บทที่ 252 พิสูจน์มรรคจักรพรรดิเซียน จักรพรรดิเซียนสมบูรณ์แบบ!

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ

บทที่ 252 พิสูจน์มรรคจักรพรรดิเซียน จักรพรรดิเซียนสมบูรณ์แบบ!

ชั่วพริบตา เวลาสามสิบปีผ่านไป

ใต้ต้นฝูซัง

อู้เต้าเจี้ยนลืมตาขึ้นมองไปทางถ้ำเทวาฟ้าประทาน แววตาเต็มไปด้วยความกังวล

ถูหลิงเอ๋อร์สังเกตเห็นท่าทางของนาง จึงเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม “เจ้ากำลังกังวลอะไรหรือ ใต้หล้านี้ไม่ว่าผู้ใดต่างทะลวงล้มเหลวด้วยกันทั้งนั้น เว้นเสียแต่อาจารย์ผู้เดียวนั่นแหละที่ไม่ล้มเหลว”

คนอื่นๆ ต่างก็ลืมตาขึ้น

ไก่คุกรัตติกาลยิ้มและกล่าวว่า “ใช่ นายท่านก็ระมัดระวังถึงเพียงนั้น!”

สวินฉางอันยิ้มตามและเอ่ยว่า “ข้ากลับตั้งตารอเป็นอย่างมากว่าอาจารย์จะทะลวงถึงระดับใด”

สำหรับระดับของหานเจวี๋ยนั้น พวกเขาก็ใคร่รู้เป็นอย่างมาก

ราวกับไม่ว่าพวกเขาจะแข็งแกร่งขึ้นมากเพียงใด หานเจวี๋ยก็ดูลึกลับไม่อาจหยั่งถึงอยู่เสมอ

ฉู่ซื่อเหรินจ้องมองถ้ำเทวาฟ้าประทาน ราวกับครุ่นคิดอะไรบางอย่าง

โจวหมิงเยวี่ยนั่งอยู่ข้างกายเขา หัวเราะหึๆ แล้วกล่าวว่า “อาจารย์ ข้าใกล้จะทะลวงขั้นแล้ว ท่านก็รอจนกระทั่งข้าอยู่เหนือท่านเถิด!”

“อ้อ จริงหรือ เช่นนั้นข้าเองก็จะทะลวงเหมือนกัน”

ฉู่ซื่อเหรินพูดอย่างเกียจคร้าน เขาไม่ชอบการฝึกฝน แต่ก็ไม่อยากถูกลูกศิษย์แซงหน้า

โจวหมิงเยวี่ยขมวดคิ้ว ลอบรู้สึกไม่พอใจ

‘ข้าก็ไม่เชื่อว่าจะแซงท่านไม่ได้!’

หานอีมองไปทางหานปา ถามว่า “น้องแปด เจ้าจะทะลวงขั้นเมื่อใด”

ในบรรดาพี่น้องทั้งแปด พรสวรรค์ของหานปานั้นแข็งแกร่งมากที่สุด นี่ก็เป็นที่ยอมรับได้ทั่วไป แม้กระทั่งเรียกได้ว่าแข็งแกร่งที่สุดในสำนักซ่อนเร้น มีเพียงพรสวรรค์ของหลงเฮ่าเท่านั้นที่สามารถเทียบเคียงกับเขาได้

หานปาพูดอย่างเขินอายว่า “ใกล้แล้ว”

หลงเฮ่าอดที่จะเหลือบมองเขาและทำหน้าบึ้งไม่ได้

พรสวรรค์ของเจ้าน้ำเต้านี้ช่างไม่ธรรมดาจริงๆ ทำให้เขาผู้เป็นโอรสจักรพรรดิสวรรค์นั้นรู้สึกกดดันได้

ทุกคนพลางฝึกฝนไปพลางพูดคุยกัน

การทะลวงขั้นของหานเจวี๋ยเป็นแรงกระตุ้นให้กับทุกคน พวกเขาต่างไม่อยากถูกทิ้งห่างออกไป

แม้แต่ลี่เหยาที่นิ่งเงียบไม่พูดไม่จาก็ลอบฝึกฝนด้วยตนเองอย่างลับๆ

ภายในถ้ำเทวาฟ้าประทาน

หานเจวี๋ยเข้าสู่ช่วงสำคัญของการทะลวงขั้นแล้ว จิตวิญญาณของเขายังคงเกิดการเปลี่ยนแปลง

กระทั่งจิตวิญญาณของเขาแปรเปลี่ยนเป็นจิตวิญญาณของระดับจักรพรรดิอย่างสมบูรณ์ เขาก็จะกลายเป็นจักรพรรดิเซียน!

พลังเวทหกวิถีกับมหามรรคเวียนว่ายตายเกิด และปราณฟ้าบุพกาลกำลังผสานรวมเข้าด้วยกัน!

ไม่รู้ด้วยเหตุผลใด หานเจวี๋ยมักจะรู้สึกว่าปราณฟ้าบุพกาลในร่างกายของตนนั้นไม่ใช่ปราณฟ้าบุพกาล

เพราะเขาเคยสัมผัสถึงปราณฟ้าบุพกาลมาก่อน ในอาณาจักรฟ้าบุพกาล เป็นไปได้มากว่าหมอกโดยรอบจะเป็นปราณฟ้าบุพกาล แต่เมื่อเทียบกับพลังในร่างกายของเขานั้นกลับมีระยะห่างอยู่บ้าง

นี่คือช่องว่างระหว่างความแข็งแกร่งที่ชัดเจนอย่างหนึ่ง

พลังของเขาแข็งแกร่งขึ้น!

หานเจวี๋ยไม่ได้หมกมุ่นอยู่กับเรื่องนี้มากเกินไป อย่างไรเสียการที่แข็งแกร่งพอก็ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว

ภายในร่างของเขา มหามรรคเวียนว่ายตายเกิด ปราณฟ้าบุพกาลและพลังเวทหกวิถีเข้าไปพัวพันกับจิตวิญญาณ และด้วยความช่วยเหลือจากพลังเวท ทำให้จิตวิญญาณเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง

จิตของเขาตกสู่สภาวะสงบอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

สามารถกล่าวได้ว่าใจสงบเหมือนน้ำนิ่ง คลื่นไม่สะทกสะท้าน

จุดสนใจของเขาอยู่ที่การทะลวงขั้นอย่างสมบูรณ์แบบ จิตไม่ฟุ้งซ่าน

…..

วังสวรรค์ ภายในอุทยานหลวง

จักรพรรดิสวรรค์และชายชรากำลังนั่งดื่มอยู่ภายในศาลา ชายชราผู้นี้ก็คือผู้ที่คุยกับเต้าจื้อจุนก่อนหน้านั้น

สถานะของเขาคือเจ้าแห่งวังเทพ

“จักรพรรดิสวรรค์ คุณสมบัติกายฟ้าบุพกาลของวังสวรรค์ของพวกท่าน สามารถเรียกให้มาพบข้าหน่อยได้หรือไม่” เจ้าแห่งวังเทพเอ่ยถามด้วยรอยยิ้มหยี

จักรพรรดิสวรรค์กล่าวอย่างอารมณ์ดีว่า “ท่านจะให้เราเจอเต้าจื้อจุนได้หรือไม่เล่า”

“ฮ่าๆ ท่านยังคงเหมือนเดิม ตาเฒ่าเจ้าเล่ห์”

“เรื่องของเด็กรุ่นหลังเราอย่าไปพูดถึงกันเลย รอคนผู้นั้นของเราเติบโตก่อน คาดว่าคงต้องใช้เวลาเป็นล้านปี ในเมื่อท่านมาแล้ว เรามาพูดถึงวิธีจัดการวังปีศาจกันเถิด แม้ว่าแดนเซียนจะใหญ่โต แต่เจ้าผู้ครองดินแดนทั้งสี่ด้านบีบคั้นเกินไป”

“เผ่าเทพอีกาทองละเมิดวังเทพของข้าซ้ำแล้วซ้ำเล่า ดีเหมือนกันจะให้วังปีศาจจัดการพวกเขา”

“เราสงสัยยิ่งนักว่า ท่านไปล่วงเกินเผ่าเทพอีกาทองได้อย่างไรกัน”

“ไม่มีอะไร ก็แค่ความขัดแย้งระหว่างบุตรแห่งสวรรค์เท่านั้น เจ้าตี้หงเย่นั่นปกป้องลูกมากเกินไป ไม่สมเหตุสมผลเอาเสียเลย”

เจ้าแห่งวังเทพส่ายหน้า เมื่อกล่าวถึงเรื่องนี้ขึ้นมา เขาก็ค่อนข้างจนใจนัก

จักรพรรดิสวรรค์เผยรอยยิ้มแปลกๆ ออกมา กล่าวว่า “หากต้องการตำหนิก็ต้องตำหนิบุตรแห่งสวรรค์ของวังเทพของพวกเจ้าที่เย่อหยิ่งเกินไป เผ่าเทพอีกาทองเองก็โอหังไม่ยิ่งหย่อนกว่ากัน”

สองผู้ครองดินแดนเซียนไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้อีกต่อไป แต่พูดถึงเรื่องที่จะจัดการกับวังปีศาจอย่างไรแทน

…..

เจ็ดปีต่อมา

ในที่สุดหานเจวี๋ยก็ทะลวงขั้นได้สำเร็จ!

ระดับจักรจักรพรรดิ!

จักรพรรดิเซียนหนึ่งวัฏ!

พลังเวทในร่างกายของเขาเริ่มพุ่งทะยาน วิญญาณยกระดับ กายดาราอนธการถูกกระตุ้นอย่างสิ้นเชิง ดวงดารานับร้อยล้านก็ส่งเสียงออกมา

ครืนๆ

ทั่วทั้งเขาเพียรบำเพ็ญเซียนสั่นไหวอย่างรุนแรง

พลังที่น่าสะพรึงกลัวปกคลุมทุกผู้ทุกคนในสำนักซ่อนเร้น แม้แต่เซียนซีเสวียนและฉางเยวี่ยเอ๋อร์ที่เพิ่งกลับมาไม่นานก็อดไม่ได้ที่จะเดินออกจากถ้ำ

สวินฉางอันขยับตัวและกล่าวพึมพำ “กลิ่นอายพลังนี้…หรือว่า…เป็นไปได้อย่างไรกัน!”

กลิ่นอายจักรพรรดิเซียน!

ก่อนหน้านี้เมื่อครั้งที่เขายังอยู่ในสำนักพุทธก็เคยได้พบกับพุทธะที่กลายเป็นจักรพรรดิเซียนมาก่อน แรงกดดันในขณะนั้นยังยากจะลืมเลือนได้จนถึงบัดนี้

ที่สำคัญคืออายุของหานเจวี๋ย!

สวินฉางอันรู้ว่าชาตินี้ของหานเจวี๋ยมีอายุน้อยกว่าสามพันปี!

จักรพรรดิเซียนที่อายุน้อยกว่าสามพันปี!

ไม่อยากจะเชื่อ!

สวินฉางอันไม่สามารถที่จะระงับความตื่นเต้นของเขาได้

ฉู่ซื่อเหรินเอ่ยถามด้วยความสงสัย “อาจารย์อา นี่อาจารย์ปู่?”

คนอื่นๆ อดไม่ได้ที่จะมองไปที่สวินฉางอัน เมื่อเห็นสีหน้าของสวินฉางอันก็ชัดเจนว่าเขารู้อะไรบางอย่าง

“ไม่มีอะไร อาจารย์เพียงทะลวงขั้นสำเร็จเท่านั้น พวกเจ้าตั้งใจฝึกฝนไปเถิด กล่าวตามตรงแล้ว พรสวรรค์ของพวกเจ้านั้นก็ไม่เลวเลย ทว่าเมื่อเทียบกับอาจารย์แล้ว พวกเจ้าก็เป็นมนุษย์ปุถุชนนี่เอง รวมถึงศิษย์น้องหลงเฮ่าและศิษย์น้องหานปาด้วย”

สวินฉางอันกล่าวอย่างจริงจัง วาจาเหล่านี้ทำให้ทุกคนประทับใจ

เซียนซีเสวียนและฉางเยวี่ยเอ๋อร์อดไม่ได้ที่จะมองหน้าสบตากัน พวกนางต่างมองทะลุความตกตะลึงในแววตาของกันและกันได้เป็นอย่างดี

เหล่าศิษย์ลูกและศิษย์หลานของหานเจวี๋ยเหล่านี้พรสวรรค์ไม่ธรรมดา แม้จะยังไม่สามารถเทียบกับหานเจวี๋ยได้ก็ตาม

พรสวรรค์ของหานเจวี๋ยแข็งแกร่งเพียงใดน่ะหรือ

อีกด้านหนึ่งนั้น

ภายในถ้ำเทวา

ขณะที่หานเจวี๋ยกำลังทำตบะของตนให้เสถียร เบื้องหน้าของเขาปรากฏอักขระขึ้นมาสามบรรทัด

[ยินดีด้วย ท่านสำเร็จจักรพรรดิเซียนแล้ว ท่านมีตัวเลือกดังต่อไปนี้]

[หนึ่ง ขึ้นสู่สวรรค์ทันที กวาดล้างแดนเซียน ชื่อเสียงสะเทือนแดนสวรรค์ มีดวงชะตายิ่งใหญ่ จะได้รับชิ้นส่วนมหามรรคหนึ่งชิ้น สืบทอดพลังวิเศษหนึ่งครั้ง ยอดสมบัติสามชิ้น]

[สอง ยังไม่ขึ้นสวรรค์ชั่วคราว ฝึกฝนต่อไป จะได้รับชิ้นส่วนมหามรรคสองชิ้น]

หานเจวี๋ยเลือกตัวเลือกที่สองอย่างไม่ลังเล

นั่นคือยังไม่ขึ้นสวรรค์!

[ท่านเลือกที่จะไม่ขึ้นสวรรค์ ได้รับชิ้นส่วนมหามรรคสองชิ้น]

[ยินดีด้วย ท่านสำเร็จจักรพรรดิเซียนสมบูรณ์แบบ ได้รับชิ้นส่วนมหามรรคสามชิ้น หินวิญญาณมรรคาสวรรค์หนึ่งก้อน ได้สืบทอดพลังวิเศษหนึ่งครั้ง]

[ยินดีด้วย ท่านได้รับพลังวิเศษ–ฝ่ามือตถาคตมหาสุริยะ]

[ฝ่ามือตถาคตมหาสุริยะ: พลังวิเศษพุทธะ สามารถปราบผู้มีแรงกรรมยิ่งใหญ่ทั้งหลายด้วยอำนาจของจักรพรรดิเซียน แรงกรรมของศัตรูยิ่งมาก ผลของพลังวิเศษนี้ยิ่งแข็งแกร่ง]

ดวงตาของหานเจวี๋ยเป็นประกาย

การทะลวงผ่านระดับใหญ่นั้น มีตัวเลือกของรางวัลในตัวมันเอง ก่อนหน้านี้ตอนที่เผชิญกับตัวเลือกพิสูจน์จักรพรรดิ ก็มีสามตัวเลือกเช่นกัน

เมื่อรวมทั้งสองเข้าด้วยกันแล้ว เขาก็ได้รับชิ้นส่วนมหามรรคห้าชิ้นในคราวเดียว!

สิ่งที่สำคัญที่สุดคือหานเจวี๋ยเป็นจักรพรรดิเซียนอย่างสมบูรณ์แบบ!

ส่วนมหามรรคกับดวงชะตาที่ยิ่งใหญ่ที่ต้องการน่ะหรือ

หานเจวี๋ยถามตนเองว่าเขาไม่เคยแย่งชิงเพื่อดวงชะตา ไม่ว่าดวงชะตาของโลกเขย่าพิภพจะแข็งแกร่งเพียงใด ก็เป็นโลกมนุษย์อยู่ดี

หรือว่าจะเกี่ยวข้องกับกายดาราอนธการของเขา

หานเจวี๋ยคิดไม่ออก ทำได้เพียงนำมาผนึกรวมกายดาราอนธการเท่านั้น

หานเจวี๋ยยังคงทำตบะให้มั่นคงต่อไป เขานำจิตดั้งเดิมออกจากร่าง ทะยานสู่โลกเขย่าพิภพ

เขารู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมากที่พบว่าแม้จะไม่มีกายเนื้อแล้ว แต่จิตดั้งเดิมของเขาก็ยังแข็งแกร่งมาก การฆ่าสังหารเจียงอี้ดูจะไม่เป็นปัญหาแล้ว

นี่ก็คือจักรพรรดิเซียนหรือ

ไม่แปลกใจเลยว่าที่ลมหายใจหนึ่งยังอยู่ ก็สามารถอยู่ได้ตลอดไป!

หานเจวี๋ยไม่กล้าทะยานไกลเกินไป เพราะกลัวว่าจะรบกวนผู้ยิ่งใหญ่คนอื่นๆ

แม้เขาจะบรรลุระดับจักรพรรดิแล้ว แต่เขาเป็นเพียงจักรพรรดิเซียนหนึ่งวัฏที่อ่อนแอที่สุด เป้าหมายของต้าหลัวยังห่างไกลอีกโข

เวลาผ่านไปแปดปีเต็มๆ

ตบะของหานเจวี๋ยถึงจะมั่นคงอย่างสมบูรณ์

ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เขาก็คือจักรพรรดิเซียนแท้!

…………………………………………………………..