ตอนที่ 258 สูญเสียสิทธิ์ในการดูแลเงิน

หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง

ตอนที่ 258 สูญเสียสิทธิ์ในการดูแลเงิน

หลิวต้าซวนตีไปบนก้นของบุตรชายเบา ๆ ก่อนจะตำหนิว่า “กับดักของเจ้า ? แล้วเจ้าหย่อนเชือกได้อย่างไร ? ไม่ใช่เพราะพี่รองหลินช่วยหย่อนให้หรอกหรือ ? กฎของพรานล่าสัตว์คือ ‘เหยื่อติดกับดักของผู้ใดก็ต้องเป็นของคนผู้นั้น ! ’ จะเอาเปรียบพี่รองหลินของเจ้าไม่ได้ ! ”

วังตงเฉียงยกมือน้อย ๆ ของตนขึ้นมา “เราหย่อนเชือกเอง ! พี่รองหลินสอนเราทีละขั้นตอนขอรับ ! ”

“เช่นนั้นเจ้าก็ทำเป็นแล้วใช่หรือไม่ ? ” ผู้ใหญ่บ้านไม่เชื่อว่าหลานของตนจะมีความสามารถเช่นนี้จึงเอ่ยถามออกมา

วังตงเฉียงขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะพูดอ้ำอึ้ง “ดูเหมือน…ดูเหมือนข้าจะลืมแล้วขอรับ ! ”

ผู้ปกครองของเด็กคนอื่น แม้ว่าไม่อยากปล่อยเหยื่อแต่ก็ต้องขอให้บุตรคืนเหยื่อเหล่านั้นไป เด็ก ๆ พากันมองอย่างอาลัยอาวรณ์ ก่อนจะร้องไห้คร่ำครวญเสียงดัง

หลินเว่ยเว่ยเห็นสถานการณ์ดังนั้นจึงรีบกล่าวว่า “ก่อนขึ้นเขา ข้าได้สัญญากับเด็ก ๆ ไว้แล้วว่าเชือกของผู้ใดจับเหยื่อได้ก็ต้องเป็นของผู้นั้น พวกท่านก็เหมือนกัน คงไม่ได้อยากทำให้ข้าเสียคำพูดใช่หรือไม่ ? เอาล่ะ นี่ก็เย็นมากแล้ว เด็ก ๆ คงหิวกันมาก กลับไปกินข้าวที่บ้านเถิด ! ”

แม่เลี้ยงของโก่วเชิ่งเอ๋อร์ยังอยากจะพูดบางอย่าง แต่แล้วแม่ซัวถัวก็ชิงพูดขึ้นมาก่อน “นั่นพ่อโก่วเชิ่งเอ๋อร์ใช่หรือไม่ ? เขากลับมาจากเขตเริ่นอันแล้วสินะ ? ”

แม่เลี้ยงโก่วเชิ่งเอ๋อร์หุบปากทันใด ก่อนจะทำตัวลีบปะปนอยู่ในฝูงชน ! คืนนั้นเพื่อนบ้านของโก่วเชิ่งเอ๋อร์จึงได้ยินเสียงบิดาดุด่าแม่เลี้ยง ทั้งยังไล่นางกลับบ้านมารดาอีกด้วย ส่วนแม่เลี้ยงโก่วเชิ่งเอ๋อร์ก็คุกเข่าวิงวอนอย่างน่าเวทนาอยู่บนพื้น…

ครอบครัวของนางประสบภัยพิบัติ ต้นไม้ใบหญ้าในละแวกหมู่บ้านโดนขุดกินหมดแล้ว มีคนหิวตายจำนวนมาก หากพี่น้องในตระกูลฝ่ายมารดาไม่บากหน้ามาขอธัญพืชหยาบจากบ้านสามีก็คงจะแย่เช่นกัน หมู่บ้านฉือหลี่โกวเป็นหมู่บ้านที่ได้กินอิ่มทั้งสองมื้อต่อวัน มีผู้หิวโหยไม่มากนักและในตอนที่นางกลับบ้านมารดาในคราที่แล้ว เหล่าพี่น้องในหมู่บ้านก็พากันอิจฉาตาร้อนทั้งสิ้น !

พวกเด็กสาวนอกหมู่บ้านอยากแต่งงานเข้ามาในหมู่บ้านฉือหลี่โกว ถ้าแม่เลี้ยงโก่วเชิ่งเอ๋อร์ถูกไล่กลับไป อย่างน้อยก็ยังมีสาวใหญ่อีกมากมายยอมแต่งงานเป็นภรรยาของบิดาโก่วเชิ่งเอ๋อร์ ไม่ได้ ! นางจะโดนเฉดหัวทิ้งไม่ได้…จะยอมให้หญิงอื่นชุบมือเปิบได้อย่างไร จึงเป็นเหตุผลที่นางคิดจะไปเรียกเงินจากตระกูลหลินเพราะอีกฝ่ายอยู่ในฐานะใด คนในหมู่บ้านย่อมรู้ดี

หลังจากโดนตบหน้าไปฉาดหนึ่ง แม่เลี้ยงโก่วเชิ่งเอ๋อร์ที่ได้สติกลับมาจึงวิงวอนว่า “ข้าจะไปขอโทษตระกูลหลินแล้วคุกเข่าสำนึกผิดหน้าบ้านของพวกนาง ในฐานะผู้ดูแลเงินและบ้านหลังนี้ ท่านอย่าไล่ข้าไปเลย ! ”

บิดาโก่วเชิ่งเอ๋อร์โกรธมาก “จะไปคุกเข่าต่อหน้าพวกนางให้ได้สิ่งใดขึ้นมา เจ้ากำลังบังคับผู้อื่นให้อภัยอย่างนั้นหรือ ? เจ้าไปขอโทษเขาดี ๆ เถิด แสดงความจริงใจออกมา ! หากเขาไม่ยอมให้อภัย เจ้าก็ไม่ต้องกลับมาอีก ! ”

ในตอนที่หญิงผู้นี้เพิ่งแต่งงานเข้ามา นางขยันขันแข็งมาก ทำงานอย่างขะมักเขม้น ดูใช้ได้เลยทีเดียว แต่ใครจะรู้ว่าเบื้องหน้าของนางเป็นอีกอย่าง เบื้องหลังจะเป็นอีกอย่าง หากไม่ใช่เพราะเขาค้นพบเรื่องเหล่านี้ก่อน โก่วเชิ่งเอ๋อร์คงถูกนางทรมานมากกว่านี้ ถ้าจะบอกว่าครอบครัวของเขายากจน ไม่มีข้าวกิน ไม่มีเสื้อผ้าใส่แล้วเหตุใดไม่เคยเห็นว่ามู่เกินเอ๋อร์ต้องขุดหญ้ากินบ้าง ?

โก่วเชิ่งเอ๋อร์กับเจ้าหนูน้อยเล่นกันอย่างสนุกนาน เขาให้การสนับสนุนเสมอ แม้จะบอกว่าเด็กเหล่านั้นมักช่วยเจ้าหนูน้อยเกี่ยวหญ้าก็ตาม แต่เจ้าหนูน้อยไม่เคยให้ทำงานเสียเปล่า มักเลี้ยงข้าวสองมื้อเป็นเวลาสามวัน บางครั้งก็เป็นเนื้อ บางครั้งก็ขนม

ในตอนที่เขาออกไปหางานทำในเขตเริ่นอัน โก่วเชิ่งเอ๋อร์ไม่มีข้าวกิน เจ้าหนูน้อยยังซ่อนขนมไว้ให้ แถมยังใจดีกว่าแม่มดใจอำมหิตผู้นี้เสียอีก นางชี้มือสั่งให้โก่วเชิ่งเอ๋อร์ทำงานอย่างเดียว ทั้งยังจับจ้องให้อยู่ในสายตาตลอดเวลา ! ตอนนี้ปีกกล้าขาแข็ง ริอ่านไปเรียกเงินจากตระกูลหลิน ! ครั้งนี้สิ่งที่นางทำไม่อาจแก้ไขได้ด้วยคำขอโทษที่จริงใจ เขาจึงตั้งใจจะไล่นางกลับบ้านมารดาเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดปัญหาใหญ่กว่านี้ขึ้นในอนาคต !

ช่วงเวลาพลบค่ำได้มีกลุ่มคนมายืนออกันเต็มหน้าบ้านตระกูลหลิน บางคนถือจานข้าวออกมามองแม่เลี้ยงโก่วเชิ่งเอ๋อร์ที่ขอโทษอยู่หน้าประตู ไม่มีผู้ใดเห็นใจหญิงผู้นี้สักคน หากรู้ว่าจะเป็นเช่นนี้คงไม่ทำตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ดูเจ้าสิ เรียกเงินใครไม่เรียก ดันมาเรียกเงินจากตระกูลหลิน

หากเจ้าเป็นแม่เลี้ยงผู้เมตตาเสียหน่อย เป็นห่วงลูกเลี้ยงจากใจจริงก็อาจให้อภัยกันได้ แต่ในยามปกตินางมักตบตีทำร้ายโก่วเชิ่งเอ๋อร์และปล่อยให้เขาหิวโหยโดยไร้ความปรานี พอเด็กหายตัวไป สิ่งแรกที่ทำไม่ใช่การออกตามหา แต่คิดว่าทำอย่างไรถึงจะทำเงินจากตัวเด็กได้ หากคนอื่นเป็นบิดาโก่วเชิ่งเอ๋อร์ เมื่อรู้สันดานแท้จริงของสตรีผู้นี้คงส่งกลับบ้านมารดาไปนานแล้ว จะเลี้ยงไว้ให้เปลืองข้าวสุกเพื่อสิ่งใด ?

แม่เลี้ยงโก่วเชิ่งเอ๋อร์ร้องไห้น้ำตานองหน้า คราวนี้นางไม่ได้เสแสร้งเพราะกลัวจากใจจริง ในหมู่บ้านฉือหลี่โกวได้มีกินมีใช้ ใน 1 ปีนางสามารถตัดชุดสวมใส่ได้ถึง 2 ชุด หมู่บ้านอื่นต้องกินก้อนดินไม่รู้ตั้งเท่าไร หากนางถูกไล่กลับไปก็คงมีเพียงความตายรออยู่เท่านั้น !

หลินเว่ยเว่ยประคองนางหวงเดินมายังหน้าประตู จากนั้นก็จ้องไปยังแม่เลี้ยงโก่วเชิ่งเอ๋อร์ที่ร้องไห้น้ำตานองหน้า มุมปากของนางกระตุกยิ้มเหยียดหยาม “เจ้าไม่ควรมาขอให้ข้ายกโทษเพราะคนที่เจ้าควรขอโทษที่สุดคือโก่วเชิ่งเอ๋อร์ ! หากเจ้าอยากปรับปรุงตัวจริง ๆ ต่อไปจะต้องปฏิบัติต่อโก่วเชิ่งเอ๋อร์อย่างดีที่สุด ! คนทั้งหมู่บ้านจะคอยจับตาดูเจ้า ! ”

แม่เลี้ยงโก่วเชิ่งเอ๋อร์จึงรีบกล่าวว่า “ข้าจะปรับปรุงตัวเอง จะปฏิบัติต่อโก่วเชิ่งเอ๋อร์อย่างดี ให้เขากินอิ่มนอนหลับ ให้เขาใส่เสื้อผ้าอุ่น ๆ จะไม่ทำร้ายเขาอีกแล้ว…”

บิดาโก่วเชิ่งเอ๋อร์ส่งเสียง หึ อย่างเย็นชา “ต่อไปเงินในบ้าน ข้าจะเป็นคนเก็บเอง เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ผู้ใดมาสูบเลือดจากเราสองพ่อลูกไปปรนเปรอบ้านฝ่ายมารดาอีก ! ”

แม่เลี้ยงโก่วเชิ่งเอ๋อร์คร่ำครวญเสียใจเพราะสูญเสียสิทธิ์ในการดูแลเงิน นางยังเหลือตำแหน่งอันใดในบ้านหลังนี้อีก ? ต่อไปนางจะอวดเก่งต่อหน้าพี่สะใภ้ทางบ้านมารดาได้อย่างไร ? ทว่าตอนนี้เรื่องเหล่านั้นไม่สำคัญอีกแล้ว สิ่งสำคัญคือนางต้องอยู่ต่อให้ได้ จะโดนไล่ออกไปไม่ได้เด็ดขาด !

หลินเว่ยเว่ยเอ่ยกับพวกเขาว่า “เอาล่ะ กลับไปเถิด ! เราไม่มีวันยกโทษให้หรอก แม้ว่าเจ้าจะอยู่หรือไม่อยู่ ไม่ว่าเจ้าจะปรับปรุงตัวจากใจจริงหรือไม่ ต่อไปจะโดนสามีไล่หรือไม่ไล่ก็ล้วนขึ้นอยู่กับตัวเจ้าเอง ไม่ได้เกี่ยวข้องกับคนภายนอก ! ”

โก่วเชิ่งเอ๋อร์เดินตามหลังเจ้าหนูน้อยแล้วแทรกตัวออกมาจากลานกว้างของตระกูลหลิน จากนั้นก็ยกน่องไก่ที่อยู่ในมือขึ้นมา “ท่านพ่อขอรับ ดูนี่สิ นี่เป็นน่องไก่ที่ข้าเกี่ยวหญ้ากระต่ายตั้งสิบวันเพื่อแลกมันมา ข้ายกให้ท่านขอรับ ! ”

เมื่อบิดาโก่วเชิ่งเอ๋อร์เห็นแขนของบุตรชายเรียวเล็กคล้ายต้นกกก็แสบจมูกจะร้องไห้ขึ้นมาทันที เขาพูดออกไปอย่างอดกลั้นว่า “พ่อไม่กินหรอก โก่วเชิ่งเอ๋อร์พยายามด้วยตนเองก็เก็บไว้กินเถิด ! ”

โก่วเชิ่งเอ๋อร์ยังคงชูน่องไก่อยู่อย่างนั้นจนบิดาจำใจต้องกัดกินหนึ่งคำ เขาเคี้ยวอย่างดีใจ ส่วนมู่เกินเอ๋อร์กัดนิ้วอยู่ด้านข้าง น้ำลายไหลออกจากมุมปากด้วยความกระหายอยาก

บิดาโก่วเชิ่งเอ๋อร์กอดบุตรชายไว้พลางมองเขาเคี้ยวเนื้อไก่จนหมดเกลี้ยง ทั้งยังใช้ลิ้นเลียกระดูกไก่อย่างอาลัยอาวรณ์ ภาพนั้นทำผู้เป็นบิดาปวดร้าวทั้งใจ ก่อนจะกล่าวว่า “ไปกันเถิด กลับถึงบ้านแล้วพ่อจะตุ๋นกระต่ายให้เจ้ากิน ! ขากระต่ายเป็นของโก่วเชิ่งเอ๋อร์ทั้งหมดเลย ! ”

แต่โก่วเชิ่งเอ๋อร์ส่ายหน้าและพูดอย่างคนเข้าใจชีวิต “เราหมักเนื้อกระต่ายไว้แล้วก็ตากลมตากแดดเพื่อเก็บไว้กินในวันขึ้นปีใหม่ดีกว่าขอรับ ! ” เด็กคนอื่นก็ได้เหยื่อของตนกลับบ้าน นอกจากบ้านผู้ใหญ่วังแล้วบ้านอื่นนำเหยื่อไปหมักและแขวนไว้ ชาวฉือหลี่โกวมีชีวิตที่เรียบง่ายมัธยัสถ์ ไม่เฉลิมฉลองพร่ำเพื่อเพราะเนื้อสัตว์หาได้ยากยิ่ง

บิดาโก่วเชิ่งเอ๋อร์พยักหน้าพลางกล่าวว่า “เช่นนั้นก็ตุ๋นครึ่งหนึ่ง หมักครึ่งหนึ่ง ! ”

เด็กจะไม่โลภกินเนื้อได้อย่างไร ? โก่วเชิ่งเอ๋อร์ตอบรับด้วยความดีใจ รางวัลจากการทำงานอย่างหนักทำให้รู้สึกดีไม่น้อย หลังจากเขาเติบโตเป็นผู้ใหญ่แล้วจะต้องเหมือนเจ้าหนูน้อยที่หาเงินได้มากมายและได้กินเนื้อทุกมื้อ !