ตอนที่ 312 โบนวิงส์ปรากฏตัวอีกครั้ง
ตอนที่ 312 โบนวิงส์ปรากฏตัวอีกครั้ง
เวลาตีห้าที่ประตูของฐานตงหยาง
ผู้ตรวจการสามสี่คนกำลังตรวจผู้คนที่เข้าออกจากเมืองทีละคนเทียบกับภาพบุคคลที่ต้องการตัว
เมื่อถึงเวลาเปลี่ยนกะ คนที่เพิ่งออกเวรก็รู้สึกเหนื่อยล้าเล็กน้อย ทั้งสองคนที่สนิทสนมต่างก็พูดคุยให้กำลังใจซึ่งกันและกัน
“นายบอกไม่ใช่เหรอว่าฆาตกรโรคจิตจากเหอคังกำลังจะหลบหนีมาที่ตงหยางของเรา? ผ่านมาสองสามวันแล้ว เราได้ทำการพิมพ์ลายนิ้วมือ ตรวจเลือด และเปรียบเทียบรูปบุคคลทีละรูป แต่ไม่พบบุคคลน่าสงสัยเลย หรือว่าข้อมูลข้างต้นมันผิดพลาด”
อีกฝ่ายหาวก่อนที่จะเปิดเปลือกตาและส่ายหัว
“เรื่องนี้ใครจะไปรู้ ยังไงก็ต้องระมัดระวังไว้ให้ดี ได้ยินมาว่าอาชญากรที่เรากำลังประกาศจับตัวอาจเป็นซอมบี้ที่ปลอมตัวเป็นมนุษย์ ซอมบี้ชนิดนี้แตกต่างจากที่เราเห็นทั่วไป เพราะมันกลายพันธุ์ไปแล้ว ไม่เพียงแต่เหมือนมนุษย์เท่านั้น แต่พวกมันยังมีความสามารถแปลก ๆ และปลอมตัวได้เก่งมากอีกด้วย ยิ่งกว่านั้นไอคิวของพวกมันก็ไล่เลี่ยกันกับเรา ไม่อย่างนั้นฐานเหอคังคงไม่ล่มสลายไปได้ในระยะเวลาอันสั้น แม้แต่ลูกชายของหัวหน้าฐานก็ต้องหนีไปฉางจิง”
เมื่อสหายได้ยินคำนั้น เขาเบิกตาขึ้น และตื่นจากความเหนื่อยล้าทันที
ขณะนั้นเอง ดูเหมือนว่าเขาจะเห็นใบหน้าที่คุ้นเคยในหมู่ผู้คนที่กำลังทยอยเข้าเมือง นั่นคือบุคคลในภาพที่ต้องการตัวซึ่งพวกเขาตามหาทั้งกลางวันและกลางคืน!
แต่พอพวกเขาเข้าไปดูใกล้ ๆ คน ๆ นั้นก็หายไปแล้ว!
เขาตะโกนบอกเพื่อนของเขาทันที “ทางนั้นเกิดเรื่องขึ้นแล้ว! ส่งคนมากับฉันสองคน ไปทางนั้น!”
ทั้งสามคนวิ่งไปอย่างรวดเร็วพร้อมกับถือปืนไว้ในมือ แต่เมื่อพวกเขาไปถึงจุดที่พบเห็น กลับไม่เจอตัวบุคคลที่น่าสงสัย
…
เมื่อคืนซูเถานอนหลับไป 4-5 ชั่วโมง เธอตื่นขึ้นตอนหกโมงเช้าเพื่อฟังรายงานของจวงหว่านเกี่ยวกับงานประจำวันของเธอและสถานการณ์ปัจจุบันของเถาหยาง
“ทุกอย่างในเถาหยางไม่มีอะไรผิดปกติ ทีมวิจัยจากฐานเหอคังก็เดินทางมาถึงเถาหยางอย่างปลอดภัยเมื่อคืนนี้ ไม่มีผู้เสียชีวิต คุณเสิ่นฝากให้ฉันมาขอบคุณคุณด้วย”
ซูเถามีความสุขมากที่ได้ยินดังนั้น “ทีมทหารรับจ้างนี้เรียกว่า ‘พั่วจู๋’ เป็นทหารรับจ้างที่มีความสามารถไม่น้อย เพราะการทำงานของเขามีผู้ที่บาดเจ็บล้มตายน้อยมาก มันเป็นเรื่องที่ดีจริง ๆ รีบชำระเงินค่าจ้างงวดสุดท้ายให้พวกเขาด้วยนะคะ”
จวงหว่านลังเลอยู่ครู่หนึ่ง “ฉันมีเรื่องจะรายงานคุณเกี่ยวกับกลุ่มพั่วจู๋ หลังจากที่พวกเขาพาคุณเสิ่นและทีมมาที่เถาหยางและเห็นว่าที่นี่มีสภาพแวดล้อมดีมาก พวกเขาก็เปลี่ยนใจกะทันหัน เขาไม่ต้องการเงินงวดสุดท้ายแต่อยากให้เรารับคน ๆหนึ่งให้อยู่ที่นี่”
ซูเถาขมวดคิ้วเล็กน้อย “เราลงนามในข้อตกลงตอนร่วมมือกันไปแล้ว จะมาเปลี่ยนวิธีการจ่ายค่าตอบแทนได้ยังไงคะ”
จวงหว่านถอนหายใจ “นั่นคือสิ่งที่ฉันบอกกัปตันต้วนของพวกเขาไปแล้ว แต่เขาบอกว่าจะรอพบคุณตอนที่คุณกลับมา และท่าทีของเขาก็ดูจริงจังมาก”
“จากนั้นฉันได้ยินมาว่าคนที่พวกเขาต้องการส่งมาอยู่ที่เถาหยาง คืออาจารย์ของกัปตันต้วน คน ๆ นี้เป็นผู้นำทีมมานานกว่าสิบปี ทักษะแม่นปืนของเขาดีมาก แต่ปีที่แล้วเขาป่วยหนักเป็นไขสันหลังอักเสบ ไปรักษามาหลายที่แต่ก็ไม่หาย กัปตันต้วนจึงถอดใจและอยากจะหาที่อยู่ดี ๆ ให้กับอาจารย์หลังเกษียณแทน อย่างน้อยก็ขอให้เขาได้มีชีวิตที่มั่นคงก่อนที่จะจากไป”
“ลองให้หมอจงตรวจดูหรือยังคะ?” ซูเถาถาม
จวงหว่านส่ายหัว “กัปตันต้วนไม่ได้พาอาจารย์มาด้วย แต่เขาลองไปปรึกษาที่คลินิกแล้ว ตอนแรกเกาอี้ประเมินว่าเป็นไขสันหลังอักเสบที่ร้ายแรงมาก ความสามารถของเขาไม่สามารถรักษาโรคชนิดนี้ได้ และเงื่อนไขทางการแพทย์ที่เรามีอยู่ก็ไม่เพียงพอต่อการรักษา แต่ถ้าส่งชายผู้นี้ไปที่ฉางจิงอาจจะยังมีหวัง”
“แล้วทำไมไม่ส่งไปที่ฉางจิงคะ?”
“กัปตันต้วนบอกว่าเขามีศัตรูในฉางจิง เฮ้อ เถ้าแก่ รอคุณกลับมาคุยกับกัปตันต้วนเองดีกว่า ฉันคิดว่าเขาเป็นผู้ชายที่ให้ความสำคัญกับผู้มีพระคุณ และอาจารย์ของเขาก็เป็นคนที่มีพรสวรรค์เก่งกาจด้านการทหาร เขาตั้ง ‘กลุ่มพั่วจู๋’ ด้วยตัวเอง บางทีเขาอาจช่วยเราตั้งกองกำลังป้องกันตนเองของเถาหยางได้เช่นกัน”
คำพูดเหล่านี้ทำให้ซูเถาประทับใจ “เอาแบบนั้นก็ได้ค่ะ ถ้าอย่างนั้นฉันรบกวนพี่จัดหาที่อยู่ให้เขาพักในเถาหยางชั่วคราวด้วยนะคะ ไว้ฉันจะรีบกลับไป”
“ตกลง” จวงหว่านตอบตกลงและย้ำเตือนซูเถาอย่างมีไหวพริบ
“เถ้าแก่ นี่มันก็เดือนตุลาแล้ว เรามาวางกำหนดการสร้างบ้านใหม่ในเดือนนี้กัน ฉันว่าเราจำเป็นต้องขยายโรงอาหาร มันแออัดไปหน่อย”
ซูเถาเอามือก่ายหน้าผาก “ฉันรู้แล้วค่ะ ฉันรู้แล้ว โรงเรียนสองแห่งในตงหยางยังไม่สร้าง ตอนนี้ฉันลำบากมากจริง ๆ อย่างไรก็ตาม ทีมวิจัยของคุณเสิ่นมีกี่คนคะ? วันนี้ฉันจะสร้างอาคารที่พักสำหรับพวกเขา อีกอย่างให้เสิ่นเวิ่นเฉิงคุยกับผู้อาวุโสเหม่ยหน่อยนะคะ จะได้ดูว่าจะสร้างห้องวิจัยของพวกเขายังไง”
จวงหว่านตอบกลับอย่างสุภาพ “32 คนค่ะ เถ้าแก่เหนื่อยหน่อยนะ ไหนจะพื้นที่ฝึกซ้อมก็ต้อง…”
ซูเถารีบกดตัดสายทันที เธอยังไม่อยากจะฟังอะไรตอนนี้..
ก่อนออกเดินทางไปงานแสดงสินค้า ซูเถาเห็นสีหน้าจริงจังของสือจื่อจิ้น และอดไม่ได้ที่จะเป็นห่วงเขา
มันต้องไม่ใช่เรื่องเล็กแน่ ๆ ที่ทำให้ชายหนุ่มหนักใจได้ขนาดนี้
ซูเถาถามเขาว่า “ที่ตงหยางเกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือเปล่า”
สือจื่อจิ้นบีบดั้งจมูกของตนเองและพูดด้วยเสียงทุ้มต่ำ “เมื่อคืนนี้ทหารยามของตงหยางบอกว่ามีคนเห็นโบนวิงส์ แต่ตอนนี้ยังหาตัวมันไม่พบ ผมกังวลว่ามันจะเข้าไปในเมือง ตอนนี้อดีตผู้นำกองทัพกำลังจัดการตรวจคัดกรองทั่วเมือง และเพิ่มกองกำลังประกบหลิวพ่านพ่าน”
หัวใจของซูเถาเต้นแรง “ตงหยางมีการตรวจคนเข้าเมืองที่เข้มงวดขนาดนั้น มันยังเข้าไปได้อีกเหรอ”
สือจื่อจิ้นกล่าวว่า “ไม่จำเป็นว่าต้องผ่านเข้าทางประตูเสมอไป…”
ซูเถาตัวแข็งไปชั่วขณะ
เธอลืมไปเลยว่ามันบินได้
ในเวลาเดียวกัน โชคดีมากที่เถาหยางสร้างโดมป้องกันไว้ตั้งแต่เนิ่น ๆ ไม่ว่ามันจะขึ้นไปบนฟ้าหรือลงสู่พื้นดินก็ตาม อย่าคิดแม้แต่จะเข้าไปในเถาหยาง
“แล้วคุณต้องกลับไปเหรอ” ซูเถาถาม
สือจื่อจิ้นขอโทษเธอ “ใช่ ผมต้องออกไป อย่างช้าที่สุดในบ่ายวันนี้ และผมจะให้ไคอวี่อยู่ที่นี่เป็นเพื่อนคุณ”
ซูเถาโบกมืออย่างรวดเร็ว “คุณไม่ต้องกังวลหรอก เรื่องนี้ไม่ปกติ คุณพาเจี่ยนไคอวี่กลับไปด้วยเถอะค่ะ ทางนี้ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรหรอก ฉันจัดการเองได้”
เดิมทีสือจื่อจิ้นคิดว่าอย่างน้อยเขาจะสามารถอยู่กับเธอได้นานกว่านี้ แต่เขาไม่คิดว่าอดีตผู้นำกองทัพจะโทรหาเขาทันทีที่เขามาถึงงานแสดงสินค้าและขอให้เขารีบกลับไปโดยเร็ว
โบนวิงส์ปรากฏขึ้นในเมืองและฆ่าเด็กชายอายุสี่ขวบ
เมื่อซูเถาทราบข่าว เธอก็มีความรู้สึกไม่ดีในใจ
แน่นอนว่าในวินาทีต่อมาผู้อำนวยการกัวก็โทรมา เขาบอกเธออย่างเศร้าใจว่าเด็กที่เสียชีวิตคือหยางหยาง จากศูนย์รับเลี้ยงเด็กกำพร้าตงหยาง…
เมื่อคืนครูพบว่าเขาไม่ได้อยู่บนเตียง ก็เลยออกค้นหาเขาทั้งคืน จากนั้นพอได้ยินว่ามีเด็กเสียชีวิตบนถนนในตอนเช้า อาจารย์ใหญ่เหมียวก็ร้องไห้และวิ่งไปหาเขาทันที
ซูเถาชกกำแพงด้วยกำปั้น หัวใจของเธอเต็มไปด้วยความโกรธและความเศร้า
โบนวิงส์กำลังแก้แค้นหลิวพ่านพ่าน และกำจัดทุกคนที่ข้องเกี่ยวกับเธอ
เธอแค่รู้สึกเสียใจแทนหยางหยาง เพราะคิดว่าเขาจะได้พบแม่ที่ดีที่สามารถพึ่งพาได้ แต่ไม่ได้คาดหวังว่าแม่คนนี้จะใช้เขาเป็นตัวแทนลูกชายที่เสียไป…