บทที่ 381 สาวงามรินเหล้า

สุดยอดชาวประมง

บทที่ 381 สาวงามรินเหล้า

บทที่ 381 สาวงามรินเหล้า

คำพูดของอากงนั้นออกมาจากใจทั้งหมด ชายชราไม่คิดจริง ๆ ว่ารูปเก่าที่วางไว้ในห้องตัวเองจะมีเรื่องที่น่าประหลาดแบบนี้ซ่อนอยู่ น่าเสียดายที่ตัวเขาไม่ได้รับวาสนานั้น!

ฉู่เหินเดาความคิดของอากงออก เขาหัวเราะแล้วพูดว่า “อากง วิชาที่ผมได้รับมาจากรูปวาดจนทำให้ของเดิมเลือนหายไปหมด ดังนั้นผมจึงทิ้งเทคนิคของตัวเองไว้ในนั้นแทน ในอนาคต คงจะมีคนได้เรียนรู้วิชาที่ผมทิ้งไว้ในสักวันหนึ่ง”

หลังได้ยินประโยคนี้ของฉู่เหิน อากงก็ถึงกับตกใจ จากนั้นชายชราก็หันกลับไปมองรูปภาพอีกครั้ง ในที่สุดเขาก็เข้าใจแล้วว่าทำไมภาพถึงได้ไม่เหมือนเดิม เป็นเพราะมันแฝงไว้ด้วยวิชาของฉู่เหินอยู่ในนั้นนั่นเอง ! กินน้ำไม่ลืมคนขุดบ่อ* ฉู่เหินช่างเป็นยอดคนจริง ๆ

*กินน้ำไม่ลืมคนขุดบ่อ หมายถึงตัวเองได้รับผลประโยชน์แล้วก็ยังไม่ลืมคนข้างหลัง

พอคิดถึงตรงนี้ อากงก็รู้สึกนับถือในตัวฉู่เหินมากยิ่งขึ้น ต้องเข้าใจว่าวิชาที่ฉู่เหินทิ้งไว้นั้น เขาทิ้งไว้ให้เด็กรุ่นหลังของเมืองโบราณ ถ้าคนเป็นทั่วไปที่ได้เคล็ดวิชานี้ คนคนนั้นคงจะเอาไปไม่หวนกลับ ไม่ทิ้งอะไรไว้แน่!

ทว่าคนตรงหน้ากลับไม่ใช่แบบนั้น ชายหนุ่มได้ทิ้งเคล็ดวิชาบางอย่างเอาไว้ อีกทั้งยังใส่จิตวิญญาณของตัวเองไว้ด้วยส่วนหนึ่ง คนแบบนี้เหมาะสมที่จะเรียกเขาว่ายอดคน!

หลังจากพูดคุยกันสักพัก อากงก็สั่งให้คนไปเอาเหล้ากับอาหารมา เวลาไม่นาน ทั้งอาหารและเหล้าก็วางเต็มโต๊ะ ร่างกายของฉู่เหินตอนนี้ดื่มเหล้าคงไม่ค่อยเหมาะสมนัก แต่วันนี้อากงเชิญมาเขาก็ยากที่จะปฏิเสธ คงทำได้แค่เพียงก้ำกลืนเท่านั้น!

อันที่จริงแล้วฉู่เหินก็พอคิดมาบ้าง ถ้าเขาดื่มซักแก้วสองแก้วคงไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร แต่ถ้ามากกว่านั้นคงไม่ไหวเพราะเขายังไม่อยากทำให้ตัวเองระเบิดเอาตอนนี้ ! ดังนั้นชายหนุ่มจึงหันไปพูดกับชายชราตามตรงว่าตนจะดื่มเพียงแก้วสองแก้วเท่านั้น พออากงได้ยินก็หัวเราะแต่ไม่พูดอะไร ชายชราหยิบจอกเล็กมาสามจอก ก่อนจะบอกให้ฉู่เหินดื่มแค่นี้ก็พอแล้ว

พอเห็นฉากนี้ฉู่เหินก็อดที่จะถอนหายใจไม่ได้ เหล้าสามจอกไม่ได้อยู่ในสายตาเขาเลยแม้แต่น้อย หลังจากรับจอกเหล้ามา ชายหนุ่มก็หันไปพูดกับอากงอย่างสบายใจว่า “อากง ผู้น้อยขอดื่มให้ท่านหนึ่งจอก!”

สิ้นเสียงก็ยกจอกเหล้าขึ้นมาชนจนเกิดเสียง แต่หลังจากเหล้าเข้าปาก ไม่ทันไรฉู่เหินก็รู้สึกไม่เหมือนเดิม เพราะเมื่อกี้เขาดื่มไปอึกใหญ่ ปริมาณนี้เกรงว่าจะรวม ๆ กันแล้วเท่ากับสองถึงสามอึกเลยทีเดียว เห็นได้ชัดว่าตัวเองมีจอกเหล้าเพียงสามจอกเท่านั้น แล้วทำไมเหล้ามันถึงได้เยอะแบบนี้

ชายหนุ่มก้มมองจอกเหล้าในมืออย่างละเอียดสักพัก ก่อนจะพบว่าเหล้านั้นคล้ายจะมีไม่น้อยเลย ในที่สุดเขาก็เข้าใจแล้วว่าจอกเหล้านี้ไม่ใช่ของธรรมดาอย่างที่ตาเห็น!

ฉู่เหินหันไปมองอากงโดยไร้คำพูด ใบหน้าของอากงประดับไปด้วยรอยยิ้ม ชายชราหัวเราะออกมาเบา ๆ ชายหนุ่มที่เห็นท่าทีดังนั้นก็รู้สึกอยากจะร้องออกมาดัง ๆ ทว่าฉู่เหินก็ต้องหมดคำพูดเมื่อสาวงามเดินออกมาช้า ๆ จากหลังมู่ลี่ของห้อง! ก่อนที่เธอจะก้มลงทำความเคารพฉู่เหินและอากง

อายุของหญิงสาวคนนี้ไม่เยอะเท่าไหร่ ประมาณ 20 กว่า ๆ เท่านั้น หน้าตาสะสวย พูดไปก็ยิ้มไป พวงแก้มแดงซับสีเลือด โดยเฉพาะตอนที่มองมาที่ฉู่เหิน ดวงตาหวานของเธอก็ดูจะเชื่อมไปหมด

ฉู่เหินที่ถูกหญิงสาวคนนี้จ้องมองก็รู้สึกจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ก่อนที่เขาจะโน้มตัวไปทางอากงแล้วสอบถาม เดิมทีหญิงสาวคนนี้มีชื่อว่าเวิงสุ่ยเซี่ย เป็นหลานสาวของอากงเอง! พ่อแม่ของเวิงสุ่ยเซี่ยนั้นน่าสงสารมาก หลายปีก่อนออกไปข้างนอก และถูกซอมบี้จับไปเกรงว่าทั้งสองคนจะกลายเป็นซอมบี้ไปนานแล้ว

ยิ่งผนวกกับศึกสงครามที่พึ่งผ่านไป คงยากที่พวกเขาจะรอดชีวิตมาได้ ด้วยเหตุนี้เอง หญิงสาวที่น่าสงสารจึงต้องมาอยู่ในความดูแลของชายชราผู้เป็นปู่ เดิมทีฉู่เหินตั้งใจจะพูดอะไรบางอย่างออกมา แต่พอเห็นสายตาน่าสงสารของหญิงสาวที่มองตัวเอง เขาก็ได้แต่กลื่นคำพูดกลับลงไป

ริมฝีปากเล็ก ๆ ของหญิงสาวที่พูดเสียงอ่อนเสียงหวานตอนที่เติมเหล้าลงในจอก ส่งผลให้งานเลี้ยงครานี้ดูมีชีวิตชีวายิ่งขึ้น

“ต้องขอบคุณพี่ฉู่จริง ๆ ถ้าไม่ใช่เพราะพี่ปรากฏตัว เกรงว่าพวกเราคงถูกซอมบี้พวกนั้นฆ่าตายหมดแล้ว พี่เก่งจริง ๆ ที่สามารถเอาชนะซอมบี้กว่าล้านตัวในการรบไม่กี่ครั้ง พี่เป็นวีรบุรุษในใจฉัน มา! ฉันขอดื่มให้พี่หนึ่งจอก”

หลังจากได้ยินฉู่เหินก็แอบส่ายหัวไม่ได้ ตัวเองกลายเป็นฮีโร่ในใจคนอื่นแบบนี้แล้ว เหล้าแก้วนี้คุณสามารถไม่ดื่มได้เหรอ ? พอดื่มหมดแล้ววางจอกเหล้าลง ชายหนุ่มก็พบว่าจอกเหล้านั้นยังมีเหล้าเหลืออยู่เยอะมาก เห็นดังนี้ฉู่เหินก็รู้สึกจนปัญญา เขาชักกลัวจริง ๆ แล้วว่าหลังจากดื่มแก้วนี้หมด ร่างกายเขาจะระเบิดตาย

แต่พอมองไปที่หญิงสาวคนนั้นกับอากงสองคน ชายหนุ่มก็ทำใจปฏิเสธไม่ลง นอกจากทำได้เพียงอดทนไม่ให้ร่างกายระเบิดตายไปก่อน! ทุกครั้งที่ดื่ม หญิงสาวก็จะยกนิ้วเรียวยาวขึ้นชื่นชมตลอด การกระทำแบบนี้ยิ่งทำให้ฉู่เหินดื่มเข้าไปจอกแล้วจอกเหล่าอย่างต่อเนื่อง

พอเหล้าตกลงท้อง ฉู่เหินก็รู้สึกว่าตัวเองมึนหัวเลยยกมือขึ้นมากุมหัวไว้ เขารู้สึกว่าวันนี้ตัวเองแปลกจริง ๆ ปกติแล้ว ต่อให้ชายหนุ่มดื่มเหล้าเข้าไปเป็นพันจอกก็ไม่มีทางมีลักษณะแบบนี้

ดูเหมือนว่าที่เขาแสดงอาการน่าจะเกี่ยวข้องกับร่างกายของตัวเองในตอนนี้ ชายหนุ่มทำได้เพียงส่ายหัวเบา ๆ เตรียมที่จะจบการเลี้ยงเหล้าในครั้งนี้ซะ ยังไงเขาก็ยังไม่อยากตัวระเบิดตายจากการดื่มเหล้า ถ้าเป็นแบบนั้นจริง มันก็คงน่าสมเพชเกินไปแล้ว อากงเองก็น่าจะเข้าใจความทรมานของตัวเขาด้วยเช่นกัน

แต่ยังไม่ทันที่จะได้พูดออกไป ชายหนุ่มก็พลันรู้สึกว่าสมองของเขาหมุนติ้ว ๆ แม้ว่าร่างกายจะยังนั่งอยู่ที่เดิม แต่ฉู่เหินก็รู้สึกว่ามันโคลงเคลงไม่หยุดราวกับสามารถเสียการทรงตัวได้ตลอดเวลา เดิมทีเขาเตรียมที่จะควบคุมให้ร่างกายตัวเองอยู่นิ่ง ๆ แต่ก็พบว่าร่างกายกลับไม่ยอมฟังคำสั่งเลยแม้แต่น้อย

ในตอนที่ร่างกายกำลังโงนเงนคล้ายจะล้มลง จู่ ๆ เขาก็รู้สึกว่ามีมือนิ่ม ๆ สองข้างมาจับที่ไหล่ จากนั้นชายหนุ่มก็คล้ายจะได้ยินว่ามีคนกระซิบเบา ๆ ที่ข้างหู ทว่าไม่ว่าจะฟังยังไง เขาก็ไม่รู้เรื่องแล้วในตอนนี้

จากนั้น… จากนั้นก็ไม่มีแล้ว ฉู่เหินตัวเอนเอียงไปด้านข้าง ก่อนที่จะสลบไป พอหญิงสาวเห็นว่าฉู่เหินไม่ได้สติ ใบหน้าของเธอก็ยิ่งแดงก่ำอย่างไม่อาจควบคุม!

“เด็กน้อย เธอต้องคิดให้ดี ๆ นะ นี้ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่ของเธอ ถ้าเธอยืนยันว่าจะทำแบบนี้ ต้องแน่ใจนะว่าเธอจะไม่เป็นทุกข์ไปตลอดชีวิต!” น้ำเสียงของอากงเจือไปด้วยความอาวรณ์ แต่ยิ่งไปกว่านั้นคือความจนปัญญา!

“คุณปู่ ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกคะ แค่ได้อยู่กับผู้ชายที่ชอบ หนูไม่กลัวหรอก เพียงแค่คืนเดียวก็พอใจแล้ว หนูเชื่อว่ามีผู้หญิงในเมืองไม่รู้กี่คนอยากจะมีโอกาสแบบนี้บ้าง แต่พวกเธอก็ไม่อาจทำมันได้”

“อีกอย่างหนึ่ง คุณปู่ไม่ใช่ว่าอยากส่งมอบตำแหน่งนักบวชให้หนูหรอกเหรอคะ ด้วยวิธีนี้ก็จะทำให้หนูได้มาอยู่ข้างกายปู่พอดี ไม่จำเป็นต้องแต่งงานอีกแล้ว” คำพูดของหญิงสาวนั้นไม่มีความลังเลใด ๆ แต่ชายชราที่ได้ฟังแบบนั้นกลับรู้สึกเจ็บปวดใจ

ใบหน้าของหญิงสาวเต็มไปด้วยความเด็ดเดี่ยว เธอประคองแขนฉู่เหินขึ้นมาจากเก้าอี้โดยพาดไหล่ตัวเองไว้ ก่อนจะค่อย ๆ เดินเข้าไปในห้อง ปิดประตูอย่างแผ่วเบา พร้อมกับดึงผ้าม่านปิดหน้าต่าง ส่งให้ให้ทั้งห้องอบอุ่นขึ้นมาทันตา!

หญิงสาวมองฉู่เหินที่นอนบนเตียงตัวเองด้วยใบหน้าแดงก่ำ เธอรู้สึกว่าหัวใจตัวเองเต้นแรงมาก จากนั้นเธอก็โน้มตัวลงไปจูบใบหน้าฉู่เหินอย่างแผ่วเบา ก่อนจะพึมพำอะไรบางอย่าง

หญิงสาวเดินไปกระตุ้กผ้าม่านเพื่อป้องกันสายตาจากคนนอก วิธีนี้จะได้ช่วยให้เธอรู้สึกสงบใจได้บ้าง จากนั้นหญิงสาวก็ให้กำลังใจตัวเองแล้วจึงหันกลับมา ในตอนนี้เธอไม่มีความกลัวและความอายอีกแล้ว ในจังหวะเช่นนี้ มีแต่ต้องเดินหน้าต่อไปเท่านั้น!

เสื้อนอกค่อย ๆ ถอดออกอย่างช้า ๆ เผยให้เห็นชั้นในตัวเล็ก และรูปร่างที่ละเลียดลออของหญิงสาว ดวงตาเผยให้เห็นความดำมืดที่วูบผ่าน มีรูปร่างสวย ๆ เช่นนี้กลับให้คนที่รักมองเห็นไม่ได้ แล้วมันจะมีประโยชน์อะไรกันเล่า? น่าเสียดายที่เขาสลบไปแล้ว เลยไม่ได้เห็นทั้งหมดนี้!