ตอนที่ 214 เหล่าองค์ชายโกรธเคือง

อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว

ตอนที่ 214 เหล่าองค์ชายโกรธเคือง
ตอนที่ 214 เหล่าองค์ชายโกรธเคือง

“ขอรับ” ด้านนอกประตูโรงเตี๊ยมเกิดเสียงที่ดังกังวานหนักแน่น เสียงที่ตอบว่า ‘ขอรับ’ ฟังดูชัดเจน ทำเอาเวยเยวี่ยนโหวตกตะลึงจนหน้าถอดสีทันใด

เพียงไม่นานก็พบว่าในมือของเผิงอิงกำลังยกร่างของใครคนหนึ่ง บนตัวคนผู้นั้นเต็มไปด้วยคราบเลือด สภาพดูราวกับไปแช่อยู่ในแอ่งโลหิต นอกจากนี้แขนข้างหนึ่งยังขาดวิ่นด้วย

เผิงอิงลากอีกฝ่ายให้เดินเข้ามา กลิ่นคาวเลือดเหม็นคลุ้งลอยเข้ามาด้านใน ทำให้กลุ่มคนที่อยู่โดยรอบรีบกระจายตัวเพื่อแหวกทางให้พวกเขา

“ท่านโหว รู้จักคนผู้นี้หรือไม่?” เย่ซิวตู๋เอ่ยถามเคล้ารอยยิ้ม นิ้วมือชี้ไปยังบุรุษที่ถูกเผิงอิงโยนลงบนพื้น

เวยเยวี่ยนโหวนิ้วมือสั่นเบา ๆ ใบหน้าดูตึงเครียดอยู่ครู่หนึ่ง ภายหลังจึงปฏิเสธเสียงแข็ง “ข้าไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จัก? แต่เขาไม่ได้พูดเช่นนี้นะ” เย่ซิวตู๋ส่งสัญญาณผ่านสายตาไปยังเผิงอิง อีกฝ่ายจึงบีบไปที่ไหล่ของบุรุษผู้นั้น ไม่รู้ว่ากดโดนจุดใด บุรุษผู้นั้นถึงกับสูดหายใจเข้าด้วยความเจ็บปวดทันที เจ็บปวดจนถึงขั้นกลิ้งอยู่บนพื้น

ชาวบ้านไม่เคยเห็นการต่อสู้เช่นนี้มาก่อน ต่างพากันหันหน้าหนีไม่กล้ามอง

บุรุษผู้นั้นส่งเสียงร้องตะโกนดังลั่นด้วยความเจ็บปวด จับชายเสื้อของเวยเยวี่ยนโหวอย่างสุดชีวิต เรียกเสียงดังว่า “ท่านโหว…ท่านโหวช่วยข้าน้อยด้วยขอรับ…ท่านโหว”

เวยเยวี่ยนโหวอยากจะหลบก็หลบไม่ทันแล้ว เขาออกแรงกระชากชายเสื้อของตนเองกลับมา “ปล่อย เจ้าเป็นใคร ข้าไม่รู้จักเจ้า อย่ามาดึง และอย่าแม้แต่จะคิดมาปรักปรำข้า”

ระหว่างที่เขาพูดก็เงยหน้าขึ้นอีกหน ก่อนจะยิ้มเยาะใส่เย่ซิวตู๋ไม่หยุด “ท่านอ๋องซิว ท่านทำแบบนี้หมายความว่าอย่างไร? หาใครก็ได้มาที่นี่เพื่อจะบอกว่าเขาคือนักฆ่าที่ข้าส่งไปงั้นรึ? ท่านทำแบบนี้ดูถูกกันเกินไปแล้ว ข้าจะไปเข้าเฝ้าฝ่าบาท เพื่อให้ฝ่าบาทให้ความเป็นธรรม และอธิบายให้ชัดแจ้ง”

“ท่านโหว…ท่านโหว…ช่วยข้าน้อยด้วยขอรับ ข้าน้อยคืออาเซิ่งเอง พวกเราทราบดีว่าหากมิอาจทำภารกิจที่ท่านโหวมอบหมายให้ไม่สำเร็จถือเป็นความผิดสมควรตายหมื่นครั้ง ท่านโหวโปรดช่วยมอบมันให้ข้าน้อยสักครั้ง…อย่า…อย่าได้ปล่อยให้พวกเขาทรมานข้าน้อยเช่นนี้เลย…อ๊าก…เจ็บ” การแสดงออกทางสีหน้าของบุรุษแขนด้วนช่างดูน่ากลัว หลังจากกลิ้งอยู่บนพื้นไปสองตลบ เขาก็พยายามคว้าชายเสื้อของเวยเยวี่ยนโหวอีกครั้ง

เย่ซิวตู๋หัวเราะเสียงทุ้มต่ำ “ท่านโหวคิดจะไปเข้าเฝ้าเสด็จพ่อ เช่นนั้นก็ต้องอธิบายเกี่ยวกับเรื่องในวันนี้ด้วยถึงจะถูก”

“ข้าไม่มีอะไรต้องอธิบาย เรื่องในวันนี้เป็นเพราะพวกเขาใส่ร้าย ข้าเป็นถึงเวยเยวี่ยนโหว ไม่ว่าจะทำอะไรก็เป็นไปอย่างมั่นคง ไม่เกรงกลัวการโยนความผิดจากผู้อื่น” เวยเยวี่ยนโหวหัวเราะเยาะ ทุบตีให้ตายเขาก็ไม่ยอมรับ ถึงอย่างไรก็ไม่มีใครรู้ว่าอาเซิ่งและอีกสามคนที่เหลือเป็นคนของเขา ขอแค่เขาปิดปากให้สนิท ต่อให้เป็นฮ่องเต้ก็ทำอะไรเขาไม่ได้

เพียงแต่น่าเสียดาย ตอนนี้เวยเยวี่ยนโหวกลับลืมอีกคนหนึ่งไป

ตอนที่เขากำลังปฏิเสธไม่ยอมรับ คนผู้หนึ่งได้เดินมายืนอยู่ด้านหลังหมอเสิ่นเงียบ ๆ และชนเข้ากับเขา ฉวยโอกาสตอนที่ทหารที่จับตัวเขาไม่ทันได้สังเกต กระซิบบางอย่างกับเขาสองสามประโยค

หมอเสิ่นม่านตาขยายใหญ่ขึ้นทันใด ปากรีบตะโกนออกมาว่า “ท่านอ๋อง เรื่องนี้ข้าเป็นพยานได้ วันนี้ที่มีการไล่ฆ่าแม่นางชิงและใต้เท้าอวี๋ เป็นคำสั่งของท่านโหวจริง ๆ”

“บัดซบ เจ้ากำลังพูดจาเหลวไหลอะไร?” เวยเยวี่ยนโหวรีบหันหน้ามาตะคอกเสียงดัง ก่อนจะปรี่ตัวเข้าใส่เพื่อฉีกปากหมอเสิ่น

เหวินเทียนก้าวเท้ามาด้านหน้า ก่อนจะสะบัดร่างของเวยเยวี่ยนโหวจนกระแทกลงบนพื้น การกระทำของเหวินเทียนช่างหยาบคายนัก ทำให้เวยเยวี่ยนโหวล้มจนกระดูกมือแทบหักเป็นเสี่ยง ๆ

หมอเสิ่นจึงใช้โอกาสนี้รีบให้การโดยเร็ว “ท่านอ๋อง เวยเยวี่ยนโหวรู้มานานแล้วว่าข้าไม่ใช่หมอปีศาจตัวจริง เป็นเพราะเขาอยากได้รับความโปรดปรานจากฝ่าบาท เพื่อให้ฝ่าบาทมีรับสั่งให้ท่านและคุณหนูหลิ่วแต่งงานกันโดยเร็วที่สุด จึงให้ข้าแสร้งทำเป็นหมอปีศาจเข้าไปในวังเพื่อวินิจฉัยให้ท่านอ๋อง ข้าเป็นแค่สามัญชน ชีวิตทั้งหมดอยู่ในมือของท่านโหว จึงไม่กล้าที่จะต่อต้านเขา ท่านอ๋อง ที่ข้าพูดคือเรื่องจริง คนที่เป็นผู้กระทำความผิดโทษฐานหลอกลวงเบื้องสูงคือเวยเยวี่ยนโหว ข้าถูกบังคับจึงทำอะไรไม่ได้”

ทุกคนที่ยืนดูเหตุการณ์ต่างตระหนักขึ้นได้ทันใด สายตาที่เต็มไปด้วยความดูหมิ่นและโกรธเคืองจ้องมองไปที่เวยเยวี่ยนโหว

เวยเยวี่ยนโหวถึงกับชะงักงัน เขาคิดไม่ถึงเลยว่าหมอเสิ่นจะแว้งกัดเขาในตอนนี้

เขาอยากจะพุ่งตัวเข้าไปแล้วฆ่าหมอเสิ่นให้ตาย ทว่าข้างกายของเขามีเหวินเทียนคอยดักอยู่ เขาลองอยู่หลายหนแต่ก็มิอาจเข้าใกล้หมอเสิ่นได้ จึงทำได้เพียงแค่ตะคอกเสียงดัง “เจ้าคนแซ่เสิ่น เจ้ากำลังพูดจาเหลวไหลอะไร? หากเจ้ายังกล้าพูดจาส่งเดชอีก ระวังข้าจะฆ่าเจ้า”

“ท่านอ๋อง” หมอเสิ่นกลัวจนถอยหลังออกไปหลายก้าว พูดต่อไปว่า “ข้าไม่ได้พูดโกหก เดิมทีการประลองในวันนี้ ข้าก็ไม่ได้มีความมั่นใจ ถึงอย่างไรข้าก็ไม่ใช่หมอปีศาจตัวจริง แต่ท่านโหวบอกว่า การประลองในครั้งนี้ต่อให้ไม่อยากประลองก็ต้องประลอง หากแพ้ข้าก็คงต้องตาย ส่วนเรื่องอื่น ท่านโหวจะจัดการเอง เขาจะไม่ปล่อยให้แม่นางชิงปรากฏตัวที่นี่ ขอแค่ส่งคนไม่กี่คนออกไปจัดการแม่นางชิงระหว่างทาง การประลองในครั้งนี้ข้าก็ชนะแล้ว หลังจากนี้หมอปีศาจก็คือข้า เมื่อข้าได้อยู่ต่อหน้าพระพักตร์ฝ่าบาทก็จะกลายเป็นวีรบุรุษ ท่านโหว ท่านโหวยังพูดอีกว่า ขอแค่คุณหนูหลิ่วและท่านอ๋องซิวแต่งงานกันเมื่อใด หลังจากฝ่าบาทสวรรคต ท่านอ๋องซิวจะได้กลายเป็นฮ่องเต้องค์ต่อไป เช่นนั้นคุณหนูหลิ่วก็จะกลายเป็นฮองเฮา ตระกูลหลิ่วของพวกเขา ย่อมต้องกลายเป็นตระกูลที่โดดเด่นที่สุดภายในเมืองหลวง ตำแหน่งภายในอาณาจักรเฟิงชาง ย่อมต้องมีเกียรติสูงส่งยิ่งกว่าตระกูลราชวงศ์…”

“สามหาว!!!” เสียงตวาดดังลงมาจากชั้นสองในทันที สีหน้าของรัชทายาทแข็งทื่อขณะพุ่งตัวลงมาด้านล่าง ท่ามกลางสายตาตกตะลึงของทุกคน รัชทายาทได้เดินมาหยุดลงตรงหน้าหมอเสิ่น ก่อนจะใช้ฝ่ามือตบฉาดเข้าที่หน้าของหมอเสิ่นจนเกิดเสียงเพียะ “เจ้าช่างกล้าเสียเหลือเกิน ถึงได้กล้าพูดจาอุกอาจเช่นนี้ ตอนนี้เสด็จพ่อยังมีพลานามัยแข็งแรง เจ้ากลับกล้าสาปแช่งเสด็จพ่อของข้า นี่คงอยากตายมากกระมัง?”

รัชทายาทพิโรธถึงขีดสุด ครั้นได้ยินว่าหลังจากนี้ฮ่องเต้องค์ต่อไปคือเย่ซิวตู๋ ก็บังเกิดไฟชั่วร้ายที่ไม่ว่าจะทำอย่างไรก็มิอาจควบคุมได้อยู่ในใจ เยี่ยมมาก แต่ละคนไม่มีใครเห็นรัชทายาทอย่างเขาอยู่ในสายตาสักคน เห็นเขาเป็นคนตายหรืออย่างไรกัน? สมควรถูกประหารทั้งชั่วโคตร

ไม่เพียงแค่รัชทายาท องค์ชายคนอื่น ๆ ที่อยู่ชั้นสองก็เกิดความขุ่นเคืองเช่นเดียวกัน จิตใจที่จากเดิมแค่มาดูเรื่องสนุก แต่กลับถูกคำพูดไม่กี่ประโยคของหมอเสิ่นกระตุ้นจนสีหน้าแข็งทื่อ เวยเยวี่ยนโหวกล้าริอ่านคิดจะเป็นพระสัสสุระของฮ่องเต้ ทั้งยังอยากให้บุตรีของตนเองแต่งงานเข้ามาอยู่ในตระกูลราชวงศ์อีก ฝันไปเถอะ

วันนี้ไม่ว่าอย่างไร พวกเขาก็ไม่มีทางปล่อยเวยเยวี่ยนโหวไว้ มิเช่นนั้นหลังจากนี้ท่านโหวตระกูลใหญ่เหล่านั้นภายในอาณาจักรเฟิงชาง ก็คงกำเริบเสิบสานไม่เห็นองค์ชายอย่างพวกเขาอยู่ในสายตาเช่นกัน

ด้วยเหตุนี้ องค์ชายสาม องค์ชายสี่ องค์ชายหกรวมถึงอ๋องแปดที่อยู่ชั้นบนจึงลุกขึ้นและเดินลงมาด้านล่าง กล่าวกับหมอเสิ่นด้วยความโกรธว่า “คำพูดอุกอาจเช่นนี้ยังกล้าพูดออกมาได้ ใต้เท้าเย่ ยังไม่ลากคนคนนี้ไปตัดหัวอีก?”

“ท่านอ๋องทุกท่านปรักปรำข้าแล้ว คำพูดนี้ข้าไม่ได้เป็นคนพูด แต่เป็นท่านโหวต่างหาก ข้าเองก็รู้สึกได้ว่าคำพูดนี้ไร้สาระเกินไปจริง ๆ ข้าโน้มน้าวท่านโหวแล้ว แต่ท่านโหวดึงดันทำตามอำเภอใจตนเอง บอกว่างานแต่งของคุณหนูหลิ่วและท่านอ๋องซิวเป็นเพราะฝ่าบาทพระราชทานให้ ใครก็เปลี่ยนแปลงไม่ได้ ดังนั้น…ดังนั้นเขาก็เลยมีความอาจหาญเช่นนี้” หมอเสิ่นรีบตะโกน รอยบวมแดงที่อยู่บนใบหน้าก็ไม่กล้าแม้แต่จะลูบ

รัชทายาทจึงเปลี่ยนทิศทางของปลายหอกทันที หันกลับมายิ้มเยาะเวยเยวี่ยนโหวว่า “เวยเยวี่ยนโหว กล้าไม่เบาเลยนะ ใต้เท้าเย่…ความผิดหลอกลวงเบื้องสูง ทำร้ายเจ้าหน้าที่ของราชสำนัก ฆ่าชีวิตคนราวกับผักปลา ทั้งยังกล้าพูดจาอุกอาจเช่นนี้ ควรตัดสินความผิดเช่นไร?”

…………………………

สารจากผู้แปล

ไปๆ มาๆ กลายเป็นล้อมจับปลาใหญ่ได้เสียอย่างนั้น เวยเยวี่ยนโหวจะมีชะตาชีวิตเป็นอย่างไรต่อไปน้า มีแต่โทษสถานหนักทั้งนั้น

ไหหม่า(海馬)