ตอนที่ 175 ร่างอสูรวิญญาณ!
“อาจารย์หลี่ ทําไมเราถึงต้องเลือกที่จะเป็นมนุษย์ที่ชั่วร้ายด้วย! เราภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของเผ่าพันธุ์จิ้งจอก! ทําไมเราถึงใช้ร่างมนุษย์ที่ด้อยกว่าเมื่อเราไปถึงระดับอสูรวิญญาณ! มันไม่สมเหตุสมผลเลย!” นักเรียนชายชุดดําคนหนึ่งจากคลาสชั้นสูงตะโกนเสียงดังด้วยความไม่เห็นด้วย
แผนกการศึกษาไม่เคยขาดเยาวชนเลือดร้อน โดยเฉพาะเด็กนักเรียนจากคลาสชั้นสูงที่มีความเย่อหยิ่งและดื้อรั้นมาก
นักเรียนส่วนใหญ่จากคลาสชั้นสูงไม่กลัวอาจารย์จากแผนกการศึกษา
ถ้านักเรียนของคลาสปฏิบัติการ และคลาสผู้ตรวจสอบเป็นคู่แข่งกันตลอดกาล คู่แข่งตลอดกาลของคลาสชั้นสูงก็คืออาจารย์ทั้งหมดในแผนกการศึกษา เนื่องจากนักเรียนจากคลาสชั้นสูงไม่ชอบให้ใครมาสั่ง รวมทั้งอาจารย์ทั้งหลาย
หลังจากที่นักเรียนชุดดําตะโกนแสดงความไม่เห็นด้วยอย่างภาคภูมิใจ นักเรียนคนอื่นๆ ในชั้นเรียนก็เริ่มส่งเสียงดังและประท้วงด้วย
“ใช่แล้ว! เราเป็นเผ่าจิ้งจอกที่น่าภาคภูมิใจ ทําไมเราถึงต้องใช้ร่างมนุษย์ที่น่าเกลียดในท้ายที่สุดด้วยล่ะ ฉันไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่คุณพูดเลยอาจารย์หลี่!”
“ฉันสงสัยมากว่าทําไมแผนกการศึกษานี้ถึงเน้นให้เราแปลงร่างเป็นมนุษย์ในอาคารนี้ ฉันได้กลิ่นการสมรู้ร่วมคิดที่นี่! บางที่ผู้บริหารระดับสูงของแผนกการศึกษาทั้งหมดอาจเป็นมนุษย์ปลอมตัวมารึเปล่า?
“ฉันมีร่างมนุษย์นี้ก็เพียงพอแล้ว! ฉันเป็นสุนัขจิ้งจอกและฉันภูมิใจในสิ่งนั้น! ทําไมฉันถึงต้องใช้ร่างมนุษย์ที่น่าเกลียดไม่มีขนด้วย!”
“อาจารย์หลี่ คุณเป็นผู้ชื่นชมมนุษย์หรือทาสของมนุษย์งั้นหรอ! ทําไมคุณถึงแนะนําให้เราเลือกที่จะละทิ้งร่างอสูรของเราเพียงเพื่อเอาร่างมนุษย์ที่ด้อยกว่านั่นด้วย! โอ้… บางทีคุณอาจกลัวว่าวันหนึ่งเราจะแซงหน้าคุณ นี่คุณกําลังพยายามจะหลอกพวกเราใช่มั้ย!”
นักเรียนในชั้นเรียนยิ่งไม่พอใจมากขึ้นไปอีก และใกล้จะก่อจลาจลแล้ว
“ใจเย็นๆ ก่อนทุกคน! ฉันจะอธิบายทุกอย่างโดยเร็ว แล้วคุณจะเข้าใจว่าทําไม” อาจารย์หลี่พูดด้วยน้ําเสียงสงบในขณะที่โบกมือขวา
ด้ายสีขาวจาง ๆ ออกมาจากมือขวาของเขา และกระจายไปทั่วห้องเรียน นักเรียนทุกคนในชั้นเรียนไม่รู้ว่าด้ายสีขาวจางๆ เหล่านี้มีไว้เพื่ออะไร ดังนั้นพวกเขาจึงยกระดับการป้องกันสูงสุด และพยายามปิดกั้นมันด้วยมือของพวกเขา
น่าเสียดายที่ด้ายสีขาวจาง ๆ ผ่านมือของพวกเขาเหมือนกับ [ร่างเทพ] ของถังลี่เสวี่ย และเข้าไปในหน้าอกของพวกเขา ด้ายสีขาวจาง ๆ แต่ละเส้นเข้าไปในอกของนักเรียน
แม้แต่ถังลี่เสวี่ยก็ไม่สามารถปิดกั้นด้ายสีขาวจาง ๆ นี้ได้ และทําได้เพียงเฝ้าดูเมื่อด้ายสีขาวจาง ๆ เข้ามาในอกของเธอเหมือนคนอื่น ๆ
ทันทีที่ด้ายสีขาวจางๆ เข้ามาที่หน้าอกของเธอ เธอรู้สึกสบายมาก และจิตใจของเธอก็ใสกระจ่าง ความปั่นป่วน ความโกรธ และความไม่พอใจในหัวใจของทุกคนถูกลบออกอย่างสมบูรณ์ ความสงบและความสงบเข้ามาแทนที่
“อะไรกันเนี่ย! เชือกสีขาวนี้ทําให้ทุกคนสงบลงได้อย่างนั้นหรือ! หมายความว่าอาจารย์คนนี้สามารถควบคุม ความรู้สึกของทุกคนได้ด้วยความสามารถขั้นเทพของเขาใช่มั้ย ใช้เพียงแค่ปลายนิ้วของเขางั้นหรอ?… ไม่มีผู้สอนปกติในอาคารการศึกษานี้จริงๆ! แต่ละคนช่างชั่วร้ายยิ่งนัก! ถังลี่เสวี่ยจ้องที่อาจารย์หลี่ด้วยความประหลาด
ใจ
“มีเหตุผลที่เป็นไปได้ว่าทําไมฉันถึงพูดอย่างนั้น วันนี้ฉันจะอธิบายข้อดีของทั้งสองอย่างช้าๆ เพื่อให้ทุกคนสามารถคิดอย่างรอบคอบ และเลือกสิ่งที่ถูกต้องที่สุดสําหรับตัวคุณเองหลังจากที่คุณถึงจุดนั้นแล้ว” อาจารย์หลี่เอาใจนักเรียนทุกคนด้วยคําพูดของเขา
“ทางเลือกแรกคืออยู่ในร่างอสูรของคุณ ไม่มีอะไรพิเศษในตัวเลือกนี้เพราะคุณจะเลื่อนระดับไปสู่ระดับต่อไป ตามปกติหลังจากที่คุณได้รับการล้างวิญญาณ คุณจะได้รับความสามารถขั้นเทพใหม่และแข็งแกร่งขึ้น” อาจา รย์หลื่อธิบายอย่างเกียจคร้าน แต่ถึงหลี่เสวี่ยสามารถตรวจพบคําดูถูกเหยียดหยามในคําพูดของเขาได้
“แต่ฉันต้องเตือนคุณทุกคน เมื่อคุณเลือกตัวเลือกนี้ อันดับสูงสุดที่คุณจะไปถึงได้ก็มีเพียงระดับเทพอสูร แน่นอนว่าตัวเลือกนี้ไม่ได้แย่เสมอไป เพราะความเสี่ยงนั้นต่ํากว่าตัวเลือกที่สองมาก ส่วนใหญ่สุนัขจิ้งจอกในสถาบันจิ้งจอกนับหมื่นก็เลือกตัวเลือกนี้อยู่ดี” อาจารย์หลี่เดือนสั้นๆ
อันที่จริงอาจารย์หลีไม่กล้าแม้แต่จะพูดถึงโอกาสที่จะวิวัฒนาการเป็นระดับเทพอสูร เมื่อพวกเขาเลือกตัวเลือกแรกนี้ มันน้อยมากจนแทบจะเป็นไปไม่ได้ เพราะมันจะทําให้อาจารย์ฝึกคนอื่นๆ เดือดดาลที่เลือกตัวเลือกแรกนี้หากพวกเขาได้ยินนักเรียนของพวกเขาในภายหลัง
แน่นอนว่าเรื่องราวจะแตกต่างออกไปหากพวกเขาสามารถหาสมบัติล้ําค่าที่สุดอย่าง [หินปลุกพลัง] ของถังลี่เสวี่ยได้
“อาจารย์หลี่ มีระดับที่สูงกว่าระดับเทพอสูรจริงหรือ! ฉันได้ยินมาว่ามันเป็นแค่ตํานาน!” นักเรียนชุดสีฟ้าคนหนึ่งยกมือขึ้นและถาม
“ระดับที่สูงกว่าระดับเทพอสูรมีอยู่จริง! แต่ฉันจะไม่คุยกับพวกคุณทุกคนเพราะมันอยู่นอกหัวข้อของบทเรียน ปัจจุบันของเราสําหรับวันนี้” อาจารย์หลี่ตอบคําถามของนักเรียน
โอ? เทพอสูร? นั่นคือสิ่งที่เรียกว่าอสูรระดับ [โบราณ] ในโลกอมตะ! และเผ่าพันธุ์อสูรในโลกอมตะ ก็รู้ดีว่ามีระดับที่สูงกว่าระดับ [โบราณ] อยู่หลายระดับ… ฉันหมายถึงระดับที่สูงกว่าเทพอสูร
ฉันสงสัยว่ามีอสูรใดในโลกอมตะที่สามารถวิวัฒนาการไปสู่ระดับนั้นได้? ตาม [คู่มือมือใหม่โลกอมตะ] มีเกรดสูงกว่า [โบราณ] อีกหกเกรดในโลกแห่งเทพ
ถังลี่เสวี่ยจับคางของเธอด้วยนิ้วที่เรียวยาว ในขณะที่คิดอย่างลึกซึ้ง
“ทางเลือกที่สองคือการได้ร่างมนุษย์ ตัวเลือกนี้น่าสนใจจริงๆ! ตอนแรกฉันก็เหมือนกับพวกคุณทุกคน และคิดว่าทําไมพวกเราเผ่าอสูรที่น่าภาคภูมิใจต้องเปลี่ยนเป็นมนุษย์ แต่วิธีคิดแบบนี้มันผิด! ผิดมาก!” น้ําเสียงของอาจารย์หลี่ดูเคร่งขรึม และทําให้นักเรียนทุกคนในห้องเรียนตึงเครียด
“ตอนนี้ฉันจะอธิบายขั้นตอนของการที่ตัวเลือกที่สองนี้ที่จะวิวัฒนาการเป็นอสูรวิญญาณ และคุณจะเข้าใจเหตุผลที่ฉันพูดอย่างนั้น” อาจารย์หลื่อธิบายอย่างระมัดระวังทีละขั้นตอน และนักเรียนทุกคนในห้องเรียนก็ฟังเขาอย่างตั้งใจในครั้งนี้
นักเรียนทุกคนที่นี่รวมถึงถังลี่เสวี่ยรู้อยู่แล้วว่าพวกเขาจะสูญเสียทักษะ ความสามารถขั้นเทพ และพละกําลังทั้งหมดของพวกเขาในชั่วขณะหนึ่งหากพวกเขาเลือกตัวเลือกที่สอง
พวกเขาจะไม่ต่างจากมนุษย์ทั่วไป พวกเขาจะมีตันเถียน และพวกเขาสามารถฝึกฝนได้เหมือนมนุษย์คนอื่น ๆ แต่ศักยภาพของพวกเขาจะสูงกว่ามนุษย์ที่ชั่วร้ายที่สุดอย่างมาก
แต่หลังจากที่พวกเขาไปถึงระดับหนึ่งของการฝึกฝน พลังที่อยู่เฉยๆ ของพวกเขาในฐานะอสูรจะถูกปลุกให้ตื่นอย่างสมบูรณ์ ไม่เพียงแต่พวกเขาจะได้รับทักษะ ความสามารถขั้นเทพ และความแข็งแกร่งกลับคืนมาในฐานะอสูรเท่านั้น พวกเขายังประสบความสําเร็จในการก้าวไปสู่ระดับอสูรวิญญาณด้วย
อย่างนั้นแล้วพวกเขาทั้งหมดจะไม่มีความเสี่ยงสูงหรอ ที่จะถูกล่าโดยมนุษย์หรือพวกสัตว์ป่า ในเมื่อพวกเขาอยู่ในสภาพที่อ่อนแอที่สุด และพลังทั้งหมดก็ถูกผนึกเอาไว้?
คําตอบคือ ไม่!
พวกเขาจะได้รับมากกว่านั้น!
นักเรียนทุกคนในชั้นเรียนรวมทั้งยังลี่เสี่ยต่างกลั้นหายใจรอคําอธิบายต่อไปของอาจารย์หลี่
อาจารย์หลิ่มองไปที่การแสดงออกอย่างกระตือรือร้นของนักเรียนทุกคนและพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ
“พวกคุณทุกคนน่าจะรู้อยู่แล้วว่าคุณจะมีจิตวิญญาณการต่อสู้เมื่อเลือกได้ร่างมนุษย์แล้วใช่ไหม?” อาจารย์หลี่ถามนักเรียนทุกคน และทุกคนก็พยักหน้าเหมือนกลุ่มนกหัวขวาน
“พวกคุณทุกคนก็น่าจะรู้อยู่แล้วเหมือนกันว่าวิญญาณธาตุทั้งหมดเป็นที่รักของธรรมชาติ และพวกมันเป็นเผ่าพันธุ์ที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกอมตะใช่ไหม” อาจารย์หลี่ถามอีกครั้ง และนักเรียนทุกคนก็พยักหน้าพร้อมกันอีกครั้ง
มันไม่ได้พูดเกินจริงเลยที่จะบอกว่าวิญญาณธาตุทั้งหมดเป็นเผ่าพันธุ์ที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกอมตะ
แม้แต่โม่ของหลินที่มีการฝึกฝนสูงก็ยังประสบปัญหามากมายในการจับเปลวไฟแห่งความภาคภูมิใจมาก่อน และมันก็ยังอยู่ในรูปแบบตัวอ่อนที่อ่อนแอที่สุดด้วย!
อันที่จริงความแข็งแกร่งของถังลี่เสวี่ยในปัจจุบันในฐานะสัตว์อสูรระดับ [ไม่ธรรมดา] ยังต่ําเกินไป และไม่สามารถแสดงพลังที่แท้จริงของเปลวไฟแห่งความภาคภูมิใจในปัจจุบันได้
เธอยังลากระดับพลังของฟีนิกซ์สีน้ําเงินแห่งความภาคภูมิใจในตันเถียนลงไปถึงระดับปัจจุบันของเธออีกด้วย และทําให้ต้องใช้เวลาพักฟื้นนานในการเติมพลังหลังจากวิวัฒนาการ
โดยปกติหลังจากดูดกลืนผู้ใช้ระบบจะทําหน้าที่เป็นถังเชื้อเพลิงสําหรับวิญญาณธาตุประเภทวิญญาณ เช่น ฟีนิกซ์สีน้ําเงินแห่งความภูมิใจ ในขณะที่วิญญาณธาตุประเภทวิญญาณจะทําหน้าที่เป็นอาวุธเพื่อกําจัดศัตรูทั้งหมด
อย่างไรก็ตาม ถังลี่เสวี่ยปัจจุบันไม่สามารถให้เชื้อเพลิงที่เพียงพอสําหรับฟีนิกซ์สีน้ําเงินแห่งความภาคภูมิใจ ดังนั้นจึงถูกบังคับให้นอนเป็นเวลานานเพื่อชาร์จพลังอย่างช้าๆ
แต่ถังลี่เสวี่ยไม่สามารถตําหนิเรื่องนี้ได้ เนื่องจากเหตุผลที่แท้จริงคือฟีนิกซ์สีน้ําเงินแห่งความภาคภูมิใจสามารถพัฒนาได้รวดเร็วมาก เพราะมันค่อยๆดูดซับเปลวไฟสีทองเข้มจาก [ไข่มุกแห่งราชามังกรสุริยัน] เพื่อเร่งกระบวนการให้เร็วขึ้น
วิญญาณธาตุที่เป็นผู้ใหญ่อย่างแม่ของญาญ่าสามารถสังหารมนุษย์ สัตว์ร้าย หรืออมนุษย์ระดับที่สูงกว่า เธอได้อย่างง่ายดาย!
กล่าวโดยสรุป เผ่าพันธุ์วิญญาณธาตุเป็นที่รักของธรรมชาติ ดังนั้นมันจึงไม่ต้องเผชิญกับข้อจํากัดใดๆ เหมือนกันกับเผ่าพันธุ์อื่นๆ และยังสามารถเอาชนะสิ่งมีชีวิตจากเผ่าพันธุ์มนุษย์ เผ่าพันธุ์อสูร หรือเผ่าพันธุ์อมนุษย์ในระดับเดียวกับมันได้อย่างง่ายดาย
โชคดีที่วิญญาณธาตุหายากมาก ภูติธาตุประเภทวิญญาณสามารถเกิดได้ตามธรรมชาติเท่านั้น และความอุดมสมบูรณ์ของวิญญาณธาตุประเภทเอลฟ์ก็ต่ํามากเช่นกัน หากไม่ใช่เพราะปัจจัยทั้งสองนี้ โลกอมตะนี้อาจถูกพิชิตโดยเผ่าพันธุ์วิญญาณธาตุมานานแล้ว
หึ… แล้วมังกรปลอมนั่นก็พูดอย่างกับว่าแม่ของญาญ่าแข็งแกร่งพอๆกับอสูรวิญญาณระดับกลางงั้นหรอ!? ช่างเป็นเรื่องโกหก!” ถังเสวียพูดจาดูถูกเหยียดหยามเมื่อเธอจําคําพูดของมังกรปลอมได้มาก่อน
แต่คําพูดต่อไปของอาจารย์หลีทําให้จิตใจของพวกเขาแตกสลาย!
“ถ้าฉันบอกว่าคุณสามารถได้รับพรเช่นเดียวกับวิญญาณธาตุจากธรรมชาติ ถ้าคุณเสียสละจิตวิญญาณการต่อสู้ให้กับธรรมชาติ เมื่อคุณวิวัฒนาการเป็นสัตว์วิญญาณในอนาคต?” อาจารย์หลี่หัวเราะในขณะที่เขาพูดอะไรบางอย่างที่ทําให้นักเรียนทุกคนในชั้นเรียนตกใจ
นักเรียนทุกคนรวมทั้งถังลี่เสวี่ยตะลึงงันกับคําพูดของอาจารย์หลี่
“เราเรียกมันว่าร่างอสูรวิญญาณ! เฉพาะสัตว์ที่เลือกตัวเลือกที่สอง เมื่อพวกเขาวิวัฒนาการเป็นอสูรวิญญาณจะได้รับรูปแบบนี้ จริงๆ แล้วชื่อของระดับอสูรวิญญาณก็มาจากรูปแบบนี้เช่นกัน สัตว์ที่เลือกตัวเลือกแรก ไม่ควรมีสิทธิ์ถูกเรียกว่าอสูรวิญญาณ เพราะพวกเขาไม่มีแม้กระทั้งรูปแบบของอสูรวิญญาณ!” อาจารย์หลี่หัวเราะราวกับว่าเขากําลังเยาะเย้ยผู้ที่เลือกตัวเลือกแรกอยู่แล้ว
“แน่นอน ร่างอสูรวิญญาณนี้ยังมีข้อจํากัดบางอย่าง เช่น มันใช้ความแข็งแกร่งมากมายในขณะที่เราอยู่ในร่างนี้” อาจารย์หลื่อธิบายจุดอ่อนของร่างอสูรวิญญาณนี้ด้วย
“เรายังเทียบไม่ได้กับเผ่าวิญญาณธาตุที่สามารถต่อสู้ในสถานะที่ทรงพลังที่สุดได้ตลอดเวลา เนื่องจากเราสามารถรักษาร่างอสูรวิญญาณนี้ได้ในเวลาอันสั้น แต่ในขณะที่เราอยู่ในรูปแบบนี้ เราจะแข็งแกร่งพอที่จะต่อสู้กับวิญญาณธาตผู้ใหญ่!!” อาจารย์หลืมองดูนักเรียนที่ตกตะลึงในชั้นเรียน และพยักหน้าด้วยความพึงพอใจกับการแสดงออกที่ตกตะลึงของพวกเขา
อะไร? เดี๋ยวก่อน… คุณพูดว่าต้องเสียสละบางอย่าง เช่น เสียสละจิตวิญญาณการต่อสู้ของฉัน! ไอ้บ้า! ดังนั้นเราต้องเสียสละจิตวิญญาณการต่อสู้ของเรา ถ้าเราเลือกที่จะได้รับร่างมนุษย์ในภายหลัง! ไม่นะ! งูปีกทองที่เท่ห์และสง่างามของฉันจะต้องถูกสังเวยในอนาคตงั้นหรอ!! จิตใจของถังลี่เสวี่ยเริ่มกระวนกระวาย เธอตื่นตระหนกเล็กน้อยหลังจากที่เธอเข้าใจคําอธิบายของอาจารย์หลี่
“เอาล่ะนักเรียน บทเรียนของเราจบลงแล้วสําหรับวันนี้! ถ้าคุณยังไม่ชัดเจนว่าเรากําลังพูดถึงอะไร ทุกคนสามารถไปที่ห้องสมุดและอ่านเพิ่มเติมได้ในภายหลัง” อาจารย์หลี่พยักหน้าให้นักเรียนทุกคนและรีบออกจากห้องเรียนไป
เฮ้ เฮ้ เฮ้! เขาเป็นอาจารย์แบบไหนกันเนี่ย? ส่วนของคําถามและคําตอบหลังบทเรียนอยู่ที่ไหน มีหลายอย่างที่ฉันอยากถาม! ฉันไม่ต้องการที่จะสูญเสีย [งูปีกทอง] ของฉันไปนะ! มีอะไรอีกบ้างที่ฉันสามารถเสียสละเพื่อธรรมชาติ นอกเหนือจากจิตวิญญาณการต่อสู้เพื่อให้ได้ร่างอสูรวิญญาณ! อาหารอันโอชะ ทอง หรือหินวิญญาณได้มั้ย?’ ถังลี่เสี่ยตื่นจากความงุนงงของเธอ และต้องการถามอาจารย์หลี่ แต่เขาหายตัวไปจากห้องเรียนแล้ว
ถังลี่เสวี่ยลุกขึ้นจากที่นั่งของเธอ และเธอต้องการไล่ตามอาจารย์หลี่ไปเพื่อถามเขาหลาย ๆ อย่าง
น่าเสียดายที่นักเรียนชุดแดงหลายคนขวางทางเธอเอาไว้ก่อน ดังนั้นเธอจึงไม่สามารถออกจากห้องเรียน เพื่อไล่ตามอาจารย์หลีได้อีกต่อไป
ถังเสวี่ยอารมณ์เสียมากหลังจากที่เธอรู้ว่าเธอต้องเสียสละจิตวิญญาณการต่อสู้ [งปีกทอง] ของเธอ แต่ตอนนี้เธอเริ่มหงุดหงิดมากขึ้นหลังจากที่นักเรียนชุดแดงเหล่านี้ปิดกั้นเธอจากการไล่ตามอาจารย์หลี่
“เฮ้ ไอ้ขี้เหร่ คุณอยากวิ่งหนีไปตอนนี้งั้นหรอ! ฝันไปเถอะ! แต่ถ้าคุณให้เครดิตกับเราทั้งหมด และคลานมาเลียรองเท้าของเราทีละคน วันนี้เราจะออกแรงต่อสู้เพียงครึ่งเดียวให้! เป็นยังไง?” นักเรียนชุดแดงเยาะเย้ยที่ ถังลี่เสี่ย
“ฮ่าฮ่าฮ่า…คลานและเลี่ยรองเท้าของเราก็ยังผ่อนปรนเกินไปสําหรับอีตัวขี้เหร่นี้ อย่างน้อยก็ให้เธอวิ่งไปรอบ ๆ อาคารการศึกษาแห่งนี้ พร้อมเผยใบหน้าอันน่าสะอิดสะเอียนภายใต้หน้ากากนั้น! ฉันสงสัยว่าจะมีใครอ้วก หลังจากเห็นหน้าน่าเกลียดน่าขยะแขยงของเธอหรือไม่? ” นักเรียนชายชุดแดงเยาะเย้ยและเยาะเย้ยถังลี่เสวี่ย
“เฮ้อ… ฉันหวังว่าพวกคุณทุกคนจะมีเครดิตมากกว่า 5,000 เครดิตในบัตรของคุณนะ” ถังลี่เสวี่ยถอนหายใจ แต่ดวงตาสีฟ้าบุษราคัมของเธอก็เย็นชากว่าเมื่อก่อนมาก
“ทําไม?” นักเรียนชายชุดแดงเลิกคิ้วถามพลางเยาะเย้ย
“พวกคุณทุกคนจะได้มีเครดิตเพียงพอที่จะจ่ายค่ารักษาพยาบาล หลังจากที่ฉันหักกระดูกของคุณทั้งหมดออกเป็นชิ้นเล็ก ๆ ในภายหลัง” ถังลี่เสวี่ยกล่าวด้วยน้ําเสียงเย็นชา