ตอนที่ 243 ไม่มีเหตุผล

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 243 ไม่มีเหตุผล
ทว่า เขานึกไม่ถึงเลยว่าสภาพร่างกายของพี่ชายของเขาจะย่ำแย่ถึงเพียงนี้ ระหว่างเดินทางมาเขากระอักเลือดถึงสองครั้ง เป็นลมหมดสติไปหกครั้ง

เซียวหรงเหยี่ยนเป็นกังวลมาก คิ้วของชายหนุ่มขมวดแน่นตลอดเวลา

ร่างกายของพี่ชายเขาจะรอช้าอีกต่อไปไม่ได้แล้ว

เซียวหรงเหยี่ยนนึกถึงหมอหงประจำตระกูลไป๋ ได้ยินว่าหมอหงผู้นั้นคือศิษย์พี่ของหมอหลวงหวงของสำนักหมอหลวงแห่งราชวงศ์ต้าจิ้น ฝีมือเก่งกาจมาก…

มู่หรงอวี้จับมือเซียวหรงเหยี่ยนยิ้มๆ จูงมือน้องชายเดินเข้าไปใกล้ประตูของตำหนักหล่านเฟิ่ง เขามองหาร่องรอยที่พวกเขาเคยขีดวัดความสูงเมื่อครั้งยังเป็นเด็กบนเสาตรงระเบียงทางเดิน

“ยังอยู่…” มู่หรงอวี้โน้มกายลงไปลูบร่องรอยเหล่านั้น หวนนึกถึงภาพที่พวกเขาสี่พี่น้องเล่นสนุกอยู่รอบกายของมารดาอย่างมีความสุข ตอนนั้นอาเหยี่ยนยังเป็นเพียงเด็กน้อยที่น้ำลายฟูมปาก ชอบเล่นสนุกกับน้องชายสาม ทว่าบัดนี้…พี่น้องสี่คน เหลือเพียงเขาและเซียวหรงเหยี่ยนแล้ว

“ฝ่าบาทเข้าไปพักผ่อนสักหน่อยเถิดพ่ะย่ะค่ะ” เฝิงเย่ากล่าวเตือนเสียงแผ่วเบา “แม้จะเข้าเดือนสามแล้วแต่อากาศยังเย็นอยู่พ่ะย่ะค่ะ”

มู่หรงอวี้บีบมือเซียวหรงเหยี่ยนแน่น หยัดกายขึ้น สายตามองไปยังต้นไห่ถังกลางลานหญ้า ลำคอร้อนผ่าวเล็กน้อย เขากล่าวขึ้น “อาเหยี่ยน…พี่คิดถึงท่านแม่”

เฝิงเย่าได้ยินมู่หรงอวี้เอ่ยถึงจีโฮ่วขึ้นมา ดวงตาของเขาร้อนผ่าว ก้มหน้าลงไม่กล่าวสิ่งใดอีก

ใบหน้าขาวซีดอ่อนแอของมู่หรงอวี้มีรอยยิ้มบางๆ “เหล่าซูชงชาให้เรากับอาเหยี่ยนหน่อย ประเดี๋ยวเรากับอาเหยี่ยนจะนั่งจิบชาใต้ต้นไห่ถัง”

แม้ตำหนักหล่านเฟิ่งจะเหมือนเดิม ทว่า ไม่มีกลิ่นอายของมารดา มีเพียงต้นไห่ถังต้นนี้เท่านั้นที่มี

“พ่ะย่ะค่ะ!” เฝิงเย่าใช้แขนเสื้อปาดน้ำตาทิ้ง “บ่าวจะปูเบาะรองนั่งให้ฝ่าบาทกับนายน้อยบนหินตรงนั้นพ่ะย่ะค่ะ”

เมื่อเห็นว่าเฝิงเย่าปูเบาะรองนั่งเสร็จแล้ว เซียวหรงเหยี่ยนเตรียมจูงมู่หรงอวี้ไปนั่ง ทว่า มู่หรงอวี้กลับจับมือของเซียวหรงเหยี่ยนยืนอยู่ที่เดิมไม่ยอมขยับกาย

เมื่อเฝิงเย่าเดินจากไป มู่หรงอวี้จึงมองเซียวหรงเหยี่ยนพลางเอ่ยขึ้น “หากท่านแม่ได้เห็นเจ้าโตขึ้นมาเป็นคนที่โดดเด่นเช่นนี้ ท่านแม่คงมีความสุขมาก”

มู่หรงอวี้ไม่อยากเอ่ยถึงมารดาต่อหน้าเหล่าซูเฝิงเย่า การเอ่ยถึงมารดามักทำให้เหล่าซูเสียใจและคิดถึง

“หากเห็นเสด็จพี่อาการดีขึ้น ท่านแม่ต้องดีใจยิ่งกว่าพ่ะย่ะค่ะ!” เซียวหรงเหยี่ยนกล่าว

มู่หรงอวี้มองดูน้องชายที่บัดนี้เติบโตกลายเป็นคนที่มีความน่าเกรงขาม จากนั้นโบกมือยิ้มๆ “ร่างกายของพี่ในตอนนี้ทำได้เพียงยื้อไปวันๆ เท่านั้น! เจ้าน่ะสิ บัดนี้เจ้ากลายเป็นหนุ่มเต็มตัวแล้ว เรายึดแผ่นดินหนานเยี่ยนกลับคืนมาได้แล้ว จะรอช้าเรื่องการแต่งงานไม่ได้อีก อกตัญญูมีสามสิ่ง การไม่มีทายาทสืบทอดคือเรื่องใหญ่ที่สุด พี่เดินทางมาที่นี่ในครั้งนี้เพื่อจะมาถามเจ้า เมิ่งเจาหรงบุตรสาวของเสนาบดีเมิ่งเพียบพร้อมทั้งหน้าตาและความสามารถ เจ้าสนใจหรือไม่”

“ข้าและท่านเคยสาบานต่อดวงวิญญาณของท่านแม่ว่าจะยึดแผ่นดินหนานเยี่ยนกลับคืนมา รวบรวมใต้หล้าให้เป็นหนึ่งเพื่อสานต่อปณิธานของท่านแม่ บัดนี้เราเพิ่งยึดหนานเยี่ยนกลับมาได้ แคว้นต้าจิ้นยังจ้องเราตาเป็นมัน…” ดวงตาสีดำของเซียวหรงเหยี่ยนส่อแววกังวลเล็กน้อย “ยังทำเรื่องใหญ่ไม่สำเร็จ จะกล้าแต่งงานมีครอบครัวได้อย่างไรพ่ะย่ะค่ะ”

“ตึกใหญ่ไม่อาจสร้างเสร็จได้ด้วยไม้เพียงแผ่นเดียว ความสงบสุขของใต้หล้า ไม่ได้เกิดขึ้นได้เพียงเพราะคนคนเดียว” มู่หรงอวี้ชะงักฝีเท้า มองไปทางน้องชายของตัวเองยิ้มๆ กล่าวเสียงเบา “ความปรารถนาของท่านแม่เป็นหนทางที่ยาวไกลและยากลำบากมาก! บางทีอาจต้องให้คนอีกหลายรุ่นร่วมแรงร่วมใจกันสานต่อให้สำเร็จ บัดนี้ทุกแคว้นต่างแก่งแย่งชิงดี อยากเป็นที่หนึ่ง ชาตินี้พี่ก็อยากเห็นใต้หล้ารวมเป็นหนึ่งเช่นเดียวกับเจ้า ดังนั้นพวกเราจึงต้องแต่งงาน มีทายาท…ให้พวกเขาสานต่อความปรารถนาของพวกเรา อาเหยี่ยน หนทางนี้มีชีวิตผู้คนเข้ามาเกี่ยวข้องมากมาย เราต้องเดินไปอย่างมั่นคง จะรีบร้อนไม่ได้เด็ดขาด”

“หนทางนี้ลำบากและอันตราย หากพวกเราคิดว่าลำบากแล้วโยนให้คนรุ่นหลังทำต่อ หากคนรุ่นหลังคิดเช่นเดียวกับเรา เมื่อใดใต้หล้าจึงจะพบกับความสงบสุขที่แท้จริงพ่ะย่ะค่ะเสด็จพี่” น้ำเสียงอ่อนโยนของเซียวหรงเหยี่ยนกล่าวอย่างช้าๆ “มีสตรีนางหนึ่งเคยกล่าวกับเหยี่ยนว่ามีเพียงใต้หล้ารวมเป็นหนึ่ง ชาวบ้านจึงจะพบกับความสงบสุขอย่างแท้จริง เหยี่ยนก็คิดเช่นเดียวกัน”

ดวงตาของมู่หรงอวี้ไหววูบ สตรี? มีสตรีที่คิดเช่นนี้อยู่ด้วยหรือ!

“บัดนี้ใต้หล้ากำลังวุ่นวาย ทุกแคว้นต่างแย่งชิงการเป็นที่หนึ่ง ทำสงครามเพื่อแสวงหาผลประโยชน์ของตัวเอง ชาวบ้านล้มตายมากมาย!” เซียวหรงเหยี่ยนมองพี่ชายของตัวเอง โค้งกายคำนับ “เหยี่ยนโชคดีที่มีท่านแม่และเสด็จพี่คอยปกป้อง เกิดในยุคที่มีแต่สงครามแต่ไม่เคยเดือดร้อนเรื่องอาหารและชีวิตความเป็นอยู่ ได้เรียนหนังสือจนกลายเป็นคนมีความคิด เหยี่ยนอยากทำเพื่อใต้หล้า สร้างชีวิตให้ชาวบ้าน สานต่อความรู้ของนักปราชญ์ในอดีต สร้างสันติสุขให้ใต้หล้า จวบจนวันตายพ่ะย่ะค่ะ!”

มู่หรงอวี้มองดูน้องชายที่มีท่าทีจริงจังหนักแน่น รู้สึกว่าปณิธานของอาเหยี่ยนยิ่งใหญ่เกินไป นิสัยและความคิดของน้องชายผู้นี้เหมือนกับมารดาของเขามากจริงๆ

ทว่า เขาเป็นพี่ชายคนโต พี่ชายคนโตเปรียบเหมือนบิดา บัดนี้ท่านแม่จากไปแล้ว…เขามีหน้าที่ดูแลน้องชาย! ไม่อาจปล่อยให้น้องชายอยู่อย่างโดดเดี่ยวตลอดชีวิตเพราะปณิธานเหล่านี้เป็นอันขาด

มู่หรงอวี้ประคองเซียวหรงเหยี่ยนลุกขึ้น กุมมือของน้องชายไว้ “พี่ต้องเห็นเจ้าเป็นฝั่งเป็นฝา ภายภาคหน้าพี่จะได้ไปบอกท่านแม่ได้ มิเช่นนั้น…ท่านแม่ต้องโทษพี่ที่ทำให้เจ้าอยู่อย่างโดดเดี่ยวไปตลอดชีวิตเพียงเพื่อผลประโยชน์ของแคว้นต้าเยี่ยน ท่านแม่คงต้องใช้แส้ฟาดพี่อย่างแน่นอน! หากเจ้าไม่ชอบเมิ่งเจาหรง ก็เปลี่ยนเป็นผู้อื่น อาเหยี่ยนมีผู้ใดในใจแล้วหรือไม่”

ยกตัวอย่างเช่นสตรีที่กล่าวกับอาเหยี่ยนว่ามีเพียงใต้หล้ารวมเป็นหนึ่ง ชาวบ้านจึงจะพบกับความสงบสุขอย่างแท้จริงผู้นั้น

ไม่รู้เพราะเหตุใด สมองของเซียวหรงเหยี่ยนจึงปรากฏภาพของสตรีที่สุขุมเย็นชา แววตาหนักแน่นผู้นั้นขึ้นมา ใบหน้าของหญิงสาวงดงามน่าตราตรึง แม้ร่างกายดูผอมบางอ่อนแอ ทว่า ร่างผอมเพรียวนั้นกลับดูแข็งแกร่งราวกับต้นสน สีหน้าเยือกเย็นไม่เกรงกลัวต่อสิ่งใด ตรงไปตรงมาและรักความยุติธรรม

ใบหน้าของมู่หรงอวี้มีรอยยิ้มปรากฏขึ้น “มีหญิงสาวที่ชอบแล้วจริงๆ ด้วย เล่าให้พี่ฟังหน่อยว่าเป็นสตรีสูงศักดิ์ของแคว้นใดกัน”

สตรีที่กล่าวว่ามีเพียงใต้หล้ารวมเป็นหนึ่ง ชาวบ้านจึงจะพบกับความสงบสุขอย่างแท้จริง ต้องเป็นผู้ที่มีความรู้ หากไม่ใช่ตระกูลสูงศักดิ์ไม่มีทางอบรมเลี้ยงดูสตรีเช่นนี้ออกมาได้อย่างแน่นอน

ดวงตาสีดำขลับล้ำลึกปรากฏรอยยิ้มน้อยๆ ใบหน้าสมบูรณ์แบบของชายหนุ่มอ่อนโยนลงกว่าเก่า “เสด็จพี่ เหยี่ยนรู้ขอบเขตดีพ่ะย่ะค่ะ หากวันใดเหยี่ยนโชคดีได้ใจของนางมาครอบครอง…เหยี่ยนค่อยบอกเสด็จพี่ก็ไม่สายพ่ะย่ะค่ะ”

มู่หรงอวี้พยักหน้า “อย่าให้พี่รอนานนักเล่า”

มือที่กุมหยกจักจั่นของเซียวหรงเหยี่ยนกระชับแน่น นึกถึงการต่อต้านของไป๋ชิงเหยียนในวันนั้น ชายหนุ่มก้มหน้ายิ้มออกมาบางๆ

“วันที่ยี่สิบแปดเดือนสามคือวันคล้ายวันประสูติของจักรพรรดิแคว้นต้าจิ้น” มู่หรงอวี้มองดูต้นไห่ถังกลางลานหญ้า “ครั้งนี้ต้าเยี่ยนอาศัยจังหวะตอนที่ซีเหลียงกับต้าจิ้นกำลังทำศึก ยึดหนานเยี่ยนกลับคืนมา จักรพรรดิแห่งต้าจิ้นต้องไม่พอใจอย่างแน่นอน บัดนี้ซีเหลียงทำสัญญาสงบศึกกับต้าจิ้นเรียบร้อยแล้ว เกรงว่าซีเหลียงและต้าจิ้นอาจมีเวลาหันมาจัดการกับต้าเยี่ยนของเรา”

“ข้าคิดว่าไม่น่ากังวลพ่ะย่ะค่ะ” เซียวหรงเหยี่ยนเดินเคียงข้างมู่หรงอวี้ไปอย่างช้าๆ “สงครามที่หนานเจียง ซีเหลียงสูญเสียกำลังทหารไปนับแสน จักรพรรดินีของซีเหลียงขึ้นครองราชย์…ภายในของซีเหลียงยังมีความขัดแย้งกันอยู่ พวกเขาไม่มีเวลามาวุ่นวายกับต้าเยี่ยนหรอกพ่ะย่ะค่ะ ต้าจิ้นเองก็เสียหายไม่น้อยเช่นเดียวกัน จักรพรรดิของต้าจิ้นไม่ใช่คนทะเยอทะยาน เขาไม่มีทางลืมความแค้นเรื่องที่หนานเยี่ยนและซีเหลียงร่วมมือกันบุกแคว้นต้าจิ้นอย่างแน่นอน! ที่สำคัญ ต้าเยี่ยนประกาศชัดเจนแล้วว่าเราต้องการเพียงฟื้นฟูระบอบการปกครองเก่าของต้าเยี่ยน ชาวบ้านล้วนเต็มใจ ต่อให้ทุกแคว้นอยากเคลื่อนทัพบุกโจมตีต้าเยี่ยนมากเพียงใด พวกเขาก็ไม่มีเหตุผลที่เพียงพอพ่ะย่ะค่ะ!”