“อาสะใภ้รอง ไปไม่ได้นะ !”
“ไม่มีประโยชน์แล้ว !”
เอ้อร์เฉียงและซานเฉียงพูดโน้มน้าวเหล่าไท่ไท่
สิ้นเสียงลง ห้องนั้นก็พังทลายลง โคลนที่ทาอยู่บนผนังถูกเผาจนแห้ง ไม่สามารถที่จะรับน้ำหนักของหินก้อนนั้นได้อีกต่อไป
เกิดเสียงดังสนั่นขึ้น ดึงดูดสายตาของทุกคนเอาไว้
ทางด้านโจวกุ้ยหลานที่เห็นคนทางฝั่งนั้น ก็ผ่อนคลายลง ภาพตัด ทิ้งร่างร่วงไปบนพื้น……
“ตรงนั้นเหมือนมีคนอยู่เลย !” ซานเฉียงชี้ไปทางสามคนพ่อแม่ลูก จากนั้นพูดขึ้นอย่างไม่แน่ใจ
“มีคนจริง ๆ ด้วย ! พวกเขาหนีออกมาได้แล้ว !”
เอ้อร์เฉียงอุทานออกมา
เหล่าไท่ไท่และโจวต้าไห่มองลึกลงไปในกลุ่มควัน ก็เห็นว่าทางนั้นมีใครสักคนอยู่ จากนั้นรีบวิ่งไปทางนั้นอย่างไม่รีรอ
ขณะที่พวกเขากำลังรีบเข้าไปนั้น สวีฉางหลินก็ได้อุ้มโจวกุ้ยหลานมาออก พร้อมกับพาเจ้าก้อนน้อยเดินตรงมาทางนี้
เหล่าไท่ไท่วิ่งปรี่เข้ามา ยื่นมือไปประคองโจวกุ้ยหลานที่ใบหน้าดำคล้ำทั้งรอยยิ้มและน้ำตา “นังหนู เจ้ายังไม่ตาย !”
ยิ่งพูดน้ำตายิ่งไหล
เจ้าก้อนน้อยเช็ดน้ำตาของตัวเอง รีบเข้าไปแนบข้าง ๆ สวีฉางหลิน
“กุ้ยหลาน ? เป็นอะไรรึเปล่า ?” โจวต้าไห่มองไปที่โจวกุ้ยหลานที่เป็นลมไป รีบถามไปยังสวีฉางหลิน
สวีฉางหลินส่ายหน้า “เมื่อกี้ยังสติอยู่น่ะ”
เมื่อได้ยินดังนั้น ทุกคนต่างก็เบาใจลง
โจวต้าซานที่ตามมาด้านหลังอย่างใกล้ชิด ได้เห็นสถานการณ์ของพวกเขา จึงรู้ว่าพวกเขากำลังอกสั่นขวัญหาย จึงเข้าไปพูดกับซานเฉียงว่า “ไปอุ้มลูกมา”
ซานเฉียงตอบรับ รีบเดินเข้าไป อุ้มเจ้าก้อนน้อยตัวดำคล้ำขึ้นมา จากนั้นช่วยเช็ดน้ำตาของเขา “ไม่ร้องแล้ว ๆ ลุงซานเฉียงจะพาเจ้าไปนอนเอง”
เจ้าก้อนน้อยพยักหัวน้อย ๆ อย่างน่าเอ็นดู
“ใช่แล้ว ๆ กลับบ้านกันก่อน ไปให้คุณหมอดูอาการเถอะ !” โจวต้าไห่เองก็ได้สติ เสนอความคิดออกมา พลางยื่นมือไปอุ้มโจวกุ้ยหลาน แต่สวีฉางหลินกลับรีบหลีกออกด้านข้าง
“ข้าอุ้มได้”
พูดพลางเดินก้าวลงไปยังภูเขา
เหล่าไท่ไท่ที่อยู่ด้านข้างจูมงือโจวกุ้ยหลานเอาไว้ เดินตามสวีฉางหลินไปอย่างใกล้ชิด
ซานเฉียงอุ้มเด็กตามหลังไป กลางคืน ทางลงเขาไม่ค่อยสะดวกนัก เขาไม่อยากทำให้ลูก ๆ ต้องตกใจอีก
พอพวกเขาเดินลงไป โจวต้าซานก็พูดกับทุกคนว่า “ในคืนนี้ขอบคุณทุกท่านมาก พรุ่งนี้จัดการปัญหาทุกอย่างเรียบร้อย ข้าจะพาหลานสาวและลูกเขยมาขอบคุณพวกท่าน !”
เมื่อพวกเขาได้ยินดังนั้น ต่างก็โบกมือปฏิเสธ
พวกเขาไม่ได้ช่วยเหลืออะไรมากมาย ถ้าจะให้กุ้ยหลานทั้งครอบครัวมาขอบคุณ พวกเขาคงไม่มีหน้ามาแบกรับไว้……
หลังจากที่พวกเขาพูดอย่างเกรงใจ ต่างก็ค่อย ๆ เดินลงเขา กลับไปนอนพักผ่อน
ผู้ใหญ่บ้านหวังโหยวเกินจงใจอยู่ด้านหลัง ดึงเสื้อผ้าของโจวต้าซานเอาไว้ โจวต้าซานรู้ตัว ค่อย ๆ เดินช้าลง ทั้งสองคนทิ้งระยะห่างจากคนข้างหน้า
จนกระทั่งพวกเขาลับสายตาไป หวังโหยวเกินจึงพูดกับโจวต้าซานว่า “พี่ต้าซาน ข้ารู้สึกว่าเรื่องนี้มีอะไรผิดปกติน่ะ ?”
“พูดอะไรงั้นรึ ?” โจวต้าซานเองก็รีบเข้าไปช่วยเหลืออย่างร้อนรน จนไม่ได้คิดอะไรอย่างอื่น เมื่อจู่ ๆ ได้ยินหวังโหยวเกินพูดอย่างนี้ ในใจก็เกิดความประหลาดใจ
หวังโหยวเกินหันหลังมอง ลากโจวต้าซานกลับไป มองไปยังซากปรักหักพัง ชี้ไปยังต้นไม้ที่เรียงเป็นวง “หลานสาวของเจ้าเป็นคนใส่ฝืนไม้ไว้รอบ ๆ งั้นหรือ ?”
เมื่อเขาพูดมาอย่างนั้น โจวต้าซานก็เพิ่งรับรู้ได้ถึงไม้แห้งที่ไว้รอบๆ เหล่านั้น และคิดถึงความเป็นไปได้บางอย่างออก ดวงตาเบิกกว้าง เกิดความตกตะลึงขึ้น
พวกสวีฉางหลินและคนอืนๆ ทั้งหมดเดินลงเขามา และเข้าไปยังห้องของเหล่าไท่ไท่ โจวต้าไห่ขอความช่วยเหลือให้คนอื่น ๆ ช่วยไปตามคุณหมอมาอีกครั้ง
หมอคนนั้นกำลังตะโกนเรียกคนในหมู่บ้าน เมื่อถูกชายหนุ่มพบเข้า ก็รีบสาวเท้ามายังบ้านของโจวต้าไห่
เมื่อมาถึง ก็ได้รับการต้อนรับจากเหล่าไท่ไท่ จากนั้นพาเข้าไปยังในห้องของนาง เพื่อจับชีพจรดูอาการโจวกุ้ยหลาน
คุณหมอจับชีพจรของโจวกุ้ยหลานพักหนึ่ง ก่อนจะคลายมือออก “เป็นเพราะตกใจจนเกินไปน่ะ บวกกับสูดควันพิษไปมาก จึงเกิดความสียหายกับร่างกาย”
“งั้นเป็นอย่างไรบ้างหรือ ? บุตรสาวข้าจะไม่เป็นไรใช่ไหม ?”
เหล่าไท่ไท่ถามออกไปด้วยความเป็นกังวล
สวีฉางหลินและโจวต้าไห่ที่อยู่ข้าง ๆ ก็จ้องไปยังคุณหมอ รอจนกระทั่งเขาพูดขึ้นว่า
“เรื่องนี้ข้าก็ไม่แน่ใจ นางดูไม่เป็นอะไรมาก ข้าจะจ่ายยาให้ ให้นางได้พักผ่อนร่างกายสักครึ่งเดือนค่อยว่ากันอีกที”
คุณหมอพูดพลางเดินออกไปด้านหน้า หยิบน้ำหมึกออกมาฝน เอ้อร์เฉียงที่อยู่ข้าง ๆ ก็รีบไปช่วยเขาฝนน้ำหมึกด้วยเช่นกัน
กางกระดาษออก จากนั้นคุณหมอก็เขียนใบสั่งยา โจวต้าไห่จ่ายค่ายาให้ หลังจากที่ให้ซานเฉียงไปส่งคุณหมอกลับบ้านแล้ว เอ้อร์เฉียงก็เข้าไปช่วยซื้อยาให้ในตำบล หลังจากกลับมา เหล่าไท่ไท่ก็นำยาไปต้มในห้องครัว พอป้อนให้โจวกุ้ยหลานแล้ว พวกเขาก็คอยดูแลโจวกุ้ยหลานอยู่ข้าง ๆ เตียงเตา
“ท่านแม่ น้องเขย พวกท่านไปนอนกันเถอะ คืนนี้ข้าจะดูแลกุ้ยหลานให้เอง”
โจวต้าไห่ที่เห็นคนอื่น ๆ ต่างมองโจวกุ้ยกลิน จึงพูดออกไป
“ข้าไม่นอน ข้าจะดูนังหนูนี่ ว่าจะดูนางตื่นขึ้นเมื่อไหร่ พวกเจ้าไปนอนกันเถอะ” เหล่าไท่ไท่ตอบกลับมา กุมมือของโจวกุ้ยหลินแน่น
นังหนูคนนี้ทำให้นางเป็นห่วงมากจริง ๆ นางเพิ่งจะกลับมา ห้องนั้นก็ไฟเกิดไฟลุกแล้ว ถ้าหากไม่ใช่เพราะนังหนูนี่หนังเหนียวรอดมาได้ ในชีวิตนี้เกรงว่านางคงไม่ได้เจอกับนังหนูนี่อีกแล้ว
เมื่อคิดได้อย่างนั้น เหล่าไท่ไท่ยิ่งรู้สึกกลัว จนมือของนางสั่นเทา
“แม่ พวกเจ้าไปนอนเถอะ ข้ากับเสี่ยวเทียนนอนอยู่ข้าง ๆ กุ้ยกลินก็พอแล้ว” สวีฉางหลินตอนนี้ฟื้นดีแล้ว รีบหันไปพูดกับเหล่าไท่ไท่
แม้ว่าเหล่าไท่ไท่จะยังดูแข็งแรง แต่ว่านางก็อายุห้าสิบกว่าแล้ว นางที่ทำงานมาโดยตลอดดูอายุแก่กว่าความเป็นจริงไปมาก หากต้องอดนอนคืนหนึ่งจริง ๆ นั่นจะเกิดเรื่องใหญ่อย่างแน่นอน
“ข้าก็นอนไม่หลับ ขอนั่งอยู่ที่นี่สักพักแล้วกัน” เหล่าไท่ไท่ตอบกลับ ไม่ยอมขยับไปไหน
โจวต้าไห่รู้นิสัยของท่านแม่ตนดี เข้าใจว่าถ้านางพูดอย่างนี้แล้วคงไม่ยอมไปนอนแน่ๆ จึงไม่พูดโน้มน้าวออกไป
ทั้งหมดนั่งรอกันอยู่ภายในห้อง มองดูโจวกุ้ยหลานที่นอนอยู่บนเตียงเตาอย่างเงียบเชียบ
ในค่ำคืนนี้ คนของหมู่บ้านต้าซือวุ่นวายกันยกใหญ่ ทั้งขึ้นทั้งลงเขา จนผ่านไปครึ่งคืนถึงได้สงบลงอีกได้
จนกระทั่งเช้าตรู่ เสียงไก่ตัวผู้ในหมู่บ้านต้าซือก็ขันเสียงดัง เป็นสัญลักษณ์ว่าเช้าวันใหม่ได้เริ่มขึ้นแล้ว
เหล่าไท่ไท่ที่เห็นว่าท้องฟ้าใกล้จะสว่างขึ้นแล้ว ก็เข้าไปยังห้องครัว หยิบแป้งหมี่ที่โจวกุ้ยหลานมอบให้ ทำก๋วยเตี๋ยวหม้อหนึ่งพอดี และเตรียมไข่ไก่ให้สำหรับทุกคน ยกสองถ้วยเข้าไปในห้อง ส่งให้กับสวีฉางหลินและเจ้าก้อนน้อย
“อยู่ดูแลทั้งคืน พวกเจ้าคงหิวแล้วล่ะ รีบกินเถอะ แล้วให้ลูกไปนอน” เหล่าไท่ไท่พูด พลางมองไปยังเจ้าก้อนน้อยด้วยสายตาที่อ่อนโยน
ตลอดทั้งคืน เจ้าก้อนน้อยง่วงจนตาแทบจะลืมไม่ขึ้นอยู่แล้ว แต่ก็ไม่ยอมไปนอน ได้แต่เฝ้าโจวกุ้ยหลานอยู่อย่างนี้
เหล่าไท่ไท่คิดว่าเด็กคนนี้ชอบลูกของนางมาก ไม่เสียแรงที่ลูกของนางรักและทะนุถนอม ทำให้นางมองเจ้าก้อนน้อยในทางที่ดีมากขึ้น
ทางด้านนี้ สวีฉางหลินรีบรับก๋วยเตี๋ยวทั้งสองถ้วยมาวางไว้บนโต๊ะ จากนั้นพูดกับเหล่าไท่ไท่ว่า “ท่านแม่ ท่านแม่กับพี่ชายไปนอนเถอะ ตอนกลางวันข้าจะดูแลนางเอง ส่วนตอนกลางคืนพวกท่านค่อยมาดู”