“ชิงเจ๋อ คืนนั้นคุณลืมบัตรสมาชิกเอาไว้ที่บ้านของฉันหนึ่งใบนะคะ……” เจียงซีหยู่พูดไป จู่ ๆ ก็ปรากฏตัวออกมาที่หัวมุมอีกทาง
เธอนั้นราวกับว่ารู้สึกได้ถึงซูสือจิ่น ก่อนจะชะงักไปครู่หนึ่ง หลังจากนั้นจึงเอ่ยปากว่า “นี่ เสี่ยวจิ่นทำไมเธอถึงมาอยู่ตรงนี้ได้——”
มือของซูสือจิ่นที่กำลังคว้าจับกำแพงเอาไว้สั่นเทาเล็กน้อย เป็นเพราะว่าออกแรง บนกำแพงจึงถูกเธอจิกจนเป็นรอยเล็บพระจันทร์เสี้ยวรอยหนึ่งเอาไว้แล้ว ก่อนที่เศษฝุ่นบนกำแพงจะเข้าไปในเล็บของเธอ
แต่ทว่าเล็บเดิมที่ทำเอาไว้เพื่อเป็นเพื่อนเจ้าสาวโดยเฉพาะนั้นเอง ในที่สุดก็ไม่อาจทนรับต่อไปได้แล้ว มันหักออกเป็นเศษเล็ก ๆ นิ้วสิบนิ้วกำเข้าหากันแน่น ทันใดนั้นเองความเจ็บปวดก็ตีรวนขึ้นมาทันที
แต่ทว่า บนใบหน้าของซูสือจิ่นกลับไม่ปรากฏความรู้สึกใด ๆ ขึ้นมาเลยแม้แต่นิดเดียว
ในตอนนั้นเอง หยานชิงเจ๋อหวนนึกอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะขมวดคิ้วเบา ๆ แล้วเอ่ยขึ้นมาว่า “บัตรสมาชิกอะไร?”
เจียงซีหยู่เอ่ย “บัตรสมาชิกของแขกวีไอพีของห้างสรรพสินค้า F & R ค่ะ”
หยานชิงเจ๋อส่ายหน้า “ผมไม่มีบัตรใบนั้น ไม่ใช่ของผม”
เขาพูดจบ จู่ ๆ ก็หวนนึกถึงเรื่องของคืนวันนั้นขึ้นมาได้ทันที อีกทั้งก็หวนนึกถึงตอนนั้นในวันแต่งงานของวันนี้ด้วย เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว——
หยานชิงเจ๋อจึงแสร้งเอ่ยขึ้นมาว่า “ซีหยู่ คืนวันนั้น คุณได้หยิบโทรศัพท์ของผมไปหรือเปล่า?”
เดิมปลายเล็บที่หักไป ในตอนนี้มีแต่รอยฉีกขาด ซูสือจิ่นค่อย ๆ ก้าวทีละก้าว ก่อนจะถอยหลังไปอย่างแผ่วเบา
เธอขยับฝีเท้าอย่างยากลำบาก เป็นเพราะว่าไม่ได้คิดอยากที่จะสนใจหยานชิงเจ๋อทั้งสองคนแล้ว เธอราวกับว่าเป็นเจ้าหญิงเงือกในเรื่องลูกสาวของท้องทะเลเลยก็ไม่ปาน ในทุกย่างก้าว ราวกับว่าเจ็บปวดเหมือนเดินอยู่บนคมมีด
หลังจากนั้น ในที่สุดเธอก็ค่อย ๆ ออกมาจากโลกของทั้งสองคนแล้ว แต่ทว่าเมื่อครู่นี้ได้ยินเสียงของคำพูดเหล่านั้นที่ระเบิดเสียงดังขึ้นที่ข้างหู คำพูด ‘คืนนั้น’ เหล่านั้น ‘ที่บ้านของฉัน’ ประเภทนั้นแล้ว ในที่สุดก็มลายหายไปแล้ว……
แต่ทว่าในตอนนั้นเอง หยานชิงเจ๋อกับเจียงซีหยู่เองก็ไม่ได้เอ่ยพูดคุยกันต่อแล้ว เป็นเพราะว่าพูดถึงเรื่องที่กำลังสงสัยที่ติดอยู่ในหัวใจของตนเอง ดังนั้นแล้ว สีหน้าของหยานชิงเจ๋อจึงราบเรียบ แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนเลยว่าไม่ได้จะปล่อยเจียงซีหยู่ไปเลย แม้กระทั่งซูสือจิ่นหลายไปจากสายตาเขาก็ไม่ทันได้เห็น
“หยิบโทรศัพท์อะไรหรือคะ?” เจียงซีหยู่สบตามองเขาอย่างงุนงง
หยานชิงเจ๋อเอ่ยว่า “วันนั้นผมหลับไปแล้ว โทรศัพท์ของผมอาจจะมีคนโทรเข้ามาหาผม คุณได้หยิบโทรศัพท์ของผมไปดูหรือเปล่า?”
เจียงซีหยู่ส่ายหน้า “ไม่เห็นนะคะ โทรศัพท์ของคุณวางอยู่บนโต๊ะน้ำชาตัวเล็ก ฉันไม่ได้ไปแตะมันเลยค่ะ อีกอย่างมันก็ไม่ได้มีเสียงดังขึ้นมาเลยนะคะ!”
หัวใจของเธอหนักอึ้ง หวนกลับไปนึกถึงวันนั้นแล้ว อีกทั้งยังทำตามคำแนะนำของมั่วหลิงชวนที่ว่าให้ลบของทุกอย่างไปให้หมดแล้วด้วย หยานชิงเจ๋อต้องไม่ค้นพบอะไรสิถึงจะถูก
เพียงแต่ งานแต่งงานในวันนี้ของสือมูเฉิน หยานชิงเจ๋อกลับเอ่ยถามเธอขึ้นมาในเวลานี้เข้าพอดี……
เจียงซีหยู่รู้สึกผิดในภายหลังเล็กน้อย
ในตอนนั้นเธอไม่สมควรที่จะบุ่มบ่ามเลย ถ้าหากว่าหยานชิงเจ๋อมองอะไรไม่ออกจริง ๆ ถ้าอย่างนั้นแล้ว เธอกับเขาก็ไม่มีโอกาสจริง ๆ อีกต่อไปแล้ว! แต่ทว่า เป็นเธอนั้นที่ชื่นชอบเขามากจริง ๆ ในอนาคต เกรงว่าจะไม่สามารถพบเจอคนที่ดีกว่าเขาได้อีกต่อไปแล้ว
แต่ทว่า เมื่อครู่นี้เห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่าเขาสงสัยเธอ ถ้าหาก ถ้าหากว่าเปรียบเทียบสถานะของเธอกับซูสือจิ่นแล้ว เขานั้นจะต้องไม่สงสัยอะไรซูสือจิ่นเลยแน่ ๆ!
เมื่อคิดมาได้จนถึงตรงนี้แล้ว เจียงซีหยู่แทบจะรู้สึกได้อีกครั้งเลย ว่าตนเองนั้นไม่มีความผิด เป็นเขาที่ทำผิดต่อเธอก่อน เธอเพียงแค่ บรรเทาความรู้สึกแย่ที่หัวใจของเธอได้รับมาก็เท่านั้นเอง!
หยานชิงเจ๋อสบตามองเธอ ก่อนจะหยักหน้าขึ้นลง “ถ้าอย่างนั้นแล้วคนคนนั้นคงจะโกหกผม”
พูดจบ เขาก็หัวเราะขึ้นมาอีกครั้ง “ไม่เป็นไร ผมก็เพียงแค่เอ่ยปากถามไปก็เท่านั้น ที่แท้ก็เป็นคนคนนั้นที่ทำเรื่องร้ายกาจ……”
เพียงแค่ หลังจากที่หยานชิงเจ๋อพูดจบ จู่ ๆ อุณหภูมิในหัวใจของเขาก็ค่อย ๆ เย็นตัวลงมากยิ่งขึ้นทีละนิด
ถ้าหากว่าเจียงซีหยู่พูด พูดว่าเธอหยิบไป บางที เขาก็อาจจะสามารถเชื่อเธอได้
แต่ทว่า เธอกลับบอกว่าไม่เคยแตะต้องมันมาก่อน……
เขาจดจำมันได้อย่างชัดเจน ถึงแม้ว่าโทรศัพท์ของเขาในตอนนั้นจะวางอยู่ในตำแหน่งเดิม แต่ทว่า ทิศทางที่วางนั้นมันไม่เหมือนกัน ความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียวเลย นั่นก็คือเธอไปยุ่งกับมันเข้าให้แล้ว
อีกทั้งทางสมาชิกของ DR ก็ไม่ได้เข้าร่วมเครือข่ายอินเทอร์เน็ตในครั้งนี้ด้วย คนที่เข้าร่วมนั้น เป็นเขากับสือมูเฉิน อีกทั้งยังมีพนักงานอีกสองสามคน ขอบเขตนั้นเล็กมาก พวกเขานั้นสงสัยคนที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดก่อนเป็นอันดับแรก
“ซีหยู่ ผมไปแล้วนะครับ” หยานชิงเจ๋อพูดไป ก่อนจะหันศีรษะกลับไปจะอุ้มซูสือจิ่น แต่ทว่า กลับค้นพบว่าซูสือจิ่นไม่อยู่เสียแล้ว
เขาอดที่จะขมวดคิ้วไม่ได้ “เธอละครับ?”
เจียงซีหยู่ส่ายหน้า “คะ? ทำไมถึงไม่เห็นเสี่ยวจิ่นแล้วล่ะ? เมื่อครู่นี้ฉันมัวแต่สนใจคุยกับคุณ ก็เลยไม่ได้สังเกตค่ะ”
“ผมจะไปตามหาเธอ” หยานชิงเจ๋อพูดจบ ในตอนที่กำลังจะจากไปนั้นเอง จู่ ๆ ก็หวนนึกอะไรขึ้นมาได้บางอย่าง ก่อนจะหันไปเอ่ยกับเจียงซีหยู่อย่างจริงจังว่า “ซีหยู่ครับ นี่เป็นครั้งสุดท้ายแล้วนะครับที่เราจะได้พูดคุยกัน ในอนาคต พวกเราคือคนแปลกหน้ากันแล้ว หวังว่าคุณจะรักษาตัวให้ดีนะครับ!”
พูดจบ ก็หมุนตัวจากไปแล้ว
เจียงซีหยู่ส่งเสียงเรียกเขาจากทางด้านหลังครั้งหนึ่ง แทบจะมีอะไรที่อยากจะเอ่ยพูดอีก แต่ทว่า เขาไม่หันกลับมาเลย อีกทั้งยังสาวเท้ายาวก้าวไปทางห้องพักผู้ป่วยด้านหน้าแล้ว
ในช่วงเวลาที่เขาหมุนตัวนั้นเอง ภายในหัวใจได้บอกกล่าวกับเจียงซีหยู่ว่า ซีหยู่ครับ ตั้งแต่ตอนนี้เป็นต้นไป การติดค้างกันและความรู้สึกผิดทั้งหมด ทั้งหมดนั้นมันหายไปหมดแล้ว หลังจากนั้น พวกเราทั้งสองคนไม่มีอะไรติดค้างต่อกันอีกแล้ว
หยานชิงเจ๋อเดินไปที่ห้องพักผู้ป่วย เมื่อเห็นว่าภายในตัวห้องพักผู้ป่วยไม่มีใคร มีเพียงแค่รองเท้าส้นสูงคู่หนึ่งของซูสือจิ่นเท่านั้น เมื่อเห็นเช่นนั้นแล้วหยานชิงเจ๋อจึงหยิบมันขึ้นมา ก่อนจะสาวเท้าออกไปข้างนอกอย่างรวดเร็ว
ประจวบเหมาะกับพบเจอเข้ากับคุณหมอในแผนกศัลยกรรมเข้าพอดี หยานชิงเจ๋อจึงเอ่ยถามขึ้นมาว่า “คุณหมอครับ คุณผู้หญิงคนนั้นในนี้เมื่อครู่นี้ละครับ?”
หมอเอ่ยขึ้นอย่างงุนงงว่า “ไม่ได้อยู่ในห้องพักผู้ป่วยหรือครับ?”
หัวใจของหยานชิงเจ๋อหันอึ้งในทันที เมื่อได้ยินเช่นนั้นแล้วจึงก้าวเท้ายาวออกไปที่โถงทางเดินด้านนอก แต่ทว่า ทั้งชั้นนั้นเขาหาไปรอบหนึ่งแล้ว ก็ยังไม่พบซูสือจิ่นเลย
เขานิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาต่อสายหาซูสือจิ่นไป
อากาศด้านนอกหนาวมาก ซูสือจิ่นไม่รู้ว่าตนเองมาถึงที่ชั้นล่างได้อย่างไร ในตอนที่มาถึง เท้าก็เจ็บจนชาไปหมดแล้ว
รอบข้าง มีคนไม่น้อยเดินผ่านมา มีอยู่หลายคนที่จิตใจดีมีเมตตาเอ่ยถามเธอว่าต้องการความช่วยเหลือหรือเปล่า แต่ทว่าเธอนั้นล้วนส่ายหน้าปฏิเสธไปทั้งหมด
เธอยืนนิ่งอยู่ที่หน้าประตูของโรงพยาบาล ค้นพบว่าตอนนี้ตนเองนั้นเป็นจุดสายตาแล้ว เมื่อเห็นดังนั้นแล้ว จึงค่อย ๆ เดินไปทางสวนสาธารณะทีละก้าว
ที่นั่นมีต้นไม้สีเขียวที่เขียวขจีตลอดทั้งสี่ฤดู ซูสือจิ่นรู้สึกว่าตนเองเดินไม่ไหวแล้ว เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว เธอจึงนั่งลงที่ต้นไม้สีเขียวนั้น
ในที่สุดก็ไม่มีคนมองเธอแล้ว เธอถึงจัดการกับความรู้สึกของตนเอง
ถึงแม้ ก่อนหน้านี้เธอจะคาดเดาเอาไว้ได้แล้ว ในตอนที่คนอื่นเอ่ยถามหยานชิงเจ๋อ เขาจะพูดอะไร แต่ทว่า เธอกลับคิดไม่ถึงเลย ว่าจะได้ยินเขาเอ่ยอธิบายกับแฟนเก่าจากปากของเขาเองกับหูแบบนี้ ในตอนที่เขาบอกว่าชั่วชีวิตนี้เขาจะไม่มีวันรักเธอ หัวใจของเธอจะเจ็บปวดมากขนาดนี้!
เจ็บจนเห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่าเธอที่เป็นคนกลัวเจ็บมาก กลับสามารถเดินออกมาจากโรงพยาบาลได้ขนาดนี้ นั่นก็เป็นเพราะว่า ไม่อยากได้ยินคำพูดอะไรจากพวกเขาอีกต่อไปแล้ว สักประโยคเดียวก็ไม่อยากที่จะได้ยิน!
ในเมื่อ เธอนั้นถูกบีบให้รับรู้แล้ว คืนวันแต่งงานใหม่ที่เธอพักอยู่ที่โรงแรม หยานชิงเจ๋อกลับไปอยู่กับเจียงซีหยู่ในคืนนั้น!
เธอนอนอยู่บนเตียงกว้างคนเดียวแทบจะนอนไม่หลับทั้งคืน แต่ทว่าเขากลับไปนอนอยู่กับผู้หญิงอีกคน?!
ซูสือจิ่นรู้สึกเพียงแค่ว่าฝ่ามือของตนเองนั้นถูกอะไรสุกอย่างทิ่มเข้าให้แล้ว ก่อนจะก้มหน้าลงไปดู ถึงจะค้นพบว่า เล็บของเธอที่หักไปเมื่อครู่นี้นั้น ที่แท้ก็เป็นมุมแหลมคมแล้ว ในตอนนี้เอง ประจวบเหมาะกับเหลือครึ่งหนึ่งพอดี ก่อนจะทิ่มเข้าไปที่ฝ่ามือของเธอ
เดิมเธอคิดว่าเมื่อได้เห็นพวกเขาแล้วเธอจะร้องไห้จะก่อความวุ่นวาย แม้กระทั่งถึงกับกระชากแล้วตบตีคน แต่ทว่า ในตอนที่เกิดเรื่องขึ้นมาจริง ๆ แล้ว เธอถึงได้รับรู้ว่า ที่แท้นั้นตนเองนั้นก็เป็นคนที่หวาดกลัวจนวิ่งหนีออกมาคนนั้นนี่เอง
ในตอนนั้นเอง โทรศัพท์มือถือก็ส่งเสียงดังขึ้นมา
ซูสือจิ่นก้มศีรษะลงไปดูครู่หนึ่ง ที่แท้ก็เป็นหยานชิงเจ๋อที่โทรเข้ามา
เขาโทรมาหาเธอทำไม? ตอนนี้เธอออกมาแล้ว ให้เวลาพวกเขาได้พูดคุยกันแล้ว เขาไม่ได้สมควรที่จะดีใจหรอกหรือไง?
อ๋อ บางทีอาจจะเป็นเพราะว่าแค่จะโทรศัพท์มาบอกเธอเท่านั้น ว่าให้เธอไปที่บ้านของสือมูเฉินเอง เป็นเพราะว่าเขาจะอยู่เป็นเพื่อนเจียงซีหยู่หาหมอ!
ซูสือจิ่นตัดสายไปแล้ว
ภายในโรงพยาบาล หยานชิงเจ๋อได้ยินเสียงแจ้งเตือนมาว่าถูกตัดสายไป หัวใจก็ยิ่งร้อนรนมากขึ้นไปอีก
นัยน์ตาของเขาสั่นไหว ก่อนจะเดินไปถึงปากทางเดิน ก่อนจะเริ่มถามหากับคนอีกคนหนึ่ง
เป็นเพราะว่าซูสือจิ่นสวมใส่ชุดที่เตะตามาก ดังนั้นแล้ว หลังจากที่หยานชิงเจ๋อถามหาไปสองสามคนแล้ว ในที่สุดก็มีคนรู้จริง ๆ แล้ว
มีผู้หญิงอายุราวสี่สิบปีเอ่ยขึ้นมาว่า “ฉันเห็นผู้หญิงที่คุณว่าขึ้นมาจริง ๆ ฉันถามว่าต้องการความช่วยเหลือไหมเธอก็ส่ายหน้า หลังจากนั้น ก็เดินไปทางบันไดแล้วล่ะ เกรงว่าคงจะลงไปที่ชั้นล่างแล้ว……”
สีหน้าของหยานชิงเจ๋อแปรเปลี่ยนไปในทันที
เธอข้อเท้าแพลงอยู่ รองเท้าก็ไม่ได้สวมใส่ แล้วเดินลงไปที่ชั้นล่างคนเดียวเนี่ยนะ?!
เขาสาวเท้ายาวก้าวไปทันที กำลังจะเอ่ยถามต่อ เป็นดังคาด มีคนชี้ไปทางนั้นก่อนจะเอ่ยว่า “คุณผู้หญิงคนนั้นคงจะออกจากโรงพยาบาลไปแล้วล่ะ” พูดจบ ก็ถอนหายใจออกมาอีกครั้ง “พวกเราขวางก็ขวางเอาไว้ไม่อยู่ เธอสวมใส่เสื้อผ้าเอาไว้น้อยมากเลย วันนี้หนาวมากขนาดนี้ ไม่เป็นหวัดสิถึงจะแปลก!”
หยานชิงเจ๋อไม่ได้ยินว่าฝั่งตรงข้ามพูดอะไร ก็พุ่งออกไปจากโรงพยาบาลแล้ว
แต่ทว่า ด้านนอกกว้างใหญ่มากขนาดนั้นแล้ว เขากวาดสายตามองรอบ ๆ ครั้งหนึ่ง มีเงาของซูสือจิ่นที่ไหนกันล่ะ?!
เธอไม่ได้พกเงินเลย มีเพียงแค่โทรศัพท์มือถือเพียงแค่เครื่องเดียวเท่านั้น ถ้าหากจะบอกว่าโบกรถแล้วละก็ เธอก็สามารถทำได้เพียงแค่เรียกบริการแชร์รถส่วนตัวจากแอปพลิเคชันไปเท่านั้น!
อีกทั้งในข่าวก็ยังเคยได้ยินเรื่องราวบางอย่างโดยบังเอิญด้วยว่า พวกรถส่วนตัวนั้นชอบทำร้ายลวนลามผู้หญิง เธอสวยขนาดนั้น แถมวันนี้ก็สวมใส่ชุดแบบนั้นอีก……
หัวใจของหยานชิงเจ๋อพรั่งพรูความหงุดหงิดขึ้นมาทันที เขาหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาอีกครั้ง ก่อนจะต่อสายโทรศัพท์หาซูสือจิ่นต่อ
แต่ทว่า ในปลายกลับได้ยินการแจ้งเตือนว่ากำลังโทร
เขานั้นแทบจะสบถด่าออกมาอยู่แล้ว!
หยานชิงเจ๋อกดวางสายไป หลังจากนั้น กำลังจะต่อ——
ในตอนนั้นเอง ซูสือจิ่นสบตามองรายชื่อในบัญชีที่ถูกบล็อก ในนั้นมีเพียงแค่หยานชิงเจ๋อเพียงคนเดียวเท่านั้น
เมื่อก่อน เธอนั้นอยากที่จะโทรหาเขามาก แต่ทว่าตอนนี้ เธอกลับเป็นฝ่ายบล็อกเขาก่อนเสียแล้ว
ช่างทิ่มแทง ช่างเจ็บปวดหัวใจเหลือเกิน!
แต่ทว่าในตอนนั้นเอง โทรศัพท์ในมือของเธอกลับสั่นขึ้นมาอีกครั้งหนึ่งแล้ว
ในสมองของซูสือจิ่นนั้นยังคงเต็มไปด้วยหยานชิงเจ๋อ เมื่อเห็นว่าตอนนี้โทรศัพท์สั่นอีกครั้งหนึ่งแล้ว เธอจึงคิดว่าเป็นหยานชิงเจ๋อที่ไปยืมโทรศัพท์ของคนอื่นโทรเข้ามา ดังนั้นแล้ว จึงกดวางสายตามสัญชาตญาณในทันที
เพียงแต่ ตัวอักษรสามตัวบนหน้าจอปรากฏเข้าสู่สายตาในทันที
ลั่วฝานหวา
จู่ ๆ ซูสือจิ่นก็คิดอะไรขึ้นมาได้ หลังจากที่ภาพนั้นในครั้งนั้นปรากฏขึ้นมา ลั่วฝานหวาก็แทบจะไม่ได้เป็นฝ่ายโทรศัพท์หาเธอมาก่อนเลย เพียงแค่ส่งข้อความทางวีแชทมาหาบางครั้งเท่านั้น
เขาตามหาเธอตอนนี้หรือ?
เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว เธอจึงกดเลื่อนรับสายไป
“สือจิ่นครับ วันนี้ไปงานแต่งงานดีใจไหมครับ?” ลั่วฝานหวาราวกับว่าในที่สุดก็สามารถหาหัวข้อสนทนาได้แล้ว ดังนั้นจึงเอ่ยขึ้นมาอย่างเป็นธรรมชาติ “ผมคิดนะ วันนี้คุณแต่งหน้าแต่งตัวเป็นเพื่อนเจ้าสาว จะต้องทำให้ทุกคนตกตะลึงแน่ ๆ เลยใช่ไหมครับ?”
เดิมความรู้สึกที่ไม่สามารถควบคุมได้ของซูสือจิ่น ในตอนที่ได้ยินลั่วฝานหวาเอ่ยปากถามขึ้นมานั้นเอง จู่ ๆ กลับไม่รู้ว่าทำไมถึงจุดไฟอะไรขึ้นมา หลังจากนั้น ก็ควบคุมตนเองเอาไว้ไม่อยู่อีกต่อไปแล้ว
“ฉัน——” เธอเอ่ยขึ้นมาเพียงแค่คำเดียวเท่านั้น ก่อนที่จะสะอึกสะอื้นจนเปล่งเสียงไม่ออกแล้ว
ลั่วฝานหวาแทบจะได้ฟังออกได้เลยในทันทีว่าน้ำเสียงของเธอไม่ค่อยดีนัก ดังนั้นจึงอดที่จะเอ่ยถามขึ้นมาไม่ได้ว่า “สือจิ่น เป็นอะไรไปครับ? คุณอยู่ที่ไหน? ไม่สบายตรงไหนหรือเปล่าครับ?”
ในตอนที่คนกำลังอยู่ในช่วงเวลาน้อยเนื้อต่ำใจนั้นเอง อีกทั้งยังยอมรับความเจ็บปวดที่ขมขื่นอย่างน่าน้อยใจนั่นอีกด้วย แต่ทว่า ในตอนที่กำลังเผชิญหน้ากับความห่วงใยนั้นเอง กลับเพิ่มความเจ็บปวดนั่นมากขึ้นไปมากกว่าเดิมแบบที่ไม่มีที่สิ้นสุด
ดังนั้นแล้ว ในตอนที่จู่ ๆ ก็ถูกถามรวดเดียวสามคำถามนั้นเอง เมื่อกวาดสายตามองขึ้น ก็ค้นพบว่าในตอนที่ตนเองกำลังนั่งอยู่ในสวนสาธารณะนี้ จู่ ๆ ซูสือจิ่นก็รู้สึกราวกับว่าโลกทั้งใบกำลังทอดทิ้งเธอ
ริมฝีปากของเธอสั่นเทา หยาดน้ำตาไหลรินไม่ขาดสาย รออยู่นานกว่าจะสามารถเอ่ยอะไรออกมาได้ “ฉันอยู่ที่โรงพยาบาลค่ะ ไม่สิ ที่ด้านนอกของโรงพยาบาล ฉัน เท้าของฉันได้รับบาดเจ็บ……”
“สือจิ่น อย่าร้องนะครับ คุณค่อย ๆ พูดนะ” ลั่วฝานหวาลุกพรวดขึ้นมาจากโซฟาในทันที ก่อนจะพุ่งไปหยิบกุญแจรถอย่างรวดเร็ว “คุณฟังผมพูดนะครับ คุณวางสายไป แล้วก็รีบส่งตำแหน่งที่อยู่ให้กับผม ฉันจะไปหาคุณตอนนี้เลย!”
“อื้ม——” ซูสือจิ่นสูดจมูกไปมา
“จำไว้นะครับ ส่งตำแหน่งมาในวีแชทนะ!” ลั่วฝานหวาเอ่ย “ไม่ต้องไปไหนทั้งนั้น ผมจะใช่ความเร็วที่สุดแล้วจะรีบไปหาเลยครับ!”