บทที่ 279 ฟื้นสภาพการ์กอยล์

เจ้าของร้านพิศวง

บทที่ 279 : ฟื้นสภาพการ์กอยล์

ร่างของสัตว์ประหลาดผิดมนุษย์ร่วงลงในกองซากปรักหักพังดังสนั่น แล้วการต่อสู้ที่แสนสั้นและสุดโต่งก็จบลง

หลังจากนั้น เจ้าหน้าที่แผนกโลจิสติกส์ของหอพิธีกรรมต้องห้ามก็จะเข้ามารักษาผู้บาดเจ็บได้ แม้ว่าพวกเขาจะมีความแข็งแกร่งไม่เพียงพอหรือมีความสามารถที่แตกต่างออกไปก็ตามที แต่พวกเขาก็มักจะมีบทบาทสำคัญในทุกศึกของหอพิธีกรรมต้องห้ามเสมอ

เมื่อเทียบกับหน่วยรบ หน่วยบ่มเพาะบุคลากร และหน่วยข่าวกรองที่ส่วนใหญ่ประกอบด้วยอัศวินแล้ว บุคลากรของหน่วยโลจิสติกส์นั้นมีองค์ประกอบที่ซับซ้อนกว่า เพราะว่าพวกเขาต้องรับมือสถานการณ์ที่หลากหลายกว่า

ดังนั้น โดยปกติแล้ว แผนกนี้จะคอยดึงผู้มีพลังเหนือธรรมชาติรูปแบบต่าง ๆ เข้ามาเสริมเสมอ

ทั้งการดูแลผู้บาดเจ็บ ติดตามผลของสถานการณ์ วิเคราะห์ข่าวกรองในสนามรบ ตรวจหาร่องรอยอีเธอร์ ทั้งหมดนี้ต่างเป็นงานของแผนกโลจิสติกส์ทั้งสิ้น

แคโรไลน์เดินเข้ามาในซากที่พังทลายของคฤหาสน์

แม้ว่าตั้งแต่ต้นจนจบ ศึกนี้จะใช้เวลาเพียงแค่ไม่กี่นาทีเท่านั้น แต่ความเสียหายที่มันก่อนั้นมันน่าใจหายมาก

คฤหาสน์ออสวาลด์ทั้งหลังถล่มเละ สิ่งปลูกสร้างรอบข้างทั้งหมดต่างได้รับผลกระทบอย่างน้อยครึ่งหนึ่งของพื้นที่โดยรอบก็ถูกถางเตียน ไม่มีคนรับใช้คนใดในคฤหาสน์ที่รอดชีวิต และกลุ่มที่บังเอิญรอดออกมานอกคฤหาสน์ได้ก็ไม่พ้นต้องต่อสู้กับอัศวินที่ประจำการอยู่ใกล้เคียง

เพราะการปะทะกันระหว่างออสวาลด์และคล็อด ที่พื้นจึงมีหลุมลึกถูกทิ้งไว้ แล้วยังมีร่องยาว ๆ หลายแห่งที่ดูราวกับถูกคันไถไถผ่านด้วย

พื้นดินเต็มไปด้วยเศษเนื้อและเลือดรวมไปถึงแขนขาที่ถูกตัดขาด คนธรรมดาเหล่านี้ที่ต้องมาเผชิญหน้ากับพลังเหนือธรรมชาติบอบบางราวเป็นกระดาษ แค่เพียงหาง ๆ พลังที่เล็ดลอดออกมาก็เพียงพอที่จะฉีกร่างของพวกเขาเป็นชิ้น ๆ แล้ว

สมกับชื่อระดับภัยพิบัติ!

“แต่ก็ยังเป็นโชคดีที่ศึกนี้ใช้เวลาแค่ไม่กี่นาทีเท่านั้น ขืนยืดเยื้อต่อไป บางทีข่าวเช้าพรุ่งนี้อาจจะเป็นผู้ก่อการร้ายบุกเขตกลางเอาได้”

ถึงอย่างนั้น แคโรไลน์ก็ยังอดปวดหัวไม่ได้

แต่นี่ก็เป็นเรื่องปกติของศึกระหว่างผู้มีพลังเหนือธรรมชาติระดับสูง โดยเฉพาะเมื่อความแข็งแกร่งของทั้งคู่ทัดเทียมกัน

หากหาจุดอ่อนของคู่ต่อสู้ไม่พบ บางทีการต่อสู้ก็อาจยืดไปเป็นหลายวันหลายคืนได้ เหมือนกับการต่อสู้ครั้งแรกของโจเซฟและไวลด์ที่ถล่มเทือกเขาทิ้งไปทั้งเขา

แต่หากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเพลี่ยงพล้ำ ศึกก็จบไวได้

เหมือนเช่นตอนนี้

แคโรไลน์มองโจเซฟที่กำลังดึงคล็อดออกมาจากกรงเล็บแหลมคมของออสวาลด์อย่างระมัดระวัง เพ่งอยู่สักพักแล้วหันหน้าไปด้านข้าง

ที่นั่นมีภาพหลอนของยักษ์สีขาวที่คนอื่นมองไม่เห็นยืนอยู่

ภาพจิตเสมือน…เป็นชื่อของความสามารถนี้หรือเปล่านะ?

แคโรไลน์สามารถอ่านข้อมูลบางอย่างของยักษ์ที่เธอเห็นในระยะสายตาได้ ก่อนจะพูดอย่างครุ่นคิด “ที่แท้มันก็มาจากร้านหนังสือและเพิ่งได้เรียนรู้เมื่อสักพักที่ผ่านมา มิน่าล่ะถึงไม่เคยเห็นที่ไหนเลย ออสวาลด์เพลี่ยงพล้ำเพราะข้อมูลที่มีไม่ตรงกับปัจจุบัน ยิ่งไปกว่านั้นความเป็นเหตุเป็นผลของเขาก็ถดถอย แถมตัวเองยังเย่อหยิ่งเกินไปด้วย ไม่อย่างนั้นการฆ่าในพริบตาคงทำไม่ได้”

นี่คือความสามารถที่เธอได้มาจากร้านหนังสือ…เนตรหยั่งรู้!

ครั้งหนึ่ง เธอเคยได้รับมอบหมายภารกิจจากสภาผู้อาวุโสให้ไปร้านหนังสือลึกลับนั่น เพื่อประเมินความเสี่ยงและลักษณะนิสัยของเจ้าของร้านหนังสือ

และเพราะการตัดสินหลังจากนั้นถูกต้อง เธอจึงมีส่วนอย่างมากในการตัดสินใจครั้งใหญ่ของหอพิธีกรรมต้องห้าม และได้รับเลื่อนขั้นจากรองหัวหน้าแผนกโลจิสติกส์ไปเป็นหัวหน้าแผนกโลจิสติกส์โดยตรง

หรือก็คือ เธอกับโจเซฟในตอนนี้อยู่ในระดับเท่าเทียมกันแล้ว…

แต่ช่วงนี้มันก็ปุบปับเกินไปไหม?

ทันทีที่ศึกนี้จบ ข่าวที่โจเซฟฟื้นพลังกลับมาจะลามไปทั่วเหมือนไฟป่าแน่ ๆ แถมออสวาลด์ยังมาตาย ทิ้งเก้าอี้ตำแหน่งอัศวินแห่งแสงไว้ แล้วบังเอิญว่านั่นก็ทำให้โจเซฟได้ขึ้นแทนด้วย…

แคโรไลน์คิดในใจ

นี่ย่อมเป็นเรื่องดีสำหรับเธอ เพราะผลการประเมินของเธอในครั้งแรกทำให้ใบคำร้องขอเปลี่ยนเจ้านายให้ดาบปีศาจผ่านฉลุยได้ และความสัมพันธ์ระหว่างทั้งคู่ก็ยังถือว่าดี

เพราะถึงอย่างไร ทั้งคู่ก็มองว่าเป็นฝ่ายร้านหนังสือได้…

การกลับมาของโจเซฟจะทำให้ตำแหน่งของเธอมั่นคงขึ้นได้

แคโรไลน์หยุดความคิดของเธอไว้ จากนั้นก็มาถึงข้างตัวโจเซฟ

เรื่องด่วนในตอนนี้คือการวิเคราะห์ผลการต่อสู้กะทันหันนี้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง การกลายพันธุ์ของออสวาลด์เกิดขึ้นจากอะไรและทำไม

โจเซฟส่งคล็อดให้กับเจ้าหน้าที่ฝ่ายพยาบาลแล้วมองพวกเขาปฐมพยาบาล จากนั้นก็มองไล่หลังบุคลากรแผนกโลจิสติกส์เร่งส่งเขากลับหอพิธีกรรมต้องห้ามเพื่อเข้ารับการรักษาอย่างเร่งด่วน

อาการบาดเจ็บระดับนี้ หากรักษาไม่ทันการณ์ล่ะก็…ผลที่ตามมาอาจจะร้ายแรงได้ และอาการบาดเจ็บแฝงที่รบกวนโจเซฟมาหลายปีก็สืบเนื่องมาจากเรื่องนี้

“คุณเห็นอะไรไหม?”

เขาหันไปถามแคโรไลน์อย่างกะทันหัน แล้วถามขึ้นด้วยเสียงทุ้มลึก

สมาชิกแผนกโลจิสติกส์สามารถจับร่องรอยการต่อสู้อื่น ๆ ได้ แต่ถ้าเป็นตัวตนระดับออสวาลด์ ผู้ที่ลงมือสำรวจจะต้องเป็นระดับหัวหน้าแผนกเท่านั้น

หากพลังเหนือธรรมชาติสูงเกินไป นั่นอาจส่งผลต่อผู้ที่กำลังสืบเสาะหาร่องรอยของมันอยู่ได้ ดังนั้นผู้ที่จะเข้าไปยุ่งกับมันก็ต้องมีความแข็งแกร่งมากพอด้วย

“รอเดี๋ยวนะคะ”

แคโรไลน์จ้องมองศพของออสวาลด์แล้วใช้ความสามารถของเธอ ในตอนแรกที่เธอได้ความสามารถนี้มา เธอยังไม่สามารถควบคุมข้อมูลมากมายที่ไหลบ่าเข้ามาตรงหน้าเธอเต็มไปหมดไม่ได้ ดังนั้นมันจึงเจ็บปวดมากและปรับตัวให้ชินได้ยาก

ทว่า หลังจากฝึกฝนการใช้งานมันทุกวัน ตอนนี้เธอก็สามารถควบคุมพลังของเนตรหยั่งรู้ได้แล้ว แล้วเธอก็เปิดปิดมันได้อย่างอิสระ

สิ่งแรกที่ปรากฏบนศพของออสวาลด์คือข้อมูลส่วนตัวมากมายตลอดชีวิตของเขา แล้วแคโรไลน์ก็ได้พบข้อมูลที่ไม่คาดฝัน ที่จริงแล้วท็อดด์ไม่ใช่หลานชายของเขา แต่เป็นลูกชายต่างหาก…!

ไม่แปลกเลยที่ออสวาลด์จะตามใจท็อดด์เสียเหลือเกิน ก่อให้เกิดเป็นนิสัยทะนงตนเอาแต่ใจตัวเองอย่างตอนนี้

ยุ่งเหยิงเกินไปแล้ว!

แคโรไลน์อดส่ายหน้าไม่ได้ คนแบบนี้ไม่สมกับนามอัศวินแห่งแสงเอาเสียเลย แถมพอเป็นเรื่องของจิตสำนึกส่วนตัว อย่าว่าแต่เรื่องอื่น ๆ เลย การสืบเสาะของหน่วยโลจิสติกส์ก่อนหน้านี้ไม่ใช่เรื่องนั่งเทียน แต่สภาผู้อาวุโสกลับปล่อยคนแบบนี้ให้อยู่ต่อในองค์กรได้…

เธอรู้สึกได้อย่างลาง ๆ ว่ามีบางอย่างไม่ชอบมาพากลและอาจเกี่ยวข้องกับสภาผู้อาวุโส เธอลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แต่ในที่สุดก็ไม่ได้ใช้เนตรหยั่งรู้ระดับที่สูงกว่านี้เพื่อตรวจสอบที่มาที่ไปของเรื่องนี้

แล้วเธอก็ตรวจสอบหาที่มาของสภาวะผิดปกติในตอนนี้ของออสวาลด์ต่อไป

แต่ยิ่งตรวจสอบต่อ คิ้วของแคโรไลน์ก็ยิ่งขมวดแน่น

“เพราะ…สิ่งที่เห็น…จิตวิญญาณรับไม่ไหวเลยถูกคัดออก มีผลกระทบต่อร่างกายตามมา แล้วจิตก็สะท้อนรูปลักษณ์ออกมาเป็นอย่างที่เห็น… ใช่เหรอ?”

นี่เป็นครั้งแรกที่เนตรหยั่งรู้ของเธอมองไม่เห็นสถานการณ์ที่แท้จริงของสภาพปัจจุบัน

หญิงสาวสืบค้นต่อ แล้วพบว่าเนตรหยั่งรู้ก็ยังไม่ระบุข้อมูลใด ๆ ราวกับกำลังหลีกหนีอะไรบางอย่าง แต่มันกลับชี้ไปที่จุดหนึ่งของศพออสวาลด์

แคโรไลน์นั่งลงแล้วหยิบการ์กอยล์ออกมาจากชุดเปื้อนเลือดของออสวาลด์

เธอแสดงสีหน้าเคลือบแคลง เหมือนว่าเธอจะเคยเห็นการ์กอยล์ตัวนี้ที่ไหน…แล้วทำไมมันถึงแตกได้ล่ะ?

แคโรไลน์อ่านข้อมูลที่เด้งขึ้นมาบนหัวการ์กอยล์ออกเสียง “ดูดซับวิญญาณร้ายที่มีอำนาจมาก และกำลังซ่อมแซมตัวเองเพื่อคืนสติ…”

การ์กอยล์ดูดซับเลือดไป แล้วรอยร้าวก็ค่อย ๆ หายไป

รูม่านตาของโจเซฟหดตัว เขายื่นมือคว้าแล้วกระชากตัวแคโรไลน์ถอยออกมาทันที ในขณะที่ยักษ์สีขาวยื่นมือออกไปหยิบการ์กอยล์ขึ้นมา

!

ดวงตาสีเลือดของการ์กอยล์แวววาว และคู่ปีกค้างคาวก็กลายเป็นเงาขนาดมหึมา มันสะบัดหลุดจากการจับกุมของยักษ์สีขาวแล้วพุ่งหนีไปที่มุมหนึ่ง

โจเซฟสัมผัสได้ถึงรัศมีที่คุ้นเคยจากด้านบน และเขาก็เข้าใจทันทีว่าใครคือผู้อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้

เขาเงยหน้าขึ้น แล้วเห็นชายชราผู้หนึ่งยืนอยู่บนอากาศและกำลังเอื้อมมือออกไปรับการ์กอยล์ที่กลับสู่สภาพรูปสลักอีกครั้งอย่างพออกพอใจ จากนั้นเขาก็คำรามเสียงต่ำ “ไวลด์!”