ตอนที่ 305 แสร้ง

ตอนที่ 305 แสร้ง

สือจื่อจิ้นพูดอย่างตรงไปตรงมา

“การขึ้นไปถึงจุดนั้นมันไม่ง่ายเลย ผมไม่รู้ว่าคุณเคยได้ยินเกี่ยวกับเถาหยางหรือเปล่า พวกเขาต้องการเอกลักษณ์ที่ได้รับการยอมรับอย่างเป็นทางการ หากคุณไม่เคยได้ยิน คุณสามารถไปที่เถาหยางเพื่อดูด้วยตัวคุณเองได้ นอกเหนือจากจำนวนปีการก่อตั้งแล้ว พวกเขาถือว่ามีมาตรฐานที่ดีเลยทีเดียว”

สวี่ฉางพยักหน้าอย่างรู้เท่าทันและหัวเราะ “คุณมาเพราะเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ คนนั้นใช่ไหม ระหว่างมื้ออาหารเมื่อครู่ คุณหลิงคงมีความคิดเกี่ยวกับเถาหยางล่ะสิ ไม่อย่างนั้นคุณคงไม่มาพบผม”

สือจื่อจิ้นยอมรับออกมาอย่างไม่ปิดบัง

“ผมไม่กลัวที่พวกเขาคิดจะทำบางอย่างกับเถาหยาง ผมสามารถรับมือได้ แต่ผมก็ไม่ได้อยากให้แมลงหวี่แมลงวันมารับกวนเถาหยาง สิ่งที่ดีที่สุดคือให้ฉางจิงรับรู้ถึงความเป็นอิสระของเถาหยางและช่วยไล่แมลงเหล่านั้นออกไป”

สวี่ฉางตบไหล่เขา “ผมจะไปดูด้วยตัวเองเมื่อมีโอกาส”

สือจื่อจิ้นไม่ได้บอกซูเถาว่าเกิดอะไรขึ้นในตอนนี้

เมื่อลงไปที่ชั้นล่าง และเห็นเธอก็รู้สึกแปลก ๆ ‘ดวงตาสำรวจ’ ของเขาไม่สามารถมองทะลุเธอได้

“คุณใช้ผลึกนิวเคลียสหรือเปล่า”

ซูเถาพยักหน้าและอธิบายความขัดแย้งและการคาดเดาทั้งหมดกับฉู่หมิงและคนอื่น ๆ ให้เขาฟัง

สือจื่อจิ้นขมวดคิ้ว เขาคิดไว้แล้วว่าเมื่อซูเถาออกจากเถาหยางจะมีปัญหามากมายรอเธออยู่ข้างนอก

แน่นอนว่ามันเริ่มแล้ว

แต่เขาก็ยอมรับในความระมัดระวังของเธอ

“ผลึกนิวเคลียสมีไว้ใช้ อย่าลังเลใจเลย ถ้าคุณต้องการอีกก็บอกผมได้ อีกอย่าง สองสามวันนี้ผมจะพยายามอย่างดีที่สุดเพื่ออยู่ข้าง ๆ คุณ”

ซูเถาถามว่า “คุณไม่ต้องไปพบผู้ใหญ่เหรอ”

เธอรู้สึกเหมือนเขายุ่งมาก และโลกนี้เต็มไปด้วยผู้คนที่รู้จักเขา

สือจื่อจิ้นไม่สนใจมากเกินไป “ไม่เป็นไรหรอก”

ซูเถาจ้องที่นิ้วของเธอสักพัก “ถ้าอย่างนั้นฉันจะไม่เกรงใจแล้วนะ ฉันจะเกณฑ์คุณไปเป็นบอดี้การ์ดเป็นเวลาสองวัน เมื่อกลับไปที่เถาหยาง ฉันจะไปเรียนทำอาหารสักสองสามอย่างจากพ่อครัวฉินเพื่อทำให้คุณกินเป็นการตอบแทน”

ถึงสือจื่อจิ้นจะค่อนข้างสงสัยเกี่ยวกับการตอบแทนในครั้งนี้ แต่เขาก็ตอบตกลงโดยไม่ลังเล

ตลอดช่วงบ่ายซูเถาฟังการบรรยายสองครั้ง เพราะทางซินตูได้เชิญผู้บรรยายที่มีความสามารถมาถ่ายทอดความรู้มากมาย

แน่นอนว่าเธอไม่ลืมที่จะระวังอันตรายทุกที่ แต่มันก็ไม่มีสัญญาณอะไรเกิดขึ้นจนพวกเขาจะกลับไปที่อพาร์ตเมนต์

ซูเถารู้สึกเสียใจเพราะได้เสียเวลาไปครึ่งวันกับการใช้ผลึกนิวเคลียส

เมื่อออกมาจากศูนย์ประชุม เธอก็เห็นเหลยสิงนั่งอยู่บนหลังคาพาหนะของเขา

เมื่อเหลยสิงเห็นเธอ ดวงตาของเขาก็เปล่งประกาย จากนั้นก็กระโดดลงมาอย่างสง่างามเพื่อเดินมาหาเธอ

ใครจะคิดว่าฉู่หมิงจะนำคนเข้ามาในขณะที่เขาก้าวไปเพียงก้าวเดียวเท่านั้น “เหลยสิง! นายกำลังรอฉันอยู่เหรอ”

สือจื่อจิ้นเปิดประตูรถอย่างรวดเร็วและพูดกับซูเถาว่า “ไปกันเถอะ” จากนั้นเธอก็เข้าไปในรถและสือจื่อจิ้นก็ขับออกไป

เหลยสิงสูดควันรถเข้าไปเต็มปอด จมูกของเขาดีมาก และสามารถดมกลิ่นได้ไกลถึง 10 ไมล์ แต่ฉู่หมิงไม่สามารถดมกลิ่นได้ และยังคงขยับเข้าไปใกล้เขามากขึ้น

แต่เหลยสิงไม่สนใจเธอ เขาเดินตรงไปที่รถอันทรุดโทรมของเขา พร้อมกับสตาร์ทเครื่องยนต์เสียงดัง และล้อหลังก็เหวี่ยงฉู่หมิงจนเสียหลักล้มลงไป

หั่วเสอกระโดดเข้าไปในรถและตะโกนใส่เธอ

“นายหญิง ยอมแพ้เถอะ! ถ้าคุณยังอยากกินดิน พรุ่งนี้ก็ตามผมมาแล้วกัน!”

ฉู่หมิงกำลังจะถูกบดขยี้

เติ้งจื่อฉิงวิ่งเข้ามาเห็นสภาพที่น่าสังเวชของฉู่หมิง ก็มอบกระดาษแผ่นหนึ่งกับเธอ “รีบเช็ดเข้า”

ฉู่หมิงนำทิชชู่มาเช็ดตาและปาก พร้อมกับโยนมันลงบนพื้น เธอสะบัดศีรษะแล้วเดินออกไป ฝีเท้าหนักจนเหมือนจะเหยียบพื้นให้เป็นรู

หลังจากเดินไปได้สองก้าว เธอก็หันกลับมาและกัดฟันพูดกับเติ้งจื่อฉิง “สิ่งที่เธอพูดจะต้องสำเร็จ!”

เติ้งจื่อฉิงยังคงเงียบและไม่ตอบ เธอแค่คิดขึ้นมาว่าจะสำเร็จหรือไม่ขึ้นอยู่กับวิธีการจัดการ มันไม่ใช่ธุระของเธอ

จู่ ๆ จั๋วเอ่อร์เฉิงก็ปรากฏตัวขึ้นข้างหลังเธอ “นายหญิงฉู่พูดอะไรกับคุณ”

เติ้งจื่อฉิงตกใจและพูดออกมาอย่างสงบ แต่เธอไม่ได้พูดเรื่องราวทั้งหมด

“เธอขอให้ฉันช่วยจีบกัปตันเหลยแห่งกลุ่มเป้าถู เธอให้ฉันช่วยออกไอเดีย บอกฉันว่าต้องสำเร็จ แต่ฉันไม่รู้ว่ามันจะสำเร็จไหม ขึ้นอยู่กับว่าเธอจะทำอย่างไร”

จั๋วเอ่อร์เฉิงไม่สงสัย เขายิ้มอย่างนุ่มนวล

“อืม ผมดีใจนะที่คุณมีเพื่อน แต่ฉู่หมิงไม่เหมาะที่จะคบเป็นมิตรอย่างลึกซึ้ง เธอไม่ฉลาด เธอเรียนรู้แต่การใช้กำลัง บางทีคุณควรหาคนที่มีประโยชน์เป็นเพื่อนด้วย”

เติ้งจื่อฉิงถามอย่างระแวดระวัง “เอ่อร์เฉิง คุณลองยกตัวอย่างให้ฉันได้ไหม อย่างเช่นใคร”

“คนจากเถาหยาง”

แม้ว่าสือจื่อจิ้นจะเตือน แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะยอมทิ้งเนื้อชิ้นใหญ่อย่างเถาหยางไป

เขาต้องทำความรู้จักเถาหยางเพิ่มเติม และจะเป็นการดีที่สุดถ้าสามารถเข้าไปเป็นผู้เช่าของเถาหยางและติดต่อกับเถ้าแก่ตัวจริงที่อยู่เบื้องหลัง

เมื่อถึงเวลานั้นถ้าเถ้าแก่ของเถาหยางให้ซินตูผูกขาดการซื้อขายเสบียงแต่เพียงผู้เดียว สือจื่อจิ้นก็ไม่สามารถหยุดเขาได้

เติ้งจื่อฉิงรู้สึกว่าฟังดูคุ้น ๆ และพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง “ฉันเข้าใจแล้วค่ะ”

จั๋วเอ่อร์เฉิงพอใจกับเธอมาก รอยยิ้มของเขาจึงสื่อความรักถึงเธอมากขึ้น และมองเธอราวกับว่าเธอเป็นรักแท้ของเขา

เติ้งจื่อฉิงจดจ่ออยู่กับการจ้องมองของเขา แต่ทันใดนั้นเธอก็นึกถึงผู้หญิงแซ่เจียงในการประชุมวันนี้ เธอไม่ได้เปิดเผยความสัมพันธ์ของเธอกับจั๋วเอ่อร์เฉิง

เธออดไม่ได้ที่จะถาม “คุณเจียงคนนั้น…”

จั๋วเอ่อร์เฉิงรีบแย้งขึ้นมาเบา ๆ “เธอไร้เหตุผล อีกไม่นานเธอก็จะหายไป ไม่ต้องกังวลนะ”

เติ้งจื่อฉิงมีความสุขขึ้นมาเล็กน้อย

มีผู้หญิงมากมายรายล้อมชายผู้นี้เหมือนเขาอยู่ท่ามกลางทุ่งดอกไม้ แต่นอกเหนือจากเธอแล้ว ผู้หญิงพวกนั้นทั้งหมดกำลังเหี่ยวเฉาอย่างรวดเร็ว

เธอไม่เคยลืมและตระหนักอยู่เสมอว่าสิ่งที่เขาต้องการไม่ใช่ผู้หญิงสวยและบอบบาง แต่เป็นภรรยาที่ฉลาดหลักแหลมที่จะช่วยเหลือเขาได้ ดังนั้นเธอจึงไม่เคยบอกคนภายนอกเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของเธอกับเขา

เธอปิดมันได้ดี จนคุณเจียงยังไม่รู้ถึงการมีอยู่ของเธอ

……

เป็นเวลาสองทุ่มกว่าแล้วเมื่อซูเถากลับมาถึงอพาร์ตเมนต์ และคนที่สือจื่อจิ้นส่งไปหาแม่แมวก็นำข่าวกลับมาด้วย

“ไม่เคยเห็นแมวดุร้ายแบบนี้มาก่อน มันซ่อนตัวอยู่ในท่อระบายน้ำ และมันข่วนใครก็ตามที่เอื้อมมือไปจับมัน มีเพียงแมวดำเท่านั้นที่เข้าใกล้มันได้ แต่มันยังไม่ยอมออกจากท่อระบายน้ำ ผมไม่รู้ว่าใช่หรือเปล่า แต่ดูเหมือนมันมีบางอย่างอยู่ในนั้น”

ซูเถามอบหั่วเยี่ยนที่หลับใหลให้เฉียนหลินช่วยดูแล และตามพวกเขาไปที่ท่อระบายน้ำที่ถูกกล่าวถึง

ทันทีที่ไปถึงที่นั่น ก็เห็นเฮยจือหม่ายืนอยู่ด้านบนและมีท่าทางกระวนกระวายใจ

ซูเถาตะโกนเรียกมัน และเฮยจือหม่ารีบวิ่งไปพร้อมกับส่งเสียงร้องไปทางท่อระบายน้ำ ราวกับว่ามันต้องการให้เธอช่วยภรรยาของมัน

ซูเถาไล่มันออกไป และโน้มตัวเข้าไปใกล้ท่อระบายน้ำ และแน่นอนว่าเธอเห็นแมวสีขาวเนื้อตัวสกปรก

ท่อระบายน้ำทิ้งเคยเป็นท่อบำบัดน้ำเสียในเมือง และภายในสกปรกมาก

มีบางอย่างอยู่ใต้ท้องของมัน และมันก็แยกเขี้ยวทุกครั้งที่ใครเข้าใกล้

มันจะสะดวกถ้าสยงไท่อยู่ที่นี่ เพื่อที่จะได้ใช้ ‘กรง’ ของเขาจับมันได้

ในที่สุดสือจื่อจิ้นก็ลงไปจับมันด้วยมือเปล่า ซึ่งตรงนั้นมีลูกแมวสองตัวที่ร่างกายแข็งทื่อมานา ตัวเล็กกว่าหั่วเสียนเล็กน้อย

ซ่งเยว่ปินที่ตามมาเห็นภาพนี้ แทบจะร้องไห้ออกมาด้วยความเจ็บปวด น้ำตาของเขาแทบจะไหลออกมา

ขณะที่กำลังดิ้นรน แม่แมวขาวก็ร้องลั่นไปที่ศพลูกของมัน

ซ่งเยว่ปินเอามือทาบหน้าอกของเขาและกระทืบเท้าด้วยความเจ็บปวด “มันคิดว่าลูกของมันยังมีชีวิตอยู่ มันเลยนอนแสร้งทำเป็นว่าให้นมลูก!”