่อราวกับขนมที่ดึงดูดให้ผู้คนอยากลิ้มลอง

เว่ยฉิงจ้องนางตาไม่กระพริบ

เขาและภรรยาไม่ได้พบเจอกันนานแล้ว….

ลูกกระเดือกของเขากลิ้งไปมา แสงในดวงตาหรี่ลง…เขาคิดถึงภรรยาเหลือเกิน

ท่าทางของเว่ยฉิงดูออกได้ง่ายมาก

“ฮูหยิน เอ่อ…มืดแล้ว..”

ถังหลี่มองชายหนุ่มรูปงามที่หาใครเทียบได้ยาก ใบหน้านางแดงขึ้นก่อนที่จะเอนกายไปจูบที่ปลายคางของเขา

กลางคืนที่มืดมิดหานอี้ที่กำลังนอนอยู่บนหลังคาได้ยินเสียงบางอย่างจากห้องด้านล่าง เขาตื่นเต้นเพราะเกรงกลัวว่าเจ้านายจะตกอยู่ในอันตราย แต่เมื่อตั้งใจฟังชัด ๆ เขาก็รู้ได้ว่า…

แม้ว่าหานอี้ยังไม่เคยมีประสบการณ์โดยตรง แต่ในกลุ่มพี่น้องของเขามักจะพูดเรื่องแบบนี้กันอย่างเป็นธรรมชาติ เขากลับไปนอนอีกครั้ง ไม่คิดเลยว่าเจ้านายที่เย็นชาของเขาจะมีมุมนี้…

เมื่อเขามองขึ้นไปบนฟ้า ก็พบว่าคืนนี้ดวงจันทร์งดงามและสว่างไสวมาก

…..

วันต่อมา

ถังหลี่ตื่นขึ้นพบว่านางยังคงอยู่ในอ้อมแขนของเว่ยฉิง ทุก ๆ อย่างที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนั้นไม่ใช่ความฝัน ทันทีที่นางตื่นเว่ยฉิงเองก็รู้สึกตัวเช่นกัน เขาจูบที่แก้มของนางอย่างเอาใจ

“ฮูหยิน อยากนอนต่อไหม?” เว่ยฉิงถาม

เขารู้สึกละอายใจเล็กน้อยที่ทำให้ภรรยาของเขาเหน็ดเหนื่อยในค่ำคืนที่ผ่านมา เขาไม่ได้เจอนางมาเป็นเวลานานแล้ว และคิดถึงนางมาก

ถังหลี่พยักหน้า

ความจริงแล้วหญิงสาวไม่ได้รู้สึกเหนื่อยเลย พลังปีศาจของนางฟื้นตัวแล้ว ความแข็งแกร่งของร่างกายก็เพิ่มมากขึ้นเช่นกัน แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ถังหลี่ก็อยากอยู่กับเว่ยฉิงอีกสักพัก

ที่จริงแล้ว ถังหลี่รู้ดีว่าการที่สามีมาหา เป็นเพราะเขาละเมิดข้อตกลง ทำให้เขาอยู่กับนางไม่ได้นานนัก

เวลาทุกลมหายใจและเวลาที่ผ่านไปล้วนมีค่า ถังหลี่ซุกตัวอยู่ในอ้อมกอดของเว่ยฉิงแต่ยังไม่ยอมหลับใหล นางไม่อยากให้เวลาของพวกเขาทั้งคู่สูญเปล่าไปอย่างไร้ค่า

ทั้งสองนอนกอดกันเงียบ ๆ จูบกันบ้างเป็นครั้งคราว ก่อนที่ชายหนุ่มจะลุกจากเตียงเพราะกลัวว่าถังหลี่จะหิว หญิงสาวสวมเสื้อผ้าของนางและหันไปมองสามีก่อนจะตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง

สามีของนางเปลี่ยนไปมากจริง ๆ

ผิวของเขาขาวขึ้น

ก่อนหน้านี้เว่ยฉิงทำงานในทุ่งนา ต่อมาจึงเป็นผู้คุ้มกันที่จวนเซี่ย เขาจึงผิวคล้ำ เขาผอมลง ท่วงท่าน่าเกรงขาม เมื่อเทียบกับตัวเขาก่อนหน้านี้ สามารถพูดได้ว่าตอนนี้เว่ยฉิงเป็นชายหนุ่มที่มีรูปร่างสูงโปร่ง ทั้งยังมีใบหน้าคมสันหล่อเหลาอีกด้วย และด้วยใบหน้านี้ถังหลี่จึงไม่ได้ตบหน้าเขาแต่แรกที่เจอกันยามเว่ยฉิงพูดจากระล่อน หยาบคายเหล่านั้น

ใบหน้ายังคงเช่นเดิม แต่กลับให้ความรู้สึกที่เปลี่ยนไป เว่ยฉิงมีความสุขุม รู้จักเก็บอารมณ์มากขึ้น แต่แล้วนางก็เห็นเขายกมือขึ้นจับคางทำท่าครุ่นคิด

อะไรกันนี่?