ตอนที่ 213 เอามาให้เขาดู

อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว

ตอนที่ 213 เอามาให้เขาดู
ตอนที่ 213 เอามาให้เขาดู

เวยเยวี่ยนโหวถึงกับตกตะลึง สีหน้าเปลี่ยนไปและรีบเงยหน้าขึ้นในทันที “ท่านอ๋องซิวหมายความว่าอย่างไร?”

“ท่านโหวทำอะไรไว้ก็น่าจะรู้ดีอยู่แก่ใจ” เย่ซิวตู๋เหลือบมองหมอเสิ่นปราดหนึ่ง ก่อนจะกลับไปนั่งลงบนตำแหน่งที่นั่งเมื่อครู่อีกครั้งด้วยท่าทางเคร่งขรึม

เวยเยวี่ยนโหวใจเต้นระทึกเร็วยิ่งขึ้น รู้สึกได้ว่าการกระทำเช่นนี้ของเย่ซิวตู๋ทำให้เขาเผชิญกับหายนะครั้งใหญ่อย่างบอกไม่ถูก หากไม่รีบทำให้กระจ่างอย่างทันท่วงที เกรงว่าผลลัพธ์ที่ตามมาในภายหลังคงร้ายแรง

“ท่านอ๋องซิว ท่านอ๋องแปด ข้ายอมรับ ก่อนหน้านี้ตอนที่ยังไม่ได้ตรวจสอบสถานะของหมอเสิ่นให้แน่ชัด ข้าได้พาเขาเข้าไปวินิจฉัยพิษที่อยู่บนตัวของท่านอ๋องภายในวัง ถือเป็นความประมาทเลินเล่อของข้าจริง ๆ เรื่องนี้ส่งผลกระทบอย่างหนัก ข้าย่อมไม่ปัดความรับผิดชอบ กลับไปข้าจะไปรับโทษกับฝ่าบาท ฝ่าบาทอยากลงโทษเช่นไร ข้าย่อมยอมโทษอย่างเต็มใจ”

เรื่องนี้เวยเยวี่ยนโหวรู้สึกละอายใจจริง ๆ ตอนแรกที่หมอเสิ่นบอกกับเขาว่าตนเองคือหมอปีศาจ เขาเองก็ไม่ได้เชื่ออย่างสนิทใจ เพียงแต่หมอเสิ่นกลับรักษาหลิ่วเซียงเซียงได้จริง ๆ ทำให้หลิ่วเซียงเซียงไม่ต้องตายอยู่ในตำหนักท่านอ๋องซิว

ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ไม่เพียงแต่ทำให้เวยเยวี่ยนโหวรู้สึกซาบซึ้งในบุญคุณของหมอเสิ่น แต่ยังดูแลปรนนิบัติให้กินและดื่มแต่ของดี ๆ

แต่คิดไม่ถึงเลยว่าวันรุ่งขึ้นตอนที่เขาไปเข้าเฝ้าฮ่องเต้ กลับทราบข่าวเรื่องที่ท่านอ๋องซิวได้รับพิษ ตอนนั้นเขาไม่เชื่อใจหมอหลวงเหลียงที่ฮ่องเต้เรียกตัวมา จึงพูดโพล่งออกไปว่าหมอปีศาจที่มีชื่อเสียงใต้หล้าพักอยู่ในจวนของตนเอง จึงได้เรียกให้หมอเสิ่นมาช่วยวินิจฉัยโรคให้ท่านอ๋อง

ใครจะไปคิดว่าการวินิจฉัยโรคครั้งนี้ เหมิงกุ้ยเฟยจะให้ความสำคัญ ไม่เพียงแต่อนุญาตให้เขาเข้านอกออกในภายในวัง แต่ยังอนุญาตให้เขาไปอ่านตำราและวิจัยเรื่องพยาธิวิทยาสมุนไพรภายในไท่อีเยวี่ยนด้วย ด้วยเหตุนี้ ต่อให้เขาไปตรวจสอบสถานะของหมอเสิ่นอีกครั้ง ต่อให้เขาตรวจสอบจนรู้อะไรบางอย่าง ก็ยังไร้ประโยชน์อยู่ดี

ดังนั้นในเรื่องนี้ เวยเยวี่ยนโหวจึงรู้สึกละอายใจหากต้องไปกราบทูลฮ่องเต้ตามความเป็นจริง ภายหลังเรื่องที่เขาสงสัยถึงสถานะของหมอเสิ่นและสิ่งต่าง ๆ ที่อีกฝ่ายทำ เวยเยวี่ยนโหวจึงทำเป็นไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น

ทว่าต่อให้เขาคิดว่าเป็นการไกล่เกลี่ยเพื่อยุติความขัดแย้ง แต่เย่ซิวตู๋กลับไม่ได้คิดเช่นนั้น และเขาก็ไม่ได้เป็นคนใจบุญด้วย

“ท่านโหว หากท่านไม่รู้ถึงสถานะที่แท้จริงของหมอเสิ่นจริง ๆ เช่นนั้นการประลองในวันนี้ยังจะมีอะไรต้องเป็นกังวลเกี่ยวกับหมอเสิ่นอีก? กังวลจนถึงขั้น…ไม่เสียดายหากต้องดักฆ่าแม่นางชิงระหว่างทาง”

“อะไรนะ?”

“ว่าอย่างไรนะ!!!”

ทุกคนที่ยืนดูสถานการณ์ถึงกับตกตะลึง สีหน้าเปลี่ยนไปในทันที ดักฆ่าแม่นางชิง? เวยเยวี่ยนโหวส่งคนไปฆ่าแม่นางชิงรึ?

หลีจื่อฟานหน้าเปลี่ยนสีเป็นคนแรก สายตาที่จ้องมองเวยเยวี่ยนโหวกลายเป็นศัตรูมากยิ่งขึ้น ระหว่างทางไม่ราบรื่นจริง ๆ ด้วย

ข่งอวิ๋นเซิงเบิกตาโตยิ่งกว่า ขณะกล่าวว่า “แม่นางชิง เกิดเรื่องเช่นนี้จริง ๆ รึ? เจ้าถูกดักฆ่าระหว่างทางจริง ๆ รึ?”

“ใช่” เดิมทีอวี้ชิงลั่วไม่ได้ตั้งตัวเป็นศัตรูกับเวยเยวี่ยนโหว ทว่าหลังจากเห็นลูกธนูดอกนั้นที่อีกฝ่ายยิงออกมาเมื่อครู่ เปลวไฟลูกนั้นภายในใจของนางจึงลุกโหมมากขึ้นเรื่อย ๆ เดิมทีก็ไม่มีเหตุผลอะไรต้องพูดโน้มน้าวเพื่อปล่อยเขาอยู่แล้ว แต่เขากลับกล้าทำร้ายหนานหนานของนาง นี่เห็นนางและเย่ซิวตู๋เป็นคนตายจริง ๆ หรือ?

“วันนี้ข้าและใต้เท้าอวี๋ออกเดินทางจากจวนอวี๋พร้อมกัน แต่กลับถูกลอบสังหารโดยชายชุดดำสี่คน พวกเขาไล่ตามรถม้าของพวกเรามาตลอดทางจนไปถึงถนนในป่า ทั้งยังคิดจะฆ่าพวกเราโดยไม่คำนึงถึงสิ่งใด หมัดสองข้างของใต้เท้าอวี๋ยากเกินกว่าจะรับมือกับศัตรูทั้งสี่คน จึงถูกทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บสาหัส ตอนนี้ยังสลบไม่ได้สติ หากตอนนั้นมิใช่เพราะท่านอ๋องซิวไปถึงที่นั่นได้ทันเวลา เกรงว่าข้าเองก็คงตายอยู่ใต้คมดาบเช่นกัน เดิมทีคงไม่มีทางที่จะปรากฏตัวขึ้นที่นี่ ยิ่งไม่มีทางที่จะประลองกับหมอเสิ่นได้ หากมิใช่เพราะระหว่างทางถูกไล่ฆ่าเช่นนั้น ข้าคงไม่มาถึงที่นี่ก่อนที่การประลองจะเริ่มขึ้นในอีกไม่นาน”

อวี้ชิงลั่วพูดอย่างชัดถ้อยชัดคำ สายตาแน่วแน่แฝงด้วยความหยิ่งผยอง

ทุกคนพากันสูดลมเย็นเข้าปาก มีคนไหวตัวได้อย่างรวดเร็ว ตะโกนเสียงดังว่า “มิน่าเล่า มิน่าเล่าสีหน้าของหมอเสิ่นในตอนนั้นถึงได้ดูประหลาดนัก ที่แท้ก็เป็นเพราะรู้ตั้งแต่แรกว่าแม่นางชิงคงถูกฆ่าตาย และไม่สามารถเข้าร่วมการประลองนี้ได้”

“ถูกต้อง ข้าเองก็รู้สึกแปลกใจเช่นกันว่าเหตุใดหมอเสิ่นผู้นี้ถึงได้มั่นใจนักว่าแม่นางชิงคงมาที่นี่ไม่ได้แล้ว? ตอนนั้นยังพูดว่าแม่นางกลัวเขาจึงไม่กล้ามาด้วยนะ อีกอย่างยังไม่ทันถึงเวลา เขาก็รีบขึ้นไปยืนประกาศบนเวทีเพราะทนไม่ไหวแล้ว เขาเองก็คงเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดเป็นแน่”

“เวยเยวี่ยนโหว คิดไม่ถึงเลยว่าท่านจะฆ่าคนเป็นผักเป็นปลา ไม่เพียงแต่จะลงมือกับแม่นางชิง แต่ยังฆ่าเจ้าหน้าที่ในราชสำนักอีก”

“โชคดีที่ท่านอ๋องไปถึงถนนในป่าได้ทันเวลา จึงช่วยชีวิตไว้ได้ มิเช่นนั้นทุกคนคงได้ติดอยู่ในแผนการสมรู้ร่วมคิดและกลอุบายของท่านไปด้วย คิดไม่ถึงเลยว่าจะส่งนักฆ่าชุดดำสี่คนไปจัดการกับสตรีบอบบางอย่างแม่นางชิง การกระทำเช่นนี้แตกต่างจากสัตว์เดรัจฉานตรงไหนกัน?”

เย่ฮ่าวหรานถึงกับตกตะลึงในทันที ถนนในป่า ชายชุดดำสี่คน ไล่ล่ารถม้า? เช่นนั้นก็หมายความว่า คนที่อยู่ในรถม้าคันนั้นที่พวกเขาเจอระหว่างทาง คืออวี้ชิงลั่วและอวี๋จั้วหลิน?

เขาหันสบตากับหนานหนานอย่างเงียบ ๆ เจ้าเด็กคนนี้ดูเหมือนว่าจะนึกขึ้นได้แล้ว จึงทำแก้มป่องขึ้นมา รู้สึกเสียดายที่ตอนนั้นจำไม่ได้ว่าคนที่อยู่ในรถม้าคันนั้นคือแม่ของตนเอง มิเช่นนั้นเขาคงทำตัวเป็นวีรบุรุษช่วยสาวงาม และทำให้ท่านแม่รู้สึกซาบซึ้งในบุญคุณของเขานับจากนี้

ช่างน่าเสียดาย โอกาสในครั้งนี้ได้ถูกท่านพ่อแย่งไปเสียได้ น่าเสียดาย น่าเสียดายจริง ๆ

เย่ฮ่าวหรานขมวดคิ้วเล็กน้อย หันมองไปยังเย่ซิวตู๋ที่อยู่ข้าง ๆ เมื่อครู่เขากำลังคิดจะโน้มน้าวใจพี่ห้าไม่ให้ทำอะไรเวยเยวี่ยนโหว ถึงอย่างไรเสด็จพ่อก็ไม่ได้มีความคิดที่จะฆ่าเพื่อกำจัดคนผู้นี้ อย่างมากที่สุดเสด็จพ่อก็คงแค่ตักเตือนเวยเยวี่ยนโหว

ทว่าตอนนี้ดูเหมือนว่าพี่ห้าคงคิดจะเล่นงานเวยเยวี่ยนโหวให้ถึงตาย

ไม่เพียงแต่อีกฝ่ายกล้ายิงลูกธนูดอกนั้นจนเกือบสังหารหนานหนาน แต่ยังมีความกล้าส่งนักฆ่าไปไล่ฆ่าอวี้ชิงลั่วอีก เรื่องนี้พี่ห้าไม่มีทางยอมวางมือเพื่อยุติเรื่องราวเป็นแน่

ก่อนหน้านี้คงไม่เป็นอะไร เพราะพี่ห้าไม่คิดจะสนใจอะไร แต่ตอนนี้อวี้ชิงลั่วและหนานหนานกลายเป็นจุดอ่อนของพี่ห้าไปแล้ว ใครเข้ามายุ่งย่อมมีจุดจบที่ไม่ดี

ดูเหมือนว่า…ครั้งนี้เวยเยวี่ยนโหวคงจบเห่แล้ว พี่ห้าต้องฆ่าเขาทิ้งเป็นแน่

เย่ฮ่าวหรานแอบถอนหายใจ ยืนรอดูอยู่ข้าง ๆ

เป็นอย่างที่คิดไว้จริง ๆ เย่ซิวตู๋ไม่คิดจะเปิดโอกาสให้เวยเยวี่ยนโหวได้หยุดพัก เขาหันหน้าไปพูดกับผู้ตรวจการเมืองหลวงว่า “ใต้เท้าเย่ คราบเลือดที่อยู่บนถนนในป่าเส้นนั้นยังอยู่ ใต้เท้าเย่ส่งคนไปตรวจสอบได้”

เดิมทีใต้เท้าเย่และอวี๋จั้วหลินเป็นสหายเก่าของกันและกัน เมื่อได้ยินว่าอวี๋จั้วหลินได้รับบาดเจ็บสาหัส เขาจึงมิอาจนิ่งดูดายได้ ใบหน้าพลันเย็นชาขณะโบกมือสั่งให้ทหารไปตรวจสอบ

เวยเยวี่ยนโหวใบหน้าขาดซีด รีบตะโกนเรียกร้องความยุติธรรม “ท่านอ๋อง ท่านจะนำเรื่องนี้มาปรักปรำข้าได้อย่างไรกัน แม่นางชิงและรองเจ้ากรมอวี๋ถูกไล่ฆ่า บางทีพวกเขาอาจสร้างศัตรูไว้ก็เป็นได้ เรื่องที่จับมือใครดมไม่ได้เช่นนี้เหตุใดถึงได้กล่าวหาว่าเป็นคนที่ข้าส่งไป?”

“จับมือใครดมไม่ได้? ท่านโหวอยากได้หลักฐานงั้นหรือ?” เย่ซิวตู๋หัวเราะพรืด วันนี้เขาไม่มีทางปล่อยอีกฝ่ายแน่

บุคคลผู้นี้มักทำเรื่องชั่วร้ายอยู่เสมอ ตอนนี้ยังกล้าฆาตกรรมอวี้ชิงลั่วใต้เบื้องบาทของโอรสแห่งสวรรค์ คิดจะฆ่าหนานหนานต่อหน้าเขา หากเขาปล่อยให้หลุดรอดไปได้ เขาคงไม่จำเป็นต้องดำรงตำแหน่งท่านอ๋องนี้ต่อไปแล้ว

เย่ซิวตู๋ยิ้มเยาะ ไม่สนใจเวยเยวี่ยนโหวที่พยายามดิ้นเฮือกสุดท้ายให้หลุดพ้นจากความตาย กล่าวเสียงดังว่า “เผิงอิง ท่านโหวต้องการหลักฐาน เจ้าเอาไปให้เขาดูสิ”

………………………

สารจากผู้แปล

เก็บหลักฐานไว้เรียบร้อยด้วย จะแถอะไรก็แถไม่ออกแล้วตอนนี้

ไหหม่า(海馬)