ตอนที่ 291 องค์หญิงเบี้ยวหนี้

ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า

ตอนที่ 291 องค์หญิงเบี้ยวหนี้

“ตรัสเหลวไหลอะไรเพคะ!” เผยเหนียงจื่อทนไม่ไหว ดึงเฮ่าชิงชิงไว้อีกครั้ง

มิใช่ว่านางจะหักหน้าองค์หญิงต่อหน้าคนมากมาย แต่เป็นเพราะองค์หญิงท่านนี้พูดจาเหลวไหลเกินไป

หนิวโหย่วเต้ากลับจ้องมองเฮ่าชิงชิง ยิ้มกรุ่มกริ่มแล้วถามต่อว่า “องค์หญิง พระองค์ตรัสคำไหนคำนั้นหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”

“แน่นอนอยู่แล้ว ข้า…” เฮ่าชิงชิงยังพูดไม่จบ ก็ถูกเผยเหนียงจื่อดึงไปอยู่ด้านหลัง

เผยเหนียงจื่อกล่าวว่า “น้องหนิว เจ้าก็อย่าเย้านางเล่นเลย”

“ฮ่าๆ ไม่เป็นไร นางมักจะไม่รักษาคำพูดบ่อยๆ ข้าเองก็ชินเสียแล้ว” หนิวโหย่วเต้ายิ้มพลางผายมือเชิญ “หน้าประตูไม่เหมาะจะพูดคุยกัน เชิญทุกท่านด้านในเถิด”

“ใครไม่รักษาคำพูดกัน?” เฮ่าชิงชิงถลึงตาตะโกนออกมา

ทว่าไม่มีผู้ใดสนใจนาง หนิวโหย่วเต้าเดินนำพวกเผยเหนียงจื่อเข้าไปด้านใน ทั้งสองฝ่ายสนทนาโต้ตอบกันไปมา

“เจ้ารู้ฐานะขององค์หญิงแล้วหรือ?”

“องค์หญิงบอกนามจริงกับข้าตั้งนานแล้ว หากมาถึงที่นี่แล้วยังไม่ทราบถึงฐานะขององค์หญิง ข้าเอาหัวโขกกำแพงตายเสียดีกว่า”

เมื่อมาถึงโถงหลักสำหรับรับรองแขก หลังจากคนของทั้งสองฝ่ายแนะนำตัวกันแล้ว เห็นได้ชัดว่าพวกเผยเหนียงจื่อไม่ใคร่จะเห็นพวกลิ่งหูชิวและเฟิงเอินไท่อยู่ในสายตาเท่าไร เพียงเอ่ยทักทายตามมารยาทเล็กน้อย จากนั้นก็ใช้วาจาที่แฝงความนัย สื่อว่าให้พวกลิ่งหูชิวถอยออกไปเสีย

อีกฝ่ายเองก็มีสิทธิ์จะทำเช่นนี้จริงๆ คนที่สามารถเข้าไปเป็นผู้คุ้มกันในวังหลวงได้ สำนักที่อยู่เบื้องหลังเป็นเช่นไร เพียงแค่คิดดูก็รู้แล้ว ความแข็งแกร่งของสำนักล้วนอยู่ในอันดับต้นๆ ของโลกบำเพ็ญเพียร สำนักหยกสวรรค์อยู่ในแคว้นเยี่ยนยังพอว่า แต่มาที่นี่แล้วไม่นับเป็นอันใดเลย

ส่วนคนที่มีเส้นสายกว้างขวางอย่างลิ่งหูชิวก็ต้องดูว่ายืนอยู่ต่อหน้าใคร สำนักใหญ่อย่างแท้จริงล้วนไม่มีทางเห็นลิ่งหูชิวอยู่ในสายตา

พวกเขาดูแคลน และไม่คิดจะผูกไมตรีใดๆ กับพวกลิ่งหูชิวและเฟิงเอินไท่ คิดว่าไม่มีคุณสมบัติพอจะร่วมวงสนทนาของพวกเขา เรื่องขององค์หญิงแคว้นฉีพวกเจ้าก็สามารถฟังได้อย่างนั้นหรือ?

หากพูดอย่างระคายหูหน่อย ในสายตาของเผยเหนียงจื่อแล้ว ลิ่งหูชิวและเฟิงเอินไท่ยังสู้เฮยหมู่ตานไม่ได้ด้วยซ้ำ เผยเหนียงจื่อกลับคุยเล่นกับเฮยหมู่ตานสองสามประโยค ดูคุ้นเคยกันดี

หากมิใช่เพราะตอนนั้นได้ผูกมิตรกับหนิวโหย่วเต้าระหว่างออกท่องเที่ยว ประกอบกับภายหลังหนิวโหย่วเต้าได้แสดงความสามารถที่ทำให้พวกนางรู้สึกชื่นชม เกรงว่าหลังแยกจากกันที่หอหิมะเหมันต์แล้ว พวกเผยเหนียงจื่ออาจจะไม่ยินดีมาพบหนิวโหย่วเต้าอีก ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่จะมาหาอีกฝ่ายถึงที่เลย

พวกลิ่งหูชิวและเฟิงเอินไท่ก็รู้ตัวเช่นกัน เป็นฝ่ายขอตัวถอยออกไปเอง

ในโถงรับแขกไม่มีคนนอกแล้ว หนิวโหย่วเต้ามองฮูเหยียนเวยอีกครั้ง เนื่องจากทราบว่าคนผู้นี้ใกล้ชิดกับหยวนกัง ก่อนหน้านี้เพียงได้ยินเรื่องราวมาเท่านั้น ไม่คิดเลยว่าจะได้พบหน้าเร็วขนาดนี้ จึงเริ่มต้นชวนคุยก่อนสองสามประโยค คิดจะทำความเข้าใจอุปนิสัยของคนผู้นี้สักหน่อย

แรกเริ่มฮูเหยียนเวยยังคงค่อนข้างระมัดระวัง เพราะว่าคนผู้นี้เป็นคนที่กล้าสังหารราชทูตแคว้นเยี่ยน ฉากนองเลือดที่ลานน้ำตกเหินหาวเขาก็ได้เห็นแล้ว จึงคิดว่าหนิวโหย่วเต้าน่าจะคบหาได้ยาก ผู้ใดจะรู้ว่าหนิวโหย่วเต้ากลับคุยด้วยง่ายยิ่ง ซ้ำยังเป็นฝ่ายหยอกเย้าเขาก่อน เขาเองก็ค่อยๆ ผ่อนคลายลงเช่นกัน

“หนิวซยง ข้าได้ยินชื่อเสียงโด่งดังของเจ้ามานานแล้ว ในเมื่อมาเยือนเมืองหลวงแคว้นฉีทั้งที ก็ให้สหายอย่างข้าได้มีโอกาสต้อนรับในฐานะเจ้าบ้านเถอะ” ฮูเหยียนเวยที่กำลังมีความสุขเอ่ยเชื้อเชิญออกมา

“ไม่มีปัญหา!” หนิวโหย่วเต้าพยักหน้ารับ

เมื่อเห็นว่าทั้งสองเพิ่งพบหน้ากันก็ดูสนิทสนมมากกว่านางเสียอีก ในใจเฮ่าชิงชิงจึงไม่สบอารมณ์ยิ่งนัก ทนมองฮูเหยียนเวยทำตัวผยองต่อหน้านางไม่ได้ พอฟังมาถึงตรงนี้ก็ระเบิดอารมณ์ออกมาว่า “ฮูเหยียนเวย ข้ายังอยู่ตรงนี้ ตำแหน่งเจ้าบ้านเมืองหลวงตกไปอยู่ที่เจ้าตอนไหนกัน? หนิวโหยวเต้าเจ้าอย่าไปฟังเขา ตัวเขานอกจากชอบไปเที่ยวหอคณิกา นอกจากจะพาเจ้าไปเยือนสถานที่สกปรกพวกนั้นแล้ว เขาไม่มีทางพาเจ้าไปที่อื่นหรอก”

ขณะที่ฮูเหยียนเวยกำลังคิดจะโวยวายออกมา ใครจะรู้ว่าหนิวโหย่วเต้ากลับผงกหัวพลางกล่าวว่า “หอคณิกาหรือ หอคณิกาก็ดี ไม่ทราบว่าเหล่าแม่นางของที่นี่เป็นอย่างไรบ้าง ฮูเหยียนซยง ได้ยินว่าเมืองหลวงมีสถานที่ยอดเยี่ยมนาม ‘เรือนเมฆาขาว’ ชื่อเสียงเลื่องลือเป็นอย่างมาก ไม่ทราบว่าจริงตามที่ร่ำลือหรือไม่? ”

ฮูเหยียนเวยตบต้นขาดังฉาด! เอ่ยรับรองด้วยใบหน้าเบิกบาน “หนิวซยงวางใจเถอะ เรื่องเรือนเมฆาขาว ครั้งหน้าข้าจะจัดการให้เอง!”

เฮ่าชิงชิงพลันแสดงสีหน้าดูแคลน เผยเหนียงจื่อถือถ้วยน้ำชาไม่ปริปากพูด บุรุษทั้งสองหารือกันว่าจะไปเยือนหอคณิกาต่อหน้าพวกนางอย่างเปิดเผย ฟังแล้วน่าอึดอัด ทว่าเฮยหมู่ตานกลับอมยิ้มน้อยๆ อยู่ตรงนั้น ไม่พูดอะไร เนื่องจากนางทราบดีว่าหนิวโหย่วเต้าไม่ใช่คนประเภทนั้น

หนิวโหย่วเต้าได้ฟังคำพูดเขาก็กล่าวกับเฮยหมู่ตานทันที “ต่อไปหากฮูเหยียนซยงมาที่นี่ห้ามไม่ให้ใครขัดขวาง ให้เข้าพบข้าได้ทุกเมื่อ”

เฮยหมู่ตานตอบรับด้วยรอยยิ้ม “เจ้าค่ะ!”

ฮูเหยียนเวยพลันยิ้มร่า เขาเป็นคนรักหน้าตา กลับไปต้องโอ้อวดให้เหล่าสหายของตนได้รู้สักหน่อย หนิวโหย่วเต้าผู้สังหารราชทูตแคว้นเยี่ยนคือสหายของเขาแล้ว ช่างเป็นเรื่องที่มีหน้ามีตายิ่งนัก ครั้งก่อนตอนราชทูตแคว้นเยี่ยนคนนั้นมาเยือนแคว้นฉีดูเหมือนจะเคยมีปากเสียงกับตนด้วย!

เฮ่าชิงชิงพลันเอ่ยแทรกว่า “หนิวโหย่วเต้า เหตุใดหยวนกังถึงไม่มาด้วย?”

“องค์หญิง!” เผยเหนียงจื่อเอ็ดใส่ทันที อยู่ต่อหน้าฮูเหยียนเวย นางไม่ต้องการให้องค์หญิงเอ่ยถึงเรื่องของหยวนกัง ในขณะเดียวกันก็ส่งสายตาให้หนิวโหย่วเต้าด้วย

หนิวโหย่วเต้าเข้าใจ เขาเองก็เคยได้ยินเรื่องที่เฮ่าชิงชิงสารภาพรักกับหยวนกังมาจากเฮยหมู่ตานแล้ว ไม่ว่าวาจาของเฮ่าชิงชิงจะกล่าวจากใจจริงหรือไม่ เขาก็ไม่คิดว่าทั้งสองจะเข้ากันได้ ประการแรกคือหยวนกังไม่ชอบสตรีประเภทนี้ ประการที่สองคือฐานะของทั้งสองแตกต่างกัน ไม่เหมาะจะครองคู่กันจริงๆ หากฝืนดึงดันอยู่เคียงคู่มีแต่จะส่งผลเสียต่อหยวนกัง เขายังคงหวังให้สตรีนางนี้อยู่ห่างจากหยวนกังสักหน่อย

เขาจึงเปลี่ยนประเด็นไปว่า “องค์หญิง คุยกันมาถึงตรงนี้ กระหม่อมนึกเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ เงินที่พระองค์ติดหนี้กระหม่อมไว้สมควรชดใช้แล้วกระมัง?”

พรืด! ฮูเหยียนเวยที่ถือถ้วยน้ำชาอยู่สำลักออกมา เงยหน้าเอ่ยถาม “หนิวซยง องค์หญิงติดหนี้เจ้าหรือ?”

หนิวโหย่วเต้าพยักหน้ารับ

ฮูเหยียนเวยถามต่อ “ติดไว้เท่าไร?”

เฮ่าชิงชิงพลันหน้าแดง ตะคอกใส่เขาทันที “ไอสวะหน้าหนวด เกี่ยวอะไรกับเจ้าด้วย!”

หนิวโหย่วเต้าตอบว่า “ก็ไม่มาก สองล้านเหรียญทองเท่านั้น!”

ขนาดนี้ยังไม่เรียกว่าไม่มากอีกหรือ? ฮูเหยียนเวยตกใจ มองไปที่เฮ่าชิงซิงอย่างไม่อยากจะเชื่อ จากนั้นก็ยกถ้วยชาขึ้นมาอีกครั้งพลางแอบหัวเราะ พึมพำราวกับกำลังพูดกับถ้วยชาว่า “ชีวิตนี้ข้ายังไม่เคยเห็นเงินมากขนาดนี้มาก่อนเลย ติดหนี้มากขนาดนี้ ไม่รู้เลยว่าใครกันแน่ที่เป็นสวะ!”

เฮ่าชิงชิงคว้าถ้วยชาที่วางอยู่บนโต๊ะทันที สาดน้ำชาในถ้วยใส่หน้าฮูเหยียนเวย

เหิงเทียนต้วนที่นิ่งเงียบอยู่ด้านข้างพลันสะบัดแขนเสื้อ น้ำชาที่สาดออกมาหันเหเปลี่ยนทิศกลางอากาศ ลอยออกไปทางนอกประตู สาดออกไปด้านนอกแทน

เฮ่าชิงชิงไม่กล้าอาละวาดใส่เหิงเทียนต้วน จึงหันไปตวาดหนิวโหย่วเต้า “สองล้านเสียที่ไหน เจ้ายังไม่ได้พาข้าเข้าไปในหอหิมะเหมันต์เลย ถ้าว่ากันตามที่พนันเอาไว้ เป็นเจ้าต่างหากที่แพ้ เจ้าต้องให้ข้าหนึ่งล้าน นำมาหักลบกับก่อนหน้านี้ ก็เท่ากับพวกเราไม่ติดค้างกันแล้ว”

ตอนที่อยู่ในหอหิมะเหมันต์นางไม่รู้ความ ตอนนี้นางพอจะเข้าใจแล้วว่าสองล้านเหรียญทองมีความหมายอย่างไร

หนิวโหย่วเต้าเอ่ยยิ้มๆ “องค์หญิง นี่เท่ากับพระองค์กำลังเบี้ยวหนี้นะพ่ะย่ะค่ะ เป็นพระองค์หนีก่อนเอง แล้วพระองค์จะกล่าวโทษว่ากระหม่อมไม่พาพระองค์เข้าไปได้อย่างไร? เอาเถอะ พระองค์จะเบี้ยวหนี้ส่วนนี้ก็ได้ แต่อีกล้านหนึ่งยังต้องจ่ายอยู่หรือเปล่าพ่ะย่ะค่ะ?”

“แล้วข้าจะรู้ได้ยังไงว่าเจ้าจะพาข้าเข้าไปได้?”

“องค์หญิง พระองค์พูดจาแบบนี้ไม่มีเหตุผลเลย หรือพระองค์ลืมไปแล้ว สัญญาค้างชำระสองล้านเหรียญทองพระองค์ให้กระหม่อมเอง เป็นกระหม่อมที่คืนให้พระองค์ไปด้วยความหวังดี”

ทั้งสองต่อปากต่อคำถกเถียงกัน เฮ่าชิงชิงโมโหกระฟัดกระเฟียด ทางหนิวโหย่วเต้าก็หยอกเย้ายั่วยุ

ฮูเหยียนเวยมีสมาธิจดจ่อ รับฟังเรื่องขายหน้าของเฮ่าชิงชิงอย่างตั้งใจ เตรียมการเผื่ออนาคต

เผยเหนียงจื่อกลับไม่เห็นเป็นจริงเป็นจัง ไม่ว่าหนิวโหย่วเต้าจะล้อเล่นหรือไม่ เงินจำนวนนี้ก็ไม่มีทางส่งมอบให้หนิวโหย่วเต้าอยู่แล้ว เงินของราชสำนักแคว้นฉีไหนเลยจะเอาไปได้ง่ายๆ เช่นนั้น? ถ่อมาถึงเมืองหลวงแคว้นฉีเพื่อทวงเงิน หนิวโหย่วเต้าก็เองต้องคิดถึงผลลัพธ์ที่จะตามมาเช่นกัน

ได้พบสหายเก่า ซ้ำยังได้มิตรใหม่ ทั้งสองฝ่ายไม่ได้คุยอะไรกันนานนัก ฝั่งเผยเหนียงจื่อเป็นฝ่ายขอตัวอำลา ปฏิเสธคำเชิญเลี้ยงอาหารของหนิวโหย่วเต้า

หนิวโหย่วเต้าออกไปส่งทั้งกลุ่มที่ประตูหน้าด้วยตัวเอง ก่อนจากกันฮูเหยียนเวยยังเอ่ยกำชับอีกหลายรอบว่าวันหลังจะมาหาเขาใหม่

หลังส่งแขกกลับไปแล้ว ลิ่งหูชิวกับเฟิงเอินไท่ก็เข้ามาหาอย่างรวดเร็ว

“เรื่องม้าศึกองค์หญิงท่านนั้นว่าอย่างไรบ้าง?” เฟิงเอินไท่รีบถาม

หนิวโหย่วเต้าถอนใจเอ่ยไปว่า “องค์หญิงที่ไม่ได้มีอำนาจที่แท้จริงคนหนึ่ง ท่านคิดว่านางจะมีอำนาจไปแหกกฎของแคว้นฉี มอบม้าให้พวกเราแสนตัวได้หรือ?”

ตอนแรกเขายังไม่ได้สติกลับมา เนื่องจากเขารู้ว่าเฮ่าชิงชิงมิใช่คนพูดปด เกือบจะเก็บคำพูดเหลวไหลของเฮ่าชิงชิงมาคิดเป็นจริงเป็นจังแล้ว ยังคิดจะหยั่งเชิงเฮ่าชิงชิงด้วย ผลคือถูกเผยเหนียงจื่อเตือนสติอย่างเป็นนัยๆ ถึงได้สติกลับมา เฮ่าชิงชิงไม่ได้พูดปด หากแต่พูดจาเหลวไหลออกมาโดยไม่ไตร่ตรอง

“เอ่อ…” เฟิงเอินไท่พูดไม่ออก ตระหนักได้ทันที จากนั้นก็เอ่ยด้วยความเสียดายว่า “ล้อเล่นสินะ!”

อันที่จริงเขาเป็นคนที่ร้อนใจเรื่องม้าศึกที่สุดในกลุ่มนี้แล้ว พาคนมาถึงแคว้นฉีตั้งนานแล้ว จนถึงตอนนี้ก็ยังมอบคำตอบให้ทางสำนักไม่ได้เลย!

ลิ่งหูชิวกลับมีเรื่องอื่นจะพูด ถามไปว่า “น้องหนิว ได้ยินว่าคนที่เจ้าส่งออกไป ร่วมมือกันสังหารเสวียนจื่อชุนต่อหน้าคนมากมายอย่างนั้นหรือ?”

ก่อนหน้านี้ติดตามอยู่ข้างกายหนิวโหย่วเต้าตลอดจึงไม่ทราบเรื่อง กระทั่งเมื่อครู่กลับไปที่เรือนถึงได้ทราบข่าวจากทางลานน้ำตกเหินหาว

“เกิดอะไรขึ้น?” เฟิงเอินไท่มึนงง ศิษย์สำนักหยกสวรรค์ต่างทราบเรื่องนี้กันแล้ว แต่ไม่มีใครรีบร้อนไปแจ้งเขาเลย เนื่องจากต่างคิดกันว่าเขาที่ติดตามอยู่ข้างกายหนิวโหย่วเต้าน่าจะทราบเรื่องนี้แล้ว

“อืม!” หนิวโหย่วเต้าพยักหน้ารับ ก่อนจะเดินจากไปเช่นนี้

หลังจากสอบถามเรื่องราวจากลิ่งหูชิวแล้ว เฟิงเอินไท่พูดไม่ออกไปครู่ใหญ่ สุดท้ายก็ส่ายหน้าพลางยิ้มแห้งๆ ออกมา

…..

บนทางเดินริมทะเลสาบ บุรุษชุดขาวรูปร่างกำยำผู้หนึ่งเดินทอดน่อง บนอาภรณ์สีขาวปักลวดลายมังกรขาว บุคลิกสูงศักดิ์ คล้ายดั่งเหินเหยียบย่ำอยู่บนเมฆา ทรงอำนาจน่าเกรงขาม เป็นเฮ่าอวิ๋นถูผู้เป็นฮ่องเต้แห่งแคว้นฉี

จั่วเต๋อซ่งที่เปลี่ยนมาสวมชุดพิธีการกำลังพูดอยู่ด้านข้าง จู่ๆ เฮ๋าอวิ๋นถูก็นึกอยากสอบถามสถานการณ์ของแคว้นหนึ่งขึ้นมา เขาจึงถูกเรียกตัวมาเข้าเฝ้ากะทันหัน

หลังจากคุยเรื่องงานเสร็จสิ้น ขณะที่กำลังกล่าวอำลา จั่วเต๋อซ่งพลันยิ้มแล้วเอ่ยขึ้นว่า “ฝ่าบาท วันนี้ที่บ้านของกระหม่อมมีเรื่องที่ค่อนข้างน่าสนใจพ่ะย่ะค่ะ”

เฮ่าอวิ๋นถูกล่าวว่า “ถ้าน่าสนใจก็ลองว่ามาสิ”

จั่วเต๋อซ่งเล่าว่า “คนที่ยงผิงจวิ้นอ๋องซางเฉาจงแห่งแคว้นเยี่ยนส่งตัวมา ยามที่อีกฝ่ายมาเยี่ยมเยือนกระหม่อมที่บ้าน จู่ๆ เขาก็เอ่ยถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมา บอกว่าองค์หญิงใหญ่ทรงติดหนี้เขาสองล้านเหรียญทอง ซ้ำยังถามกระหม่อมว่าจะช่วยทูลถามองค์หญิงใหญ่ให้เขาได้หรือไม่ว่าจะคืนเงินเขาเมื่อไร กระหม่อมรู้สึกว่าน่าขบขัน จึงไม่ได้สนใจเรื่องนี้พ่ะย่ะค่ะ”

เฮ่าอวิ๋นถูหยุดเดิน เหมือนก่อนหน้านี้เขาจะเคยได้ยินเรื่องที่บุตรสาวติดหนี้มาก่อน หลังจากใคร่ครวญเล็กน้อย เขาก็เอ่ยถามว่า “คนที่บุตรชายของซางเจี้ยนปั๋วส่งมาหรือ? นามว่ากระไร?”

จั่วเต๋อซ่งตอบว่า “หนิวโหย่วเต้าพ่ะย่ะค่ะ หนิวโหย่วเต้าที่สังหารราชทูตแคว้นเยี่ยน”

“อ้อ!” เฮ่าอวิ๋นถูพยักหน้ารับ ก้าวเดินต่อไป

จั่วเต๋อซ่งสังเกตปฏิกิริยาของเขาเล็กน้อย มองไม่เห็นพิรุธอันใด พลันขอตัวลาไป

หลังจากนั้นเฮ่าอวิ๋นถูที่เดินเล่นอยู่ริมทะเลสาบพลันเปลี่ยนทิศทาง กลับไปยังวังหลัง ตรงไปยังตำหนักบรรทมของฮองเฮา

ฮองเฮาได้รับรายงานก็ออกมาต้อนรับ หลังจากสองสามีภรรยาพูดคุยกันเรื่อยเปื่อยสองสามประโยคก็นั่งลง เฮ่าอวิ๋นถูเอ่ยถาม “ชิงชิงล่ะ?”

ฮองเฮาแย้มยิ้มตรัสตอบว่า “บอกว่าหนิวโหย่วเต้าผู้สังหารราชทูตคนนั้นมาเยือนแคว้นฉีของเรา มีนัดหมายต่อสู้กับผู้อื่นที่ลานน้ำตกเหินหาว ธิดาของพระองค์ พระองค์เองก็รู้ดี ร่ำร้องจะออกไปชมเรื่องครื้นเครงให้ได้ ออกจากวังไปตั้งแต่เช้าตรู่แล้วเพคะ”

พอได้ยินนาม ‘หนิวโหย่วเต้า’ อย่างต่อเนื่อง เฮ่าอวิ๋นถูมุ่นคิ้วเล็กน้อย เอ่ยด้วยสีหน้าราบเรียบว่า “ไปตามเผยซานเหนียงที่อยู่ข้างกายชิงชิงมาหน่อย”

………………………………………………………………….