ตอนที่ 288 องค์หญิงใหญ่ติดเงินเจ้าอย่างนั้นหรือ

ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า

ตอนที่ 288 องค์หญิงใหญ่ติดเงินเจ้าอย่างนั้นหรือ?

ทันทีที่ลงมือก็หมายจะปลิดชีพเสวียนจื่อชุน!

คนสิบคนล้วนเป็นยอดฝีมือที่ทั้งสามสำนักส่งมาคอยปกป้องหนิวโหย่วเต้า ไม่ว่าจะเป็นคนไหนก็ล้วนมีพลังเหนือกว่าเสวียนจื่อชุนทั้งสิ้น

ยอดฝีมือสิบคนเข้าโจมตีพร้อมกัน!

เสวียนจื่อชุนยังไม่ทันจะเดินออกมาจากจินตนาการที่ว่าได้สู้กับหนิวโหย่วเต้าด้วยซ้ำ นางพลันหนีเอาชีวิตรอดด้วยความตื่นตระหนกหวาดกลัว จะไม่หนีก็ไม่ได้ แบบนี้จะสู้อย่างไร!

ทว่าภายใต้การโจมตีอย่างกะทันหันเช่นนี้ เสวียนจื่อชุนหนีไม่ทันแล้ว จำต้องชักกระบี่ออกมาต้านรับด้วยความตระหนกหวาดกลัว

เคร้ง! แว่วเสียงกระบี่กระทบกัน ด้วยความห่างชั้นของพลัง เสวียนจื่อชุนที่เพิ่งดีดตัวหมายหลบหนีถูกกระแทกจนร่วงลงกับพื้น ซวนเซถอยหลังไปหลายก้าว

แส้เส้นหนึ่งตวัดเข้ามา รัดข้อเท้านางไว้ กระชากจนนางยืนได้ไม่มั่นคง ดึงนางล้มคว่ำในทันใด

ตัวนางที่ตกอยู่ในความตระหนกเสียขวัญคิดจะยกกระบี่ต้านทาน แต่กลับถูกแส้อีกเส้นพันข้อมือไว้

สองแส้สอดประสาน เหวี่ยงนางขึ้นไปในอากาศในทันใด ดาบวงเดือนหลายเล่มที่อยู่ในอากาศหมุนควงเข้ามา

เกิดเสียงดังฉัวะๆ ดาบวงเดือนที่หมุนคว้างและแส้ที่ทำงานประสานกันฉีกกระชากร่างของนางจนปรากฏพิรุณโลหิตโปรยปรายกลางอากาศ

ดาบวงเดือนเปื้อนโลหิตโฉบกลับไปในอยู่ในมือของศิษย์สำนักเซียนสถิต ศิษย์ของสำนักคีรีพิลาสสะบัดแส้ปล่อยสิ่งที่รัดไว้ออก

เสวียนจื่อชุนที่ก่อนหน้านี้ยังเปี่ยมไปด้วยความฮึกเหิม ยามนี้กลายเป็นก้อนเนื้อเปื้อนเลือดหลายชิ้นร่วงลงสู่พื้น

ตั้งแต่เริ่มปะทะจนถึงตอนที่จบสิ้น ใช้เวลาไปเพียงไม่กี่อึดใจ การต่อสู้ก็จบลงแล้ว เป้าหมายที่ถูกปิดล้อมถูกกลุ้มรุมโจมตีอย่างไร้กำลังตอบโต้

ภาพที่ปรากฏขึ้นอย่างกะทันหันนี้ทำให้ทุกคนตั้งตัวไม่ทัน ยังไม่ทันรู้ตัวเลยว่าเกิดอะไรขึ้น ก็ดูเหมือนเรื่องราวจะจบลงเสียแล้ว!

ต้วนหู่กวาดตามองไปรอบๆ อย่างเชื่องช้า แววตาคมปลาบ สีหน้าเย็นชา!

ในอดีต เขาไหนเลยจะเคยคิดว่าตนจะมีวันนี้ได้ ได้นำกลุ่มผู้บำเพ็ญเพียรระดับโอสถทองกลุ่มหนึ่งมาสำแดงอำนาจต่อหน้าผู้บำเพ็ญเพียรจากทั่วหล้า ไหนเลยจะเคยคิดว่าตนจะได้อวดอ้างศักดาต่อสายตาของผู้บำเพ็ญเพียรจากทั่วหล้า!

ด้วยชื่อเสียงของเต้าเหยี่ย เหตุการณ์ในวันนี้ต้องเป็นที่ฮือฮาไปในหมู่ผู้บำเพ็ญเพียรทั่วหล้าอย่างแน่นอน! ส่วนเขาก็พลอยได้อานิสงส์ไปด้วยเช่นกัน

นับจากนี้ไป คนที่เคยกดหัวปรามาสเขาไว้เหล่านั้น คนที่เคยเหยียดหยามเขาไว้เหล่านั้นจะได้รู้ว่าตัวเขาต้วนหู่หาใช่ต้วนหู่คนเดิมไม่ มิใช่ต้วนหู่ที่ต้องร้องขอความช่วยเหลือด้วยน้ำเสียงนอบน้อมไปทั่วคนนั้นอีก!

ศิษย์สามสำนักที่ลงมือโจมตีทั้งรู้สึกสงสัยและสับสน สงสัยว่าการรังแกสตรีอ่อนแอคนหนึ่งต่อหน้าผู้คนมากมายเช่นนี้นับเป็นการชนะอย่างมีเกียรติหรือ? ที่สับสน เพราะทั้งสามสำนักไม่เคยประกาศศักดาต่อหน้าผู้บำเพ็ญเพียรจากทั่วหล้าเช่นนี้มาก่อน แต่กลับรู้สึกดีจนชวนให้หลงไหลยิ่งนัก!

“ไป!” ต้วนหู่เอ่ยเรียก พาทั้งสิบคนทะยานจากไป

รอบข้างตกอยู่ในความเงียบสงัด ทุกคนมองตามไป มองตามคนกลุ่มนี้ที่จู่ๆ ก็โผล่มาร่วมมือกันสังหารเสวียนจื่อชุนที่ท้าสู้หนิวโหย่วเต้า จากนั้นก็จากไปทันที

มาเร็วไปเร็ว ทุกคนยังดึงสติกลับมาไม่ได้เท่าไร ผู้ที่มาก็ลงมือสังหารแล้วจากไปแล้ว!

รอมาครึ่งค่อนวัน การต่อสู้ของเสวียนจื่อชุนกับหนิวโหย่วเต้าจบลงแบบนี้น่ะหรือ?

ทุกคนต่างมองหน้ากันด้วยความตกตะลึง สุดท้ายก็พากันมองไปยังเศษชิ้นส่วนที่อยู่ในกองเลือดบนลานประลอง สตรีนางหนึ่งที่ก่อนหน้านี้ยังกระโดดขึ้นลานประลองอย่างฮึกเหิมถูกหั่นเป็นชิ้นๆ ต่อหน้าคนมากมายเช่นนี้เสียแล้วหรือ?

“ไปเถอะ!” เหิงเทียนต้วนหันไปเอ่ยเรียกฮูเหยียนเวย

ฮูเหยียนเวยยังคงจมอยู่ในภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันเมื่อครู่นี้ จ้องมองลานประลองที่เจิ่งนองไปด้วยเลือดทางด้านล่างอย่างตกตะลึง “ลุงเหิง แค่นี้หรือ? หนิวโหย่วเต้ายังไม่มาเลย!”

เฮ่าชิงชิงกำลังขมวดคิ้วพลางเบือนหน้าหนี คล้ายจะทนมองฉากนองเลือดที่โหดเหี้ยมเช่นนี้ไม่ไหว พอได้ยินวาจาของฮูเหยียนเวยก็เอ่ยเหยียดหยามขึ้นมาทันที “เจ้าโง่! เสวียนจื่อชุนถูกฆ่าแล้ว ยังจะมาทำไมอีก ให้มาเก็บศพหรือไง?”

ฮูเหยียนเวยพยักหน้าอย่างเลื่อนลอย คล้ายรู้สึกว่าเหมือนจะมีเหตุผล

เฮ่าชิงชิงหันไปคุยกับเผยเหนียงจื่อ “ซานเหนียง ไม่เห็นสนุกเลย เจ้าหนิวโหย่วเต้าคนนั้นยังเลวทรามเช่นเดิม ชอบรังแกสตรีอยู่เหมือนเดิม บุรุษกลุ่มหนึ่งรุมรังแกสตรีคนหนึ่งต่อหน้าคนมากมายเช่นนี้ คงมีแต่เขาเท่านั้นที่ทำออกมาได้ เขาช่างคิดได้นัก!”

นางก็เป็นสตรีเช่นกัน แล้วก็เคยถูกหนิวโหย่วเต้ารังแกเช่นกัน วาจาที่กล่าวออกมาจึงเรียกได้ว่าแฝงไว้ด้วยอารมณ์ที่รุนแรง

อุตส่าห์ถ่อมาชมเรื่องครื้นเครงแต่กลับรู้สึกไม่สนุกเอาเสียเลย ประการแรกเพราะนองเลือดเกินไป จบลงเร็วเกินไป อีกทั้งไม่เห็นหยวนกัง ผลสุดท้ายแม้แต่หนิวโหย่วเต้าก็ไม่ได้เห็นเช่นกัน อีกฝ่ายเพียงส่งลูกน้องกลุ่มหนึ่งมาจัดการส่งๆ ก็เสร็จเรื่องแล้ว ทำให้นางหมดสนุกจริงๆ

เผยเหนียงจื่อก็กล่าวว่า “ไปเถอะเพคะ พวกเรากลับกันเถอะ”

เฮ่าชิงชิงกลับกอดแขนนางไว้ “ซานเหนียง ในเมื่อหนิวโหย่วเต้ามาแล้ว ไม่ได้พบกันเสียนาน พวกเราไปหาเขาได้ไหม?”

เผยเหนียงจื่อขมวดคิ้ว “หยุดก่อเรื่องเถอะเพคะ!”

ฮูเหยียนเวยยื่นหน้าเข้ามาสอด “องค์หญิง พระองค์รู้จักหนิวโหย่วเต้าจริงๆ หรือพ่ะย่ะค่ะ?”

“เกี่ยวอะไรกับเจ้า!” เฮ่าชิงชิงหันไปด่า น้ำลายแทบกระเด็นใส่หน้าเขาแล้ว

ฮูเหยียนเวยยิ้มเจ้าเล่ห์ “กระหม่อมไปเป็นเพื่อนพระองค์ได้นะพ่ะย่ะค่ะ พวกเราไปหาด้วยกัน พระองค์พากระหม่อมไปทำความรู้จักหน่อยได้หรือไม่?”

รอมาครึ่งค่อนวันกลับไม่ได้เห็นหนิวโหย่วเต้า ยิ่งไม่ได้เจอ ก็ยิ่งทำให้เขาสงสัยใคร่รู้ในตัวคนที่มีชื่อเสียงลื่อเลื่องมานานผู้นี้ ประกอบกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ ทำให้เขาอยากเห็นยิ่งนักว่าหนิวโหย่วเต้าคนนี้เป็นคนแบบไหนกันแน่

“คนบ้าเท่านั้นที่อยากไปด…ด…ด้วย…” เฮ่าชิงชิงที่หันกลับมาด่าอีกครั้งด่าไปได้ครึ่งประโยคก็ค่อยๆ หุบปากลง เสียงเบาลงเรื่อยๆ ดวงตาหมุนกลอกกลิ้ง ที่บ้านหวังให้นางใกล้ชิดไปมาหาสู่กับชายชั่วคนนี้ให้มากขึ้น หากบอกว่าไปเที่ยวเล่นกับชายชั่วคนนี้ ที่บ้านจะต้องสนับสนุนแน่

พอนึกได้เช่นนี้ นางก็ยิ้มร่าเอ่ยกับเผยเหนียงจื่อทันที “ซานเหนียง ในเมื่อฮูเหยียนเวยออกปากแล้ว เจ้าก็ให้ข้าออกไปเที่ยวกับเขาเถอะนะ”

สีหน้าเผยเหนียงจื่อขรึมลง มีหรือจะรู้ไม่ทันความคิดเจ้าเล่ห์ของนาง!

คนที่มารอชมเรื่องครื้นเครงที่นี่ค่อยๆ แยกย้ายกันไป บ้างก็เหินทะยานจากไป บ้างก็ค่อยๆ เดินลงเขาพลางพูดคุยวิจารณ์กันไปด้วย

“หัวสองหัวที่ถูกหิ้วมานั่นคือหัวสหายของเสวียนจื่อชุนหรือ?”

“ใช่น่ะสิ! ข้าเคยพบพวกเขามาก่อน ไม่ผิดแน่ มิเช่นนั้นอีกฝ่ายก็ไม่จำเป็นต้องโยนหัวสองหัวนี้ไปให้เสวียนจื่อชุนเลย”

“เฮ้อ หนิวโหย่วเต้าคนนี้เหี้ยมโหดนัก สังหารเสวียนจื่อชุนก็ว่าไปอย่าง คิดไม่ถึงว่าก่อนจะสังหารนาง ยังจะลงมือขุดรากถอนโคนด้วย กระทั่งสหายของนางก็ยังไม่เว้น!”

คนส่วนใหญ่ไม่รู้ว่าหนิวโหย่วเต้าจับสหายทั้งสองของเสวียนจื่อชุนเป็นตัวประกันไว้ก่อน หลงนึกว่าคนของหนิวโหย่วเต้ามาสายเพราะไปไล่ล่าสังหารสหายของเสวียนจื่อชุนมาก่อน ทำให้คนจำนวนมากที่ก่อนหน้านี้คิดจะท้าสู้หนิวโหย่วเต้าต่างรู้สึกอกสั่นขวัญแขวนขึ้นมา

“นายหญิง จบแล้ว ไปเถอะเจ้าค่ะ!”

เห็นซูจ้าวยังยืนเงียบอยู่ที่เดิม รอบข้างล้วนไปกันหมดแล้ว ฉินเหมียนจึงเอ่ยเรียก

“อืม!” ซูจ้าวพยักหน้ารับ ค่อยๆ หันหลังเดินจากไป

เมื่อทั้งกลุ่มเดินมาถึงไหล่เขา มีคนเหินเข้ามารายงานว่า “นายหญิง หนิวโหย่วเต้าไม่ได้มุ่งมายังลานน้ำตกเหินหาว หากแต่ไปยื่นเทียบเข้าพบที่จวนจั่วขอรับ”

ซูจ้าวและฉินเหมียนมองกันไปมองกันมา ต่างไม่เข้าใจว่าหนิวโหย่วเต้าจะทำอะไรกันแน่

…..

ณ จวนจั่ว ในเรือนหลัก จั่วเต๋อซ่งที่สองจอนแซมหงอกถือเทียบเดินกลับไปกลับมาพลางใช้ความคิด

จั่วเต๋อซ่งคือเจ้าของจวนจั่ว ดำรงตำแหน่งเสนาบดีปฏิคม รับผิดชอบดูแลเรื่องการติดต่อระหว่างแคว้นฉีกับแคว้นอื่นๆ

จั่วอันเหนียนบุตรชายของเขาเป็นราชทูตอยู่ที่แคว้นจ้าว นับว่ารู้จักกับหนิวโหย่วเต้า

เฉียนโยวผู้เป็นฝ่าซือประจำจวนจั่วรีบเดินเข้ามาหา “ท่านจั่วเรียกหาข้าหรือขอรับ?”

“เจ้าดูนี่ หนิวโหย่วเต้าคนนี้ใช่หนิวโหย่วเต้าที่สังหารราชทูตแคว้นเยี่ยนหรือไม่?” จั่วเต๋อซ่งยื่นเทียบให้เขาดู

หลังจากเฉียนโยวรับไปอ่าน ก็พยักหน้านิดๆ “ดูจากเนื้อหา คิดว่าน่าจะเป็นเขาขอรับ!”

จั่วเต๋อซ่งเอ่ยด้วยความแปลกใจ “มิใช่ว่าเขารับคำท้าสู้ของใครอยู่ที่ลานน้ำตกเหินหาวหรอกหรือ? เฉินเปี๋ยยังไปชมการต่อสู้ด้วยมิใช่หรือ? เหตุใดถึงวิ่งมาขอเข้าพบข้าได้เล่า?”

เฉินเปี๋ยก็เป็นฝ่าซือคนหนึ่งในจวนของเขา

เฉียนโยวก็ฉงนเช่นกัน เอ่ยเสียงเบาว่า “เดี๋ยวข้าจะออกไปพบเขาเองขอรับ”

ไม่นานเขาก็มาปรากฏตัวที่ประตูใหญ่ของจวนจั่ว คนอื่นเขาไม่รู้จัก แต่พอเห็นลิ่งหูชิวก็ผงะไปเล็กน้อย ขมวดคิ้ว เอ่ยเรียก “ลิ่งหูชิว?”

ลิ่งหูชิวประสานมือคำนับทันที “เฉียนซยง!”

เฉียนโยวโบกเทียบในมือ มองไปที่ร่างหนิวโหย่วเต้า “ผู้ใดคือหนิวโหย่วเต้า”

หนิวโหย่วเต้าประสานมือเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “เป็นผู้น้อยเอง! ตอนอยู่ในมณฑลจินโจว ณ แคว้นจ้าว ได้รู้จักกับพี่จั่วอันเหนียน พี่จั่วเคยเชิญข้ามาเที่ยวเล่นที่แคว้นฉี วันนี้มาเยือนแล้ว ย่อมสมควรมาเยี่ยมเยือน!”

เฉียนโยวไม่รู้ว่ามีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นจริงหรือไม่ จั่วอันเหนียนยังอยู่ที่แคว้นจ้าว ตอนนี้ทางนี้ไม่สามารถตรวจสอบยืนยันได้ เพียงแต่เขายังคงต้องยืนยันตัวตนของหนิวโหย่วเต้าอยู่ จึงถามลิ่งหูชิวว่า “เขาใช่หนิวโหย่วเต้าจริงหรือไม่?”

ลิ่งหูชิวรีบตอบว่า “ตัวจริงแน่นอน ข้อนี้ข้ารับประกันได้!”

เฉียนโยวถามหนิวโหย่วเต้าต่อ “เจ้าไม่ได้ไปที่ลานน้ำตกเหินหาวตามคำท้าของเสวียนจื่อชุนหรือ?”

หนิวโหย่วเต้าพบว่าสุดท้ายเสวียนจื่อชุนคนนี้ก็มีชื่อเสียงขึ้นมาแล้วจริงๆ กระทั่งทางนี้ก็ยังเอ่ยชื่อนางออกมาแล้ว เขาตอบยิ้มๆ “ใครก็ไม่รู้มาท้าข้าสู้ ข้าไม่มีเหตุผลที่ต้องไป”

“รอสักครู่!” เฉียนโยวเอ่ยทิ้งท้าย รีบเดินกลับเข้าไปด้วยสีหน้าเจือความสงสัย

พอกลับมาอีกครั้ง ก็เอ่ยทันทีว่า “ท่านจั่วอนุญาตให้เจ้าเข้าพบได้ เพียงแต่ลิ่งหูซยงได้แจ้งกฎของทางนี้ให้เจ้าทราบหรือยัง?”

ลิ่งหูชิวกระซิบบอกหนิวโหย่วเต้าเล็กน้อย หนิวโหย่วเต้าพยักหน้าตกลง

ด้วยเหตุนี้จึงปฏิบัติตามกฎ ทางจวนอนุญาตให้หนิวโหย่วเต้าและลิ่งหูชิวเข้าไปได้แค่สองคนเท่านั้น ซ้ำยังลงผนึกควบคุมบนร่างทั้งสองด้วย ป้องกันไม่ให้ก่อเหตุอันตรายไม่คาดฝันอันใดขึ้นในจวนจั่ว ส่วนคนที่เหลือถูกขวางไว้ด้านนอกประตู

ทั้งสองมาคอยอยู่ในโถงรับแขกของจวนจั่วอีกครั้ง มีคนยกน้ำชามารับรอง

ไม่นานนัก จั่วเต๋อซ่งก็มาถึงพร้อมกับเฉียนโยว

เมื่อจั่วเต๋อซ่งเข้ามาในโถงรับแขกก็เอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม “คนไหนคือผู้กล้าที่สังหารราชทูตแคว้นเยี่ยนเล่า?”

แขกทั้งสองรีบลุกขึ้นคำนับ หนิวโหย่วเต้าตอบว่า “คำว่าผู้กล้าไม่อาจรับไว้ได้ ความจริงเพียงถูกบีบคั้นจนไร้ทางออก ทำให้ใต้เท้าจั่วต้องขบขันเสียแล้ว”

จั่วเต๋อซ่งนั่งลงในตำแหน่งเจ้าบ้าน เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “เรื่องการต่อสู้ที่ลานน้ำตกเหินหาวข้าก็ได้ยินข่าวเช่นกัน เหตุใดเจ้าถึงไม่ไปเล่า? กลัวหรือ?”

หนิวโหย่วเต้าตอบอย่างสุขุม “ข้าไม่ถือสาหาความคนตาย!”

จั๋วเต๋อซ่งประหลาดใจ “หมายความว่าอย่างไร?”

หนิวโหย่วเต้ากล่าวว่า “ผู้ท้าสู้ตายแล้ว ข้าย่อมไม่จำเป็นต้องไปอีก”

“โอ้!” จั่วเต๋อซ่งคล้ายจะเข้าใจแล้ว นึกว่าหนิวโหย่วเต้าแอบลงมือสังหารผู้ท้าทายล่วงหน้า ถามไปอีกว่า “ไม่ทราบว่าครั้งนี้เจ้ามาด้วยเรื่องใดหรือ?”

หนิวโหย่วเต้ากล่าวว่า “ตอนอยู่มณฑลจินโจวได้รู้จักกับพี่จั่ว…”

จั่วเต๋อซ่งโบกมือเอ่ยขัด “ข้ายังมีเรื่องงานต้องสะสางต่อ ไม่อยากคุยเรื่องเหลวไหลพวกนั้น มาเพื่อขอซื้อม้าศึกให้ยงผิงจวิ้นอ๋องแห่งแคว้นเยี่ยนกระมัง”

หนิวโหย่วเต้าชื่นชมอยู่ในใจ สมกับเป็นขุนนางใหญ่ที่คอยดูแลเรื่องราวนอกแคว้นฉี แต่เขากลับส่ายหน้าเอ่ยไปว่า “ใต้เท้าจั่วกล่าวหนักเกินไปแล้ว เรื่องม้าศึกหากว่าทางแคว้นฉีมอบให้ข้าได้ ข้าย่อมยินดีเป็นอย่างมาก ทว่าผู้น้อยทราบดีว่าตนเป็นใคร นี่ไม่ใช่เรื่องที่ข้าจะจัดการได้ ในเมื่อใต้เท้าจั่วเข้าเรื่องแล้ว ข้าก็ไม่จำเป็นต้องอ้อมค้อมอันใดอีก ขอเรียนใต้เท้าตามตรง ครั้งนี้ข้ามาเพื่อทวงหนี้!”

“ทวงหนี้?” จั่วเต๋อซ่งตะลึงอยู่ในใจ ทว่าสีหน้ายังคงเรียบเฉยเอ่ยไปว่า “ทวงหนี้อันใด หรือว่าลูกชายของข้าติดเงินเจ้าไว้อย่างนั้นหรือ?”

ลิ่งหูชิวก็มึนงงอยู่ในใจเช่นกัน เขาเดินทางกับหนิวโหย่วเต้ามานานขนาดนี้ แต่ก็ยังจับทางหนิวโหย่วเต้าไม่ได้เลย ไม่รู้ว่าตอนนี้หนิวโหย่วเต้าจะมาไม้ไหนกันแน่

“หาใช่พี่จั่วไม่!” หนิวโหย่วเต้าถามต่อ “เฮ่าชิงชิง คาดว่าใต้เท้าจั่วน่าจะคุ้นเคยดีกระมัง?”

จั่วเต๋อซ่งพยักหน้าเล็กน้อย “องค์หญิงใหญ่นะหรือ? เจ้าจะบอกว่าองค์หญิงใหญ่ติดหนี้เจ้าอย่างนั้นหรือ?”

“ถูกต้อง!” หนิวโหย่วเต้าพยักหน้ารับ เขาถ่อมาถึงที่นี่แล้ว มีหรือที่จะไม่รู้ว่าเฮ่าชิงชิงเป็นใคร เขาถอนใจเอ่ยไปว่า “วังหลวงข้าก็เข้าไปไม่ได้ จึงทำได้เพียงมาขอให้ใต้เท้าจั่วช่วยไปแจ้งองค์หญิงใหญ่ให้ที ว่าเงินที่ติดค้างข้าไว้สมควรคืนได้แล้ว!”

…………………………………………………………………………..