บทที่ 333 น่ารังเกียจเกินทน
บทที่ 333 น่ารังเกียจเกินทน
“ใครอยู่ตรงนั้น?!”
เสียงฝีเท้าใครคนหนึ่งดังใกล้เข้ามา จากนั้นอู๋ฝานจึงพบว่าคนงานของโรงงานเฟอร์นิเจอร์กำลังมุ่งหน้ามาทางนี้ เพราะพวกเขาได้ยินเสียงดัง ดังนั้นจึงรีบมาตรวจสอบ
“เถ้าแก่?”
คนงานไม่คิดว่าที่อยู่ที่นี่จะเป็นอู๋ฝาน อีกทั้งสองมือของอีกฝ่ายยังจับกุมตัวชายสองคนเอาไว้ด้วย
“โทรเรียกตำรวจ” อู๋ฝานปล่อยชายทั้งสองคนพร้อมบอกกับคนงานในโรงงาน “จับตาดูพวกเขาเอาไว้ อย่าให้หนีไปไหนได้”
จากนั้นอู๋ฝานก็สำรวจชายทั้งสองคน ที่ตอนนี้กำลังลูบแขนตัวเองไปมา “เมื่อกี้นี้พูดอะไรไว้ บอกตำรวจให้เหมือนกับที่เคยพูด ถ้ากล้าเล่นตุกติก ฉันคนนี้จะตามล่าหาตัวพวกแก แล้วทำให้พิการตลอดชีวิต”
“ครับ! ครับ! ไม่กล้าครับ” คนทั้งสองรีบตอบรับพร้อมกัน กระทั่งชายคนที่เคยดุดัน ตอนนี้ยังเผยสีหน้าท่าทีชวนเวทนา เห็นได้ชัดว่าหวาดเกรงอู๋ฝานจนไม่กล้าเผยด้านดุดันเช่นที่เคยเป็นก่อนหน้านี้ออกมา
ไม่นานตำรวจก็มาถึง หลังสอบถามอู๋ฝานไปหลายคำถาม พวกเขาจึงพาคนหนุ่มทั้งสองจากไป
โรงงานเฟอร์นิเจอร์กลับคืนสู่ความสงบอีกครั้งหนึ่ง ทว่ากลุ่มคนกำลังพูดคุยกันว่าอู๋ฝานสยบคนร้ายทั้งสองเอาไว้ได้อย่างไร แม้พวกเขาสงสัย แต่ก็ไม่กล้าที่จะถามอะไรชายหนุ่มมากจนเกินไป
“ตื่นแล้วเหรอครับ” เมื่อเจ้าหย้าหนานตื่นขึ้น เธอลืมตา แต่ก็ยังปรับโฟกัสสายตาไม่ได้ จู่ ๆ เสียงของอู๋ฝานก็ดังให้ได้ยินแล้ว “เป็นยังไงบ้างครับ? ถ้ายังรู้สึกไม่ค่อยสบาย ผมว่าควรไปโรงพยาบาลนะครับ”
เจ้าหย้าหนานหันกลับไปมองอู๋ฝานอย่างมึนงง ก่อนจะเอ่ยถาม “ทำไมอยู่ที่นี่ล่ะคะ?”
“ก็เมื่อคืนคุณโทรเรียกผมมาที่นี่ จำไม่ได้เหรอครับ?” อู๋ฝานยิ้มพลางถามกลับ
“ฉันโทรเรียกเหรอคะ?” เจ้าหย้าหนานงุนงงไปครู่หนึ่ง ก่อนที่จะเผยสีหน้าแดงระเรื่อออกมา
เจ้าหย้าหนานนึกได้แล้ว เมื่อคืนนี้เธอโทรเรียกอู๋ฝานมาจริง ตอนนั้นเพราะความเหนื่อยล้า แม้จะยังพอมีสติ แต่ก็ค่อนข้างไม่ชัดเจน ในใจเธอคงคาดหวังให้มีใครสักคนมาช่วยแบ่งเบาภาระและช่วยเหลือ หลังหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา ด้วยอะไรก็ไม่ทราบ เธอกลับโทรหาอู๋ฝาน ตอนนี้พอนึกย้อนกลับไป หญิงสาวก็รู้สึกกระดากอายขึ้นมา คนในใจของเธอที่คาดหวังให้มาช่วยเหลือในยามลำบาก เป็นอู๋ฝานเองเหรอ?
“อยู่ที่นี่ตลอดเลยเหรอคะ?” เจ้าหย้าหนานเอ่ยถาม
“ไม่หรอกครับ ผมเดินวนรอบโรงงานตลอดทั้งคืนเลย” อู๋ฝานตอบกลับ “แล้วก็บังเอิญว่ามีเรื่องอื่นแทรกเข้ามาพอดี”
เมื่อได้ยินอู๋ฝานตอบว่าไม่ได้อยู่ในออฟฟิศตลอดเวลาเพื่อเฝ้าดูตัวเองหลับ เจ้าหย้าหนานใจหนึ่งก็รู้สึกผิดหวัง แต่อีกใจหนึ่งก็โล่งใจไปพร้อมกัน จากนั้นเธอจึงเกิดเอะใจกับประโยคท้ายของชายหนุ่มจนต้องเอ่ยถาม “เรื่องอะไรกันคะ?”
“มีคนร้ายมาวางเพลิงครับ” อู๋ฝานตอบกลับ
“คะ?” หลังได้ยินคำพูดของอู๋ฝาน เจ้าหย้าหนานถึงกับต้องลุกพรวดขึ้นมา เพราะลุกเร็วจนเกินไป ศีรษะเธอจึงเกิดอาการวิงเวียน ทว่าเธอไม่ได้สนใจห่วงตัวเองแล้ว ตอนนี้รีบเอ่ยปากถามชายหนุ่ม “เกิดอะไรขึ้นกันคะ? ใครที่วางเพลิง? โรงงานเฟอร์นิเจอร์ถูกเผาเหรอคะ?”
โรงงานเฟอร์นิเจอร์แห่งนี้มีสถานะเป็นสิ่งล้ำค่าในใจของเจ้าหย้าหนาน อย่างไรมันก็เป็นผลงานทั้งชีวิตของพ่อ ดังนั้นหญิงสาวจึงปรารถนาให้ไม่เกิดเรื่องใดขึ้นกับที่แห่งนี้ ครั้งก่อนที่โรงงานเกิดไฟไหม้ เธอรู้สึกผิดจนแทบตาย กล่าวโทษตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่า หลังจากเหตุการณ์นั้น ตนแทบกินนอนอยู่ที่โรงงานแห่งนี้ยี่สิบสี่ชั่วโมงเจ็ดวันต่อสัปดาห์ จนสุดท้ายก็เหนื่อยล้าสาหัสเช่นที่เกิดขึ้นเมื่อคืน
ตอนนี้เมื่อได้ยินจากอู๋ฝานว่ามีคนมาลอบวางเพลิง มีหรือเจ้าหย้าหนานจะไม่ร้อนใจขึ้นมา
“วางใจได้ครับ โรงงานเฟอร์นิเจอร์ไม่ได้เป็นอะไร ถ้าเป็น คุณจะยังนอนอยู่ที่ออฟฟิศได้เหรอครับ?” อู๋ฝานปลอบเจ้าหย้าหนาน
ได้ยินว่าโรงงานไม่ได้ถูกไฟไหม้ เจ้าหย้าหนานก็ค่อย ๆ ถอนหายใจออกมา “มันเกิดอะไรขึ้นบ้างคะ เล่าให้ฉันฟังหน่อยค่ะ”
“ครับ” อู๋ฝานพยักหน้ารับบราวนี่ออนไลน์
หลังจากนั้น อู๋ฝานจึงเล่าให้เจ้าหย้าหนานทราบว่าเมื่อคืนเกิดเรื่องใดขึ้น รวมถึงคำสารภาพจากคนร้ายทั้งสอง
“ฝีมือไอ้ชั่วคนนั้นจริงสินะคะ!” หลังได้ยินคำบอกเล่าของอู๋ฝาน เจ้าหย้าหนานก็โกรธจนแทบเดือดพล่าน
“ผมคิดว่าจากเรื่องที่เกิดขึ้น สองคนนั้นไม่น่าจะโกหกครับ อีกอย่างพวกเขาก็ไม่มีเหตุผลอะไรให้ต้องใส่ร้ายเถ้าแก่หลิวด้วย” อู๋ฝานตอบรับ
“ให้ตายสิ! ไอ้ชั่วนั่นมันจะตามจองล้างจองผลาญกันไปถึงไหน?!” เจ้าหย้าหนานสบถออกมา
เจ้าหย้าหนานทราบว่าเถ้าแก่หลิวคิดฮุบกิจการของบ้านเธอ เดิมนั้นเธอคิดขายกิจการต่อให้อู๋ฝาน เถ้าแก่หลิวจะได้ปล่อยวางจากเรื่องราวนี้เสียที แต่ก็ไม่คาดว่าอีกฝ่ายจะไม่เพียงไม่ยอมปล่อยวาง แต่ยังเลือกที่จะก่อเรื่องโดยใช้อุบายต่ำช้า
ไฟไหม้ครั้งก่อน ทำให้โรงงานเฟอร์นิเจอร์ได้รับความสูญเสียอย่างหนัก ถ้าไม่ใช่เพราะไฟไหม้ครั้งก่อน เจ้าหย้าหนานคงไม่ต้องขายโรงงานแห่งนี้ให้กับอู๋ฝาน เพราะตอนนั้นเธอไม่อาจรักษามันเอาไว้ได้อีกต่อไป ทว่าโชคดีที่ชายหนุ่มเป็นคนดี ไม่เพียงแต่แบ่งหุ้นส่วนให้ แต่ยังช่วยให้เธอจัดการคำสั่งซื้อที่เป็นกับดักนี้จนสำเร็จ
แต่เจ้าหย้าหนานก็ไม่คิดว่าเถ้าแก่หลิวจะยังตามราวีไม่จบไม่สิ้น หลังจุดไฟเผาครั้งหนึ่งแล้ว เขากลับยังคิดจุดไฟเผาครั้งที่สองอีก อีกฝ่ายคิดจัดการให้วอดวายถึงตายกันเลยหรือไง?
ก่อนหน้านี้ แม้เจ้าหย้าหนานจะรู้ว่าเถ้าแก่หลิวต้องการกิจการของครอบครัวเธอ แต่หญิงสาวก็มองว่าเถ้าแก่หลิวและพ่อของเธอนั้นก็เป็นเพื่อนที่รู้จักกันมานานหลายปี แม้ใช้อุบายต่ำช้าไปบ้าง แต่ก็ไม่ควรจะบีบเค้นถึงขนาดคิดเอาชีวิตกันถึงขนาดนี้
ตอนนี้เหมือนหญิงสาวจะปรามาสอีกฝ่ายเกินไป ตนมองเถ้าแก่หลิวในแง่ดีเกินควร การจุดไฟเผาโรงงานเฟอร์นิเจอร์ซ้ำถึงสองครั้ง มันเรียกว่ามีเจตนาเอาชีวิตเธอซะด้วยซ้ำ!
เจ้าหย้าหนานในเวลานี้ เกลียดชังเถ้าแก่หลิวอย่างถึงที่สุด หากอีกฝ่ายอยู่ตรงหน้าเธอตอนนี้ ก็ไม่อาจพูดได้ว่าจะยับยั้งใจไม่ให้ลงมือฉีกทึ้งอีกฝ่ายได้
“มันต้องได้รับผลกรรม!” เจ้าหย้าหนานเอ่ยขึ้น
“ครับ สองคนนั้นถูกจับกุมตัวไปแล้ว ผมเชื่อว่าเถ้าแก่หลิวจะตามไปในไม่ช้า” อู๋ฝานตอบรับ
เจ้าหย้าหนานพยักหน้ารับ สีหน้าของเธอในตอนนี้จึงค่อยดูดีขึ้นมาบ้าง
“ตอนนี้อย่าเพิ่งคิดถึงเรื่องพวกนั้นเลยครับ ห่วงสุขภาพตัวคุณเองก่อน” อู๋ฝานบอกด้วยความเป็นห่วง “ให้ผมพาไปส่งที่โรงพยาบาลดีไหมครับ?”
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันได้นอนพักพอสมควรแล้ว ตอนนี้กลับมามีแรง พร้อมจะลุยงานต่อไหวค่ะ” เจ้าหย้าหนานยิ้มตอบรับ
เธอที่ไม่ได้พักผ่อนให้ดีมานานหลายวัน เมื่อคืนได้นอนหลับพักอย่างสงบใจและเต็มอิ่ม
หรือบางที อาจเป็นเพราะอู๋ฝานอยู่ที่นี่?
เจ้าหย้าหนานไม่กล้าคิดต่อ
อู๋ฝานมองเจ้าหย้าหนาน พร้อมรู้สึกว่าสีหน้าเธอวันนี้ดูดีกว่าเมื่อคืนอย่างเห็นได้ชัด ดังนั้นเขาจึงพยักหน้าตอบ “ถ้างั้นพักต่อไปก่อนก็ได้ครับ ผมจะดูโรงงานให้เอง”
“ไม่เป็นไรค่ะ คุณเองก็ต้องกลับไปพัก เมื่อคืนไม่ได้นอนเลยนี่คะ” เจ้าหย้าหนานตอบกลับ “คำสั่งซื้อก็กำลังเข้าสู่ขั้นตอนสุดท้ายแล้ว อาจารย์ลู่และคนอื่นจะจัดการส่วนที่เหลือเองค่ะ คงไม่มีอะไรให้ต้องระวังหรือจับตาเป็นพิเศษแล้ว”
อู๋ฝานนึกตามและพบว่าเป็นจริงดังที่ว่า จึงพยักหน้าตอบรับ “ตกลงครับ ถ้างั้นผมขอตัวกลับก่อน หลังจากนี้ขอให้ใส่ใจตัวเองมากกว่านี้ด้วยนะครับ เรื่องงานในโรงงาน ฝากให้พวกอาจารย์ลู่ดูแลต่อบ้างก็ได้ครับ”
“ค่ะ” เจ้าหย้าหนานพยักหน้าตอบรับ
จากนั้นอู๋ฝานจึงกลับจากโรงงานเฟอร์นิเจอร์ แต่ไม่ได้กลับไปพัก แต่ตรงไปที่ร้านแทน ร่างกายของเขาได้รับการปรับสภาพให้กลายเป็นผู้ฝึกตน ดังนั้นแม้ไม่ได้นอนหนึ่งคืน ก็ไม่ได้รู้สึกว่าอ่อนล้าหรือว่าเพลียแต่อย่างใด