บทที่ 279 ขาดคนอุ่นเตียง

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

บทที่ 279 ขาดคนอุ่นเตียง

จากนั้น

เย่แจ๋หยิ่งมองไปคานของจวน สายตามีแววฉงน จากนั้นก็ฮึมฮัมเบาๆหนึ่งเสียง แล้วก็สะบัดแขนเสื้อจากไป

หลานเยาเยาที่กำหมัดไว้แน่น สายตาเปลี่ยนเป็นแหลมคมอย่างฉับพลัน

นางมองโม่เหลียงเฉินด้วยสายตาเย็นชาทันที เอ่ยเสียงเย็นว่า

“เจ้าช่างซุกซนยิ่งนัก”

โม่เหลียงเฉินเป็นเพื่อนที่รู้ใจเย่แจ๋หยิ่งมาตั้งแต่เด็ก อีกทั้งยังเป็นทั้งมือซ้ายขวาที่ทรงพลังของเย่แจ๋หยิ่ง เขามีความรู้มากมาย กลยุทธ์แพรวพราว

เย่แจ๋หยิ่งนั้นเย่อหยิ่งทะนงตน ไม่เห็นสิ่งใดอยู่ในสายตา แน่นอนว่าคงไม่ใช้วิธีการเช่นนี้  

คนที่ทำให้เย่แจ๋หยิ่งบิดเบือนความจริงเพื่อมาหารือ และยังหน้าด้านหน้าทนจะอยู่ที่จวนนาง คงเป็นความคิดของโม่เหลียงเฉินแน่นอน

พอปะทะเข้ากับสายตาเย็นชาของหลานเยาเยา ทันใดนั้นโม่เหลียงเฉินก็มีเหงื่อเย็นไหลท่วมตัว

ไม่ได้การ อยู่ที่ห้องอาหารคนเดียวไม่ใช่เรื่องที่ฉลาดนัก

เทพธิดาที่อยู่ตรงหน้าช่างอันตรายนัก

ใจเขารู้สึกตื่นตระหนก

และแล้ว เขารีบมองไปยังเย่แจ๋หยิ่งที่เดินไปไกลแล้ว อดไม่ได้ที่จะกระแอมในลำคอ จากนั้นก็กระแอมอีก

ความคิดเสี่ยงตายเช่นนี้ไม่ใช่เขาเป็นคนคิด

นี่ล้วนเป็นความต้องการของเย่แจ๋หยิ่ง เขาถูกใช้เพื่อเป็นโล่บังหน้าเท่านั้น

สุดท้ายทำได้เพียงกล่าวอย่างประจบสอพลอว่า

“ไม่ซนไม่ซน ข้าน้อยขอลา ขอลา ”

เขาไม่มีความกล้าที่จะอยู่ลำพังคนเดียว พูดจบก็วิ่งหนีหายไปแล้ว

“……”เห็นผีหรืออย่างไร

หลานเยาเยาค่อยๆคลายมือที่กำหมัดออก หยิบกระดาษและจดหมายบนโต๊ะขึ้นมาดูอีกครั้ง สายตาล้ำลึกขึ้น

จากนั้น

“ฟู่……”

นางหายใจออกหนักๆหนึ่งคำ จากนั้นก็หัวเราะขึ้นอย่างเยือกเย็น

ในห้องอาหารที่ว่างเปล่า เสียงทุ้มลึกของนางดังขึ้นเบาเบา

“คาดว่าเขาคงรู้สถานะแท้จริงของข้าแล้ว อีกทั้งยังเกิดรู้สึกสนใจในตัวข้าขึ้นมาแล้ว แผนของพวกเราสำเร็จไปครึ่งหนึ่งแล้ว”

หลานเยาเยาพูดจบ จึงดื่มชาของตัวเอง

ไม่ช้า

เงาคนที่สวมชุดสีม่วงได้ลอยมาหยุดลง จากนั้นก็ค่อยๆเดินไปข้างหลังนาง จับเส้นผมอ่อนนุ่มของนางอย่างเบามือ

“ทำไมจึงเปลี่ยนความคิดกะทันหัน ต้องเลือกวิธีนี้ด้วย กำจัดราชครูใหญ่ วิธีที่จะล้มล้างราชสำนักมีมากมาย ทำไมเจ้าต้องเลือกที่มันลำบากที่สุดด้วย ”

หานแสที่สีหน้าไม่ชัดเจนมือข้างหนึ่งก็จับผมนางไว้อย่างเบามือ อีกข้างก็หยิบเอาปิ่นปักผมที่มีประกายแสงเย็นยะเยือกออกมา

“เพราะรวดเร็วที่สุด โอกาสสำเร็จสูง อีกทั้งยังเป็นวิธีที่ได้ผลที่สุด”

นางย่อมต้องเลือกทางลัด

หลังจากการแก้แค้นทั้งหมด นางยังมีเรื่องสำคัญเรื่องหนึ่งต้องไปทำ

“เจ้าไม่กลัวจะกลับไปสู่วังวนแห่งความรัก จนไม่สามารถหลุดพ้นได้หรือ”เสียงร้ายกาจลากยาวไปบ้าง

แต่เขาค่อยๆยิ้มอย่างร้ายกาจขึ้นมา ปิ่นปักผมในมือก็ปักลงบนมวยผมบนศีรษะของนาง

“วังวนความรัก หึ”

หลานเยาเยาหัวเราะเสียงเย็น หันกลับไปจ้องตาเขา ถามอย่างจริงจัง “หานแส เจ้าคิดว่ากระจกที่แตกแล้วจะสามารถกลับคืนสภาพเดิมได้หรือไม่”

ถึงแม้จะสามารถคืนสภาพเดิมได้แล้วอย่างไร

รอยร้าวในใจไม่สามารถลบเลือนตลอดกาล

“จะได้หรือไม่ ก็ไม่มีใครรู้ได้ ขอแค่ไม่กระทบต่อแผนการของข้าก็พอ ไม่เช่นนั้น อย่าโทษว่าข้าใจดำอำมหิต ไม่คิดถึงบุญคุณที่เคยช่วยชีวิต”

“ได้ได้ได้ ข้าน้อยจะกล้ากระทบกับแผนการของเจ้าของเรือได้อย่างไรเล่า นอกจากข้าจะไม่ต้องการมีชีวิตอยู่แล้ว ข้ายังอยากอยู่อย่างสบายนะ”

สำหรับคำพูดที่เหมือนกึ่งจะล้อเล่นของหลานเยาเยา หานแสก็ตบเขาที่หัวนางในพริบตา

“เจ้านี่นะ ……และก็เป็นเจ้าที่กล้าทำเช่นนี้ต่อหน้าข้า”

สำหรับวินาทีก่อนหน้านี้ที่ยังมีท่าทีสุขุมของเทพธิดา วินาทีต่อมากลับกลายท่าทีเป็นน่ารัก หานแสรู้สึกทำอะไรไม่ถูก

“เช่นนั้นก็ช่วยไม่ได้ ข้าก็ถือว่าข้าเป็นผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตท่านไว้ จึงกล้าพูดจาเช่นนี้ ไม่เช่นนั้น ข้าก็จะขอใช้ฐานะผู้มีพระคุณอีกครั้ง ขอคนคนหนึ่งกับท่าน”

ในเมื่อตอนนี้นางกับหานแสไม่ได้ขัดผลประโยชน์ต่อกัน นางเป็นลูกน้องของเขา แล้วยังร่วมมือกันอีก

ฉะนั้น

สามารถล้วงเอาประโยชน์ได้ เช่นนั้นก็ล้วงให้มากหน่อย

“ครั้งนี้เป็นใครอีก”

หานแสส่ายหัว ไม่ไปยุ่งกับผมดำเงางามของหลานเยาเยาอีก แต่กลับหาเก้าอี้หนึ่งตัวแล้วนั่งลง

กล่าวอย่างสนใจว่า

“เสาหลักสี่ต้นของเรือแห่งความสิ้นหวังของข้า ครั้งที่แล้วถูกเจ้าขุดไปสองต้น รวมถึงเจ้าด้วย ก็เป็นสามต้นแล้ว เหลือเพียงต้นสุดท้ายที่น่าสงสารที่สุด เจ้ายังอยากจะขุดไปให้ได้”

ได้ยินเช่นนี้

หลานเยาเยาเลิกคิ้วยิ้มหนึ่งที

“จะทำได้อย่างไร ครั้งนี้เป็นคนที่ไม่เกี่ยวข้องกับคนสำคัญ”

“ออ แล้วเป็นใคร เป็นหลานชิวหยุนหรือ” 

หลังจากไม่เล่นผมของหลานเยาเยา หานแสเริ่มเล่นกับเส้นผมของตนที่ตกลงมาอยู่ตรงหน้าอก

“ท่านรู้ได้อย่างไร”หลานเยาเยารู้สึกตกใจเล็กน้อย

คนคนนี้เป็นพยาธิในท้องนางหรือ

รู้สิ่งที่นางอยากได้อย่างไม่คาดคิด

“พอกลับมาเมืองหลวง ก็กลายเป็นคนที่ฮ่องเต้และคนที่เกี่ยวข้องต่างแย่งชิงตัวกัน

ยิ่งเป็นความงามที่น่าตะลึงของเมื่อวานในการแข่งขันล่าสัตว์ ก่อนที่ราชครูใหญ่จะกลับเมืองหลวง เจ้าต้องสร้างความเคลื่อนไหวที่ใหญ่กว่า

หลานเฉินมู๋กับเจ้ามีความแค้นต่อกัน เขายังเป็นคนของฮ่องเต้ ตอนนี้ไม่แตะต้องเขาจะแตะใคร

แม้ต้อนนี้หลานเฉินมู๋จะถูกพักงานให้สำนึกผิดอยู่ในจวน แต่แท้จริงแล้วก็ยังคงทำงานให้กับฮ่องเต้ คิดอยากจะแตะต้องเขาโดยไม่ให้รู้ตัว มีเพียงทำให้บ้านปั่นปวนจึงจะมีโอกาส

ส่วนตอนนี้คนที่หลานเฉินมู๋รักที่สุดคือบุตรสาวหลานจิ่นเอ๋อ นางกำลังจะแต่งไปเป็นพระสนมขององค์ชายรองของราชวงศ์ปัจจุบัน

หากว่าตอนนี้ให้หลานชิวหยุนที่จิตใจเลวทรามกลับไปยังจวนแม่ทัพ จวนแม่ทัพคงมีเรื่องนองเลือดเป็นแน่

เพียงแต่

เจ้าคิดว่า หลานจิ่นเอ๋อจะสู้หลานชิวหยุนได้หรือ”หานแสสงสัยอยู่บ้าง

“ต่อหน้าหลานจิ่นเอ๋อ หลานชิวหยุนก็แค่นั้น”

อนุภรรยาจ้าวซื่อที่ไร้อำนาจไร้พลังไร้ที่พึง ด้วยความอดทน ตอนนี้ถูกยกให้เป็นภรรยาเอก ทั้งยังมีภาพลักษณ์เป็นภรรยาและแม่ที่ดีในสายตาผู้อื่น

พูดได้ว่าชื่อเสียงกระจายทั่วเมืองหลวง

ไม่มีวิธีการอยู่บ้างคงทำไม่ได้

แล้วจะนับประสาอะไรกับหลานจิ่นเอ๋อบุตรสาวของนาง สามารถมีส่วนเกี่ยวข้องกับเย่แจ๋หยิ่งได้ และตอนนี้ก็กำลังจะแต่งงานกับองค์ชายรองแล้ว เห็นทีคงต้องดูให้ละเอียดแล้ว

“เจ้าพูดมากกว่านี้ก็ไร้ประโยชน์ หลานชิวหยุนข้าจะใช้ในเรื่องอื่น”

ท่าทีของหานแสจริงจังอยู่บ้าง

หลานเยาเยารู้สึกสงสัยขึ้นมากะทันหัน หลานชิวหยุนมีประโยชน์อะไรกับหานแส

“ท่านคงไม่คิดจะชุบเลี้ยงให้นางเป็นนักสังหารหรอกนะ”

เช่นนี้ความเป็นไปได้ต่ำมาก แต่ก็ไม่ใช่จะไม่สามารถสักทีเดียว

“มือสังหาร นางไม่เหมาะ”

พอพูดถึงเรื่องจะฝึกฝนให้หลานชิวหยุนเป็นมือสังหาร สายตาหานแสเต็มไปด้วยความดูถูก

หากไม่มีประโยชน์อย่างอื่น เขาคงไม่เลี้ยงคนไร้ประโยชน์อย่างนั้นไว้หลายปีหรอก

“ถ้าเช่นนั้นเอาอย่างนี้ ยืมใช้ครึ่งเดือน แค่ครึ่งเดือน ถึงตอนนั้นจะส่งนางคืนให้ท่านอย่างสมบูรณ์ไม่เสียหายเลยสักนิด เป็นอย่างไร“

เวลาครึ่งเดือนก็นับว่าใช้ได้แล้ว

ที่จริงยังมีวิธีอื่น เพียงแต่ต้องใช้เวลามากหน่อย นางไม่อยากใช้

ตอนนี้ สำหรับตัวเองเรื่องเวลาสำคัญที่สุดแล้ว

หานแสนิ่งไปชั่วครู่ ท่าทียังคงหนักแน่น

“ไม่ได้”

ชิ

หลังจากหลานเยาเยารู้สึกผิดหวังในใจ รู้สึกไม่มีอารมณ์อยากจะคุยแล้ว

รีบกลับคืนสู่ท่าทีของเทพธิดาที่ดูสูงส่งเยือกเย็นและเฉยชาทันที ทำให้หานแสอดไม่ได้ที่จะหัวเราะขำ

หลังจากนิ่งเงียบไปสักพัก

เสียงชั่วร้ายก็ค่อยๆส่งมา “ข้ายังขาดคนอุ่นเตียงคนหนึ่ง นอกจากเสียว่าเจ้าจะตกลงยอมเป็นฮูหยินของเรือข้า”

เอ๋

ยังจะฮูหยินของเรือ

หลานเยาเยารู้สึกไร้คำพูดชั่วขณะ

คำพูดนี้ไม่ใช่การพูดครั้งแรกของเขา นางไม่รู้ว่าทำไมเขาต้องพูดขึ้นอีก

“ท่านไม่ได้ขาดคนอุ่นเตียงสักหน่อย ทำไมต้องเป็นข้า”