ตอนที่ 92-1 ช่วยหรือทําร้าย
หลี่เว่ยหยางเฝ้าดูเหตุการณ์อย่างเงียบ ๆ และเห็นว่าองค์หญิงเก้าตะคอกออกมาว่า
“ข้าได้ยินมาว่ามันเป็นเพียงเพราะนางไม่สามารถให้กําเนิดบุตรชายให้กับเจ้าได้ แต่นางก็เป็นภรรยาที่ถูก ต้องตามกฎหมายของเจ้า และเมื่อครู่ข้ายังได้ยินมาอีกว่าเจ้าลดระดับของนางให้เป็นเพียงนางบําเรอของตนเอง!
เจ้าทําเช่นนี้จริงหรือไม่? อันที่จริงแล้วตามหลักกฎหมายของแควันเรา เจ้าสามารถหย่ากับนางได้ก็ต่อเมื่อนางไม่มีการให้กําเนิดเป็นเวลาเจ็ดปี! เจ้าช่างไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ํา!
ถือว่าตนเองพอจะมีฐานะ จนถึงกับค่าดูหมิ่นกฎหมายที่ตราโดยองค์จักรพรรดิ! เจ้าไม่ต้องการมีชีวิตอยู่อีกต่อไปแล้วใช่หรือไม่?”
เมื่อได้ยินคํากล่าวนี้ผู้ชายตรงหน้าก็เกิดความรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาจับใจ และปล่อยให้สตรีผู้นั้นยืนขึ้น พร้อมกับก้มหน้าด้วยความละอายใจ
หลังจากองค์หญิงเก้ารู้สึกว่าตนเองได้รักษาความยุติธรรมเอาไว้ได้ ใบหน้าของนางก็เผยให้เห็นรูปลักษณ์แห่งความพึงพอใจ และยอมรับคําชมจากทุกคนอย่างเป็นธรรมชาติ
สําหรับหลี่เว่ยหยางเมื่อเห็นว่าเหตุการณ์ตรงหน้าจบลงด้วยดีแล้ว นางก็หันหน้าไปหาหลี่หมินเต่อ พลางกล่าวว่า
“เราไปกันเถอะ!”
และในเวลานี้มีชายหนุ่มผู้ซึ่งแต่งกายสง่างามได้มายืนขวางทางของหญิงสาวเอาไว้ แม้ว่าบุรุษหนุ่มผู้นี้จะไม่ได้มีเครื่องประดับล้ําค่าเช่นเงินหรือทองคําอยู่บนร่างกายของเขาเลย
แต่รัศมีแห่งความสูงศักดิ์ของเขาก็เปล่งประกายออกมาให้เห็นอย่างเด่นชัด ประดุจหยกเนื้อดีที่สามารถดึงดูดความสนใจผู้อื่นได้เมื่ออยู่ท่ามกลางฝูงชน
คนผู้นี้นี้คือทั้งเป่าหยู เป็นเพราะเขาถูกองค์หญิงเก้ารบเร้าให้พามาเที่ยวชมงานเทศกาลโคมไฟ แต่คาดไม่ถึงว่าเขาจะได้พบกับหลี่เว่ยหยางในค่ําคืนนี้
และเขาพบว่าแม้จะมีสาวงามจํานวนนับไม่ถ้วนบนท้องถนนเดินขวักไขว่ไปมา แต่มีเพียงร่างนี้เท่านั้นที่โดดเด่นมากเป็นพิเศษ จนสามารถดึงดูดความสนใจของบุรุษรูปงามอย่างองค์ชายเจ็ดผู้นี้
ทันใดนั้นทั้งสองฝ่ายก็เผชิญหน้ากัน และทั่วเป่าหยูก็ยิ้มออกมาอย่างน่าประทับใจก่อนที่จะกล่าวว่า
“เซียนจู! ช่างเป็นเรื่องบังเอิญเสียจริง ๆ”
แต่หลี่เว่ยหยางกับยิ้มเล็กน้อยด้วยท่าทีสงบนิ่ง และไม่ได้แสดงความประหลาดใจใด ๆ ออกมาให้เห็น
“ใช่…ไม่คิดว่าองค์ชายเจ็ดจะมาเที่ยวชมโคมไฟในค่ําคืนนี้ด้วย”
อันที่จริงนางเห็นองค์ชายเจ็ดอยู่ท่ามกลางฝูงชนก่อนหน้านี้แล้ว แต่นางไม่มีเจตนาที่จะกล่าวทักทาย
ในความคิดของหญิงสาวอีกเหตุผลหนึ่งที่ช่วยองค์ชายเจ็ดคือ นางต้องการให้ทั่วเป่าเจิ้นเกิดความไม่พอใจ โดยที่นางไม่เคยให้ความสนใจกับการแย่งชิงบัลลังก์มังกรของพวกเขา
อย่างไรก็ตามตอนนี้นางถูกหยุดเอาไว้โดยทั่วเป่าหยู องค์หญิงเก้าจึงกระโดดออกมาด้วยใบหน้าที่บึงตึงพร้อมกับกล่าวว่า
“ในเมื่อท่านเหตุการณ์เมื่อครู่ แล้วเหตุใดเจ้าจึงไม่เข้าไปช่วยนาง?”
หลี่เว่ยหยางเลิกคิ้วขึ้นในทันใด
“ช่วยอันใด?”
องค์หญิงเก้ากล่าวด้วยความประหลาดใจ
“ก็ผู้หญิงคนที่ถูกสามีของนางทําร้ายเมื่อครู่นี้อย่างไรเล่า! เห็นได้ชัดว่านางน่าสงสารมาก! ท่านน่าจะช่วยนางได้”
หลี่เว่ยหยางเอ่ยถามอย่างแผ่วเบาว่า
“องค์หญิงคิดว่าท่านช่วยนางเอาไว้เช่นนั้นหรือ?”
วันนี้องค์หญิงเก้าสวมกระโปรงผ้าซาตินที่ประดับด้วยลูกปัดสีเงินแวววาว และใช้ปิ่นมุกปักไว้ที่ทรงผม ซึ่งทําให้ดูเป็นผู้ใหญ่กว่าอายุจริงของนาง
และเมื่อได้ยินเช่นนั้นก็ขมวดคิ้วขึ้นพร้อมกับกล่าวด้วยน้ําเสียงอันดังว่า
“แน่นอน!”
หลี่เว่ยหยางหัวเราะด้วยดวงตาแวววาวหลังจากได้ยินคําตอบและกล่าวว่า
“ท่าคิดผิดแล้ว ! อันที่จริงท่านได้ทําร้ายผู้หญิงคนนั้นอย่างรุนแรงต่างหาก”
“จะเป็นไปได้อย่างไร? เห็นได้ชัดว่าข้าได้ช่วยนางเอาไว้!” ใบหน้าขององค์หญิงเก้าแดงก่ํา และพยายามอย่างหนักที่จะพิสูจน์ตนเอง หลี่เว่ยหยางจึงยิ้มและกล่าวว่า
“องค์หญิง! หากท่านมิเข้าไปยุ่งกับผู้หญิงคนนั้นสามีของนางก็จะทุบตีนางเพียงเล็กน้อยเพื่อระบายอารมณ์ และจะไม่ยุ่งกับนางเอก
แต่หลังจากที่ท่านเข้าไปยุ่งกับเรื่องในครอบครัวของนางจนถึงขั้นประกาศต่อสาธารณะว่าชายผู้นั้นทําผิดกฎหมาย…ลองคิดดูว่าเขาจะจัดการกับนางอย่างไร?”
“เขาจะทําอย่างไรหรือ?…”
หลี่เว่ยหยางถอนหายใจและกล่าวว่า
“องค์หญิงลองคิดดูให้ดีแล้วจะทราบว่าเขาเป็นคนที่มีใจคอโหดเหี้ยม ดังนั้นคงเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะเปลี่ยนความคิดไปด้วยคํากล่าวเพียงไม่กี่คําของท่าน เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ได้จากไปเพียงผู้เดียวแต่เขาพาผู้หญิงคนนั้นไปด้วย!
ตอนนี้…ข้าเกรงว่าจะมีเรื่องร้ายเกิดขึ้นกับนาง! แม้ว่าท่านจะไม่ได้ฆ่านางโดยตรงแต่นางก็อาจจะตายเพราะท่าน…องค์หญิง! หรือท่านจะกล่าวว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับท่าน”
“ข้า…ข้าจัดส่งคนไปจัดการเดี๋ยวนี้!”
องค์หญิงเก้ากําลังจะโบกมือและถูกจับเอาไว้โดยองค์ชายเจ็ดขณะที่เขากล่าวว่า
“ไม่จําเป็น ข้าส่งคนตามพวกเขาไปแล้ว!”
เมื่อได้ยินเช่นนั้นองค์หญิงเก้าก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก และเมื่อหลี่เว่ยหยางเหลือบมองไปยังใบหน้าขององค์ชายเจ็ด ที่ปกติมักจะมีแต่ความเย็นชา ก็พบว่าในขณะนี้เขาสัมผัสศีรษะของน้องสาวอย่างอ่อนโยน พร้อมกับกล่าวว่า
“น้องเก้า…คราวหน้าเจ้าต้องไม่ใจร้อนแบบนี้อีก! มิฉะนั้นข้าจะไม่ช่วยเจ้าจัดการกับผลที่จะตามมา!”
องค์หญิงเก้าทําสีหน้าทิ้งตึงและไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัดจากนั้นเมื่อนึกบางอย่างขึ้นมาได้นางก็เริ่มต้นที่จะก ล่าวกับหลี่เว่ยหยางว่า
“ข้าเป็นเด็กดังนั้นจึงไม่แปลกที่จะไม่รู้เรื่องอันใดและเหตุใดเจ้าจึงมิเตือนข้า!”
หลี่เว่ยหยางแอบหัวเราะเยาะอยู่ในใจ! เนื่องจากครั้งนี้องค์หญิงเก้าทําผิดพลาดแต่นางกับรู้สึกว่ามันเป็นความผิดพลาดของผู้อื่น
นี่เป็นเรื่องที่ไร้สาระสิ้นดี!
หญิงสาวผู้คิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นริมฝีปากของนางก็โค้งขึ้นเป็นรอยยิ้ม พร้อมกับมีความเฉยเมยปรากฏขึ้นในแววตาของนาง
“องค์หญิง! แม้ว่าชายคนเมื่อครู่จะไร้หัวใจ…แต่ผู้หญิงคนนั้นก็ควรมีส่วนรับผิดชอบในเรื่องนี้ด้วยเช่นกันมิใช่หรือ? เนื่องจากนางได้ตามไปราวีเขาและทําตัวเป็นเหมือนคนบ้า! ดังนั้นถึงกลับไปใช้ชีวิตคู่อยู่ด้วยกันก็คงจะไม่มีความสุข
ข้ามีความเห็นว่านางควรจะขอบคุณผู้ชายคนนี้ด้วยซ้ํา หากเขาต้องการจะหย่าร้างจากนางจริง ๆ เนื่องจากเขามิได้แยแสและมิสามารถเป็นที่พึ่งให้กับนางได้อีกต่อไป
ดังนั้นอย่างน้อยนางก็สามารถมีชีวิตที่สงบสุขได้ในช่วงครึ่งหลังของชีวิตเพราะหากนางต้องพึ่งพาชาย เช่นนั้นจะเป็นการดีกว่าถ้านางจะบวชเป็นชี”