ตอนที่ 331 ช่วยเหลือผู้หญิงที่ถูกลักพาตัว

ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80

ตอนที่ 331 ช่วยเหลือผู้หญิงที่ถูกลักพาตัว

ตอนที่ 331 ช่วยเหลือผู้หญิงที่ถูกลักพาตัว

เฉินเจียเหอกดหมายเลขโทรศัพท์ของโจวเจี้ยนกั๋ว

“เจียเหอ น้ากลับไปที่หมู่บ้านตอนบ่ายแล้ว”

น้ำเสียงของโจวเจี้ยนกั๋วเคร่งเครียด “สิ่งที่เธอพูดมาเป็นเรื่องจริง พ่อของเอ้อร์เลิ่งซื้อภรรยาให้เอ้อร์เลิ่งจริง ๆ”

“น้าไปเคาะประตูบ้านของเอ้อร์เลิ่งแล้วเรียกพ่อเขาออกมาแล้ว เธอรู้ไหมว่าเขาพูดอะไรกับน้าบ้าง?”

โจวเจี้ยนกั๋วพูดด้วยอาการโกรธเคืองและหัวเสีย “เขาบอกว่าน้าทำงานเป็นพนักงานในโรงงาน ไม่ใช่เจ้าหน้าที่ ไม่ใช่กงการที่จะมายุ่งวุ่นวายกับเรื่องนี้ ถ้าน้าเอาเรื่องนี้ไปแจ้งความ เขาจะทำให้ภรรยาของเอ้อร์เลิ่งที่ซื้อตัวมามีมลทิน และจะต่อสู้กับทั้งครอบครัวของเราจนตายกันไปข้าง”

“ตาของเธอก็กังวลมากเหมือนกัน เขาไปหาพ่อของเอ้อร์เลิ่งตั้งหลายครั้งเพื่อตักเตือนว่าอย่าทำอะไรวู่วาม แต่พ่อของเอ้อร์เลิ่งไม่ยอมรับฟังความเห็นของใครทั้งนั้น เพื่อที่จะเก็บลูกสะใภ้คนนี้ไว้ให้เอ้อร์เลิ่ง เขายอมแลกกับทุกสิ่งอย่างจริง ๆ ตอนนี้พวกเราเลยไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่าม ขืนใช้วิธีสุดโต่ง ไม่มีวิธีจัดการอย่างเหมาะสม ชีวิตของใครสักคนอาจจะสูญสิ้น”

น้ำเสียงของโจวเจี้ยนกั๋วเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง

ในฐานะเพื่อนบ้าน สิ่งเดียวที่พวกเขาทำได้คือทำงานด้านอุดมการณ์ให้กับครอบครัวของเอ้อร์เลิ่ง

แต่ในสถานการณ์ปัจจุบัน คำพูดดี ๆ และการโน้มน้าวใจกลับไม่มีประโยชน์เลย

ประตูบ้านของเอ้อร์เลิ่งถูกล็อกจากด้านในอย่างแน่นหนา ไม่อนุญาตให้บุคคลภายนอกเข้าไป

“น้าครับ แล้วผู้หญิงคนนั้นเป็นยังไงบ้าง?” เฉินเจียเหอถาม

โจวเจี้ยนกั๋วตอบว่า “ครอบครัวของเอ้อร์เลิ่งเป็นครอบครัวที่ซื่อสัตย์มาก พวกเขาคงไม่ล่วงละเมิดคนอื่นหรอก”

โจวเจี้ยนกั๋วได้แต่พูดด้วยความเชื่อว่าพวกเขาจะไม่ทำร้ายหล่อน แต่โดยธรรมชาติแล้ว เขาไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะทำพฤติกรรมแบบนั้นไหม

จากนั้นก็พูดกับเฉินเจียเหอต่อไปว่า

“เจียเหอ เรื่องนี้ซับซ้อนกว่าจะจัดการได้ง่าย ๆ พื้นที่ชนบทของเราให้สัญชาตญาณดิบอยู่เหนือกฎหมาย เราจะเอาข้อกฎหมายไปคุยกับพวกเขาไม่ได้ สำหรับพวกเขาแล้วเอ้อร์เลิ่งควรมีภรรยาไว้สืบทอดทายาทของตระกูล ถ้าเขามีทายาทสักคน เอ้อร์เลิ่งก็จะมีหลักประกันในชีวิต เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย ครอบครัวพวกเขาพร้อมจะต่อสู้กับใครก็ตามที่ทำลาย ‘ความสุข’ ของเอ้อร์เลิ่ง ผู้คนในหมู่บ้านก็คงปฏิเสธที่จะช่วยเราเหมือนกัน ถ้าเธออยากเข้าไปแทรกแซงเรื่องนี้จริง ๆ ก็ต้องคิดหาวิธีที่สมบูรณ์แบบสำหรับทั้งสองฝ่าย ช่วยผู้หญิงคนนั้นออกมาให้ได้ พร้อมกับทำให้ครอบครัวของเอ้อร์เลิ่งยอมรับความจริง อย่าผลีผลามทำอะไรรุนแรงเกินไป”

เฉินเจียเหอตอบกลับ

หลังจากวางสาย สองสามีภรรยาต่างก็กังวลมาก คนในชนบทไม่เข้าใจกฎหมาย การแต่งงานมีภรรยาสำคัญมากกว่าท้องฟ้าเสียอีก ถ้าใช้วิธีจัดการที่ไม่ถูกต้อง อาจนำไปสู่โศกนาฏกรรมได้

หลินเซี่ยนึกถึงข่าวในหนังสือพิมพ์เกี่ยวกับคนทั้งหมู่บ้านที่ช่วยกันขัดขวางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ไม่ให้พวกเขาพาตัวภรรยาที่เขาจ่ายเงินซื้อมาไปไหน

เฉินเจียเหอคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วพูดกับหลินเซี่ยว่า “เซี่ยเซี่ย คุณกับหู่จือกลับบ้านกันก่อนเถอะ ผมว่าจะแวะไปหาถังจวิ้นเฟิงหน่อย”

เมื่อหลินเซี่ยได้ยินดังนั้น เธอก็นึกขึ้นได้ทันทีถึงคำพูดของเซี่ยไห่ในช่วงบ่ายว่าถังจวิ้นเฟิงกำลังทำคดีคนหาย รีบพยักหน้า “ได้ค่ะ”

เมื่อเฉินเจียเหอมาถึงหน่วยประจำการของถังจวิ้นเฟิง ก็พบว่าถังจวิ้นเฟิงเพิ่งกลับมาจากการทำภารกิจ ลากร่างกายที่อ่อนล้าเดินเข้ามา

“นายมาที่นี่ทำไม?” เขาถามด้วยความประหลาดใจเมื่อเห็นเฉินเจียเหอนั่งรออยู่ในสำนักงาน

“ว่าแต่นายเถอะไปทำอะไรมา? ดูเหนื่อยมากเลย”

“ฉันไปทำภารกิจ” ขั้นตอนการทำงานถูกเก็บเป็นความลับ ถังจวิ้นเฟิงจึงไม่ได้อธิบายอะไรมาก เขารินน้ำใส่แก้วให้เฉินเจียเหอ แล้วรินให้ตัวเองดื่มอีกแก้ว จากนั้นสูดหายใจเข้าลึก ๆ แล้วทิ้งตัวนั่งบนเก้าอี้

เฉินเจียเหอให้ข้อมูลที่โจวเจี้ยนกั๋วบอกเล่าให้ฟังอีกทอดหนึ่งแก่ถังจวิ้นเฟิง

เมื่อถังจวิ้นเฟิงได้ยินแบบนั้น สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปจากเดิมมาก “นายหมายความว่ามีผู้หญิงกลุ่มหนึ่งถูกค้ามนุษย์ในพื้นที่บ้านเกิดของตานายงั้นเหรอ?”

เฉินเจียเหอพยักหน้า “ฉันได้ยินมาว่าอย่างนั้น”

“มีจำนวนเฉพาะเจาะจงไหม? รู้หรือเปล่าว่าพวกหล่อนมีกันประมาณกี่คน?”

ถังจวิ้นเฟิงถามอย่างกระตือรือร้น

“เรื่องนี้ฉันไม่รู้ แต่บ้านของเพื่อนบ้านตาฉันซื้อไว้แล้วหนึ่งคน ฉันเพิ่งขอให้น้าช่วยไปเจรจาเกลี้ยกล่อมครอบครัวนั้น แต่พวกเขาไม่รับฟัง ปิดประตูไม่ยอมรับแขกสถานเดียว”

ถังจวิ้นเฟิงกระแทกโต๊ะด้วยแรงอารมณ์ “โทรแจ้งตำรวจสิ มัวทำงานเชิงอุดมการณ์อะไรกันอยู่? คนพวกนี้ไม่มีมนุษยธรรมด้วยซ้ำถึงได้กล้าทำเรื่องใหญ่ขนาดนี้ ทำไมนายไม่ไปแจ้งความล่ะ? ให้ตำรวจท้องที่เข้ามาแทรกแซงเพื่อช่วยเหลือผู้หญิงก็ได้”

ถังจวิ้นเฟิงหน้าตาจริงจังมาก พูดกับเฉินเจียเหอด้วยน้ำเสียงเชิงออกคำสั่ง

“รีบโทรกลับไปที่บ้านเกิดของนาย แล้วบอกให้คุณตาโทรแจ้งตำรวจซะ”

“เราแจ้งตำรวจไม่ได้”

เฉินเจียเหออธิบายต่อ “ชาวบ้านต้องพากันลุกฮือแน่ และอาจจะทำอะไรที่มันรุนแรง อย่างเช่นทำร้ายตัวประกัน”

เหตุผลหลักก็เพราะเฉินเจียเหอมีความรู้สึกส่วนตัว เขาไม่อยากให้ครอบครัวของเอ้อร์เลิ่งต้องรับโทษกันทั้งบ้าน

เขารู้ดีกว่าใคร ๆ ว่านิสัยโดยแท้ของครอบครัวนั้นเป็นแบบไหน

พวกเขาทั้งหมดเป็นชาวนาที่ซื่อสัตย์ นิสัยและจิตใจดี ครั้งนี้พวกเขาพลั้งทำสิ่งที่โง่เขลาลงไปก็เพราะเห็นแก่ประโยชน์ของลูกชายตัวเอง

เขาต้องการทำงานตามอุดมการณ์อย่างจริงจัง ขอให้พวกเขายอมร่วมมืออย่างแข็งขัน ปล่อยตัวผู้หญิงไปโดยไม่ทำอันตรายใด ๆ กับหล่อน

เอ้อร์เลิ่งต้องยอมฟังในสิ่งที่เขาพูดแน่

“นายรอฉันตรงนี้สักพัก ฉันจะออกไปรายงานสถานการณ์นี้ให้หัวหน้าทราบ”

ถังจวิ้นเฟิงออกไปทำธุระประมาณสิบนาที จากนั้นก็พาเพื่อนร่วมงานอีกคนมาช่วยจดบันทึกการให้ปากคำ แล้วจัดแจงให้เฉินเจียเหอผู้แจ้งเบาะแส

หลังจากนั้นทีมสืบสวนก็จัดการประชุมฉุกเฉิน

หลังจากการประชุมสิ้นสุดลง ถังจวิ้นเฟิงก็เข้ามาและพูดกับเฉินเจียเหอว่า

“ผู้หญิงส่วนใหญ่ที่ถูกขายให้เพื่อนบ้านของตานายต่างมาจากไห่เฉิง”

“ล่าสุดเราได้รับรายงานมาว่ามีผู้หญิงถูกลักพาตัวสามราย หนึ่งในนั้นเพิ่งสำเร็จการศึกษา และกำลังจะได้รับการแต่งตั้งให้เป็นข้าราชการครูเร็ว ๆ นี้”

“สิ่งที่หัวหน้าของเราต้องการให้ทำ คือเร่งรุดไปที่เทศมณฑลจินซาน และร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจของที่นั่นเพื่อตรวจสอบสถานการณ์”

เฉินเจียเหอไม่คาดคิดว่าพวกเขาจะเคลื่อนไหวกันเร็วขนาดนี้ ขณะที่เขากำลังจะพูดอะไร ถังจวิ้นเฟิงก็มองหน้าเขาแล้วพูดว่า “ฉันอยากให้นายช่วยนำทางหน่อย”

เฉินเจียเหอมีความตั้งใจอย่างนั้นอยู่พอดี เขาถามว่า “เราจะออกเดินทางกันเมื่อไหร่?”

“เดี๋ยวนี้เลย”

ถังจวิ้นเฟิงบอกว่า “รถไฟออกนอกเมืองเที่ยวแรกรอบสองทุ่ม เราจะออกเดินทางกันตอนสองทุ่มเลย พรุ่งนี้เราน่าจะไปถึงจุดหมายตอนรุ่งสาง ระหว่างวันจะได้ทำงานกันโดยเร็วที่สุด”

“ยังเหลือเวลาอีกสี่สิบนาที ฉันจะรีบกลับบ้านไปบอกเซี่ยเซี่ย”

พรุ่งนี้เป็นวันหยุด ไม่จำเป็นต้องไปทำงาน ถ้าวันจันทร์ธุระติดพันจนไม่สามารถกลับมาได้ เขาค่อยขอลาเพิ่ม

เฉินเจียเหอรีบกลับบ้าน ครั้นหลินเซี่ยได้ยินว่าเฉินเจียเหอกำลังจะเดินทางไปที่บ้านเกิดพร้อมกับถังจวิ้นเฟิง เธอจึงอาสาว่า “อยากให้ฉันไปด้วยไหมคะ?”

หลินเซี่ยให้เหตุผล “เผื่อผู้หญิงคนนั้นอาจจะต้องการเพื่อนที่เป็นผู้หญิงด้วยกัน ฉันจะได้ช่วยดูแลหล่อนน่ะค่ะ”

เธอนึกภาพเด็กสาวคนหนึ่งที่กำลังอกสั่นขวัญแขวน หวาดระแวงผู้ชายทุกคนเมื่อตกอยู่ในสถานการณ์นั้น

เฉินเจียเหอลูบหัวเธอแล้วพูดเบา ๆ

“ไม่เป็นไร คุณรอฟังข่าวอยู่ที่บ้านอย่างสบายใจเถอะ ที่นี่ยังมีเรื่องรอให้คุณจัดการอีกมาก ตำรวจหญิงช่วยทำหน้าที่ในส่วนนั้นได้”

“ค่ะ เดินทางปลอดภัยนะคะ”

หลินเซี่ยหยิบเงินทอนออกมาแล้วใส่มันไว้ในกระเป๋าของเขา เฉินเจียเหอเก็บข้าวของนิดหน่อยแล้วรีบออกไป

หลินเซี่ยเดินออกไปส่งเขาถึงหน้าที่ประตูอาคาร เมื่อเขาเดินจากไป เธอยังคงยืนงงงันอยู่ที่นั่น

หวังว่าทุกอย่างจะเรียบร้อยดี

ทันใดนั้นเอง หวังซิ่วฟางและเจียงกั๋วเซิ่งก็เดินเข้ามา พูดคุยและหัวเราะเล่นกับเสี่ยวฮวาอย่างยิ้มแย้ม เสี่ยวฮวาเห็นหลินเซี่ยจากระยะไกล จึงตะโกนทักทายอย่างร่าเริง “น้าเซี่ยเซี่ย”

หลินเซี่ยหันกลับไป เมื่อเห็นว่า ‘สามพ่อแม่ลูก’ กำลังเดินมาที่ประตูอาคาร เธอก็ส่งยิ้มให้และถามว่า “พี่สาวหวัง รองผู้อำนวยการโรงงานเจียง พวกคุณออกไปเที่ยวกันมาเหรอคะ?”

เมื่อเจียงกั๋วเซิ่งเห็นหลินเซี่ย เขาก็แสดงท่าทางเขินอายเล็กน้อย อธิบายว่า “พวกเราไปกินข้าวกันมา ฉันก็เลยพาพวกเธอกลับมาส่งที่บ้าน”

“น้าเซี่ยเซี่ย ดูถังหูลู่ที่ลุงเจียงซื้อให้หนูสิคะ” เสี่ยวฮวายกไม้ถังหูลู่ขึ้นมาโบกอย่างตื่นเต้นพร้อมกับรอยยิ้มที่สดใสบนใบหน้า

“หวานไหมจ๊ะ?”

เสี่ยวฮวาเลียริมฝีปาก “หวานมากเลยค่ะ”

หวังซิ่วฟางถูกจับได้ว่ากำลังออกเดตกับเจียงกั๋วเซิ่ง หล่อนก็แสดงความเคอะเขินเล็กน้อยเหมือนกัน หันไปพูดกับเจียงกั๋วเซิ่งว่า “เหล่าเจียง คุณกลับเถอะค่ะ ฉันจะเดินเข้าไปกับเสี่ยวหลิน”

“ครับ คุณพาลูกสาวกลับบ้านดี ๆ นะ” ขณะที่เจียงกั๋วเซิ่งกำลังจะจากไป ก็เหมือนเขานึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ จึงหันกลับมาและเรียกหลินเซี่ย “จริงสิ เซี่ยเซี่ย ฉันมีเรื่องอยากจะบอกเธอด้วย ออกมาคุยกันสักเดี๋ยวสิ”

…………………………………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

ขอให้ช่วยผู้หญิงคนนั้นทันเวลานะคะ ทำงานกันเร็วมาก น่าชื่นชม

รองผอ.เจียงอยากคุยเรื่องอะไรหว่า เลิกลั่กแล้วนะถ้าเป็นเรื่องของอวี่เฟย

ไหหม่า(海馬)