“พวกท่านอยากไปขี่เมฆเล่นก่อนไหมคะ? หรือจะลองทานอาหารแปลกๆ ที่เรามีให้?”
นาเรถามด้วยรอยยิ้มมีเสน่ห์ขณะยืนอยู่ตรงหน้ากลุ่มของผม
“พวกนายว่าไง?”
ผมหันไปถามเพื่อนๆ เนื่องจากว่าทริปนี้ไม่ได้จัดขึ้นเพื่อผม แต่จัดขึ้นสำหรับเพื่อนๆ ที่ต้องการพักผ่อนและสนุกสนาน ทริปนี้จัดขึ้นเพื่อพวกเขา
“ผมอยากลองอาหารครับ!”
เจค็อบพูดด้วยรอยยิ้มที่ตื่นเต้นขณะที่เขายกมือไปข้างหน้า
“อืม….มีที่ไหนที่พูดถึงรูปแบบการต่อสู้ของโลกมนุษย์สัตว์มากกว่านี้ไหมนะ?”
อเล็กซ์ถามด้วยท่าทีครุ่นคิดจนทำให้ผมตบหัวเขา
“โอ๊ย!…..”
มีก้อนเนื้อขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นบนหัวของเขาในขณะที่เขาลูบมัน
ผมมองเขาด้วยสายตารำคาญก่อนจะพูดขึ้นมา
“นี่เป็นทริปที่จัดขึ้นเพื่อความสนุกสนาน อย่าคิดถึงเรื่องอื่นสิ”
พูดจบแล้วผมก็หันไปหาสาวๆ เลย โดยไม่ได้ถามมาร์คกับอาม่อน เนื่องจากผมมั่นใจว่าพวกเขาคงจะตอบว่าพวกเขาจะทำตามคำสั่งของผม
“แล้วเราควรทำอะไรกันก่อนดีนะ?”
“ฉันอยากขี่ก้อนเมฆค่ะ!”
เอ็มม่าตอบด้วยดวงตาเป็นประกาย ขณะที่เธอหันความสนใจไปยังผู้คนที่เดินทางอยู่เหนือท้องฟ้าด้วยการนั่งอยู่บนเมฆอันแสนสบาย
เมื่อหันไปหาสาวคนอื่นๆ ผมก็เห็นพวกเธอมุ่งความสนใจไปที่เมฆเหมือนกัน และเมื่อรู้ว่านั่นคือสิ่งที่เอ็มม่าต้องการ มาร์คคงจะกระโดดตามความปรารถนาของเธออย่างแน่นอน
“ถ้าอย่างนั้นเราอยากเดินทางด้วยเมฆกันหน่ะ”
ผมหันไปพูดกับนาเรซึ่งพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม
“ถ้าอย่างนั้นก็กรุณาตามฉันมาด้วยค่ะ”
เธอพูดก่อนจะเริ่มเดินจากไป
เมื่อเห็นแบบนั้นผมและกลุ่มก็ตามเธอไป
ไม่รู้ว่าเป็นจินตนาการของผมหรือเปล่า แต่ดูเหมือนว่าสะโพกของเธอดูจะขยับมากกว่าปกติในตอนที่เธอเดินนำหน้าผมและมันก็ช่วยไม่ได้ที่จะเป็นเช่นนั้นเนื่องจากชุดที่ผู้หญิงตรงหน้าผมสวมอยู่นั้นรัดแน่นรอบก้นของเธอ ทำให้ผมเห็นก้นเธอขยับทุกครั้งที่เธอเดิน
“คุณนี่โด่งดังทุกที่ๆ ไปเลยน้าาา~”
อเล็กซ์พูดด้วยน้ำเสียงเด็กนิสัยเสีย เสียงของเขาเบาแต่ก็ไม่ได้เบาขนาดนั้น ดังนั้นผมแน่ใจว่าสาวๆ คงได้ยินคำพูดของเขา ซึ่งรู้ได้จากการแกว่งไปมาของมานาที่อยู่รอบๆ
เมื่อกวาดสายตากลับไปผมก็เห็นซานะที่มีท่าทางเย็นชา, เอ็มม่ายังคงยิ้มขณะมองไปรอบๆ แต่ดวงตาของเธอไม่ได้ส่องแสงอีกแล้ว
มิกะและริกะดูเหมือนจะประสานกันเมื่อมานาของพวกเธอสั่นไหวบริเวณรอบๆ
รินะเป็นคนที่สังเกตเห็นได้ชัดเจนที่สุดเนื่องจากเจตนาฆ่าอันแสนหงุดหงิดของเธอกำลังรั่วไหลออกมาอยู่
‘เธอจะรู้สึกหึงได้ยังไงในเมื่อเธอยังไม่เข้าใจความรู้สึกของตัวเอง?’
ผมเกิดคำถามขึ้นมา แต่ก็เก็บมันเอาไว้ในใจก่อนสำหรับตอนนี้ ปฏิกิริยาที่ปกติที่สุดคือของโซร่าที่ดูอึดอัดขณะที่เธอขมวดคิ้วมองนาเร และสุดท้ายคลาร่าก็ที่กำลังทำสีหน้าสงบอยู่ แต่ผมรู้จักเธอมากพอที่จะเข้าใจว่าเธอกำลังโกรธอยู่
สิ่งหนึ่งเกี่ยวกับเธอก็คือแม้ว่าเธอจะไม่รังเกียจที่ผมมีผู้หญิงคนอื่น แต่เธอก็ไม่ชอบเมื่อมีผู้หญิงที่ผมไม่ได้สนใจพยายามจะยั่วผม กล่าวอีกนัยหนึ่งคือผมได้รับอนุญาตให้จีบผู้หญิงคนอื่นได้ แต่ผู้หญิงไม่ได้รับอนุญาตให้จีบผม
‘ผู้หญิงบ้าอะไรเนี่ย’
แต่แล้วนี่ก็เป็นอีกครั้งที่ผู้หญิงทุกคนรอบตัวผมยังคงไม่ปกติไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง
“พวกเรามาถึงแล้วค่ะ”
คำพูดของนาเรทำให้ผมหลุดออกจากความคิดก่อนจะเพ่งความสนใจไปที่ต้นไม้สีขาวขนาดใหญ่ที่มีใบสีฟ้า
ข้างใต้ต้นไม้นั้นมีชายเผ่าแมวคนหนึ่งแต่งตัวดียืนอยู่ เขายิ้มขณะที่มือของเขาสัมผัสต้นไม้ และในไม่ช้าต้นไม้ก็เริ่มสั่นก่อนที่ใบไม้จะสั่นไหว กลายเป็นสีขาวไปจนควันขาวเริ่มลอยออกจากใบแล้วเริ่มรวมตัวกันต่อหน้าต่อตาเรา
“น่าประทับใจมาก มันเกิดขึ้นได้ยังไงกันนะ?”
โซร่าผู้อยากรู้อยากเห็นที่สุดในหมู่พวกเราเป็นผู้นำในขณะที่เธอตั้งคำถามและทำให้นาเรยิ้ม
“มันเป็นเพราะความพิเศษของต้นคลาวด์เซียนเหล่านี้ค่ะ ว่ากันว่าต้นไม้เหล่านี้เกิดจากเมฆที่แตกสลายของเมฆก้อนแรกที่ตกลงบนต้นไม้ซึ่งต่อมาสามารถผลิตเป็นเมฆพิเศษได้ค่ะ”
“อย่างนี้นี่เอง….”
คำอธิบายที่น่าตกตะลึงซึ่งอาจถูกเยาะเย้ยว่าเป็นเรื่องที่บ้าๆ บนโลกได้รับการยอมรับกันตามความเป็นจริงแล้วนี่เป็นเรื่องปกติ และผมก็ชินกับมันมาได้ระยะหนึ่งแล้ว การตามหลังแนวคิดเรื่องวิทยาศาสตร์จะทำให้คุณเป็นบ้าได้
“นี่คือเมฆของพวกท่านค่ะ”
นาเรพูดพร้อมกับชี้ไปที่เมฆก้อนใหญ่ที่จุคนได้ 30 คน ซึ่งกำลังลอยอยู่เหนือพื้นอย่างเงียบๆ
เมื่อเห็นแบบนั้นแล้วเอ็มม่านั้นเป็นคนแรกที่วิ่งเข้าไปแล้วกระโดดขึ้นไปก่อนเธอจะค่อยๆ จมลงไปในเมฆขณะที่เธอเตะขาไปรอบๆ
“ว้าว…..นุ่มจังเลย!”
เธออุทานขณะเงยหน้าขึ้นมาโดยมีเมฆบางก้อนเกาะหน้าและผมจนพวกเราทุกคนหัวเราะ
ไม่นานผมและคณะก็นั่งลงบนก้อนเมฆ มันนุ่มและรู้สึกดีจริงๆ ในตอนที่ก้นผมจมลงไป พอมองย้อนกลับไปผมก็เห็นคนเหลือต่างกำลังเพลิดเพลินในตอนที่พวกเขานั่ง ยกเว้นมาร์คและอาม่อนที่กำลังนั่งทำหน้าเย็นชาอยู่บนก้อนเมฆ
เอ็มม่ากำลังเล่นกับก้อนเมฆ, ซานะสัมผัสก้อนเมฆด้วยความอยากรู้อยากเห็น ใบหน้าที่เย็นชาตามธรรมชาติของเธอละลายหายไปจนเธอดูเหมือนเด็กสมกับอายุอย่างแท้จริง และหางแมวของเธอก็กำลังแกว่งไปมาด้วยความตื่นเต้น ผมยังเห็นโซร่าดึงเมฆบางส่วนออกมาและใส่มันลงในขวดด้วยรอยยิ้มด้วย เจค็อบเป็นคนเรียบง่ายเหมือนกับเอ็มม่าที่สัมผัสและเล่นกับก้อนเมฆ
รินะจมลงไปในก้อนเมฆด้วยท่าทางนิ่งๆ ก่อนจะเอนตัวลงเหมือนงีบหลับ ขณะที่หูกระต่ายขนาดใหญ่ของเธอผ่อนคลายอยู่เหนือหัว
มิกะและริกะนั่งมองไปรอบๆ ด้วยกัน โดยที่บางครั้งก็ส่งยิ้มมาให้ผม ส่วนคลาร่าก็นั่งอยู่ข้างฝาแฝดขณะที่เธอพูดคุยกันไปด้วยและเพลิดเพลินไปกับความรู้สึกอันนุ่มนวล
ทางด้านอเล็กซ์นั้นหลับอยู่บนก้อนเมฆไปแล้ว
‘นี่มันสนุกจัง…..’
ผมคิดในใจแล้วมองดูนาเรซึ่งอยู่หน้าเมฆและท่องคำบางคำก่อนที่เมฆจะลอยขึ้นจากพื้นดินอย่างช้าๆ ขึ้นไปในอากาศ และก่อนที่เราจะรู้ตัว ก้อนเมฆของพวกเราก็บินขึ้นมาสูงเสียดฟ้าไปแล้วจนทำเอาแม้แต่ผมเองก็ยังประหลาดใจ
“สวยจัง….”
ผมพูดขึ้นมาและบอกได้เลยว่าคนอื่นๆ เองก็คงเห็นด้วยในขณะที่ทุกคนมองไปยังรอบๆ แม้แต่อเล็กซ์ก็มีรอยยิ้มสงบบนใบหน้าของเขาที่หาได้ยากในขณะที่เขาจ้องมองไปยังวิวตรงหน้า เขาถูกเจค็อบปลุกอย่างรุนแรง
[ เพื่อนของโฮสสบายดี หยุดมองพวกเขาแล้วสนุกไปกับสิ่งที่อยู่ข้างหน้าโฮสเถอะ ]
ทันใดนั้นคำพูดของระบบก็พาผมออกจากความคิดเมื่อมองย้อนกลับไปที่ฉากนั้น จนกระทั่งสุดสายตาผมเห็นต้นไม้สีขาวสวยงามเต็มตา ป่าพิเศษทั้งหมดนี้ได้รับการคุ้มครองโดยพันธมิตรมนุษย์สัตว์จากกำแพงที่สามารถมองเห็นได้ในตอนท้าย แต่ที่สะดุดตาผมคือภาพเมฆหลายก้อนที่ลอยขึ้นมาจากต้นไม้มาบรรจบกับเมฆด้านบนที่ดูราวกับเป็นกระบวนการทางธรรมชาติ
“เรามาเริ่มกันเลยไหมคะ?”
นาเรถามผมด้วยสายตาที่รู้ใจขณะที่เธอจ้องมองมาที่เรา
ผมทำเพียงแค่พยักหน้าแล้วผ่อนคลายกลับเข้าไปในก้อนเมฆ จ้องมองป่าอันสวยงามอันไม่มีที่สิ้นสุดขณะที่สายลมอันเงียบสงบของวันพัดมาปะทะหน้า เสียงพูดคุยของเพื่อนที่อยู่รอบๆ ดังขึ้นมาให้ได้ยินเป็นระยะๆ ในขณะที่ใจของผมสงบ
-Donate-
True Money Wallet ID : mraxzy
ไทยพาณิชย์ : 4051572923 //ชาคริต