ตอนที่ 290 การช่วยชีวิตจากมหาสงคราม 5

สตรีมเมอร์สาว กินพิชิตอวกาศ

การช่วยชีวิตจากมหาสงคราม 5

“ไอ้คนทรยศ! ตู้เต๋อ…แกมันสารเลว! กล้าดียังไงถึงมายิงผู้บัญชาการ! แกทำแบบนี้มันเท่ากับละเมิดกฎของทหาร ฉันจะฟ้องร้องให้ศาลทหารลงโทษแก”

เฮ้าส์เดลสาปแช่งตู้เต๋ออย่างเอาเป็นเอาตาย

ตู้เต๋อเป็นทหารที่แข็งแกร่ง และดูเหมือนว่าทหารที่อยู่ด้านหลังจะคิดว่าคำพูดของตู้เต๋อดูสมเหตุสมผล พวกเขาจึงยกปืนในมือขึ้นมาและยิงไปที่เฮ้าส์เดล

หลังจากพบว่าการยิงไร้ประโยชน์ พวกเขาจึงเขวี้ยงปืนทิ้งและหยิบดาบพลังดวงดาวออกมาประจันหน้ากับเกราะป้องกันของสวี่หลิงอวิ๋น!

เฮ้าส์เดลมองดูเหล่าทหารจากกองทัพของเขาที่ยืนอยู่ด้านหน้า คนพวกนี้เป็นทหารของเขาและเป็นคนที่เขาเลือกเองกับมือ!

แต่ตอนนี้พวกเขากลับหันมาต่อสู้กับเขา!

หลังจากที่ตู้เต๋อเดินเข้ามาฟัน อีกสองสามคนที่อยู่ด้านหลังก็เข้ามาฟันเกาะป้องกันพลังงานอีกสองสามครั้งเช่นกัน!

เฮ้าส์เดลเห็นว่ามันเป็นเพราะเกราะป้องกัน ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่สามารถกอบกู้ชีวิตของตนเองได้ จิตใจของเขารู้สึกสั่นสะท้านและโชคดีในเวลาเดียวกัน

ไม่รู้ว่าเขาควรจะขอบคุณดีหรือไม่ที่ตนเองยังมีประโยชน์อยู่ และอย่างน้อยผู้หญิงที่อยู่ด้านหลังเขาก็เต็มใจจะช่วยชีวิตเขา

ชาวเน็ตทั้งหลายกอบกุมหัวใจของพวกเขา ไม่รู้ว่าครั้งนี้องค์หญิงสามจะมีชีวิตรอดหรือไม่

เมื่อจ้องมองไปที่สวี่หลิงอวิ๋น เธอก็ยังคงอยู่ในท่าทีสบาย ๆ! และถึงกับพูดติดตลกพร้อมอธิบายต่อหน้ากล้อง!

“พวกคุณดูสิ ตู้เต๋อเป็นถึงผู้กวาดล้างที่แข็งแกร่ง แต่น่าเสียดายที่รากฐานยังไม่แน่นพอ! แล้วก็ไม่รอบคอบด้วย ดูเหมือนว่าพลังดวงดาวจะทำให้ดาบมีพลัง แต่จริง ๆ แล้ว! หึหึ! มันก็แค่ของกลวงเท่านั้น!”

สวี่หลิงอวิ๋นยังคงอธิบายต่อ “เห็นคนตรงนั้นไหม? เขาไม่ได้ทำท่าเหมือนกับในหนังสือเรียนหรอกนะ แต่ว่าท่าทางแบบนั้นก็ไม่แย่เท่าไหร่ ดูแข็งแกร่งกว่าตู้เต๋ออีก แต่น่าเสียดายที่พลังจิตของเขายังแย่กว่าของตู้เต๋อ”

“ฉันจะบอกให้นะตาแก่ วิสัยทัศน์ของแกก็ไม่ได้เลวร้ายนักหรอก” สวี่หลิงอวิ๋นเตะเฮ้าส์เดล “แต่ดูทหารในมือแกสิ ยังเลือดร้อนกันอยู่เลย”

“ฉันสงสัยว่าทหารของแกเลือดร้อนทั้งนั้น แต่ทำไมแกถึงได้ขี้ขลาดขนาดนี้?”

จักรพรรดิแห่งจักรวรรดิปีกพิสุทธิ์กำลังเฝ้าดูรายการถ่ายทอดสดของสวี่หลิงอวิ๋น

เดิมทีการถ่ายทอดสดดังกล่าวได้รับอนุญาตให้ฉายแค่ในจักรวรรดิชิงเหย้าเท่านั้น แต่ตอนนี้ผู้คนจากแผนกเทคโนโลยีที่กำลังโกรธจัดได้จงใจกระจายสัญญาณของวิดีโอไปทั่วทั้งมุมจักรวาล

ดังนั้นทุกคนจึงได้เห็นรูปลักษณ์ที่โง่เขลาของพลเอกเฮ้าส์เดลแห่งจักรวรรดิปีกพิสุทธิ์

บางคนเยาะเย้ย บางคนขมวดคิ้ว และบางคนหัวเราะเยาะ

หลังจากที่สเปนเซอร์เห็นว่าเฮ้าส์เดลถูกจับ ทหารจำนวนนับไม่ถ้วนก็พยายามทำลายเกราะป้องกันของสวี่หลิงอวิ๋น ทว่ากลับไม่มีอำนาจมากพอ

“ดีมากเด็กดี!” สเปนเซอร์พึงพอใจกับการรับมือของเหล่าทหาร แต่การรับมือของเฮ้าส์เดลกลับทำให้เขาขมวดคิ้ว

เฮ้าส์เดลเป็นชายเลือดร้อนมาตั้งแต่ยังหนุ่ม ทำไมมาขี้ขลาดเอาซะตอนวัยกลางคน? ขายขี้หน้าสำหรับจักรวรรดิปีกพิสุทธิ์ยิ่งนัก!

ตู้เต๋อเยี่ยมมาก! มีเอกลักษณ์ของความเป็นจักรวรรดิปีกพิสุทธิ์!

“ไม่ควรจะประเมินองค์หญิงสามแห่งจักรวรรดิชิงเหย้าต่ำอย่างที่ข่าวลือกัน” สเปนเซอร์ขมวดคิ้ว “ตอนนี้การโจมตีดาวเคราะห์ทั้งสองดวงล้มเหลว แล้วที่อื่นล่ะ?”

ความตั้งใจดั้งเดิมของเขาคือการมุ่งทำลายดาวเคราะห์ที่สวี่หลิงอวิ๋นกับสวี่เจี้ยนอวิ๋นประจำการอยู่ เพราะนั่นจะทำให้จักรวรรดิชิงเหย้าเสียหน้า มันคงจะดีไม่น้อยหากเขาสามารถจับตัวองค์หญิงและองค์ชายมาได้

แต่ตอนนี้สวี่หลิงอวิ๋นจัดการมาถึงครึ่งทางแล้ว และทำให้แผนการทั้งหมดพังทลาย

“ฝ่าบาท ตอนนี้มีแค่ดาวเคราะห์สามดวงที่ถูกโจมตีพ่ะย่ะค่ะ” ผู้บัญชาการระดับสูงกล่าว “ดาวเคราะห์อีกดวงหนึ่งยังคงโจมตีกันอยู่พ่ะย่ะค่ะ”

“เกิดอะไรขึ้นกับโอคาซี?”

“การโจมตีบนดาวเคราะห์ที่โอคาซีประจำการอยู่ก็ล้มเหลวเหมือนกันพ่ะย่ะค่ะ” ผู้บัญชาการระดับสูงกล่าว “ตามการรายงาน ทหารของเราได้รับบาดเจ็บสาหัส และที่เหลืออีกสองพันคนถูกจับเป็นเชลย”

“อืม”

ก็แค่ทำลายล้างสามที่เท่านั้น! แต่กลับแตกต่างอย่างที่เขาคาดคิดไว้อย่างสิ้นเชิง!

สเปนเซอร์ลูบหน้าผากของเขา “แล้วจักรวรรดิอื่นสกัดกั้นจักรวรรดิเหมยรุ่ยกับจักรวรรดิเอเดนไว้ได้ไหม? เป็นยังไงบ้าง?”

“พวกเขาตอบกลับมาว่าการสกัดกั้นล้มเหลวพ่ะย่ะค่ะ”

“หมดเลย?!” สเปนเซอร์ทุบโต๊ะด้วยความโกรธจัด “คนพวกนี้เอาแต่สนใจผลประโยชน์ของตัวเองทั้งนั้น! แล้วแบบนี้จะโค่นล้มจักรวรรดิชิงเหย้าได้ยังไง?”

“คิดแต่จะเอาเปรียบ ไม่ยอมลงมือทำอะไร!” สเปนเซอร์ฉุนเฉียว ทว่าไม่สามารถทำอะไรได้

เขาไม่สามารถส่งกองกำลังไปโจมตีจักรวรรดิทั้งห้าได้ใช่ไหม? หากคิดจะโจมตี เขาควรจะเอาชนะจักรวรรดิชิงเหย้าให้ได้เสียก่อน!

สเปนเซอร์กัดฟันแน่น และคิดแผนเอาคืนจักรวรรดิพวกนี้เงียบ ๆ

เขาดูรายการถ่ายทอดสดอีกครั้ง

ความคิดเห็นของสวี่หลิงอวิ๋นจบลง ขณะที่พลังดวงดาวและพลังจิตของเธอกำลังฟื้นคืนชีพ ถึงแม้พลังจะไม่ได้ฟื้นคืนทั้งหมด แต่จำนวนหนึ่งในสามก็ฟื้นคืนมาแล้ว!

และพลังหนึ่งในสามก็เพียงพอที่จะลงมือ!

ขณะเดียวกัน กองทัพทหารของจักรวรรดิชิงเหย้าก็เดินเข้ามาในประตูลิฟต์ที่ทรุดโทรมของยานรบอวกาศแห่งจักรวรรดิปีกพิสุทธิ์โดยปราศจากสิ่งกีดขวาง

การต่อสู้ระหว่างทหารได้เกิดขึ้นอย่างเงียบ ๆ!

สวี่หลิงอวิ๋นกำหมัดแน่น และโยนเฮ้าส์เดลออกไปไว้ด้านข้าง ๆ พลางอมยิ้ม ขณะจ้องมองทหารจากจักรวรรดิปีกพิสุทธิ์ที่ยังคงโจมตีเกราะป้องกันพลังงาน

“เอาล่ะ! พวกแกใกล้จะเล่นกันเสร็จหรือยัง?” สวี่หลิงอวิ๋นเอียงคอ เลียริมฝีปาก และฉีกยิ้ม

รอยยิ้มดังกล่าวดูน่าสยดสยองยิ่งนัก แววตาเต็มไปด้วยความกระหายเลือด!

เธอเผยให้เห็นดาบพลังดวงดาวด้วยการสะบัดมือเท่านั้น!

เนื่องจากมีพื้นที่ที่ค่อนข้างจำกัด ดาบพลังดวงดาวของสวี่หลิงอวิ๋นจึงยาวได้เพียงแค่สามเมตรเท่านั้น ไม่เหมือนกับดาวพลังดวงดาวของทหารคนอื่น ดาบเล่มนี้ไม่มีแสงแวววาว แต่กลับจับเป็นก้อนราวกับของแข็ง!

ตู้เต๋อรู้สึกถึงลางสังหรณ์ที่ไม่ดี

เขานึกถึงภาพศพด้านนอกที่ถูกทำร้าย สัญชาตญาณของเขากำลังร้องเตือนภัยที่กำลังจะเกิด “แย่แล้ว! วิ่ง!”

แต่กลับสายเกินไป!

ผู้คนที่อยู่ด้านหลังเสียชีวิตลงก่อนที่จะทันได้โต้ตอบ และจมลงไปในกองเลือด!

เหล่าทหารที่อยู่ด้านหลังหวาดกลัวจนยากที่จะก้าวขาออกไป จ้องมองกองเลือดที่เปียกโชกไปทั่วพื้น พวกเขาไม่สามารถควบคุมขาของตนเองได้ และสั่นสะท้านไปทั่วทั้งตัว

ชาวเน็ตทั้งหลายอึ้ง!

ถึงแม้ว่าพวกเขาจะเคยเห็นสนามรบ แต่นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้เห็นฉากที่นองเลือดเช่นนี้!

[แหวะ!]

ชาวเน็ตอดไม่ได้ที่จะวิ่งออกไปอาเจียน!

[ถึงจะดูน่าขยะแขยงไปหน่อย แต่อยากจะบอกว่าองค์หญิงสามเท่มาก!]

[โหดร้ายจัง!]

บางส่วนถึงกับทนดูไม่ไหว

[พวกเขาเป็นทหารของปีกพิสุทธิ์ ถ้าเป็นไปได้ก็เหลือทิ้งไว้แต่ศพนั่นแหละ! ไม่ใช่เรื่องง่ายนักหรอก!]

[คอมเมนต์บนใสซื่อเกินไปป่ะ? คุณเคยคิดบ้างไหมว่ามีทหารกี่คนที่ต้องเสียสละ? คุณเคยคิดบ้างหรือเปล่าว่าถ้าพวกเขาไม่รุกรานก่อน เราจะต้องเสียสละแบบนี้เหรอ? แล้วพวกเขาจะตายอย่างงี้หรือไง?]

[คอมเมนต์บนพูดถูก ทหารของเราก็เป็นคนเหมือนกัน ถ้าไม่ใช่เพราะพวกเขา ตอนนี้พวกเราคงมีชีวิตที่สงบสุขและมีความสุขไปนานแล้ว คงไม่มีสงครามแบบนี้หรอกจริงไหม?]

[องค์หญิงสาม ท่านไม่ต้องกังวลไป พวกเราจะสนับสนุนท่านเสมอ]

เฮ้าส์เดลกรีดร้องด้วยความหวาดกลัว