ตอนที่ 279 กระแสลมได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว

Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน

ตอนที่ 279 กระแสลมได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว

ราวกับว่าคำยืนยันของหยางจงหมิงจะทำให้เหล่าโจวมั่นใจขึ้นมาอย่างไร้ขีดจำกัด หลังจากนั้นเหล่าโจวก็เอาใจใส่เรื่องการเข้าฉายนักปรับเสียงเปียโนสุดๆ แทบจะทันทีที่ภาพยนตร์เรื่องนี้ทำขั้นโพสต์โพรดักชันเสร็จสมบูรณ์ เขาก็รีบนำภาพยนตร์ที่ทำสำเร็จไปเจรจากำหนดฉายกับโรงภาพยนตร์อย่างอดใจรอไม่ไหว

ประสิทธิภาพในการทำงานสูงมากทีเดียว

เมื่อมีสตาร์ไลท์เป็นหัวแรงคอยหนุนหลัง กอปรกับภาพยนตร์นั้นมีกระแสจากการโปรโมตอยู่แล้ว หลังจากการทำงานหนักของเหล่าโจว ในที่สุดภาพยนตร์ก็ได้กำหนดเข้าฉายในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ปีนี้

เป็นช่วงเวลาของการเปิดฤดูกาลใหม่พอดี

หลังจากนั้นหลินเยวียนก็โพสต์ข่าวนี้ลงบนปู้ลั่ว ขณะเดียวกันก็แนบโปสเตอร์ไปด้วย เปิดเผยข้อมูลที่มากขึ้นเกี่ยวกับภาพยนตร์เรื่องนี้ ตัวอย่างเช่นแนวของภาพยนตร์อะไรเทือกนั้น ทว่าสิ่งที่ทุกคนพุ่งความสนใจไปไม่ได้อยู่ตรงนี้ โลกภายนอกสนใจบทเพลงที่จะปรากฏในภาพยนตร์เสียมากกว่า

‘ในที่สุดก็ได้กำหนดฉายแล้ว!’

‘เวลาเหมาะเจาะพอดีมาก!’

‘ถึงกับเป็นหนังแนวลึกลับ นี่ยังคิดซะอีกว่าจะเป็นหนังตลกเหมือนถังปั๋วหู่ ใหญ่ไม่ต้องประกาศ แต่ผมก็จะไปดูนะ คิดซะว่าอาจารย์เซี่ยนอวี๋เปิดคอนเสิร์ตในหนังก็แล้วกัน’

‘+1 คอมเมนต์บน’

‘ว่ากันว่างานภาพยนตร์และโทรทัศน์ที่ดีสามารถทำให้เพลงที่ดีประสบความสำเร็จได้ นึกไม่ถึงว่าจะมีวันที่ฉันจะมาติดตามหนังเพราะเพลง อาจารย์เซี่ยนอวี๋ขี้โกงอะ บอกว่าหาคำตอบที่ตามหาได้จากในหนัง…’

‘อาจารย์เซี่ยนอวี๋สู้ๆ นะ!’

‘ขอร้องล่ะ เพลงในหนังอย่าทำให้ฉันผิดหวังเลยนะ ไม่งั้นน่ากลัวว่าคนฉู่คงได้ใจแน่เลย ถ้าไม่ประกาศศักดาให้รู้กันสักหน่อย พวกเขาจะคิดว่าชื่อมาตุภูมิแห่งดนตรีของพวกเราไร้ประโยชน์’

‘…’

ที่ความสนใจของทุกคนถูกดึงดูดไป อันที่จริงก็เกี่ยวข้องกับภาพโปสเตอร์ที่หลินเยวียนโพสต์ในปู้ลั่ว หลินเยวียนโพสต์ภาพโปสเตอร์ทั้งหมดเก้าภาพ ภาพหนึ่งซึ่งเป็นหัวใจสำคัญก็คือภาพที่ตัวเอกหลิ่วเจิ้งเหวินกำลังนั่งอยู่หน้าเปียโน

บรรเลงเปียโน

ภาพนี้ทำให้ผู้คนอดไม่ได้ที่จะนึกเชื่อมโยงไปถึงข้อความที่หลินเยวียนโพสต์ตอบโต้ รวมไปถึงมหาสงครามดนตรีระหว่างฉินและฉู่ คล้ายกับว่าภายใต้โปสเตอร์ใบนี้มีศาสตราวุธที่หลินเยวียนซ่อนไว้สำหรับฤดูกาลการแข่งขันต่อจากนี้

และนอกจากกำลังใจจากแฟนคลับแล้ว

บนพื้นที่แสดงความคิดเห็นบนปู้ลั่วของเซี่ยนอวี๋ยังปรากฏคอมเมนต์จากชาวฉู่ แม้จะพูดไม่ได้เต็มปากว่าเป็นการโจมตี แต่ก็แสดงออกว่าไม่เชื่ออยู่ไม่มากก็น้อย บวกกับที่แต่ไหนแต่ไรเซี่ยนอวี๋ไม่ชอบจำกัดการแสดงความคิดเห็น ส่งผลให้พื้นที่แสดงความคิดเห็นมีคอมเมนต์หลากหลายปะปนกันไป

‘พ่อเพลงตัวน้อยของต้าฉินเก่งมากเลย?’

‘ขอแนะนำให้ยอมแพ้ในชาร์ตเดือนสองเถอะ’

‘ต้าฉู่เราส่งพ่อเพลงลงสนามสามท่านเชียวนะ คนที่จะสู้กับพ่อเพลงของเราได้ ก็มีแค่พ่อเพลงของต้าฉินไม่กี่คน พ่อเพลงตัวน้อยอะไรนี่ไม่ต้องเข้ามาแจมหรอก เอาเวลาไปทำหนังให้สบายใจไป’

‘คนทำหนังยังเป็นคนดนตรีได้ด้วย?’

‘เห็นชัดๆ ว่าพ่อเพลงตัวน้อยของต้าฉินอยากเรียกกระแส ทำไมพวกคุณพูดซะอย่างกับว่าเขาคู่ควรที่จะมาแข่งครั้งนี้ล่ะ คนเขากำลังทุ่มเทความสนใจกับหนังอยู่ มหาสงครามดนตรีอะไรนี่เขาไม่ได้เตรียมตัวมาตอบโต้ด้วยซ้ำไป’

‘1 กุมภา รอดูเลย’

‘นี่สิถึงเป็นความฉลาดของคนคนนี้ พอถึงตอนนั้นอันดับไม่น่าดูขึ้นมา พ่อเพลงตัวน้อยคนนี้ก็ถอยออกไปได้ แล้วบอกว่าเพลงของเขาทำขึ้นเพื่อประกอบภาพยนตร์ เขาไม่ได้เข้าร่วมศึกครั้งนี้สักหน่อย ยังไงผมก็โพสต์ไว้แล้ว ถ้าไม่เป็นอย่างที่ผมพูด ถึงตอนนั้นมาทุบหลังได้เลย’

‘…’

การเรียกกระแสครั้งนี้ของหลินเยวียน ใครๆ ก็มองออกกันทั้งนั้น เป็นวิธีการโปรโมตที่แสนประจวบเหมาะกับเวลา ดังนั้นคำพูดเช่นนี้จึงมีคนที่เชื่ออยู่บางส่วนจริงๆ ทำให้ชั่วขณะนั้นพื้นที่แสดงความคิดเห็นของเซี่ยนอวี๋แปรเปลี่ยนเป็นสนามรบขนาดย่อมของชาวเน็ตจำนวนมาก

และขณะที่ทั้งสองฝั่งกำลังฟาดฟันกันอย่างหนักหน่วง

จู่ๆ สตาร์ไลท์ก็ประกาศข่าวว่าหยางจงหมิงจะถอนตัวจากศึกในเดือนกุมภาพันธ์ ข่าวมาจากบัญชีทางการ ตัวหยางจงหมิงเองก็แชร์ประกาศนี้ พลันก่อให้เกิดการโต้เถียงระหว่างฉิน ฉีและฉู่ ศิลาหนึ่งก้อนก่อให้เกิดระลอกคลื่นนับพัน[1]!

‘อาจารย์หยางไม่ปล่อยเพลงแล้ว?’

‘อาจารย์หยางอย่าวางมือสิ!’

‘ต้าฉินยอมแพ้แล้ว?’

‘ฮ่าๆๆๆๆๆ หยางจงหมิงไม่ใช่หนึ่งในพ่อเพลงที่เก่งที่สุดของต้าฉินหรอกเหรอ ทำไมยังไม่ทันออกรบก็กลัวซะแล้วล่ะ ก่อนหน้านี้เพิ่งจะประกาศออกไป จู่ๆ ก็หยุดซะแล้ว นี่คือออกตัวยอมแพ้แล้วหรือเปล่า’

‘อาจารย์หยางเกิดอะไรขึ้น’

‘อาจารย์หยางไม่ออกโรงจะต้องมีเหตุผลแน่ๆ อย่าไปฟังคนฉู่พวกนั้นพูดเรื่อยเปื่อยเลย อาจารย์หยางเคยกลัวซะที่ไหน อาจารย์หยางเป็นพ่อเพลงคนเดียวที่ออกโรงเมื่อไหร่ต้องได้แชมป์ 100%!’

‘…’

บางทีประเด็นถกเถียงอาจจะใหญ่เกินไป อาจส่งผลต่อภาพลักษณ์ของหยางจงหมิง สตาร์ไลท์จึงให้คำตอบไปตามตรง ‘ในเดือนกุมภาพันธ์มีอาจารย์เซี่ยนอวี๋ออกโรงแล้ว หลังจากที่อาจารย์หยางได้ฟังเพลงใหม่ของอาจารย์เซี่ยนอวี๋แล้ว จึงได้แจ้งว่าไม่ต้องการให้เกิดการแข่งขันกันเองภายในบริษัท พ่อเพลงตัวน้อยสามารถจัดการทุกอย่างได้ เดือนมีนาคมอาจารย์หยางจะลงมืออย่างเป็นทางการ คนที่ควรมาก็ต้องมาใช่ไหมล่ะคะ (หัวเราะ)’

และนั่นก็ทำให้โลกภายนอกสงบปากสงบคำกันได้สักที

สงครามดนตรีระหว่างฉินและฉู่อาจยืดเยื้อไปสักระยะ หยางจงหมิงจะปล่อยเพลงในเดือนมีนาคมย่อมไม่ใช่ปัญหา เพียงแต่คำพูดเช่นนี้เมื่อออกมาแล้ว สายตาทั้งหมดก็จะไปจับจ้องเซี่ยนอวี๋ในทันที

‘มั่นใจในตัวเซี่ยนอวี๋ขนาดนั้น?’

อย่าว่าแต่พ่อเพลงจากฉินเลย แม้แต่บรรดาคนดนตรีฝั่งฉู่ก็ยังประหลาดใจ แต่นั่นก็พลอยให้ภาพยนตร์เรื่องนักปรับเสียงเปียโนดึงดูดความสนใจได้มากยิ่งขึ้น มองจากมุมของการโปรโมตแล้ว เรื่องนี้เรียกกระแสได้ดีชะงัด จนเรียกได้ว่าแทบถูกกระแสมัดตัวจนขยับไปไหนไม่ได้กันเลยทีเดียว!

หากทำได้ดี ภาพยนตร์ก็พลอยขายดิบขายดีไปด้วย!

หากทำได้ไม่ดี เซี่ยนอวี๋ซี้แหงแก๋แน่!

กล่าวได้ว่าบนบลูสตาร์ ไม่เคยมีภาพยนตร์เรื่องใดที่ใช้ต้นทุนสิบล้าน และได้รับการโปรโมตที่มากเหมือนเรื่องนักปรับเสียงเปียโนเช่นนี้มาก่อน

อย่างว่าแต่วงการดนตรี

วงการภาพยนตร์และโทรทัศน์ก็งงไปเช่นกัน

เซี่ยนอวี๋คนนี้เป็นปีศาจชัดๆ ครั้งก่อนทำเรื่องถังปั๋วหู่ ใหญ่ไม่ต้องประกาศ ก็ปักฐานที่มั่นในฐานะภาพยนตร์ออนไลน์ สู้รบปรบมือกับเครือภาพยนตร์ได้อย่างสนุกสนาน ครั้งนี้ก็ยังโปรโมตออกมาได้ผลลัพธ์ที่โด่งดังเป็นพลุแตกเช่นนี้ได้ ทั้งที่ใช้ต้นทุนต่ำแสนต่ำเหมือนเดิม!

ต้องเข้าใจว่า

แม้แต่บรรดาภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ซึ่งจะเข้าฉายในเดือนกุมภาพันธ์ ก็ยังใช้งบระดับสิบล้านเพื่อดึงดูดสายตาจากผู้คน ทว่าผลลัพธ์ในการโปรโมตก็ยังไม่สู้ผลลัพธ์จากเรื่องนักปรับเสียงเปียโน!

แต่ว่า…

เล่นใหญ่ซะขนาดนี้ ไม่กลัวว่าพอถึงตอนนั้นจะหาทางลงไม่ได้หรือไง เรื่องแบบนี้ถ้าพลาดพลั้งไปมีแต่จะเสียหายกับตนและชื่อเสียงของตน ก็เหมือนกับตัวแทนของประเทศจีนไปเข้าร่วมการแข่งขัน เป็นเพราะความคาดหวังสูงเกินไป และแบกรับความหวังของผู้คนมากเกินไป เมื่อพ่ายแพ้กลับมาจึงโดนสาปส่งเสียยกใหญ่!

เรื่องนี้ไม่ต้องสงสัย!

ต่อให้ภาพจำที่ผู้คนมีต่อเซี่ยนอวี๋จะดีมาก ทว่าเรื่องนี้หากพลาดไปอาจทำให้ตนตกที่นั่งลำบาก ก็เหมือนกับที่เห็นอยู่ว่าเหล่าโจวสัมผัสได้ถึงความมั่นใจของหลินเยวียน แต่ก็ยังต้องการคำยืนยันจากหยางจงหมิงอีกชั้นหนึ่ง

อย่าว่าแต่บุคลากรในวงการ

ต่อให้เป็นแฟนคลับของเซี่ยนอวี๋ก็ยังอดปาดเหงื่อไม่ได้ นี่เป็นกลุ่มแฟนคลับที่ชื่อว่า ‘ปลาร่าเริง’ มีคนในกลุ่มจำนวนมากกำลังถกเถียงกันเกี่ยวกับเรื่องนักปรับเสียงเปียโน และมหาสงครามดนตรีระหว่างฉินและฉู่

‘สัมผัสได้ถึงความเล่นใหญ่’

‘อาจารย์เซี่ยนอวี๋มาไม้นี้คงไม่ได้มาเรียกกระแสหรอก ทางฉู่ก็มีพ่อเพลงออกโรง ถึงอาจารย์เซี่ยนอวี๋จะเคยเอาชนะพ่อเพลง แต่พ่อเพลงที่ออกโรงครั้งนี้มีเยอะมากจริงๆ ถ้าพ่อเพลงจากฉินเอาชนะอาจารย์เซี่ยนอวี๋ได้ยังพอว่า แต่ถ้าเกิดคนฉู่เอาชนะอาจารย์เซี่ยนอวี๋ได้ ชื่อเสียงของอาจารย์เซี่ยนอวี๋ต้องไม่เหลือชิ้นดีแน่ๆ!’

‘โอ๊ย เป็นห่วงอะ’

‘หรือว่าได้รับความสนใจมากก็ไม่ใช่เรื่องดี?’

มีคนยังคงงุนงงกับคำพูดนี้

ไม่นานก็มีคนเข้ามาอธิบายในกลุ่ม ‘ไม่ใช่ว่าได้รับความสนใจมากจะไม่ใช่เรื่องดีหรอกค่ะ แต่ตอนนี้อาจารย์เซี่ยนอวี๋ถูกคาดหวังสูงเกินไปแล้ว คะแนนเต็ม 100 คะแนน ถ้าบอกว่าขีดความสามารถของอาจารย์เซี่ยนอวี๋ได้ 90 คะแนน งั้นผลงานของอาจารย์เซี่ยนอวี๋ในครั้งนี้จะต้องได้ 95 คะแนนขึ้นไปถึงจะน่าเชื่อถือ’

คนที่มองจุดนี้ออกมีมากมาย

อธิบายโดยง่ายก็คือ เดิมทีเซี่ยนอวี๋คิดว่าจะเรียกกระแส ปรากฏว่าไฟลามทุ่งไปเป็นวงกว้าง ถ้าพลาดท่าไป กระแสนี้จะกลับมาแผดเผาตัวเซี่ยนอวี๋เอง เล่นกับไฟถึงอย่างไรก็ต้องระมัดระวัง

‘ถูกต้อง’

‘ครั้งนี้ต่อให้อาจารย์เซี่ยนอวี๋จะหยิบเพลงตะวันฉายออกมาก็เปล่าประโยชน์ โดยเฉพาะหลังจากทางอาจารย์หยางถอนตัวไป ยิ่งทำให้โลกภายนอกหันมากดดันอาจารย์เซี่ยนอวี๋มากขึ้น แต่คุณคาดหวังให้อาจารย์เซี่ยนอวี๋ไปจัดการพ่อเพลงทั้งโขยงหรือไง แฟนคลับอย่างผมยังไม่กล้ามั่นหน้าไปพูดแบบนั้นเลย’

‘…’

คนในกลุ่มนี้ล้วนเป็นแฟนคลับตัวยงของเซี่ยนอวี๋ ดังนั้นนับตั้งแต่ที่เซี่ยนอวี๋โพสต์อย่างเป็นทางการ ก็ติดตามเรื่องนี้มาโดยตลอด ปรากฏว่าสายตาทุกคนจึงหันไปเฝ้ามองเซี่ยนอวี๋ซึ่งถูกยกขึ้นไปวางบนตำแหน่งที่สูงเช่นนั้น แน่นอนว่าขณะเดียวกันก็รู้สึกกังวลอยู่ในใจ

ในตอนนั้นเอง

แอดมินกลุ่มอย่าง [เชอร์รีเดือนสิบสอง] ก็ปรากฏตัวขึ้น คนคนนี้ว่ากันว่าเป็นเศรษฐี หลังจากก่อตั้งกลุ่มแฟนคลับของเซี่ยนอวี๋ขึ้นมา ก็แทบจะไม่มีปากมีเสียงอะไร ทุกครั้งที่โผล่มา ก็จะมาพร้อมกับซองแดงอีกกองโต วันนี้ก็เช่นเดียวกัน หลังจากโปรยซองแดงมูลค่ารวมหนึ่งพันหยวนแล้ว จึงพูดในกลุ่มว่า ‘ครั้งนี้อาจารย์เซี่ยนอวี๋มั่นคงแล้ว’

‘จริงหรือหลอก?’

‘คุณเชอร์รีมีสายเหรอ’

‘ครั้งนี้อาจารย์เซี่ยนอวี๋จะมั่นคงจริงหรือ?’

เมื่อคนในกลุ่มถามซักไซ้ เชอร์รีเดือนสิบสองก็ส่งข้อความมาอีกครั้ง ‘รายละเอียดไม่สะดวกเปิดเผย ทำได้แค่บอกได้ว่าไม่ควรพลาดหนังเรื่องนักปรับเสียงเปียโน ไม่อย่างนั้นพวกคุณจะพลาดเพลงเปียโนสุดคลาสสิกที่อาจารย์เซี่ยนอวี๋ปล่อยออกมาครั้งแรก’

‘เพลงเปียโนสุดคลาสสิกที่อาจารย์เซี่ยนอวี๋ปล่อยออกมาครั้งแรก’

‘หมายความว่ายังไง’

‘เกิดอะไรขึ้นเนี่ย’

คนกลุ่มนี้พยายามซักไซ้ไล่เลียงต่อไป ทว่าเชอร์รีเดือนสิบสองก็ไม่โผล่มาอีก เรื่องนี้ทำให้คนในกลุ่มล้วนรู้สึกประหลาดใจและคิดไม่ตก เพราะแอดมินกลุ่มอย่างเชอร์รีเดือนสิบสองนั้นลึกลับเหลือเกิน ก่อนหน้านี้ก็เคยมาเปิดเผยข้อมูลวงใน คล้ายกับว่าในชีวิตจริงสามารถสัมผัสกับผลงานของเซี่ยนอวี๋ได้ก่อนใคร

โลกภายนอกวุ่นวายขึ้นมา

เรื่องนี้โหมให้ไฟลุกโชนยิ่งขึ้น

และหลังจากที่เวลาล่วงเลยมาถึงปลายเดือนมกราคม บรรยากาศของมหาสงครามครั้งนี้ก็เริ่มเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ พ่อเพลงจากทั้งฉินและฉู่ปรากฏตัวบ่อยขึ้น ราชาราชินีเพลงก็ไม่มีใครยอมใคร พลอยให้ฤดูกาลใหม่นี้มีความหมายมากเป็นพิเศษ มีผู้เฝ้าสังเกตการณ์ชาวฉีให้คำขยายความของเดือนกุมภาพันธ์ไว้ว่า

มหาสงครามเทพเซียนเวอร์ชันอัปเกรด!

เมื่อเทียบกับความบ้าคลั่งของเหล่านักพนันเมื่อปีที่แล้ว เวอร์ชันอัปเกรดของมหาสงครามในครั้งนี้ ยังเกี่ยวโยงไปถึงข้อพิพาทระหว่างพื้นที่หลังจากทวีปใหม่ผนวกรวม เป็นช่วงเวลาสำคัญซึ่งหาได้ยากยิ่ง และนั่นทำให้เหตุการณ์ในครั้งนี้ทวีคูณความตื่นเต้นขึ้นไปอีกขั้น

และท่ามกลางการตั้งหน้าตั้งตารอของผู้คนนับไม่ถ้วน

เสียงระฆังของวันที่ 1 กุมภาพันธ์ก็ดังขึ้น

ชั่ววินาทีที่ผลงานซึ่งเข้าร่วมมหาสงครามดนตรีระหว่างฉินและฉู่เผยแพร่ออกไป ภาพยนตร์เรื่องนักปรับเสียงเปียโนก็เข้าฉายในโรงภาพยนตร์หลายแห่งเช่นเดียวกัน

กระแสลมได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว

……………………………………………………..

[1] เป็นการอุปมาว่าการกระทำแม้เพียงเล็กน้อยก็สามารถสร้างผลกระทบไปได้ไกล