บทที่ 282 หลังถูกงูกัด ก็ขยาดรอกที่บ่อน้ำไปสิบปี

เจ้าของร้านพิศวง

บทที่ 282 : หลังถูกงูกัด ก็ขยาดรอกที่บ่อน้ำไปสิบปี

ธีโอดอร์เป็นคนขายหนังสือมือสอง

เพราะเป็นธุรกิจครอบครัวที่ส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่น ในตอนที่เขาอายุเกือบสิบสองปี เขาก็เริ่มช่วยพ่อของตนบริหารร้านหนังสือชื่อทิวลิปแล้ว แล้วเขาก็ขลุกอยู่แต่ในวงการนี้มาตลอดสามสิบปี และเรียกได้ว่าพอที่จะมีชื่อเสียงบ้าง

นอกจากธุรกิจการขายหนังสือมือสอง เขาก็ชอบสะสมหนังสือหายากหรือมีเอกลักษณ์ที่น่าสนใจไว้ด้วย นี่คือความชอบส่วนตัวของเขา

บุคลากรที่ทำงานกับร้านหนังสือมักจะมีความรู้สึกพิเศษต่อหนังสือไม่มากก็น้อย

แต่ว่า…มันก็เป็นงานอดิเรกธรรมดา ๆ นี่แหละที่กลายเป็นการหาเรื่องใส่ตัวครั้งใหญ่ของเขา…

ธีโอดอร์ไม่มีทางรู้ได้เลยว่าปัญหาที่เขาเข้าไปพัวพันนี้มันใหญ่แค่ไหน แต่ก็พอเข้าใจนิดหน่อยว่าปัญหานี้ไม่มีทางเล็กพอที่เจ้าของร้านหนังสืออย่างเขาจะแก้ได้เลย

เพราะธีโอดอร์มีหนังสือล้ำค่าบางเล่มที่เลิกตีพิมพ์ไปแล้ว และมีมิตรภาพกับเหล่าคนมีอำนาจในเขตกลางอยู่บ้าง แต่นี่ไม่ได้สร้างประโยชน์อะไรให้กับเขาเลย

เพราะเรื่องนี้มันถลำไปไกลเกินกว่าที่จะคาดเดาได้ และมันกำลังมุ่งไปยังทิศทางที่บุคคลทั่วไปไม่รู้จัก…

ธีโอดอร์ได้รับหนังสือเล่มนี้จากผู้ลักลอบขนสินค้าจากเขตล่างมาขาย

การติดต่อระหว่างนอร์ซินเขตบนและเขตล่างนั้นทำได้จากช่องทางใต้ดินของเขตกลางที่อยู่ในอารักขาของบริษัทพัฒนาทรัพยากรโรลล์และกองทัพเขตกลางเท่านั้น

ตามทฤษฎีแล้วมันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะมีการลักลอบขนสินค้าเกิดขึ้นแบบนี้ และเขาก็ไม่รู้ด้วยว่าอีกฝ่ายมาจากไหน?

ชายคนนั้นปากหนักมากและไม่ยอมพูดอะไรเลย และธีโอดอร์ก็ย่อมเข้าใจกฏเกณฑ์ดีแล้ว ดังนั้นจึงไม่ถามอะไรซอกแซกอีกฝ่ายอีก

ไม่ต้องสงสัยเลยว่าการลักลอบขนสินค้าระหว่างเมืองเขตบนกับเขตล่างนั้นทำกำไรงาม ไม่ใช่เพียงหนังสือ แต่ยังมีสิ่งของล้ำค่าอีกมากมาย

หนังสือโบราณเล่มนี้เข้าใจยากและไม่สมบูรณ์ เป็นเพียงสินค้าที่อีกฝ่ายขายส่งเดชไปเพราะไม่เข้าใจมัน

เทียบกันแล้ว ธีโอดอร์สนใจในหนังสือพิเศษเล่มนี้ ดังนั้นหลังจากได้รับข่าวนี้ จึงได้ขอให้ใครสักคนแอบไปทำการค้ากับอีกฝ่ายอย่างลับ ๆ แล้วได้หนังสือเล่มนี้มา

แต่ธีโอดอร์ไม่รู้เลยว่าปัญหามันเกี่ยวโยงมาจากตรงไหน แต่ข่าวเกิดรั่วไหลอย่างกะทันหัน จากนั้นสองสามวันต่อมา ผู้ลักลอบขนสินค้าคนนั้นจู่ ๆ ก็หายสาบสูญไป แล้วก็ไม่มีข่าวคราวอะไรอีกเลย

คนกลางสินค้าที่ธีโอดอร์เคยไปติดต่อในตอนแรกก็หายวับไปเช่นกัน แต่ก่อนหน้านั้นสองสามวัน เขาเคยมาหาแล้วทิ้งข้อความไว้สองสามคำว่า ‘อย่ายอมรับมัน!’

ธีโอดอร์งุนงงและไม่เข้าใจ จากนั้นเรื่องก็เงียบไปพักหนึ่ง

เขาเกือบลืมมันไปแล้ว จนกระทั่งจู่ ๆ ก็มีแขกคนหนึ่งมาถามหาหนังสือเล่มนั้น

“ผมรู้จากจูเลียน่าว่าที่นี่มีสินค้าจากเมืองเขตล่างขายด้วย ผมสนใจพวกมันมากเลยครับ ขอดูได้ไหมครับ?”

จูเลียน่าเป็นคนกลางสินค้าอีกคนหนึ่งที่รู้จักกับธีโอดอร์ และยังเป็นหนึ่งในคู่ค้าระยะยาวกับเขาด้วย เธอมักจะแนะนำแขกที่เชื่อถือได้อย่างมากมาให้เสมอ

ธีโอดอร์ไม่ได้คิดมากนัก เพราะไม่มีใครมาซื้อหนังสือจากเมืองเขตล่างมานานแล้ว เขาจึงนำอีกฝ่ายเข้าไปในโซนจัดแสดงของสะสมของเขาในร้าน

แต่คำพูดทั้งหมดติดอยู่ในลำคอ และทันใดนั้นเขาก็ระลึกถึงใบหน้าของคนกลางสินค้าที่หายไปที่จ้องเขาราวสัตว์ร้ายติดกับดักก่อนจะจากไปได้

‘อย่ายอมรับมัน!’

ธีโอดอร์มองตาใสซื่อของแขกคนนี้ที่ดูลึกล้ำกว่าคนทั่วไป จากสัญชาตญาณที่ไม่รู้ว่ามาจากไหนของตัวเองแล้ว เขาแสดงท่าทางเขินอายโดยไม่เปลี่ยนสีหน้า พูดกับตนเองว่าเคราะห์ดีที่ตนเคยรู้สึกถึงลางสังหรณ์ที่ไม่ดี ดังนั้นเขาจึงขอให้คนกลางสินค้าที่หายไปย้ายที่สินค้าทั้งหมดไปแล้ว

“ผมต้องขออภัยด้วยอย่างสูงจริง ๆ ครับ”

ธีโอดอร์ว่า

จู่ ๆ แขกคนนั้นก็เงียบไป แล้วก็จ้องหน้าเขาอยู่นานราวครึ่งค่อนนาทีได้ จากนั้นก็พูดเบา ๆ “น่าเสียดายจริง ๆ นะครับ”

แล้วเขาก็จากไป

ธีโอดอร์ผ่อนคลายลงอย่างไม่รู้ตัว แล้วเขาก็พบว่าหลังของเขาชุ่มไปด้วยเหงื่อ ในใจของเขารู้สึกโล่งอกที่นึกถึงคำเตือนนั้นขึ้นมาได้ทันท่วงที

แต่เห็นได้ชัด ตัวเองดีใจเร็วเกินไป

เรื่องราวทั้งหมดเริ่มขึ้นอย่างแท้จริงหลังจากนั้นต่างหาก

นาน ๆ ทีจะมีคนเข้ามาตามหาหนังสือของเขา และในหมู่แขกที่เข้ามาในร้านในแต่ละวันก็จะมีพวกไม่ชอบมาพากลปนเข้ามาอยู่บ้าง

ธีโอดอร์รู้สึกได้ว่าพวกเขาหลายคนมีเจตนาร้ายอย่างเห็นได้ชัด แต่บางอย่างที่เขาไม่รู้ก็ทำให้พวกเขาดูจะยังไม่ได้เคลื่อนไหวไปมากกว่านี้

ครั้งหนึ่ง เขาเคยได้ยินลูกค้าคนหนึ่งพึมพำถามว่า “ไม่ใช่ร้านหนังสือร้านนี้เหรอ?”

จากนั้นอีกฝ่ายก็มองธีโอดอร์ด้วยสีหน้าที่ดูจะกล้า ๆ กลัว ๆ ราวกับคิดสงสัยว่าเขาเป็นมนุษย์ต่างดาวปลอมตัวมาหรือเปล่า

มันเป็นสายตาที่แปลกมาก…!

ในจุดนี้ ธีโอดอร์ก็เหมือนจะเข้าใจอะไรบางอย่างแล้ว ความกลัวที่ว่านั้นดูจะเป็นเพราะร้านหนังสือแห่งหนึ่ง ทำให้พวกเขามีความเกรงกลัวต่อ ‘ร้านหนังสือ’ เล็กน้อย

แต่เขาก็ไม่รู้ว่าร้านหนังสือร้านไหนกันที่…ทำให้พวกเขาเข็ดขยาดได้ขนาดนี้?

แต่ความน่ากลัวนี้ไม่ได้อยู่นานนัก คนมากขึ้นเรื่อย ๆ ที่มาเยือนร้านของเขาในลักษณะนี้ แล้วสายตาของพวกเขาก็ปิดบังเรื่องต่าง ๆ น้อยลงทุกที และคำพูดของพวกเขาก็ยิ่งชวนกดดันขึ้นเรื่อย ๆ

วิกฤติได้เข้ามาเยือนอย่างเงียบ ๆ

จนกระทั่งวันหนึ่ง ธีโอดอร์ได้เห็นแขกที่มาตามหาหนังสือในร้านเขาคนหนึ่งเดินออกจากร้านหนังสือทิวลิป แล้วจู่ ๆ เขาก็กลายเป็นนกอินทรีบินออกไปจากหัวมุม!

ใช่แล้ว…จากคนเป็นนก!

ยิ่งกว่านั้น ก่อนที่อินทรีจะบินออกไป มันยังจงใจหันมามองเขาด้วยแววตาชั่วร้ายอย่างโจ่งแจ้งด้วย

ธีโอดอร์เข้าใจทันทีว่าเกิดเรื่องใหญ่กับตัวเองอย่างแท้จริงแล้ว!

เขาเคยได้ยินมาว่านอร์ซินมีสิ่งมีชีวิตเหนือธรรมชาติอยู่นอกจากมนุษย์ ‘ผู้มีพลังเหนือธรรมชาติ’ พวกนี้รวมไปถึงนักเวท อัศวิน และเอลฟ์ หรือแม้กระทั่งมังกรที่อยู่ในตำนานจนทุกวันนี้!

ทว่าเขาไม่เคยได้เห็นคนเหล่านี้เลย มันเลยกลายเป็นเรื่องขำขันหลังมื้ออาหารไป

แต่ตอนนี้เขาเจอเข้ากับตัวจริง ๆ แล้ว!

แถมพวกเขายังหมายหัวเขาอีก

การตระหนักรู้นี้มีแต่ทำให้หนังหัวของเขาชายิบ…!

หลังจากลนลานอยู่พักหนึ่ง สุดท้ายธีโอดอร์ก็สงบลง เขาจำได้ว่าก่อนหน้านี้พักหนึ่งบริษัททรัพยากรโรลล์ได้โฆษณาว่ามีศูนย์การค้าเปิดใหม่อยู่ระหว่างซอยยี่สิบสามและซอยยี่สิบสี่

เมื่อคิดถึงความใหญ่โตของบริษัทโรลล์แล้ว ไม่ว่าผู้มีพลังเหนือธรรมชาติพวกนี้จะเป็นใคร แต่คงเป็นไปไม่ได้ที่จะไปหาเรื่องที่นั่นหรอกใช่ไหม?

ธีโอดอร์ไม่รีรอ เขาทำทุกวิถีทางเพื่อทำสัญญาเปิดร้านค้าในศูนย์การค้า แล้วเขาก็ย้ายร้านและสิ่งของส่วนใหญ่มาที่นี่ได้อย่างเร็วที่สุดได้สำเร็จ

หวังว่าบริษัทโรลล์จะทำให้พวกนั้นกลัวได้นะ…แต่ถ้าพวกเขายังไล่ตามมาล่ะ เราจะทำยังไงกันดี?

ธีโอดอร์ทำได้เพียงยิ้มอย่างขมขื่น

เขาที่เป็นปุถุชนธรรมดาจะทำอะไรได้บ้างล่ะ?

“หนังสือเล่มนี้คืออะไรกัน…?” ธีโอดอร์มองหนังสือในมือของเขาแล้วพึมพำคำถามนี้ที่คาใจอยู่ออกมาไม่ได้ แต่เขาไม่รู้คำตอบและไม่กล้าถาม

เขายังเคยแอบเปิดมันออกอ่าน แต่ก็ไม่เข้าใจอย่างถ่องแท้นักว่ามันเขียนอะไรอยู่…

หนังสือที่ว่านี้ แท้จริงแล้วเหมือนเป็นสมุดบันทึก ข้อความทั้งหมดเขียนด้วยลายมือและมีการวาดลวดลายที่เข้าใจยากเอาไว้ และบางหน้าก็มีข้อความขาดหายเพราะคราบเลือดที่เปื้อนอยู่

นอกจากนี้ เขายังเข้าใจเพียงไม่กี่คำเท่านั้น คำเหล่านั้นกระจัดกระจายไปทั่วหน้ากระดาษอย่างจับใจความไม่ได้ และลายมือก็พิลึกพิลั่นราวกับเด็กหัดเขียนหนังสือได้ไม่กี่คำ ส่วนภาพวาดที่ข้าง ๆ นั้นดูน่าสงสัยพร้อมกับอักษรอีกชุดที่ดูจะเป็นคำอธิบาย

ธีโอดอร์ครุ่นคิดอยู่นาน แล้วหลังจากเปรียบเทียบซ้ำ ๆ เขาก็รู้สึกว่าหนังสือเล่มนี้มีความเป็นไปได้สูงมากว่าจะเป็น…!

บันทึกการวิจัยบางอย่าง?