ตอนที่ 293 ความคิดกษัตริย์ยากจะหยั่งได้

ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า

ตอนที่ 293 ความคิดกษัตริย์ยากจะหยั่งได้

ถึงแม้วาจาของอีกฝ่ายจะระคายหู แต่หนิวโหย่วเต้ารู้ดี เรื่องที่อีกฝ่ายพูดมาเป็นความจริง อยู่เมืองหลวงแคว้นฉีแห่งนี้ หากฮ่องเต้ไม่อยากให้เขาได้เห็นแสงอาทิตย์ในวันพรุ่ง อีกฝ่ายก็สามารถจัดการได้ในประโยคเดียว

หนิวโหย่วเต้าพลิกของในมือดูเล็กน้อย “หมู่ตาน ไปเชิญลิ่งหูชิวกับเฟิงเอินไท่มาหน่อย”

“เจ้าค่ะ!” เฮยหมู่ตานรับคำสั่ง

เผยเหนียงจื่อกล่าวว่า “เรื่องนี้จำเป็นต้องให้คนอื่นมีส่วนร่วมด้วยหรือ?”

เฮยหมู่ตานได้ยินพลันชะงักเท้า มองไปที่หนิวโหย่วเต้า

หนิวโหย่วเต้าโบกสิ่งที่อยู่ในมือ “ข้าเพิ่งเคยเห็นสิ่งนี้เป็นครั้งแรก จะรู้ได้อย่างไรว่าจริงหรือปลอม?”

เผยเหนียงจื่อหัวเราะเบาๆ “ข้าจะเอาของปลอมมาให้เจ้าได้หรือ? หากฝ่าบาททรงประสงค์จะจัดการเจ้าจริงๆ จำเป็นต้องอ้อมค้อมเช่นนี้ด้วยหรือ?”

นี่ก็คือจุดที่ทำให้หนิวโหย่วเต้ากังขา ผลประโยชน์ที่มาอย่างกะทันหันทำให้เขายากจะเชื่อได้ เขาอยากจะทิ้งผลประโยชน์นี้ไป แต่ก็คิดว่าหากองค์ฮ่องเต้อยากจัดการเขาจริงก็ไม่มีความจำเป็นต้องอ้อมค้อมเลย ตัวเขาก็อยู่ในถิ่นของอีกฝ่ายแล้ว หากอยากจัดการเขาก็ง่ายดายเป็นอย่างมาก

หากว่าตนคิดมากไป แล้วทิ้งของที่มีราคาสูงลิ่วเช่นนี้ไป เช่นนั้นคงน่าเสียดาย

หนิวโหย่วเต้ายังคงโบกมือให้เฮยหมู่ตาน ให้นางไปเชิญสองคนนั้นมา

ไม่นานนัก ลิ่งหูชิวและเฟิงเอินไท่มาถึง เมื่อทั้งสองเห็นเผยเหนียงจื่อ ล้วนส่งสายตาซักถามไปทางหนิวโหย่วเต้า

หนิวโหย่วเต้ายื่นของส่งให้พวกเขา “องค์ฮ่องเต้แคว้นฉีต้องการรักษาคำพูดแทนองค์หญิง ข้าไม่เคยเห็นสิ่งนี้มาก่อน พวกท่านดูหน่อยสิว่าเป็นของจริงหรือไม่”

หลังจากได้เห็นสิ่งที่อยู่ในมือชัดๆ ทั้งสองต่างตกใจเป็นอย่างยิ่ง ตอนกลางวันองค์หญิงบอกว่าจะให้ม้าแสนตัว ก็ให้มาจริงๆ!

เฟิงเอินไท่มองสิ่งที่อยู่ในมือแล้วตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่ง ดวงตาเปล่งประกาย

แต่ว่าทั้งสองก็ไม่เคยเห็นสิ่งนี้มาก่อนเช่นกัน โดยทั่วไปแล้วใบอนุญาตส่งออกม้าศึกที่ออกโดยราชสำนักแคว้นฉีจะใช้แลกเปลี่ยนกันระหว่างแคว้น ผู้บำเพ็ญเพียรส่วนใหญ่ล้วนไม่เคยเห็นสิ่งนี้

เผยเหนียงจื่อมองเห็นท่าทางแตกตื่นระคนสับสนของพวกเขาก็ส่ายหน้าพลางเอ่ยว่า “เป็นของแท้แน่นอน ไม่จำเป็นต้องเอาของปลอมมาหลอกลวงพวกเจ้าเลย!”

ลิ่งหูชิวเอ่ยถามหนิวโหย่วเต้า “น้องหนิว นี่มันเรื่องอะไรกัน?”

“หนี้ที่องค์หญิงติดข้าไว้และเรื่องที่รับปากไว้ องค์ฮ่องเต้ต้องการขอลดหย่อนสักหน่อย…” หนิวโหย่วเต้าเล่าเรื่องราวออกมาคร่าวๆ

หลังฟังจบ เฟิงเอินไท่เอ่ยว่า “จะให้องค์หญิงจ่ายเงินสองล้านเหรียญทองกับม้าหนึ่งแสนตัวออกจะเกินไปหน่อยจริงๆ ข้าว่าลดหย่อนด้วยวิธีนี้ก็ไม่เลวเลย”

หนิวโหย่วเต้ากำลังกลืนไม่เข้าคายไม่ออก พอได้ยินก็ถามไปว่า “พี่เฟิงคิดว่าใช้ได้?”

เฟิงเอินไท่เอ่ยว่า “ไม่ว่าจะจริงหรือปลอม ประเดี๋ยวหาคนที่สามารถแยกแยะได้มาตรวจสอบดูก็รู้แล้ว ตอนนี้เจ้ารับปากไปก่อนก็ไม่เสียหายอะไร”

หนิวโหย่วเต้าก็คิดแบบนี้เช่นกัน แต่ผลประโยชน์ที่มาอย่างกะทันหันเช่นนี้ทำให้เขาหวาดระแวง จึงหันไปถามลิ่งหูชิวต่อ “พี่ลิ่งหูคิดเห็นประการใด?”

ลิ่งหูชิวเอ่ยด้วยความลังเล “เรื่องนี้น้องหนิวจำเป็นต้องใคร่ครวญให้ถ้วนถี่”

เรื่องใหญ่ขนาดนี้ เขาก็คลางแคลงเช่นกัน ไม่กล้าออกความเห็นส่งเดช

ไม่มีใครรู้ว่าที่แท้องค์ฮ่องเต้มีเจตนาใดกันแน่ พวกเขาต่างไม่เคยติดต่อพบปะกับคนระดับฮ่องเต้มาก่อน ภายในเรือนตกอยู่ท่ามกลางความเงียบวังเวง

สุดท้ายยังคงเป็นเผยเหนียงจื่อที่เอ่ยทำลายความเงียบ “น้องหนิว ทางวังหลวงไม่มีความอดทนมากขนาดนั้น ทางนั้นยังคงรอฟังข่าวจากข้าอยู่”

หนิวโหย่วเต้าลังเลยากจะตัดสินใจได้

เฟิงเอินไท่กล่าวว่า “น้องชาย ตอบตกลงเถอะ ขอเพียงเจ้าจัดการเรื่องนี้ ภาระหน้าที่ทางแคว้นฉีของเจ้าก็เสร็จสิ้นแล้ว เรื่องขนส่งออกนอกแคว้นฉี สำนักหยกสวรรค์ของเราจะรับผิดชอบเอง”

เขาทราบว่าหนิวโหย่วเกรงกลัวอันตรายจึงไม่กล้ารับปากง่ายๆ

หนิวโหย่วเต้าผงะไป ไม่คิดเลยว่าเขาจะเอ่ยเช่นนี้ออกมา พลันหันไป เอ่ยถามว่า “ความเห็นของท่านสามารถเป็นตัวแทนสำนักหยกสวรรค์ได้หรือ?”

เรื่องนี้เขาจะต้องถามให้ชัดเจน เขาต้องอาศัยกำไรจากส่วนแบ่งในการขายสุรามาแบ่งปันให้สามสำนักพอใจ อีกทั้งต้องอาศัยกำไรส่วนนี้มาหล่อเลี้ยงเครือข่ายข่าวสารของสำนักเบญจคีรีด้วย

“ทางสำนักส่งข้ามารับผิดชอบเรื่องนี้ ข้ามีอำนาจดำเนินการแทนสำนัก ข้อนี้เจ้าน่าจะทราบดี ไม่จำเป็นต้องกังขาเลย!” เฟิงเอินไท่โบกใบส่งออกม้าศึกในมือ “แต่มีเงื่อนไขอยู่สองข้อ ข้อแรกคือสิ่งนี้ต้องเป็นของจริง อีกข้อคือต้องมอบใบส่งออกม้าศึกทั้งหมดนี้ให้สำนักหยกสวรรค์เราจัดการ!”

ขอเพียงใบอนุญาตส่งออกเหล่านี้เป็นของจริง เขาก็ต้องการทั้งหมด!

สำนักหยกสวรรค์ส่งเขามารับผิดชอบเรื่องนี้ เสียเวลาไปนานขนาดนี้ สูญเสียเงินทองไปมากมาย ซ้ำยังเสียกำลังคนไปไม่น้อยด้วย กลับไปคงไม่มีหน้าไปพบทางสำนักแล้ว หากว่าได้ใบส่งออกม้าศึกทั้งหมดนี้มา เรื่องราวหลังจากนี้ก็จะจัดการได้ง่ายขึ้นแล้ว

เหตุใดถึงจัดการได้ง่ายน่ะหรือ? เหตุผลเข้าใจได้ไม่ยาก! ใบอนุญาตส่งออกม้าศึกแสนตัวก็คือที่พึ่งอย่างไรเล่า ใช้สิ่งนี้เป็นเงื่อนไขผ่านด่านไปตลาดทางได้

ดินแดนที่อยู่ทางด้านตะวันออกหลังออกจากแคว้นฉีก็คือแคว้นจ้าว ขอเพียงจัดการกับกลุ่มอิทธิพลตามพื้นที่ที่ต้องผ่านทางให้ดีก็เป็นอันใช้ได้ ใบอนุญาตส่งออกม้าศึกหนึ่งแสนตัวแบ่งออกมาห้าหมื่นตัวจัดส่งผ่านด่านไปก็น่าจะพอแล้วหรือเปล่า? หากไม่ได้จริงๆ ส่งกลับไปเพียงสองหมื่นตัวก็ได้ ส่วนอีกแปดหมื่นตัวที่เหลือก็นำไปมอบให้คนอื่นเพื่อใช้เปิดทางก็ได้มิใช่หรือ?

ทุกคนต่างทราบกันดี อันที่จริงราคาม้าศึกในแคว้นฉีนั้นไม่แพงเลย ปัญหาสำคัญคือความยุ่งยากในการส่งออกนอกแคว้นฉี แคว้นฉีทุ่มกำลังทั้งแคว้นเพื่อตั้งด่านสกัดอย่างเข้มงวด ดังนั้นสาเหตุที่ทำค่าใช้จ่ายในการจัดซื้อม้าศึกแพงจึงมาจากจุดนี้ อันที่จริงคนเลี้ยงสัตว์ที่เลี้ยงม้าขายจริงๆ ได้กำไรเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ส่วนใหญ่ล้วนถูกผู้มีอำนาจบารมีเหล่านั้นฮุบไปจนหมด

ดังนั้นใบอนุญาตส่งออกม้าศึกจำนวนหนึ่งแสนตัวที่อยู่ในมือนี้จึงเป็นไพ่ตายที่ดีที่สุด สามารถให้สำนักหยกสวรรค์ออกหน้าไปเจรจาต่อรองกับกลุ่มอิทธิพลตามเส้นทางที่ต้องผ่านได้ ผลประโยชน์ที่ได้มาเปล่าๆ เช่นนี้ กลุ่มอิทธิพลที่อยู่ตามรายทางไม่มีเหตุผลที่จะไม่ตอบรับเลย

ขอเพียงจัดสรรปริมาณม้าศึกที่จะขนส่งในรอบนี้ให้ดี ทำให้กลุ่มอิทธิพลที่ต้องพบเจอระหว่างทางรู้ว่าต่อให้เปลี่ยนใจยึดเอาม้าศึกตรงหน้าไว้ก็ไม่ได้ประโยชน์มากเท่าที่สำนักหยกสวรรค์จะมอบให้ จากนั้นก็รอจนม้าศึกข้ามแดนไปแล้วค่อยมอบผลประโยชน์ให้ แบบนี้ย่อมผ่านไปได้ตลอดทางแน่

เมื่อทำแบบนี้ก็จะมีกลุ่มอิทธิพลต่างๆ ตามรายทางคอยช่วยคุ้มครอง อันที่จริงเมื่อเทียบกับการขนส่งทางทะเลแล้ว แบบนี้ดูจะปลอดภัยกว่าด้วยซ้ำ ถึงแม้จะต้องเสียค่าตอบแทนมากมาย แต่เดิมทีต้นทุนส่วนนี้มันก็ได้มาเปล่าๆ อยู่แล้ว

แม้ว่าเขาจะได้ม้าศึกกลับไปเพียงสองหมื่นตัว แต่จำนวนม้าศึกที่ซางเฉาจงต้องการคือหนึ่งหมื่นตัว เมื่อเปรียบเทียบกันดูแล้ว นี่เท่ากับช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายที่สำนักหยกสวรรค์ต้องเสียในแคว้นฉีและระหว่างทางไปได้มากโข เช่นนี้แล้วเขาไม่เพียงแต่จะไร้ความผิดเท่านั้น แต่กลับจะมีความดีความชอบด้วย

แล้วแบบนี้จะไม่ให้เขาหวั่นไหวกับใบอนุญาตส่งออกม้าศึกหนึ่งแสนตัวนี้ได้อย่างไร?

หนิวโหย่วเต้าใคร่ครวญเล็กน้อย เอ่ยเบาๆ ว่า “ในเมื่อพี่เฟิงเอ่ยมาเช่นนี้แล้ว ข้าก็ไม่มีอะไรจะพูดอีก แต่ว่านะพี่เฟิง ขอท่านอย่าได้ขุ่นเคืองหากข้าพูดจาไม่น่าฟัง เพราะท่านมิใช่เจ้าสำนักเผิง คำพูดปากเปล่าของท่านไม่มีน้ำหนักมากพอ เกรงว่าคงต้องเขียนลงกระดาษเป็นลายลักษณ์อักษรถึงจะใช้ได้ อีกทั้งท่านกับข้าต้องส่งข่าวกลับไปพร้อมกันทันทีด้วย ให้ทางนั้นรับรู้ถึงการตัดสินใจของท่าน ข้าไม่อยากให้เกิดข้อโต้แย้งอันใดขึ้นในภายหลังอีก!”

เฟิงเอินไท่พยักหน้ารับช้าๆ เอ่ยด้วยสีหน้าตึงเครียด “เรื่องนี้ย่อมแน่นอนอยู่แล้ว ในเมื่อข้าตัดสินใจเช่นนี้แล้ว ข้าย่อมต้องแบกรับภาระนี้!”

ในเมื่อเขายินดีจะแบกรับความเสี่ยงนี้ไว้เอง หนิวโหย่วเต้ากลับรู้สึกเบาใจ หันไปพยักหน้าให้เผยเหนียงจื่อ “ได้! ตกลงกันตามนี้ ไปหยิบอุปกรณ์เครื่องเขียนมา”

“เจ้าค่ะ!” เฮยหมู่ตานตอบรับแล้วเดินออกไป

เครื่องเขียนถูกหยิบมาอย่างรวดเร็ว หนิวโหย่วเต้าหยิบพู่กันขึ้นมาเขียน เขียนเนื้อหาตามที่เจรจากันไว้ลงไปบนกระดาษ หนี้ของเฮ่าชิงชิงหักล้างกันไป วันหน้าหากเฮ่าชิงชิงตกปากรับคำอันใดล้วนจะไม่มีผลทั้งสิ้น

เฟิงเอินไท่ที่อยู่ด้านข้างเอ่ยสอดว่า “ควรเขียนเพิ่มเข้าไปอีกประโยคด้วย ต้องรอให้พิสูจน์ว่าใบอนุญาตส่งออกนี้เป็นของจริงก่อนถึงจะมีผล!”

หนิวโหย่วเต้าถือพู่กันไว้พลางมองไปที่เผยเหนียงจื่อ เผยเหนียงจื่อพยักหน้า “ตกลง!”

ด้วยเหตุนี้หนิวโหย่วเต้าจึงจรดพู่กันเขียนเนื้อหาตามที่เฟิงเอินไท่ว่ามา

หลังจากเขียนเสร็จก็ลงนามกำกับไว้ จากนั้นก็ประทับลายนิ้วมือและฝ่ามือตามความต้องการของเผยเหนียงจื่อ

เผยเหนียงจื่อตรวจสอบหนังสือสัญญา หลังจากยืนยันความถูกต้องแล้วก็เก็บไป จากนั้นกล่าวอำลา “ทุกท่าน รบกวนทุกท่านแล้ว ข้ายังต้องกลับไปรายงานผลอีก ขอตัวก่อน!”

พอส่งแขกจากไป หนิวโหย่วเต้าและเฟิงเอินไท่ก็เขียนหนังสือสัญญากันอีกครั้ง ในที่สุดใบอนุญาตส่งออกม้าศึกทั้งสิบแผ่นก็ถูกส่งมอบให้เฟิงเอินไท่ทั้งหมด

ว่ากันตามจริงแล้ว ถึงแม้ใบอนุญาตส่งออกม้าศึกหนึ่งแสนตัวจะไม่ใช่ม้าศึกตัวหนึ่งแสนตัวจริงๆ แต่มันก็มีมูลค่าสูงลิบลิ่วแน่นอน สำหรับผู้ที่ต้องการม้าศึกอย่างเร่งด่วนแล้ว เผลอๆ อาจจะไม่เกี่ยงเรื่องเงินด้วยซ้ำ การที่ส่งมอบให้สำนักหยกสวรรค์ไปเปล่าๆ เช่นนี้ หนิวโหย่วเต้ารู้สึกเสียดายอยู่พอสมควร

แต่เขาก็คิดตกเช่นกัน ไม่ได้ทำอะไรก็ได้รับเงินปันส่วนจากการสุรา ซ้ำยังเลี่ยงปัญหาวุ่นวายที่จะตามมาได้อีก ไม่มีอะไรเสียหาย โลภมากเกินไปก็ใช่ว่าจะเป็นเรื่องดี

……

นอกคฤหาสน์ เผยเหนียงจื่อและไฉเฟยผ่านประตูออกไป เหินทะยานขึ้นไปเหนือตัวเมืองในยามราตรีไป

เมื่อร่อนลงนอกวังหลวง ขณะที่กำลังจะผ่านประตูวังเข้าไป ไฉเฟยอดเอ่ยถามไม่ได้ว่า “ศิษย์พี่ ใบอนุญาตส่งออกม้าศึกหนึ่งแสนตัวมิใช่เรื่องเล็กๆ เลย ฝ่าบาททำเช่นนี้ทรงมีเจตนาอย่างไรกันแน่?”

เผยเหนียงจื่อถอนใจ “ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน ความคิดของฝ่าบาทยากจะคาดเดาได้ พวกเราจัดการไปตามหน้าที่ก็พอ”

ทั้งสองเดินไปถึงหน้าประตูวัง แสดงป้ายอนุญาตเข้าออกเดินเข้าสู่ด้านใน

……

อีกด้านหนึ่งภายในคฤหาสน์ เฟิงเอินไท่และหนิวโหย่วเต้าจัดการเรื่องราวเรียบร้อยดีแล้ว หลังจากที่ทั้งสองฝ่ายต่างปล่อยปีกทองกลับไปส่งข่าวแล้ว เฟิงเอินไท่ก็ถือใบอนุญาตส่งออกม้าศึกสิบแผ่นนั้นไว้แล้วขอตัวลาไปก่อน ไม่มีกะจิตกะใจจะอยู่พูดคุยอะไรกับทางนี้แล้ว

ลิ่งหูชิวมองตามเฟิงเอินไท่ที่เดินจากไป ปากเอ่ยพึมพำว่า “คาดว่าเขาคงจะกลับไปส่งข่าวให้สำนักหยกสวรรค์อีกรอบกระมัง ชี้แจงแผนการที่เขาคิดไว้อย่างละเอียดเพื่อให้ทางสำนักหยกสวรรค์ดำเนินการประสานงาน”

เขาเหลือบมองหนิวโหย่วเต้าที่อยู่ขมวดคิ้วอยู่ข้างๆ “เจ้าเองก็ไม่ต้องกังวลอะไรอีกแล้ว ขอเพียงใบอนุญาตส่งออกม้าศึกแสนตัวนี้เป็นของจริง อาศัยสิ่งนี้เป็นค่าผ่านด่านก็จะสามารถส่งม้าศึกหนึ่งหมื่นตัวกลับไปให้ทางจังหวัดชิงซานได้ง่ายดายยิ่ง ขอเพียงพ้นเขตแคว้นฉีไปแล้ว ตามหลักแล้วก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรแล้ว แน่นอนว่าเฟิงเอินไท่ก็มองออกถึงจุดนี้เช่นกัน คงวางแผนไว้เช่นนี้”

“ก็ได้แต่หวังว่าจะเป็นเช่นนั้น!” หนิวโหย่วเต้าถอนใจ เรื่องนี้ไม่ว่าจะมองอย่างไรก็ล้วนผิดปกติจริงๆ แต่คิดไปคิดมาก็ยังคิดไม่ออกว่าฮ่องเต้แคว้นฉีมีความจำเป็นอะไรต้องมาจัดการเขาด้วยวิธีที่อ้อมค้อมวกวนเช่นนี้ เขาไม่เข้าใจความคิดอันลึกล้ำของฮ่องเต้แคว้นฉีเลย จับต้นชนปลายไม่ถูกแม้แต่นิดเดียว ไม่มีข้อมูลใดๆ ให้เขาได้พิจารณาประกอบเลย ทำให้เขาไม่อาจวิเคราะห์ตัดสินอันใดออกมาได้

สุดท้ายคิดไปคิดมาก็ยังไม่วางใจอยู่ดี จึงถามขึ้นมาอีกครั้ง “พี่ลิ่งหู ฮ่องเต้แคว้นฉีเป็นคนอย่างไรหรือ?”

ลิ่งหูชิวเข้าใจความคิดของเขา จึงหัวเราะฮ่าๆ แล้วกล่าวไปว่า “ข้าไหนเลยจะมีปัญญาติดต่อกับฮ่องเต้ของแคว้นต่างๆ ได้ กระทั่งหน้าตาของเฮ่าอวิ๋นถูข้าก็ยังไม่เคยเห็นเลยด้วยซ้ำ อย่างมากก็แค่ได้ยินข่าวลือมาบ้าง ไหนเลยจะรู้ได้ว่าเขาเป็นคนอย่างไร เพียงแต่เขาจะต้องมิใช่กษัตริย์เขลาที่จะกระทำเรื่องเลอะเลือนอย่างที่เจ้าสงสัยแน่ ไม่มีทางพูดจาเหลวไหลเหมือนองค์หญิงใหญ่คนนั้น อีกทั้งแข็งแกร่งกว่าฮ่องเต้แคว้นเยี่ยนแน่นอน เจ้าลองดูสิว่าแคว้นเยี่ยนของเจ้ามีศึกรุมเร้าทั้งนอกใน แล้วลองดูสถานการณ์อันสงบสุขของแคว้นฉีดูสิ กษัตริย์เขลาไหนเลยจะปกครองบ้านเมืองให้เป็นเช่นนี้ได้”

หนิวโหย่วเต้าส่ายหน้าเอ่ยไปว่า “ท่านว่ามาเช่นนี้ ยิ่งทำให้ข้ากังวลเข้าไปใหญ่”

“ความคิดกษัตริย์ยากหยั่งถึง พวกเราไม่รู้อะไรเลยสักนิด ยิ่งไปกว่านั้นคือเรื่องราวเป็นเช่นนี้ไปแล้ว คิดมากไปก็ไม่มีประโยชน์ พักผ่อนก่อนเถอะ ข้ากลับก่อนล่ะ” ลิ่งหูชิวตบไหล่เขา สะบัดแขนเสื้อเดินออกไป

……………………………………………………………………….