ตอนที่ 295 พี่เฟิง เหล่าเฟิง นายท่านเฟิง

ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า

ตอนที่ 295 พี่เฟิง เหล่าเฟิง นายท่านเฟิง

ทำไมตนถึงไม่คิดให้มันมากกว่านี้หน่อยนะ กล้าปั่นหัวธิดาของเขาเล่นอย่างนั้นหรือ? ครั้งนี้อีกฝ่ายจึงถือโอกาสจัดการเขาไปด้วยเสียเลย!

ตนมองแต่เพียงผลได้ผลเสียของทางฝั่งตนเท่านั้น แต่อีกฝ่ายเป็นฮ่องเต้ สิ่งที่อีกฝ่ายจับตามองคือคนกลุ่มใหญ่ที่รวมพวกเขาเข้าไปด้วย มิน่าล่ะ เขาถึงคิดไม่ออกว่าทำไมฮ่องเต้ถึงต้องจัดการตนเองด้วย เพราะฮ่องเต้ไม่ได้คิดจัดการแต่เฉพาะเขาแต่แรกแล้ว หากแต่อยากจัดการคนจำนวนมากซึ่งรวมตัวเขาเอาไว้ด้วย

มุมมองเรียกได้ว่าต่างกันราวฟ้ากับดิน!

“เฮ่าอวิ๋นถูคนนี้น่าสนใจดีนี่!” หนิวโหย่วเต้ายิ้มหยันพลางเอ่ยออกมา ถูกอีกฝ่ายหลอกปั่นหัวโดยไม่เห็นอยู่ในสายตา หลอกปั่นหัวจนตัวเขาไม่อาจทำอะไรได้

ลิ่งหูชิวกลอกตาใส่เขาทีหนึ่ง “ผู้ใดบอกให้เจ้าไปยุแหย่ธิดาของเขาเล่า เจ้าคิดว่าธิดาของเขาหลอกได้ง่าย คราวนี้เป็นยังไงล่ะ ชนตอเข้าแล้วล่ะสิ?”

หนิวโหย่วเต้าผายมือออก “เกี่ยวอะไรกับข้าล่ะ ใบอนุญาตส่งออกม้าศึกหนึ่งแสนตัวข้าก็ส่งมอบออกไปแล้ว สัญญาการส่งมอบก็อยู่ในมือข้า ไม่มีทางเกิดปัญหาขึ้นกับข้า” เขาใคร่ครวญอยู่ในใจ คาดว่าเฟิงเอินไท่คงนึกอยากจะโขกหัวตายขึ้นมาแล้วกระมัง

เมื่อคืนเขาก็คิดอยู่แล้วว่าผลประโยชน์นี้มันผิดปกติ แต่เฟิงเอินไท่ดึงดันจะให้เขารับเอาไว้ให้ได้ ตอนนี้เป็นอย่างไรล่ะ

ลิ่งหูชิวถามกลับ “เจ้ากำลังพูดถึงสำนักหยกสวรรค์อยู่หรือ? ฮ่าๆ เจ้าคิดมากไปแล้ว ข่าวลือที่ร่ำลือกันอยู่ด้านนอกไม่เกี่ยวข้องอันใดกับสำนักหยกสวรรค์เลย เพียงบอกว่าใบอนุญาตส่งออกม้าศึกอยู่ในมือเจ้า ไม่ได้เอ่ยถึงสำนักหยกสวรรค์เลยสักคำ!”

“หมายความว่าอย่างไร?” หนิวโหย่วเต้าถามกลับทันที

ลิ่งหูชิวกล่าวว่า “ข้าจะไปรู้ได้อย่างไรล่ะว่าหมายความว่าอย่างไร?”

หนิวโหย่วเต้ามึนงงเล็กน้อย “เมื่อคืนพวกเผยเหนียงจื่อก็เห็นกับตาว่าใบอนุญาตเหล่านั้นถูกมอบให้สำนักหยกสวรรค์ไปแล้ว”

ลิ่งหูชิวเอ่ยว่า “เจ้าก็ไปถามเผยเหนียงจื่อสิ เจ้ามาถามข้า ข้าจะไปถามผู้ใด ข้าว่าเจ้ารีบไปจัดการเรื่องนี้ให้ดีเถอะ หากเจ้าจัดการไม่ได้ น้องหนิว เจ้าอย่าได้โทษว่าข้าทอดทิ้งเจ้าล่ะ ข้าคงต้องรีบหนีเอาตัวรอดแล้ว รับมือไม่ไหวหรอก ถึงตายได้เลยนะ เจ้าชอบรนหาที่ตาย แต่ข้ายังอยากมีชีวิตอยู่ต่ออีกหลายปี”

“หึ น่าสนใจนี่ ฮ่องเต้คนนี้อยากถือโอกาสเล่นงานข้าแทนธิดาของเขาสินะ!” หนิวโหย่วเต้ายิ้มออกมา

เขาเองก็ทราบความหมายในวาจาของลิ่งหูชิวเช่นกัน อีกฝ่ายไม่ได้บอกว่าจะทอดทิ้งเขาไม่ไยดี หากแต่บอกให้เขานำเอาสัญญาส่งมอบระหว่างเขากับสำนักหยกสวรรค์ออกมาเปิดเผยเพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ พิสูจน์ว่าใบอนุญาตส่งออกม้าศึกอยู่กับทางสำนักหยกสวรรค์ เพื่อให้คนที่อยากมาหาเรื่องไปหาสำนักหยกสวรรค์แทน

ในเวลานี้เอง กงซุนปู้และคนจากสามสำนักมาถึงแทบจะติดๆ กัน รายงานถึงข่าวลือด้านนอก พวกเขายังไม่ทราบถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืน จึงมาเพื่อสอบถามถึงข้อเท็จจริง

“ไม่ต้องพูดแล้ว ข้ารู้เรื่องหมดแล้ว” หนิวโหย่วเต้าโบกมือ ชี้ไปที่ลิ่งหูชิว สื่อว่าลิ่งหูชิวบอกเขาหมดแล้ว

อูเซ่าฮวนที่เหลือแขนข้างเดียวมีสีหน้ากระวนกระวาย เขาคือคนที่สำนักเซียนสถิตส่งมารับผิดชอบดูแลศิษย์สำนักเซียนสถิตทางนี้ จึงเอ่ยถามว่า “เมื่อคืนเกิดเรื่องใดขึ้นกันแน่?”

หนิวโหย่วเต้าตอบว่า “เรื่องก็เป็นเช่นที่ลือกันอยู่นั่นแหละ”

เขาไม่ได้บอกว่าตนมอบใบอนุญาตให้เฟิงเอินไท่ไปแล้ว หากปล่อยให้สามสำนักรู้ว่าผลประโยชน์ที่ตนต่อสู้เพื่อไขว่คว้าให้ได้ได้มาอยู่ในมือแล้ว เกรงว่าทั้งสามสำนักคงจากไปทันที ทั้งสามสำนักไม่มีทางแบกรับความเสี่ยงสูงขนาดนี้เพื่อสำนักหยกสวรรค์แน่นอน เมื่อบรรลุเป้าหมายแล้วก็ไม่จำเป็นต้องเสี่ยงอันตรายอยู่ในแคว้นฉีอีกต่อไป

ลิ่งหูชิวเหลือบมองหนิวโหย่วเต้าเล็กน้อย ย่อมมองออกว่าหนิวโหย่วเต้ามีเจตนาปิดบัง

“พวกท่านวางใจเถอะ ไม่มีทางเกิดเรื่องแน่…” หนิวโหย่วเต้าเอ่ยปลอบ ส่งพวกเขากลับไป

ลิ่งหูชิวเฝ้ามองอยู่ด้านข้างด้วยสายตาเย็นชา หลังจากมองคนทั้งกลุ่มจากไปแล้ว เขาก็เอ่ยขึ้นว่า “น้องหนิว เจ้าคงไม่ได้คิดจะแบกรับเรื่องนี้ไว้กับตัวกระมัง? ข้าขอเตือนเจ้าเอาไว้เลยนะ เจ้าแบกรับเรื่องนี้ไม่ไหวหรอก”

หนิวโหย่วเต้าไม่ตอบเขา หากแต่มองไปรอบๆ “เฟิงเอินไท่ล่ะ? สามสำนักล้วนทราบกันแล้ว ไม่มีทางที่สำนักหยกสวรรค์ของเขาจะยังไม่ทราบกระมัง?”

ลิ่งหูชิวยิ้มเยาะ “หากเจ้ามอบใบอนุญาตให้เขาวันนี้ ตีให้ตายเขาก็คงไม่ยอมรับไว้ เกรงว่าตอนนี้เขาคงกำลังนึกเสียใจที่เมื่อวานนี้เขาใช้อำนาจตัดสินใจแทนสำนักหยกสวรรค์ไปอยู่ คาดว่ากระทั่งความคิดที่อยากจะตายก็คงจะปรากฏขึ้นมาในหัวของเขาแล้ว เขาไม่มีทางอธิบายเรื่องนี้ต่อสำนักหยกสวรรค์ได้”

“ไป! ไปดูเขาหน่อย” หนิวโหย่วเต้าว่าพลางออกเดิน

“เต้าเหยี่ย!” จู่ๆ เฮยหมู่ตานก็ส่งเสียงเรียก “ขอคุยเป็นการส่วนตัวได้หรือไม่เจ้าคะ”

หนิวโหย่วเต้าค่อนข้างแปลกใจ มองลิ่งหูชิวเล็กน้อย มีเรื่องที่ไม่สะดวกคุยต่อหน้าลิ่งหูชิวอย่างนั้นหรือ?

ลิ่งหูชิวเองก็ปรายตามองเฮยหมู่ตานเช่นกัน ยิ้มน้อยๆ พลางเอ่ยว่า “ไม่เป็นไร พวกเจ้าคุยกันไปเถอะ ข้าจะไปดูทางเหล่าเฟิงก่อน”

หนิวโหย่วเต้าตามเฮยหมู่ตานเข้าไปในเรือน เอ่ยถาม “มีเรื่องใดถึงเอ่ยต่อหน้าลิ่งหูชิวไม่ได้?”

เฮยหมู่ตานกล่าวว่า “เต้าเหยี่ย ยังจำที่ลิ่งหูชิวเอ่ยเมื่อครู่นี้ได้หรือไม่เจ้าคะ? เขาบอกว่าเขาไม่อยากรนหาที่ตาย”

หนิวโหย่วเต้าถาม “เจ้าคิดจะพูดอะไร? อยู่ในช่วงเวลาสำคัญเช่นนี้ คุยกับข้ายังต้องอ้อมค้อมอีกหรือ?”

เฮยหมู่ตานจึงกล่าวว่า “เต้าเหยี่ย ท่านกังวลมาตลอดมิใช่หรือเจ้าคะว่าลิ่งหูชิวจะมีแผนการอันใดอยู่ นี่เป็นโอกาสเหมาะที่จะได้สลัดเขาทิ้งพอดี ท่านมิสู้แสร้งทำเป็นแบกรับเรื่องนี้ไว้เสีย ทำให้เขาทนไม่ไหวจนยอมล่าถอยไปเอง”

หนิวโหย่วเต้ายิ้มออกมา “ในจุดนี้เจ้ายังสู้เจ้าลิงไม่ได้ ข้าเข้าใจความคิดของเจ้า แต่เจ้ากลับไม่เข้าใจความคิดของข้า”

เฮยหมู่ตานมึนงง “เต้าเหยี่ยไม่อยากให้เขาจากไปหรือเจ้าคะ?”

หนิวโหย่วเต้าหัวเราะหึๆ “ขึ้นเรือของข้าแล้ว เขานึกอยากจะมาก็มา นึกอยากจะไปก็ไปได้หรือ เรือลำนี้ของข้าไม่ใช่ว่าจะลงได้ง่ายๆ!”

เฮยหมู่ตานกล่าวว่า “เขาอยู่ข้างกายเต้าเหยี่ย ก็ไม่เห็นเต้าเหยี่ยจะให้เขาช่วยเหลืออันใด เต้าเหยี่ยเก็บเขาไว้ด้วยเจตนาใด พอจะเปิดเผยให้ข้าฟังหน่อยได้หรือไม่เจ้าคะ? มิเช่นนั้นเขาอยู่ใกล้ตัวพวกเรา ข้าก็ทำตัวไม่ถูกว่าจะวางตัวกับเขาอย่างไร”

“เรื่องบางอย่างไม่จำเป็นต้องรู้มากไป” หนิวโหย่วเต้ายื่นมือไปเชยคางเย้านางเล่น ถูกอีกฝ่ายดันมือออกอย่างเอือมระอาเล็กน้อย เขาเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “เห็นแก่ความมีเสน่ห์ของเจ้า เอาล่ะ วันนี้ข้าจะสอนบทเรียนอย่างหนึ่งให้เจ้า สอนเจ้าว่าต้องใช้งานคนอย่างไร การใช้งานคนจะแบ่งแยกดีชั่วอย่างชัดเจนไม่ได้ แล้วก็ไม่อาจปล่อยให้ความรู้สึกส่วนตัวเข้ามามีอิทธิพลได้ ใช้งานคนอย่าสงสัย ต่อให้เป็นคนที่น่าสงสัยก็ต้องใช้ สิ่งสำคัญคือต้องดูว่ามีประโยชน์ใช้สอยหรือไม่!”

“ยกตัวอย่างเช่นเจ้า สิ่งที่ข้าปฏิบัติต่อเจ้าคือใช้งานคนอย่าสงสัย! แต่สำหรับเขาคือต่อให้รู้ว่าน่าสงสัย มันก็ไม่มีอะไรเสียหายหากจะใช้งานเขา เราแค่ต้องรักษาระยะเอาไว้ก็พอ เจ้าเองก็รู้ว่าเขามีแผนการต่อข้า เขาคิดว่าเขากำลังหลอกข้าอยู่ แล้วมีหรือที่ข้าจะไม่ได้หลอกเขาอยู่เช่นกัน? ข้าไม่สนว่าเขาจะมีแผนอะไร เขาอยู่ข้างกายข้าอย่างใกล้ชิดสนิทสนมเช่นนี้ เพราะอยากได้รับความไว้วางใจจากข้า ข้าก็จะทำให้เขาค่อยๆ เข้าใจว่าซื้อใจกันแค่นี้มันยังไม่เพียงพอ หากอยากได้รับความไว้ใจจากข้าก็ต้องแสดงความจริงใจออกมา ส่วนความจริงใจคืออะไรน่ะหรือ? เมื่อมีเรื่องที่เหมาะสม ข้าก็จะส่งเขาไปจัดการ เพื่อจะซื้อใจข้าแล้ว เขาจะต้องพยายามอย่างเต็มที่แน่นอน รอจนเขาถลำลึกลงไปเรื่อยๆ จนไม่สามารถถอนตัวออกไปได้แล้ว เขาย่อมต้องกลายเป็นคนของข้า เมื่อถึงเวลานั้นข้าก็จะได้รู้เองว่าเขามาด้วยจุดประสงค์อะไร!”

“เรื่องบางอย่างจะรีบร้อนไม่ได้ ต้องมีความอดทน ภาษิตกล่าวไว้ว่าตั๊กแตนตำข้าวหมายจับจักจั่น แต่หารู้ไม่ว่าข้างหลังมันมีนกขมิ้นคอยจ้องมองอยู่! ตอนนี้เข้าใจแล้วกระมัง?”

“…..” เฮยหมู่ตานพูดไม่ออก เหงื่อตกแทนลิ่งหูชิวแล้ว

“มัวเหม่ออะไรอยู่ ไปได้แล้ว”

เฮยหมู่ตานยื่นมือไปป้องกันบั้นท้ายไว้ตามสัญชาตญาณ แต่ช้าไปก้าวหนึ่ง หนิวโหย่วเต้าที่ฉวยโอกาสเอาเปรียบเสร็จเรียบร้อยเคลื่อนกายออกไปอย่างรวดเร็ว หนีไปราวกับหัวขโมย ทำให้นางต้องกลอกตาใส่ สบถออกมา “คนฉวยโอกาส”

แต่บนใบหน้ากลับปรากฏรอยยิ้มขึ้นมานิดๆ หนิวโหย่วเต้าค่อยๆ หยอกเย้าถึงเนื้อถึงตัวนางแล้ว แปลว่าความสัมพันธ์ใกล้ชิดสนิทสนมกว่าแต่ก่อนมาก นี่เป็นสัญญาณที่ดี

……

“สถานการณ์เป็นอย่างไรบ้าง?”

หนิวโหย่วเต้ามาถึงเรือนเล็กที่เฟิงเอินไท่และเหล่าศิษย์สำนักหยกสวรรค์พักอยู่ มองเห็นลิ่งหูชิวยกมือไพล่หลังเดินกลับไปกลับมา จึงเดินเข้าไปเอ่ยถาม

ลิ่งหูชิวพยักเพยิดหน้าไปทางห้องหนึ่งที่ประตูหน้าต่างล้วนปิดสนิทอยู่ “เหล่าเฟิงขังตัวเองไว้ในห้องไม่ยอมออกมา คาดว่ากำลังหันหน้าหากำแพงสำนึกผิดอยู่”

“ท่านยังมีอารมณ์มาล้อเล่นอีก” หนิวโหย่วเต้าเอ่ยด้วยสายตาดูแคลน กวักมือเรียกศิษย์สำนักหยกสวรรค์คนหนึ่งเข้ามา “เชิญอาจารย์ลุงของเจ้าออกมาเถอะ”

ศิษย์คนนั้นตอบว่า “ไม่ทราบเพราะเหตุใดอาจารย์ลุงถึงไม่ยอมออกมา บอกให้พวกเราอย่ายุ่งกับเขาขอรับ”

หนิวโหย่วเต้าประสานสองมือไว้ในแขนเสื้อ ตะโกนออกไปว่า “พี่เฟิง พวกเรามาเพื่อบอกลาท่าน พวกเราจะล่วงหน้ากลับไปที่จังหวัดชิงซานก่อนแล้ว ท่านรักษาตัวด้วย”

ลิ่งหูชิวกลั้นหัวเราะไม่อยู่ ชี้หน้าหนิวโหย่วเต้าไม่หยุด คล้ายจะสื่อว่าเจ้ามันร้ายจริงๆ!

ทว่าผลของการตะโกนครานี้กลับยอดเยี่ยมเป็นอย่างยิ่ง ประตูห้องเปิดออกดังแอ๊ด เฟิงเอินไท่โผล่ออกมาทันที ร้องเสียงดังว่า “น้องหนิว เหตุใดถึงรีบร้อนจากไปเช่นนี้เล่า?”

สภาพของเขาทำให้คนมิกล้าประจบเยินยอเลยจริงๆ ดวงตาเต็มไปด้วยเส้นเลือดฝอย หนวดเคราผมเผ้ายุ่งเหยิงไปหมด เขาวิตกกังวลมากเพียงใด แค่คิดดูก็รู้แล้ว

ลิ่งหูชิวและหนิวโหย่วเต้าสบตากัน พอจะเข้าใจถึงความวิตกกังวลในใจของเฟิงเอินไท่ได้

หนิวโหย่วเต้าย่อมเข้าใจดียิ่งกว่าลิ่งหูชิว เฟิงเอินไท่ถูกสำนักหยกสวรรค์ส่งมาจัดการเรื่องม้าศึก ที่ผ่านมาไร้ความคืบหน้ามาโดยตลอด ประสบความสูญเสียไปก็ไม่น้อย สำหนักหยกสวรรค์ถึงได้คิดหาทางลากสามสำนักและหนิวโหย่วเต้าเข้ามาจัดการ แล้วดูตอนนี้สิ เรื่องเดิมยังไม่ทันสำเร็จ เขาก็ได้ก่อเรื่องยุ่งให้สำนักหยกสวรรค์ที่คอยสนับสนุนเขาอยู่ด้านหลังเสียแล้ว

พวกหนิวโหย่วเต้าได้รับสัญญาแบ่งปันผลกำไรจากการขายสุราของสำนักหยกสวรรค์แล้ว พวกเขาสามารถไปได้แล้ว เหลือเพียงตัวเขาเฟิงเอินไท่จะจัดการอย่างไรเล่า? ที่ผ่านมายังจัดการไม่ได้เลย แล้วตอนนี้จะจัดการได้หรือ?

ตอนนี้จัดการงานที่ได้รับมอบไม่สำเร็จ ทั้งยังทำให้สำนักหยกสวรรค์ต้องเสียผลประโยชน์ไปเปล่าๆ เผลอๆ อาจจะทำให้สำนักหยกสวรรค์พลอยพังพินาศไปด้วย กลายเป็นปัญหาใหญ่โตแล้ว คาดว่าหลังจากสำนักหยกสวรรค์ทราบข่าว คงนึกอยากถลกหนังเขาทั้งเป็นแน่

เฟิงเอินไท่ยื่นมือไปจับแขนหนิวโหย่วเต้าไว้ เอ่ยอย่างกระตือรือร้นว่า “เราต่างก็ทำงานเพื่อยงผิงจวิ้นอ๋องเหมือนกัน เรื่องราวยังไม่เสร็จสิ้นดี จากไปโดยทิ้งสำนักหยกสวรรค์เราไว้ คงไม่ค่อยเข้าท่าเท่าไรกระมัง”

หนิวโหย่วเต้าถอนใจเอ่ยว่า “เมื่อคืนท่านบอกเองมิใช่หรือว่าหากมอบใบอนุญาตให้ท่านแล้ว ภารกิจของข้าก็นับว่าเสร็จสิ้นแล้ว หรือพี่เฟิงคิดจะกลับคำ? มีสัญญาระบุไว้เป็นลายลักษณ์อักษรนะ ”

เฟิงเอินไท่ฝืนฉีกยิ้ม เอ่ยว่า “น้องหนิว อย่าเพิ่งรีบไปเลย เมื่อคืนเป็นข้าที่เลอะเลือนไป ทำผิดพลาดมหันต์ เอาอย่างนี้ไหม ใบอนุญาตส่งออกม้าหนึ่งแสนตัวนั่น ข้าคืนให้เจ้าเป็นอย่างไร?”

พอเอ่ยวาจานี้ออกไป เหล่าศิษย์สำนักหยกสวรรค์ที่อยู่ด้านข้างตกใจเป็นอย่างยิ่ง ใบอนุญาตที่ภายนอกร่ำลือถึงถูกส่งมาอยู่กับสำนักหยกสวรรค์แล้วอย่างนั้นหรือ? เผือกร้อนลวกมือเช่นนี้ อาจารย์ลุงกล้ารับมาได้อย่างไร?

หนิวโหย่วเต้าถามกลับ “พี่เฟิง เหล่าเฟิง นายท่านเฟิง ท่านล้อเล่นอยู่หรือ? ท่านคิดว่าข้าหูหนวกตาบอด คิดว่าข้าไม่ทราบเรื่องราวด้านนอกหรือไร? ท่านทำเช่นนี้ไม่รังแกข้าเกินไปหน่อยหรือ!”

“เป็นความผิดพลาดมหันต์ ล้วนเป็นความผิดของข้าทั้งสิ้น” เฟิงเอินไท่ยอมลดศักดิ์ศรีลงแล้ว ประสานมือกล่าวขอโทษซ้ำๆ เอ่ยอ้อนวอนว่า “น้องหนิว คือแบบนี้ ด้านนอกร่ำลือกันว่าของอยู่ที่เจ้า เช่นนั้นสัญญาส่งมอบที่อยู่ในมือเจ้าฉบับนั้น เจ้าอย่าเพิ่งเปิดเผยชั่วคราวได้หรือไม่ ชะลอเอาไว้ก่อน…”

หนิวโหย่วเต้าโบกมือกล่าวตัดบท “พูดเรื่องนี้ไปก็ไม่มีประโยชน์ พวกเราต่างรู้อยู่แก่ใจดี เกรงว่าตอนนี้ด้านนอกคงมีสายตานับไม่ถ้วนจับจ้องอยู่ ขาดก็แต่เพียงบุกเข้ามาแย่งชิงเท่านั้น หากมิใช่เพราะยังอยู่ในเมืองหลวงแคว้นฉีล่ะก็ ไม่รู้ว่าเวลานี้จะมีคนบุกเข้ามามากน้อยเท่าไรแล้ว ท่านอยากจากไป แล้วจะไปได้หรือ? ตอนนี้ไม่ว่าผู้ใดก็อย่าหวังว่าจะได้ออกไปจากเรือนนี้ง่ายๆ เลย ล้วนมีความเสี่ยงจะถูกดักจับเป็นตัวประกันระหว่างทางทั้งสิ้น!”

“อีกอย่าง ต่อให้ข้าแบกรับเรื่องนี้ไว้ ให้พวกท่านหนีเอาตัวรอดออกไปก่อน แล้วข้าล่ะ ข้าจะทำอย่างไร? ตอนนี้ไม่รู้ว่ามีคนมากน้อยเท่าไรที่ต้องการหาข้าเพื่อเอาใบอนุญาต ข้าจะขัดขืนได้หรือ? แบบนั้นต้องล่วงเกินคนมากน้อยเท่าไร? ไม่ได้ต่างจากการรนหาที่ตายเลย ขอเพียงข้าแสดงหลักฐานออกไป ยืนยันว่ามอบใบอนุญาตให้สำนักหยกสวรรค์ของพวกท่านแล้ว เมื่อมีคนจำนวนนับไม่ถ้วนปิดล้อมตามล่า ท่านคิดว่าพวกท่านจะมีโอกาสรอดกลับไปถึงสำนักหยกสวรรค์เหรอ?”

“พี่เฟิง ฟังข้านะ ท่านออกไปตอนนี้ เอาใบอนุญาตไปมอบให้คนอื่นต่อหน้าทุกคนเถอะ! ขอเพียงส่งมอบออกไป พวกเราก็เป็นอิสระแล้ว มิเช่นนั้นหากเก็บสิ่งนี้ไว้ แบบนั้นจะมีคนตายจริงๆ สำนักหยกสวรรค์ของท่านมีศิษย์มากมายแค่ไหนก็ไม่เพียงพอให้คนข้างนอกสังหารหรอก!”

………………………………………………………….