ตอนที่ 285 ครั้งนี้อ่านรู้เรื่องไหมครับ
‘ว่าด้วยนักปรับเสียงเปียโนและเซี่ยนอวี๋’
นี่คือหัวข้อข่าวในหน้ารองของหนังสือพิมพ์วรรณศิลป์
ลักษณะของเนื้อหาคล้ายกับบทวิจารณ์
‘เมื่อเอ่ยถึงจุดหักมุมในภาพยนตร์ นี่เป็นวิธีการที่ใช้บ่อยที่สุดในภาพยนตร์ระทึกขวัญ และยังเป็นมาตรวัดฝีมือของผู้เขียนบท ระหว่างการรับชม ผู้ชมสามารถคาดเดาทิศทางของเรื่องได้จากพล็อตเรื่องในตอนนั้น ในความจริงแล้วกลับหักล้างเหตุการณ์เดินซ้ำแล้วซ้ำเล่า กลับสวนทางกันอย่างสิ้นเชิง ซึ่งทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้สะดุดตามากขึ้น กระตุ้นความอยากกระหายของผู้ชมจนต้องร้องอุทานออกมาว่ามันจะเป็นเช่นนี้ได้อย่างไร’
‘ฉากแรกของหนังแท้จริงแล้วเป็นการเกริ่นเหตุการณ์’
‘ฉากนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับนักปรับเสียงเป็นโนเลย นายพรานคนหนึ่งไล่ล่ากระต่ายตัวหนึ่ง’
‘นายพรานคนนี้คือใคร ฉากนี้อยู่ที่ไหน การไล่ล่าครั้งนี้เกิดขึ้นภายใต้สถานการณ์ใด กระต่ายตัวนี้ ผู้กำกับทำให้ดวงตาข้างหนึ่งของมันเปิดไม่ขึ้น อีกข้างหนึ่งซูมเข้าไปให้รู้ว่าตาบอดสนิท หมายความว่าอย่างไรกัน’
‘มีความน่าสงสัยหลายจุด’
‘พอดูหนังจบเราถึงเข้าใจว่านี่เป็นโครงสร้างแบบหัวกินหาง เสียงของฉากเปิดก็คือเซตติงของฉากปิด’
‘การอุปมาและการเสียดสี จุดนี้หนังเรื่องนี้สามารถทำได้ถึงมาตรฐานที่สูงของหนังระทึกขวัญแล้ว’
‘เมื่อดูหนังจบ เราถึงตระหนักได้ว่ากระต่ายตาบอดหลับตาข้างหนึ่ง นั่นก็คือตัวเอกที่เงียบและปิดตาแห่งมโนธรรมเมื่อเผชิญกับความอยุติธรรมและความจริงหลายต่อหลายครั้ง’
‘เรื่องนักปรับเสียงเปียโนของเซี่ยนอวี๋ทำให้ตื่นตกใจ ทั้งชวนให้ขบคิด’
‘และเมื่อเอ่ยถึงเซี่ยนอวี๋ ภาพจำพื้นฐานที่สุดของทุกคน คงจะเป็นนักประพันธ์เพลง แต่เมื่อมีผลงานอย่างเพลงวิวาห์ในฝัน บางทีพวกเราน่าจะเปลี่ยนจากเรียกเขาว่าพ่อเพลงตัวน้อยเป็นนักประพันธ์เพลงมืออาชีพ แต่นักประพันธ์เพลงมืออาชีพเช่นนี้ เลือกเข้ามาคลุกคลีในวงการภาพยนตร์ขณะที่หน้าที่การงานกำลังรุ่งโรจน์’
‘เชื่อว่าหลายคนเป็นเหมือนผม ก่อนหน้านี้เมื่อรู้ว่าเซี่ยนอวี๋จะทำหนัง ผมก็มึนงงไปเช่นกัน’
‘นั่นเป็นตอนที่ไม่มีใครเห็นดีเห็นงามด้วย เซี่ยนอวี๋ทำผลงานเรื่องถังปั๋วหู่ ใหญ่ไม่ต้องประกาศออกมา ซ้ำยังทำลายสถิติของหนังออนไลน์ เพิ่มแนวชวนหัวไร้แก่นสารเข้าไปในภาพยนตร์ตลกของบลูสตาร์ และแล้วพวกเราก็ได้รู้ว่า…’
‘เซี่ยนอวี๋ไม่ได้เป็นแค่นักประพันธ์เพลงมืออาชีพ แต่ยังเป็นนักเขียนคนสำคัญอีกด้วย…’
‘ทว่าเราก็ยังถูกจำกัดด้วยมุมมองจำเพาะ เราคิดว่าเซี่ยนอวี๋นอกจากจะทำเพลงแล้ว ยังเชี่ยวชาญการเขียนบทภาพยนตร์ตลก ปรากฏว่าเราก็ได้เรื่องนักปรับเสียงเปียโนมา พรสวรรค์ จุดหักมุม ความน่าทึ่ง การอุปมา แถมยังมีการเสียดสี’
‘สไตล์ที่ดูเหมือนว่าจะไม่เข้ากับหนังชวนหัวไร้แก่นสาร เซี่ยนอวี๋ก็นำมาเล่นได้อย่างลงตัว’
‘มีคนบอกว่าพรสวรรค์เป็นสิ่งที่เชื่อมโยงถึงกัน ก่อนหน้านี้ผมไม่เชื่อ แต่ตอนนี้ผมเริ่มเชื่อขึ้นมาแล้ว ในโลกที่มีคนที่สามารถสันทัดในดนตรีกับภาพยนตร์พร้อมกัน เซี่ยนอวี๋ไม่เพียงควรค่าแก่การจารึกชื่อไว้ในวงการดนตรี เขายังควรค่ากับความสนใจในวงการภาพยนตร์เช่นเดียวกัน!’
‘ในอนาคต เราจะไม่เพียงตั้งตารอผลงานเพลงของเซี่ยนอวี๋ แต่ยังตั้งตารอภาพยนตร์ของเขาได้ด้วย’
‘สิ่งที่ไม่อาจปฏิเสธได้ก็คือ ที่จริงแล้วเรื่องนักปรับเสียงเปียโนยังคงมีช่องโหว่ทางตรรกะ เพราะให้ความสำคัญกับจุดหักมุมมากเกินไป จึงทำให้เกิดช่องโหว่ของตรรกะ ตัวตนในฐานะนักประพันธ์เพลงไม่ใช่ข้อแก้ตัวที่เราจะให้อภัยผลงานอันไม่สมบูรณ์ของเซี่ยนอวี๋ ทว่าก็เป็นเหตุผลที่มากพอที่จะทำให้เรายินดีรอการเติบโตของหน้าใหม่ในวงการภาพยนตร์อย่างเซี่ยนอวี๋’
‘ภาษิตกล่าวไว้ ว่าทุกเรื่องเกิดขึ้นไม่เกินสามครั้ง’
‘ถังปั๋วหู่ ใหญ่ไม่ต้องประกาศ ภาพยนตร์เรื่องแรกของเซี่ยนอวี๋โด่งดังถล่มทลาย บางทีอาจมีคนคิดว่าเซี่ยนอวี๋แค่โชคดี’
‘แต่เมื่อเซี่ยนอวี๋ใช้ฝีมือการเขียนบทขั้นสูงขึ้นไป ส่งกระดาษคำตอบซึ่งมีชื่อว่านักปรับเสียงเปียโนออกมา เราควรคาดหวังความตื่นเต้นและเซอร์ไพรส์ที่มากขึ้นซึ่งเขาจะนำพามาในอนาคต เขาเป็นคนดนตรีที่ประสบความสำเร็จ และคนภาพยนตร์ที่เปี่ยมไปด้วยพรสวรรค์ ’
‘…’
นี่คือบทนำและบทวิเคราะห์ถึงเซี่ยนอวี๋บนหน้ารอง และเมื่อบทนำลักษณะนี้ปรากฏบนหน้าหนังสือพิมพ์วรรณศิลป์ ย่อมนับว่าเป็นเรื่องน่ายินดียิ่งสำหรับยอดบ็อกซ์ออฟฟิศของภาพยนตร์สักเรื่องหนึ่ง
อันที่จริง
สายตาของโลกภายนอกก็เบนจากเพลงวิวาห์ในฝันไปอยู่ที่ภาพยนตร์เรื่องนี้ของเซี่ยนอวี๋ ดังจะเห็นได้จากความคิดเห็นด้านล่างเพลงเปียโนนี้
‘ฟังเพลงแล้ว ตัดสินใจไปดูหนังเลย’
‘เห็นบอกว่าเรื่องนักปรับเสียงเปียโนพล็อตทวิสต์ล้านตลบ ทำเอาต่อมความสงสัยของฉันคันยุบยิบ จนต้องตามไปซื้อตั๋ว’
‘เพลงถูกสร้างสรรค์ขึ้นมาจากพื้นฐานของหนัง แค่ซื้อตั๋วไปฟังเพลงก็คุ้มแล้ว’
‘ปกติหนังจะเป็นตัวขับเคลื่อนดนตรี แต่เรื่องนักปรับเสียงเปียโนกลับใช้ดนตรีขับเคลื่อนกระแสของหนัง’
‘ฟังเพลงแล้ว วันนั้นก็ไปดูหนังต่อเลย ฉากสุดท้ายคืออึ้งตาแตกเลยแก!’
‘…’
ช่วงเวลาหลังจากนั้น ยอดบ็อกซ์ออฟฟิศก็เริ่มพุ่งทะยาน!
รูปแบบการเริ่มนับในหน่วยร้อยล้าน ทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้รับความนิยมในตารางออกอากาศครั้งนี้
หลังจากสัปดาห์แรก ก็กวาดรายได้ยอดบ็อกซ์ออฟฟิศไปแล้วกว่าสามร้อยล้านหยวน และกลายเป็นที่ประหลาดใจของผู้คนในวงการภาพยนตร์นับไม่ถ้วน!
ไม่ใช่ว่ายอดบ็อกซ์ออกฟิศสูงถึงขนาดนั้น ยอดบ็อกซ์ออฟฟิศนี้ไม่ได้ถึงขั้นระเบิดแต่อย่างใด…
แต่ก็ต้องเข้าใจว่าภาพยนตร์อย่างเรื่องนักปรับเสียงเปียโนนั้นใช้ต้นทุนไปสิบล้านหยวนเท่านั้น นี่เป็นครั้งหนึ่งซึ่งลงทุนไปเพียงน้อยนิดแต่ผลตอบแทนมหาศาล!
แม้ว่านี่จะไม่ใช่ครั้งแรกที่เซี่ยนอวี๋ลงทุนไปเพียงน้อยนิดแต่ผลตอบแทนมหาศาล ทว่าครั้งก่อนเซี่ยนอวี๋ไม่ได้ร่วมสังเวียนของภาพยนตร์ชนโรง ไม่เคยมีผลงานบนบ็อกซ์ออฟฟิศ จึงทำให้ผู้คนยังไม่เห็นภาพมากพอ
ครั้งนี้เซี่ยนอวี๋กลับใช้วิธีลงทุนน้อยนิด ทว่าผลตอบแทนมหาศาล มาแสดงให้ทุกคนเห็นเป็นประจักษ์!
แน่นอน
เหมือนกับครั้งก่อน
หลังจากที่ฉิน ฉี และฉู่ผนวกรวมกันนั้น ตลาดก็ใหญ่ขึ้นมาก เรื่องนักปรับเสียงเปียโนกวาดยอดบ็อกซ์ออฟฟิศได้ถึงสามร้อยล้านในสัปดาห์แรกก็น่าทึ่งมากจริงๆ ทว่าก็ยังไม่มีทางไปแข่งขันกับแชมป์บ็อกซ์ออฟฟิศของบางสัปดาห์ได้
เพราะผลงานที่ปล่อยออกมาในช่วงเดียวกันมีมากเหลือเกิน…
ซึ่งมากกว่าจำนวนภาพยนตร์ในช่วงเวลาเดียวกันบนโลกหลายเท่าตัว!
ผู้ชมมีตัวเลือกในการรับชมที่หลากหลาย!
แต่หากคำนวณถึงอัตราผลตอบแทนที่ได้รับ ภาพยนตร์เรื่องนี้นับว่าฮ็อตฮิตจริงๆ!
ถึงอย่างไรสิ่งที่ทุกคนแข่งขันกันไม่ใช่ยอดบ็อกซ์ออฟฟิศ แต่กลับเป็นผลกำไรที่ใครจะได้มากกว่ากัน!
เรื่องนี้นำมาซึ่งการถกเถียงกันเป็นวงกว้างในวงการภาพยนตร์
“ทำไมถึงลงทุนนิดเดียวแต่ได้ผลตอบแทนมหาศาลขนาดนี้อีกแล้ว ทำไมเราทำแบบนั้นไม่ได้ อิจฉาจนตาแทบลุกเป็นไฟแล้ว!”
“เฮ้อ วิธีการแบบนี้ของเซี่ยนอวี๋ได้เปิดเผยความไร้ความสามารถของผู้อาวุโสหลายคนในอุตสาหกรรมนี้”
“ไม่ใช่ว่าผู้อาวุโสไร้ความสามารถหรอก แต่เจ้านี่มันแข็งแกร่งผิดมนุษย์มนา”
“ดูท่าหลังจากนี้ เซี่ยนอวี๋จะเป็นอีกคนหนึ่งที่ในตารางฉายจะมองข้ามไม่ได้เลย”
“หลังจากเต็มอิ่มกับมหาสงครามดนตรีฉินฉู่แล้ว ก็เพิ่งรู้ว่าเรื่องนักปรับเสียงเปียโนเป็นหนังแนวไหน ต้นทุนเท่าไหร่ ฉันก็รู้เลยว่านี่เป็นการลงทุนน้อยนิดแต่ได้รับผลตอบแทนมหาศาล นึกไม่ถึงเลยว่าแค่อาทิตย์เดียวก็กวาดไปสามร้อยล้านแล้ว!”
“สตาร์ไลท์ยังต้องดึงตัวคนทำหนังจากมณฑลฉีมาอีกเหรอ มีเซี่ยนอวี๋คนเดียวก็พอแล้ว”
“นี่มันปีศาจชัดๆ!”
“…”
จากอิทธิพลของหลากหลายวงการ เซี่ยนอวี๋ยังคงสะบัดความเป็นหน้าใหม่ของวงการภาพยนตร์ไม่หลุด แต่หลังจากนี้ ทุกคนย่อมให้ความสำคัญกับเซี่ยนอวี๋เพิ่มขึ้นอีกขั้น
โลกภายนอกยังเป็นเช่นนี้
ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงสตาร์ไลท์
เมื่อเหล่าโจวได้รับรายงานยอดบ็อกซ์ออฟฟิศในสัปดาห์แรกของเรื่องนักปรับเสียงเปียโน ทั้งแผนกภาพยนตร์ในบริษัทล้วนอยู่ในสภาวะนิ่งค้าง
“กำไรอีกแล้วเหรอ”
“ไม่ใช่ กำไรมหาศาลเลยต่างหาก”
“หรือว่าแผนกภาพยนตร์ของเราจะเปลี่ยนชื่อเป็นแผนกประพันธ์เพลงไปเลยดี ขอถามหน่อยว่าแผนกภาพยนตร์เราต้องพึ่งพ่อเพลงตัวน้อยเพื่อเอาหน้าใช่มั้ย”
“แต่ก็ต้องยอมรับ ว่าบทของเซี่ยนอวี๋ในครั้งนี้ดีจริงๆ”
ครั้งก่อน แม้ว่าเรื่องถังปั๋วหู่ ใหญ่ไม่ต้องประกาศดังเป็นพลุแตก ในบริษัทก็ยังมีคงที่คลางแคลงใจ เพราะหลายคนอ่านบทของเรื่องนั้นไม่เข้าใจ
ครั้งนี้กลับต่างกันออกไป!
ลำพังคุณภาพของบทเพียงอย่างเดียว ก็ทำให้เรื่องนักปรับเสียงเปียโน ต่อให้มีกระแสของดนตรีมาช่วยดัน ก็ไม่สามารถกลบพรสวรรค์ในการเขียนบทของเซี่ยนอวี๋ได้!
ทุกคนคล้ายกับสงสัยว่า เซี่ยนอวี๋ตั้งใจใช้วิธีที่ทุกคนสามารถเข้าใจได้ มาคว้าความสำเร็จในครั้งนี้
ราวกับเซี่ยนอวี๋ใช้วิธีเดียวกันแสดงให้เห็นต่อหน้าทุกคน หลังจากนั้นก็ถามแผนกภาพยนตร์ประโยคหนึ่งว่า
“ครั้งนี้อ่านรู้เรื่องไหมครับ”
……………………………………………………………