วันแรก :

“แล้วเธอจะไปแตะดอกบลาสซิเมเนียทำเพื่อ?”

เด็กชายที่ปกปิดตัวอยู่กรีดร้องด้วยความโกรธขณะที่เขาวิ่งอย่างเต็มกำลังโดยมีเซเลสทีเนียพาดอยู่บนไหล่อีกครั้ง ด้านหลังพวกเขานั้นมีฝูงสัตว์ประหลาดหน้าตาคล้ายแรดที่กำลังโกรธไล่ตามมาอยู่ เนื่องจากเซเลสทีเนียไม่สามารถใช้เวทย์มนตร์ได้ เด็กชายจึงทำได้เพียงแบกเธอขึ้นมาอีกครั้งและวิ่งหนีเพื่อเอาชีวิตรอด

แรดที่โกรธแค้นนั้นไล่ตามพวกเขามาตลอดทาง เด็กชายที่เห็นแบบนั้นจึงใช้เวทย์มนตร์เร่งความเร็วเพื่อพยายามทิ้งห่างฝูงมรณะที่ไล่ตามพวกเขาอยู่

คืนเดียวกันนั้น :

“ใครเค้าสั่งสอนให้ใส่น้ำตาลแทนเกลือกัน?!”

เด็กชายในเสื้อคลุมกรีดร้องขณะจับคอตัวเองเพื่อพยายามกลั้นอาเจียนขณะที่เขามองดูอาหารที่วางไว้อยู่ตรงหน้า ก่อนที่เขาจะรู้สึกผิดที่ให้เซเลสทีเนียทำอาหาร


วันที่ 4 : 

“ถ้าอยากได้น้ำผึ้งก็อย่ามายุ่งกับพวกเราสิโว้ย!” 

เด็กชายตะโกนขณะวิ่งโดยมีเซเลสทีเนียอยู่บนไหล่ โดยที่ด้านหลังเขานั้นมีฝูงผึ้งโกรธจัดที่พยายามโจมตีพวกเขาอยู่ 

คืนเดียวกันนั้น : 

“อย่างน้อยเธอก็ได้เรียนรู้ที่จะรู้ว่าอะไรดีอะไรไม่ดี” 

เขาพูดขณะที่เขากัดเค้กที่นำเสนอโดยเซเลสทีเนีย ทำให้ใบหน้าของเธอมีรอยยิ้มสดใส 

วันที่ 12 :

“ทำไมนายถึงไม่หลบกัน?”

เซเลสทีเนียถามด้วยน้ำเสียงเจ็บปวดขณะมองเด็กชายที่กำลังกุมท้องซึ่งมีเลือดไหลซึมออกมาอยู่ อาการบาดเจ็บของเขานั้นเป็นอันตราย แต่ถึงอย่างนั้นใบหน้าที่ซ่อนไว้ของเขากลับหัวเราะคิกคัก

“ถ้าฉันหลบเธอก็คงได้รับบาดเจ็บหน่ะสิ”

คำตอบของเขาทำให้เซเลสทีเนียกำมือตัวเองแน่นขึ้นด้วยความรู้สึกไร้พลังที่ปกคลุมเธอ แต่สิ่งเดียวที่เธอทำได้ตอนนี้คือช่วยดูแลบาดแผลของเขา


วันที่ 17 : 

“ทำไมเธอถึงไม่หลบกัน?” 

เด็กชายถามด้วยน้ำเสียงเจ็บปวดขณะที่เขาอุ้มเซเลสทีเนียซึ่งตอนนี้กำลังนอนอยู่บนพื้นถ้ำด้วยมือที่สั่นเทา ในขณะที่ความเจ็บปวดคร่ำครวญออกมาจากปากของเธอโดยที่ภายนอกนั้นไม่ได้มีอาการบาดเจ็บเลย ทำให้สิ่งที่เธอทุกข์อยู่นั้นมาจากภายใน 

“ถะ-ถ้าอย่างนั้น นะ-อึ๊กก! นายกะ-ก็จะดะ-ได้รับ-” 

เธอไม่สามารถพูดจบได้ก่อนที่เสียงร้องอันเจ็บปวดจะหลุดออกจากปาก การกระทำของเธอแสดงให้เห็นว่าเธอต้องผ่านความเจ็บปวดมากแค่ไหน  

เด็กชายไม่พูดอะไรนอกจากมือที่กำแน่นจนเลือดไหล 

วันที่ 25 :

“ปะ-ปล่อยฉันนะ!”

เซเลสทีเนียกรีดร้องในอ้อมกอดของเด็กชาย แทนที่จะเป็นท่าพาดไหล่แบบเดิม แต่ตอนนี้เธอกลับอยู่ในท่าอุ้มเจ้าหญิง แต่มันไม่ได้ทำให้เธอความสุขเลย ไม่ใช่จากการที่เธอถูกกอดไว้ในอ้อมแขนที่มีการป้องกัน แต่เพราะด้านหลังของเด็กชายนั้นกำลังปกป้องเธอจากการถูกสัตว์ประหลาดโจมตีและฉีกเป็นชิ้นๆ และพยายามจะกินเนื้อของเขา

ตอนนี้พวกเธอตกอยู่ในสถานการณ์นี้ซึ่งเกิดจากเซเลสทีเนีย เนื่องจากเธอเป็นคนฉลาดและมีไหวพริบ เธอจึงไม่จำเป็นต้องศึกษาภูมิประเทศ, สัตว์และพืชของโลก ไม่ใช่ในตอนที่ไม่มีอะไรที่สามารถทำร้ายเธอได้ และเพราะเหตุนี้จึงทำให้เด็กชายที่เข้ามาแทนที่ในใจเธอแล้วต้องทนทุกข์ทรมาน

“มะ-ไม่มีทาง”

เด็กชายตอบพร้อมกับจับเธอไว้แน่นขึ้นขณะรับการโจมตีที่รุนแรง เลือดของเขาไหลอาบอยู่เต็มหลังขณะที่เสียงคำรามดังก้องเต็มหูของเซเลสทีเนีย

“ออกไปซะ”

เขากรีดร้องขณะที่ดาบของเขาฟาดกลับไป การเคลื่อนไหวอย่างกะทันหันของเขาทำให้สัตว์ร้ายถูกทำให้ถอยกลับไปก่อนจะมีดาบพุ่งเข้าไปที่คอของหนึ่งในนั้นและจบชีวิตของมันลง ในขณะที่อีกตัวหนึ่งคำรามด้วยความโกรธเพื่อใช้เสียงร้องของมันในการเรียกพวกของมันที่มีมีลักษณะคล้ายช้างผสมเสือตามมา

“หนี!”

เซเลสทีเนียกรีดร้อง และเด็กชายก็เชื่อฟังด้วยการพุ่งหนีไป 

สัตว์ร้ายไล่ตามพวกเขามาจนมาอยู่ในพื้นที่ปิดที่เต็มไปด้วยโคลน ทำให้ยากสำหรับพวกเขาที่จะเคลื่อนไหวต่อไป 

ใช้เวลาไม่นานนักพวกเขาก็ถูกความกระหายเลือดล้อมล้อมอีกครั้ง

“ชักจะยุ่งยากแล้วสิ”

เด็กชายขณะที่ใบหน้าที่ซ่อนเร้นของเขาตอนนี้กำลังมองดูศัตรูเพื่อพยายามประเมินความสามารถของพวกมัน

“ตรงนี้ปลอดภัย”

เขาพูดขณะที่วางเซเลสทีเนียไว้ข้างหลังตัวเองข้างในฟองอากาศป้องกัน โดยที่การประท้วงของเธอไม่สามารถทำให้เขาเปลี่ยนใจได้ 

ดาบในมือของเขาถูกยกขึ้นชี้ไปทางสัตว์ร้ายข้างหน้า โดยที่เขาหันหลังให้เธอ ทำให้เธอมองเห็นมุมมองของเด็กชายที่เต็มใจทำเพื่อปกป้องเธอ

“เข้ามา”

เด็กชายพูดและในขณะที่เขาพูดนั้นเอง เหล่าสัตว์ร้ายก็คำรามพร้อมกับกระโดดเข้าหาเขาด้วยความตั้งใจที่จะฆ่า

ครึ่งชั่วโมงต่อมา :

“ทำไมกัน?”

เธอถามขณะจับร่างที่กำลังจมโคลนของเขาขึ้นมา 

โคลนเปรอะพวกเธอทั้ง 2 คน แต่เซเลสทีเนียก็ไม่ได้ใส่ใจ แม้กระทั่งตอนนี้เธอก็ไม่สามารถมองหน้าเขาได้จากผลของเสื้อคลุมที่เขาสวมอยู่ซึ่งดูเหมือนจะทำหน้าที่เช่นเดียวกับผ้าคลุมหน้าของเธอ 

แม้ว่าเลือดและน้ำตาของเธอจะหยดใส่เขา ใบหน้าของเขายังคงถูกซ่อนเอาไว้อยู่เหมือนเดิม ไม่มีแม้แต่ร่องรอยของการหลุดออกไป

ศพของสัตว์ร้ายนอนอยู่รอบตัวพวกเธอ พวกมันทั้งหมดถูกฆ่าและฉีกเป็นชิ้นๆ ในขณะที่เด็กชายแทบจะไม่สามารถรักษาชีวิตของตัวเองเอาไว้ได้

“เพียงเพราะว่า…”

เขาตอบพร้อมกับหัวเราะขึ้นมา


วันที่ 34 : 

“สวยจัง” 

เซเลสทีเนียพูดขณะมองดูดวงจันทร์ที่สวยงามบนท้องฟ้า ตอนนี้ทั้ง 2 คนกำลังนั่งอยู่บนยอดเขา โดยมีความงามของป่าที่ล้อมรอบพวกเขาไว้ ในขณะที่ดวงดาวระยิบระยับสดใส ดูเหมือนอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม  

ที่ปลายเนินเขาพวกเขานั่งเคียงบ่าเคียงไหล่กันด้วยระยะห่างระหว่างพวกเขาที่หายไป 

เซเลสทิเนียซึ่งไม่เคยใกล้ชิดกับชายอื่นนอกจากพ่อของเธอ ตอนนี้กำลังนั่งไหล่ชนกัน โดยไม่แสดงอาการไม่สบายใจเลย ไม่เลยหลังจากสิ่งที่พวกเธออยู่ด้วยกัน ไม่เลยหลังจากสิ่งที่พวกเธอต่อสู้มาด้วยกัน ความรู้สึกสงบปกคลุมพวกเธอขณะที่นั่งอยู่ด้วยกัน แต่สิ่งที่แปลกที่นี่คือความจริงที่ว่าไม่มีใครเปิดเผยใบหน้าที่แท้จริงให้กับอีกฝ่ายเห็นเลย 

แม้ว่าพวกเขาจะผ่านเรื่องราวมากมายมาด้วยกัน แต่ทั้ง 2 คนก็ยังไม่เคยเห็นหน้ากันเลย ทางเทคนิคแล้วมันเป็นการตัดสินใจร่วมกันระหว่างพวกเขาทั้ง 2 คน การตัดสินใจที่ว่ามันยังไม่ถึงเวลา 

มือของเด็กชายค่อยๆ เคลื่อนไปทางมือขวาของเซเลสทีเนียอย่างช้าๆ ในตอนแรกมันเป็นการสัมผัสเล็กๆ น้อยๆ เธอได้รับความสั่นสะเทือน แต่เธอก็ไม่ได้ถอยกลับ เมื่อได้รับความมั่นใจ การกระทำของเด็กชายก็โดดเด่นยิ่งขึ้นเมื่อเขาประสานมือกับเธอให้เป็นหนึ่งเดียวกัน 

ตลอดการกระทำนี้นั้น เซเลสทิเนียมีอาการหน้าแดงเล็กๆ เต็มไปหมด แต่เธอก็ไม่ได้ปฏิเสธเขา เนื่องจากเธอเองก็รู้สึกสบายใจกับการเคลื่อนไหวของเขาและเธอเองก็จับมือเขากลับไปด้วยเช่นกัน  

หัวของเธอที่แม้จะอยู่สูงกว่ากลับเอียงไปทางไหล่ของเขาพร้อมกับดวงตาของเธอที่เปล่งประกายเจิดจ้ายิ่งกว่าดวงดาวที่ส่องสว่างบนท้องฟ้า 

“ฉันจะทำอาหารเย็นวันนี้เอง เธออยากกินอะไรรึเปล่า?” 

เด็กชายถามขึ้นมา 

“คืนนี้ฉันต้องการอะไรที่พิเศษหน่อย” 

เธอตอบพร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้า 

วันที่ 40 :

“นายจะเข้าเรียนที่สถาบันบาบิโลนหลังจากนี้งั้นเหรอ?”

เซเลสทิเนียถาม ขณะที่เธอนอนอยู่บนพื้นหญ้าเย็นโดยให้ศีรษะพาดไหล่ของเด็กชาย มือของเธอจับและพันเข้ากับเขา ผมสีขาวของเธอปลิวไปรอบๆ รอยยิ้มบนใบหน้าที่ซ่อนอยู่ของเธอขณะจับมือเขาไว้ใกล้ๆ

“ใช่ เราจะไปที่นั่นด้วยกัน”

เด็กชายพูดขึ้น

“เหมือนมีน้องชายเลยนะ”

เซเลสติเนียตอบขณะเพลิดเพลินไปกับสายลมยามค่ำคืน


วันที่ 50 : 

“ทำไมไม่เดินให้เร็วกว่านี้!” 

เซเลสทิเนียตะโกนใส่เด็กชายด้วยดวงตาที่เหนื่อยล้า ความสุขในโลกนี้หายไปจากชีวิตของเธอแล้ว ทำให้เธอในแต่ละวันทนไม่ไหวมากขึ้นเรื่อยๆ วิธีดั้งเดิมที่เกิดขึ้นตอนนี้กำลังเป็นปัญหากับเธอ เมื่อการผจญภัยเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า  

เด็กชายทำได้เพียงพยายามทำให้เธอสงบลง 

“โอเค เรามาลองกัน” 

ในที่สุดเด็กชายก็ยอมแพ้ 

ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาการเดินทางของพวกเขาก็เริ่มเร็วขึ้น ในขณะที่อารมณ์ของเซเลสทีเนียเริ่มหงุดหงิดมากขึ้นเรื่อยๆ นี่ไม่ใช่แค่เพราะไลฟ์สไตล์ของเธอในปัจจุบันเท่านั้น แต่ยังมาจากผนึกในตัวเธอที่ระงับความอดทนที่แท้จริงและการคิดอย่างสงบที่คอยดึงเอาด้านดั้งเดิมของเธอออกมา

นี่เป็นเหตุผลหลักที่ทำให้ความรู้สึกระหว่างพวกเขาพัฒนาอย่างรวดเร็วแต่ก็ถึงขีดจำกัดแล้ว เทพมังกรไม่คิดว่าเซเลสทีเนียจะอยู่ที่นั่นนานขนาดนั้น มันคิดว่าเธอจะยอมแพ้และกลับไปยังอาณาจักรมังกรที่ซึ่งผนึกจะถูกปลดออกแต่มันคิดผิด

เมื่อวันเวลาผ่านไปความรำคาญและความโกรธของเซเลสทีเนียก็เพิ่มขึ้น ความฉลาดที่เธอแสดงในช่วงวันแรกๆ ก็ค่อยๆ หายไป ในขณะที่ความโกรธและความข้องขัดใจทั้งหมดของเธอเริ่มถูกโยนใส่เด็กชาย เขาไม่ได้พูดอะไรสักคำบ่นในขณะที่เขารับพวกมันทั้งหมดเอาไว้ ความรู้สึกของเขาที่มีต่อเธอคือสิ่งที่คอยควบคุมเขาเอาไว้อยู่ แต่เมื่อถึงจุดๆ หนึ่ง ทุกอย่างก็ต้องพังทลายลง

 

 

 

-Donate-

True Money Wallet ID : mraxzy 

ไทยพาณิชย์ : 4051572923 //ชาคริต