บทที่ 256 หวงจุนเทียนเข้าร่วมนิกายเจี๋ย อันดับของโลกเขย่าพิภพ

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ

บทที่ 256 หวงจุนเทียนเข้าร่วมนิกายเจี๋ย อันดับของโลกเขย่าพิภพ

สิบสองปีต่อมา

หวงจุนเทียนบินขึ้นสู่สวรรค์ด้วยตบะระดับเซียนอิสระ หลังจากขึ้นสวรรค์แล้วผ่านพิธีล้างบาปมรรคาสวรรค์ เลื่อนขั้นเป็นเซียนพิภพไท่อี่ทันที

การฝ่าด่านเคราะห์ขึ้นสู่สวรรค์ยังคงมีประโยชน์มาก

หลังจากหานเจวี๋ยรู้จากค่าความสัมพันธ์ว่าตบะของหวงจุนเทียนถูกยกระดับ ก็อดจินตนาการไปไกลไม่ได้ หากเขาขึ้นสวรรค์ในตอนนี้ ตบะจะเพิ่มขึ้นในฉับพลันหรือไม่

เมื่อครุ่นคิดดูอีกที มันไม่ถูกต้อง

เขาเคยไปแดนเซียนมาแล้ว และก็ไม่ใช่เพียงครั้งเดียว ตอนนี้หากฝ่าด่านเคราะห์อีกคาดว่าคงไม่มีผลอะไร

อีกอย่างคาดว่าด่านเคราะห์ของจักรพรรดิเซียนคงน่ากลัวยิ่งนัก ก่อนหน้านี้ที่เขาไม่ฝ่าด่านเคราะห์ ก็เพราะมีอาณาเขตเต๋าของระบบตัดขาดให้ เขาไม่อยากเสี่ยงอันตราย

หลังจากจัดการพุทธะพิชิตชัยแล้ว หานเจวี๋ยเอ้อระเหยลอยชายอีกครั้ง

เขาเริ่มจัดสรรเวลาไปบ่มเพาะบรรดาศิษย์ของสำนักซ่อนเร้นให้มากขึ้น

ผ่านวิวัฒนาการมาหลายปีเช่นนี้ พลังโดยรวมของโลกเขย่าพิภพแข็งแกร่งขึ้นอย่างรวดเร็ว จำนวนของผู้บำเพ็ญระดับมหายานเพิ่มขึ้นหลายเท่า ระดับเซียนอิสระเริ่มปรากฏมากขึ้นเรื่อยๆ

อีกไม่นาน บางทีขีดจำกัดของโลกเขย่าพิภพอาจจะยกระดับขึ้นไปถึงระดับเซียนพิภพ หรือแม้กระทั่งอาจจะสูงกว่านั้น

มรรคาสวรรค์ยิ่งสูง ตบะที่สามารถรับน้ำหนักได้ก็ยิ่งสูงตามไปด้วย

พลังวิญญาณและไอเซียนบนเขาบำเพ็ญเซียนได้มาถึงระดับที่เข้มข้นอย่างถึงขีดสุด ตอนนี้สิงหงเสวียน เซียนซีเสวียนและฉางเยวี่ยเอ๋อร์ล้วนไม่ออกไปหาประสบการณ์อีก หมกหมุ่นอยู่กับการฝึกฝน

วันนี้ หานเจวี๋ยเรียกลี่เหยาให้เข้ามาในถ้ำตามลำพัง อู้เต้าเจี้ยนกลับรออยู่ด้านนอก

ลี่เหยาตื่นเต้นเป็นอย่างมาก ด้วยไม่รู้ว่าหานเจวี๋ยจะให้นางทำอะไร

หานเจวี๋ยให้นางนั่งลง อดขันไม่ได้เมื่อเห็นนางแสร้งทำเป็นสงบ

ระแวดระวังเกินไปแล้ว!

หานเจวี๋ยยิ้มกล่าว “ไม่ต้องตื่นเต้น ข้าไม่ได้จะกินเจ้าเสียหน่อย เพียงเป็นกังวลเรื่องการบำเพ็ญตบะของเจ้า มีข้อสงสัยอันใดสามารถพูดออกมาได้ทุกเมื่อ หลังจากนี้ข้ายังต้องสอนผู้อื่นอีก”

ลี่เหยาเข้าใจขึ้นมาในทันที ในใจรู้สึกกระอักกระอ่วนอยู่บ้าง

‘ถุย! เหตุใดตนถึงคิดกับผู้อาวุโสเช่นนั้นได้

ต้องโทษไก่คุกรัตติกาลที่มักจะพูดเสมอๆ ว่าหานเจวี๋ยมีสตรีมากมาย ข้าก็ว่าแล้วเชียว อยู่มาตั้งนานเพียงนี้ก็ไม่เห็นผู้อาวุโสจะมีความชอบทางด้านนั้นเลย ที่แท้ไก่ก็หลอกคนเสียได้’

ลี่เหยาเริ่มพูดถึงปัญหาในการฝึกบำเพ็ญของตนเองในช่วงนี้ออกมา หานเจวี๋ยก็ตอบข้อสงสัยทันที

หลังจากบรรลุระดับจักรพรรดิเซียนแล้ว สามารถเข้าใจหมื่นเวทในโลกมนุษย์อย่างทะลุปรุโปร่ง ในสายตาของหานเจวี๋ยระดับของลี่เหยามันง่ายดายถึงเพียงนั้น

หนึ่งเดือนต่อมา

หานเจวี๋ยถามลี่เหยาว่าอยากเรียนรู้พลังวิเศษใด ลี่เหยาอยากเรียนพลังวิเศษในการเคลื่อนย้ายหรือพลังวิเศษในการทะลุมิติ

‘เฉื่อยชาเสียจริง’

หานเจวี๋ยค่อนแคะในใจ จากนั้นก็ถ่ายทอดเมฆตีลังกาให้แก่ลี่เหยา

หลังจากหลี่เหยาแล้วก็เป็นถูหลิงเอ๋อร์ หานเจวี๋ยถ่ายทอดสามเศียรหกกรและคำฟ้าเสมือนพสุธาให้กับนาง

ถูหลิงเอ๋อร์มีใจคิดเล็กคิดน้อยมากเกินไป ถ่ายทอดพลังก็ถ่ายทอดพลังสิ ยังเข้าใกล้เขาไม่หยุด ก่อนจากไปยังมีท่าทีอาลัยอาวรณ์อีกด้วย

เวลาผ่านไปชั่วพริบตา

ยี่สิบปีผ่านไปอย่างรวดเร็ว

บรรดาศิษย์สำนักซ่อนเร้นล้วนอยู่เหนือระดับมหายาน รวมไปถึงโจวหมิงเยวี่ยด้วย

ระดับของสิงหงเสวียน เซียนซีเสวียนและฉางเยวี่ยเอ๋อร์ก็ก้าวไปพร้อมๆ กัน ล้วนบรรลุถึงระดับฝ่าด่านเคราะห์แล้ว

หานเจวี๋ยแอบรู้สึกเสียใจ

ดูท่าแม่นางทั้งสามสามารถฝึกบำเพ็ญต่อไปได้จริงๆ

เขายังคิดอยากให้แม่นางทั้งสามละสังขารไปเกิดใหม่เพื่อฟื้นคืนคุณสมบัติใหม่อยู่เลย แต่ดูท่าจะเป็นไปไม่ได้แล้ว

เขาไม่อยากตาย คนอื่นๆ ก็ไม่อยากตายเช่นกัน

หลังจากที่ทุกคนบนเขาเพียรบำเพ็ญเซียนได้รับการสอนทีละคนแล้ว หานเจวี๋ยก็เริ่มฝึกบำเพ็ญ น่าเสียดายที่ระดับความเร็วในการเพิ่มขึ้นของตบะนั้นไม่มาก

ที่จักรพรรดิเซียนฝึกบำเพ็ญคือจิตใจ คือมหามรรค แม้ว่าไอเซียนจะมีผล แต่ยังไม่มีผลอย่างสมบูรณ์เหมือนแต่ก่อน

เพียงแค่สามารถเพิ่มความแข็งแกร่งได้อย่างมั่นคง หานเจวี๋ยก็พอใจแล้ว

วันนี้หานเจวี๋ยออกจากสภาวะฝึกบำเพ็ญ หยิบหนังสือแห่งความโชคร้ายออกมาสาปแช่งศัตรู ขณะเดียวก็ตรวจสอบจดหมายไปด้วย

[พุทธาเทพฟ้าพิโรธศัตรูของท่านจิตมารเกิดการเปลี่ยนแปลงเนื่องด้วยการสาปแช่งของท่าน ปรารถนาจะยึดร่าง]

[เจียงอี้สหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากจักรพรรดิเซียน ได้รับบาดเจ็บสาหัส]

[จี้เซียนเสินสหายของท่านกลืนกินวิญญาณเทพภูต วิญญาณเกิดการเปลี่ยนแปลง]

[มู่หรงฉี่ศิษย์หลานของท่านเผชิญกับการโจมตีจากแม่ทัพและทหารสวรรค์] x450321

[โม่จู๋สหายของท่านพบกับแดนผาสุกสวรรค์ ดวงชะตาเพิ่มขึ้นฉับพลัน]

[ซูฉีศิษย์ของท่านแพร่กระจายความโชคร้าย ดวงชะตาของวังเทพไม่ได้รับผลกระทบ]

[จั้งกูซิงสหายของท่านทะลวงขีดความสามารถสูงสุด มรรคกระบี่เพิ่มขึ้นฉับพลัน]

[หวงจุนเทียนสหายของท่านกราบตัวเข้าร่วมนิกายเจี๋ย]

……

หานเจวี๋ยเลิกคิ้ว

หวงจุนเทียนเข้าร่วมนิกายเจี๋ยเร็วเพียงนี้เชียวหรือ

เพิ่งจะยี่สิบปีเองนะ!

ดูท่าธรณีประตูของนิกายเจี๋ยจะไม่ได้สูงอย่างที่หานเจวี๋ยจินตนาการไว้

ก็จริง อย่างไรเสียนิกายเจี๋ยก็เป็นนิกายที่ถูกมรรคาสวรรค์ทอดทิ้ง ข้อบัญญัติของตนเองก็ไม่แบ่งชนชั้น

หานเจวี๋ยไม่ได้เริ่มรอคอยการแสดงพลังของหวงจุนเทียน

เขารู้จักหวงจุนเทียนดี แม้เจ้าหมอนี่จะเชี่ยวชาญด้านการชิงอำนาจ แต่ก็ขี้ขลาดมากจริงๆ ค่อนข้างระแวดระวัง หากไม่จำเป็น ก็จะไม่แก่งแย่งชิงดี

ที่หวงจุนเทียนต่อสู้ภายในชิงตำแหน่งเจ้านิกายสองครั้งก่อนหน้านี้ก็เป็นเพราะกลัวว่าคนอื่นจะก่อเรื่อง ดังนั้นจึงผนึกตัวเองเป็นหนึ่ง หลังจากนั้นค่อยพาทั่วทั้งนิกายฝึกบำเพ็ญเหมือนเต่าหดหัวในกระดอง

ที่หานเจวี๋ยมีนั้นคือเวลาในการรอคอย

หลายเดือนต่อมา หานเจวี๋ยสาปแช่งเสร็จสิ้น เขานำป้ายคำสั่งมรรคาสวรรค์ออกมาเพื่อตรวจสอบป้ายศิลามรรคาสวรรค์

จิ๊ โลกเขย่าพิภพเข้าสู่อันดับที่หนึ่งร้อยกว่าแล้ว

ลำบากวังสวรรค์กับพุทธะอาภรณ์ขาวจริงๆ

หานเจวี๋ยส่ายหน้าหลุดยิ้ม เขาเข้าใจดีว่าเหตุใดจักรพรรดิสวรรค์ถึงยกระดับโลกเขย่าพิภพให้สูงขึ้น ก็เพราะต้องการดึงดูดให้ศัตรูมาโจมตี และอาศัยหานเจวี๋ยสังหารศัตรู

เขากลับไม่ได้คัดค้าน แม้จะไม่สอดคล้องกับรูปแบบพฤติกรรมของเขา แต่เขาที่ได้รับผลประโยชน์มากมายเพียงนั้น ก็ควรที่จะต้องออกแรงเพื่อวังสวรรค์บ้าง

เมื่อคิดมาถึงจุดนี้ หานเจวี๋ยก็ที่จะอดตรวจสอบบริเวณรอบๆ โลกเขย่าพิภพไม่ได้

[วิญญูเซียนกงเฉิน: ระดับเซียนทองไท่อี่ขั้นสมบูรณ์ ปรมาจารย์สูงสุดของราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์ต้าฮวง]

ราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์ต้าฮวง?

แววตาหานเจวี๋ยวาบประกายเย็นชา

เรื่องที่ราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์ต้าฮวงจับตัวซูฉีไปเขายังจำได้ดี

คิดไม่ถึงว่าราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์ต้าฮวงจะกล้ามาที่โลกเขย่าพิภพ!

รนหาที่ตาย!

ขณะเดียวกัน

ส่วนลึกของห้วงอากาศว่างเปล่า

วิญญูเซียนเฉินกงมองโลกเขย่าพิภพจากที่ไกลๆ ด้วยสีหน้าลังเล

เขาสวมชุดนักพรตเต๋าสีเทา สีหน้าราวกับหยก ผมถูกรวบอยู่ภายใต้มงกุฎ เต็มไปด้วยมาดของตระกูลเซียน

‘อันดับของโลกใบนี้เลื่อนขึ้นอย่างรวดเร็วภายใต้วังสวรรค์ หากราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์ต้าฮวงสามารถเทศนาธรรมในโลกใบนี้ และดึงดูดผู้ที่บรรลุมรรคขึ้นสวรรค์ได้ จะต้องเพิ่มความแข็งแกร่งในอนาคตได้อย่างแน่นอน’ วิญญูเซียนกงเฉินคิดอย่างเงียบๆ

แต่เขาสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของพุทธะอาภรณ์ขาว

ที่นี่ซ่อนเซียนทองไท่อี่ไว้องค์หนึ่ง อีกทั้งไม่ได้ด้อยไปกว่าเขาเลยแม้แต่น้อย

จัดการยากเสียแล้ว

ไม่อาจมาแบบแข็งกร้าวได้

วิญญูเซียนกงเฉินถ่ายทอดเสียงให้กับพุทธะอาภรณ์ขาวทันที

เพียงไม่นานพุทธะอาภรณ์ขาวก็ปรากฏตัวตรงหน้า และสังเกตเขาด้วยท่าทีระแวดระวัง

สีหน้าวิญญูเซียนกงเฉินแปรเปลี่ยนในทันที รีบกุมมือคารวะกล่าวว่า “ที่แท้ก็เป็นผู้อาวุโสพุทธะอาภรณ์ขาว เหตุใดท่านถึงอยู่ที่นี่”

ก่อนหน้านั้นเขาสัมผัสได้เพียงกลิ่นอายของพุทธะอาภรณ์ขาว พลังจิตไม่กล้าสอดแนมส่งเดช

“เจ้าคือ?” พุทธะอาภรณ์ขาวขมวดคิ้วถาม

ในช่วงเวลาอันยาวนาน เขาพบเจอผู้คนมามากมาย ไม่อาจใส่ใจได้หมดทุกคน

วิญญูเซียนกงเฉินตอบ “ข้าน้อยคือวิญญูเซียนกงเฉินจากราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์ต้าฮวง เคยมีวาสนาพบเจอท่านหนึ่งคราในงานเซียนสวรรค์เหมันต์”

เป็นวาสนาในการพานพบหนึ่งคราจริงๆ พวกเขาไม่เคยแม้แต่พูดคุยกันเลย

พุทธะอาภรณ์ขาวในขณะนั้นราวกับดวงเดือนที่ถูกห้อมล้อมด้วยดวงดารา เขาได้แต่มองดูด้วยความอิจฉา ไม่มีแม้แต่ความกล้าในการเข้าไปทักทาย

“อ้อ เจ้ามาทำอะไรที่นี่เล่า” พุทธะอาภรณ์ขาวถามด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึก

ที่จริงเขาก็คาดเดาได้แล้ว เพียงแต่ไม่อยากผูกพยาบาทโดยง่าย

อย่างไรเสียอีกฝ่ายก็เป็นเซียนทองไท่อี่องค์หนึ่ง!

วิญญูเซียนกงเฉินไม่พูดอ้อมค้อม เขาบอกถึงความตั้งใจของตัวเองออกไปทันที

พุทธะอาภรณ์ขาวไม่ได้ปฏิเสธในทันที ความจริงนี่ก็เป็นเรื่องที่ดี สามารถทำให้โลกเขย่าพิภพมีคนสนับสนุนเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่ง

กำลังวังชาหลักของวังสวรรค์จะอยู่บนแดนเซียน ความจริงแล้วใส่ใจโลกมนุษย์ไม่ค่อยมาก ดังนั้นจึงไม่อาจหวังพึ่งวังสวรรค์ได้ตลอด

และในตอนนั้นเอง สีหน้าของพุทธะอาภรณ์ขาวก็เปลี่ยนไป

เขาเงยหน้ามองวิญญูเซียนกงเฉิน เอ่ยถามด้วยสีหน้าแปลกประหลาด “เจ้ารู้จักซูฉีหรือไม่”

……………………………………….