บทที่ 325 ตามหาท่านพ่อไปทั่ว
บทที่ 325 ตามหาท่านพ่อไปทั่ว
ปู้หนานอีและเสี่ยวเป่านั่งตรงข้าม ดวงตาหนึ่งเล็กหนึ่งใหญ่จับจ้องมองกัน
“องค์หญิงน้อยแห่งต้าเซี่ย?”
เสี่ยวเป่า “!!!”
Σ(゚д゚lll)!
นางถูกเปิดเผยแล้วหรือ สตรีผู้นี้มองออกได้อย่างไรกัน!
เสี่ยวเป่าปิดปากตนเอง มีเพียงแค่ดวงตากลมโตเหมือนแมวคู่หนึ่งจ้องมอง ไม่ยอมพูดอันใด
คล้ายกับคิดว่าเพียงตนไม่ตอบสนอง ปู้หนานอีก็จะคิดว่าการคาดเดาของนางผิดไป
ปู้หนานอี “โอ้…ที่แท้องค์หญิงของแห่งต้าเซี่ยก็มีรูปโฉมเช่นนี้”
เสี่ยวเป่า “ข้าไม่ได้พูดอันใดสักหน่อย เหตุใดเจ้าจึงเรียกข้าว่าองค์หญิง!”
ปู้หนานอีหัวเราะออกมาอย่างแผ่วเบา “เจ้าไม่พูด ทว่าความคิดของเจ้าถูกเขียนแปะเอาไว้บนใบหน้าเจ้าแล้ว สามารถคาดเดาได้ง่ายดายยิ่ง”
“อีกทั้ง…เจ้าลืมแล้วหรือ ก่อนหน้านี้เจ้าบอกกับพวกอาซิ่วว่าท่านอาสี่ของเจ้าถูกราชวงศ์หนานจ้าวจับตัวไป และยังต้องการจะจับตัวเจ้าไปเพื่อใช้ข่มขู่ท่านพ่อของเจ้า สิ่งเหล่านี้ยากจะคาดเดาตรงไหน”
เสี่ยวเป่า “…”
ข้าช่างโง่งมนัก QAQ
นางใช้ชีวิตมานานถึงเพียงนี้ช่างเสียเปล่าเหลือเกิน เหตุใดจึงได้โง่งมเช่นนี้กันนะ
หรือที่ท่านพ่อและเหล่าพี่ชายบอกว่านางโง่งมจะไม่ได้ล้อเล่น แต่เป็นเรื่องจริงกัน (T^ T)
เมื่อปู้หนานอีเห็นว่านางใกล้จะร้องไห้ออกมาก็หยิบขนมยัดใส่ในมือเด็กน้อย
“ยังต้องการพิราบส่งสารอยู่หรือไม่”
เสี่ยวเป่าสูดจมูกพูดเสียงอู้อี้
นางยังต้องการเขียนจดหมายบอกท่านพ่อว่าตนเองสบายดี
ปู้หนานอี “วางใจได้ สำหรับข้าแล้ว ฐานะองค์หญิงต้าเซี่ยของเจ้ายังน่าสนใจไม่เท่าความสามารถในการควบคุมเสือสองตัวนั้นเสียด้วยซ้ำ”
เสี่ยวเป่ามองนางด้วยดวงตาน้อย ๆ “ข้าว่าแล้ว เจ้าต้องจ้องเฮยไป๋อู๋ฉางตาเป็นมัน!”
ปู้หนานอีเกาจมูกตนเองแล้วแย้มยิ้มออกมา “ใครจะไม่ชื่นชอบกันเล่า จุดสำคัญที่สุดคือเสือทั้งสองของเจ้าไม่เกรงกลัวหนอนกู่ ช่างยอดเยี่ยมยิ่งนัก!”
เสี่ยวเป่าส่งสายตากล่าวโทษ “เจ้าใช้หนอนกู่กับเฮยไป๋อู๋ฉางตั้งแต่เมื่อใดกัน!”
“โอ๊ะ หลุดปากเสียแล้ว”
เสี่ยวเป่าส่งเสียงฮึ่ม “ไม่เพียงข้าโง่งม เจ้าเองก็โง่มากเหมือนกัน”
เสี่ยวเป่าต้องการใช้พิราบขาวและกู่ติดตามส่งจดหมายไปให้ท่านพ่อ อาซิ่วจึงนำนกพิราบและกู่ติดตามของตนเองมาให้
หนอนกู่นั้นดูคล้ายแมงป่องอยู่บ้าง ทว่าขนาดตัวนั้นเล็กเสียยิ่งกว่าแมงมุมบราวนี่ออนไลน์
นางเฝ้าดูกู่ติดตามคลานเข้าปากก่อนลงไปอยู่ในท้องของนกพิราบ
“ใส่จดหมายของเจ้าลงไปด้านในนี้”
ขาข้างหนึ่งของนกพิราบมีปลอกส่งสารผูกเอาไว้ เสี่ยวเป่าม้วนจดหมายที่ตนเองเขียนขึ้นแล้วยัดใส่ลงไปด้านใน
“มีของส่วนตัวที่อีกฝ่ายใช้หรือไม่”
“มี”
เสี่ยวเป่านำแหวนหยกดำที่ห้อยอยู่ตรงคอนางออกมา นี่เป็นของขวัญวันเกิดที่นางได้รับมาจากท่านพ่อ
ท่านพ่อรู้สึกผิดเป็นอย่างมากที่ไม่อาจจัดงานวันเกิดอันยิ่งใหญ่ให้กับนางได้ จึงมอบแหวนหยกที่ตนเองสวมใส่มานานแล้วให้กับนาง
อีกทั้งยังเป็นผู้สวมมันเอาไว้รอบคอของนางเอง
นกพิราบถูไถกับแหวนหยก ก่อนจะกางปีกบินออกไปจากกรง
เสี่ยวเป่าเฝ้าดูมันโผบินออกไปจนกลายเป็นเพียงจุดเล็ก ๆ ภาวนาให้ทุกอย่างราบรื่นภายในใจ
อาซิ่วปลอบนาง “นกพิราบของพวกเรารวดเร็วเป็นอย่างยิ่ง อีกทั้งมีกู่ติดตามอยู่ย่อมไม่ผิดพลาดอย่างแน่นอน”
เสี่ยวเป่าส่งเสียงอืมตอบรับ จากนั้นพวกเขาก็พากันออกไปกินข้าว
บางทีอาจเพื่อฉลองการที่พวกอาซิ่วสามารถรอดพ้นจากเคราะห์ร้ายมาได้ กว่าสามสิบครอบครัวทั่วทั้งหมู่บ้านกู่ขาวจึงมารวมตัวกัน ใช้หมูป่าทั้งสองตัวมาจัดเตรียมเป็นงานเลี้ยงมือใหญ่อลังการ
แน่นอนว่าหมูป่าทั้งสองเป็นเสี่ยวเป่าที่มอบให้กับพวกเขา เฮยไป๋อู๋ฉางไม่ต้องการกิน ส่วนนางก็เด็กเกินกว่าจะจัดการมันเองได้ ดังนั้นจึงมอบให้กับคนในหมู่บ้านไปทำเป็นอาหาร
ด้วยเนื้อของหมูป่าสองตัว และยังมีผักจำนวนมากจากทุกบ้าน เพียงนำออกมาคนละนิดคนละหน่อย มื้ออาหารค่ำสุดอลังการก็พร้อมบนโต๊ะ
พวกเขายังนำสุราติดมือมาด้วย มันเป็นเหล้าข้าวอันใสกระจ่าง หอมเสียยิ่งกว่าเหล้าข้าวใด ๆ ที่นางเคยพบมาก่อน
ปู้หนานอีกล่าวว่าด้านในเหล้าข้าวใส่สิ่งที่เรียกว่าดอกหนานชางลงไป เป็นเหตุให้มีกลิ่นหอมเช่นนี้
ภายใต้ความคาดหวังของทุกคน เสี่ยวเป่าจึงจิบไปเล็กน้อย หลังจากนั้น…
หลังจากนั้นนางก็ไม่รับรู้เรื่องอันใดเกี่ยวกับงานเลี้ยงรอบกองไฟอีกเลย ได้แต่นั่งอยู่บนม้านั่งด้วยใบหน้าแดงก่ำ มองดูเหล่าพี่ชายพี่สาวผู้งดงามเต้นรำรอบกองไฟ ระหว่างที่พวกเขาเต้น เครื่องประดับที่ข้อมือและข้อเท้าก็ส่งเสียงรับเป็นจังหวะ
ใบหน้าของทุกคนต่างประดับไปด้วยรอยยิ้ม แม้พวกเขาจะต้องอาศัยอยู่ในสภาพแวดล้อมอันเลวร้ายลึกเข้าไปในป่าเขา แต่บนใบหน้าของพวกเขาก็ล้วนไร้ความอึมครึม
ดวงตาของเสี่ยวเป่าเบิกกว้าง ทว่าแววตากลับพร่ามัวเล็กน้อย นางนั่งปรบมืออย่างโง่งม
ปู้หนานอีเห็นเช่นนี้ก็คาดได้ว่านางคงจะเมาแล้ว จึงเดินเข้าไปด้านหน้าแล้วบีบแก้มเล็ก ๆ ที่กลมเหมือนลูกท้อ
“เมาแล้วหรือ”
เสี่ยวเป่าปฏิเสธที่จะยอมรับ หัวน้อย ๆ ส่ายไปมาอย่างดื้อรั้น
“ไม่เมา!”
เจ้าก้อนแป้งร้องเสียงดัง
ทว่าหลังผ่านไปชั่วอึดใจ นางก็กวาดตามองไปรอบ ๆ ด้วยความฉงน “ท่านพ่อของข้าอยู่ที่ใด”
ท่านพ่อที่แสนยิ่งใหญ่หล่อเหลาของนางอยู่ที่ใดกัน!
เสี่ยวเป่าที่เมาแล้วเริ่มออกตามหาท่านพ่อไปทั่ว
ปู้หนานอีมองดูเด็กน้อยใช้ขาสั้น ๆ เดินไปทั่ว เมื่อพบใครสักคนก็จะดึงมาดูว่าเป็นท่านพ่อของตนเองหรือไม่
“ท่านพ่อ?”
ชายที่นางกอดขาก้มลงมอง
เสี่ยวเป่าปล่อยมือออกทันที “เจ้าไม่ใช่ท่านพ่อของข้า”
หลังจากนั้นนางก็ออกตามหาต่อ
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ยังจะกล่าวอีกว่าตนเองไม่เมา เที่ยวตามหาท่านพ่อไปทั่ว
ทว่าเมาแล้ว นางกลับยังสามารถแยกแยะได้อย่างชัดว่าคนผู้นั้นไม่ใช่ท่านพ่อของนาง!
ปู้หนานอี “…”
องค์หญิงแห่งต้าเซี่ยผู้นี้ช่างแปลกประหลาดเสียจริง
สุดท้ายเด็กน้อยยังคงไล่กอดคนไปทั่ว เสี่ยวเป่าตามหาท่านพ่ออย่างไม่ยอมแพ้ ดวงตาของนางแดงก่ำน่าสงสารเป็นอย่างยิ่ง
“หลับเถิด หลังจากหลับแล้วท่านพ่อของเจ้าก็จะมาหา”
เสี่ยวเป่าสูดจมูกน้อย ๆ “จ…จริงหรือ”
ปู้หนานอี “อืม”
ในความฝันเพียงแค่เอ่ยเรียกท่านพ่อ เจ้าก็จะสามารถมีท่านพ่อได้ตามต้องการ
บางทีอาจเพราะเหนื่อยล้ามาทั้งวัน หรือไม่ก็อาจคิดจริงว่านอนหลับแล้วจะสามารถตามหาท่านพ่อได้ เสี่ยวเป่าจึงหลับไปจริง ๆ ในอ้อมแขนของนางภายในเวลาไม่นาน
ปู้หนานอีไม่รู้ว่าภายในฝันของเสี่ยวเป่ามีท่านพ่อของนางอยู่หรือไม่ แต่ปู้หนานอีที่ถูกเด็กน้อยกลิ้งทับร่างตอนดึกถึงกับนึกอย่างจะสบถออกมา
ตุบ…
พลันมีเสียงบางอย่างตกลงบนพื้น
ปู้หนานอีชะเง้อศีรษะออกไปดู เห็นเด็กน้อยที่ดูไม่มีพิษมีภัยกลิ้งลงจากเตียงด้วยท่าทางอาจหาญ บนหัวมีก้อนเนื้อปูดขึ้นมา
ทว่าถึงเช่นนั้นคนกลับยังไม่ตื่น
หรือจะหมดสติจากการกระแทกไปแล้ว
นางรีบอุ้มร่างคนขึ้นมา หลังตรวจดูแล้วก็พบว่าเด็กน้อยเพียงแค่หลับยังไม่ตื่นจริง ๆ
ส่วนสาเหตุที่ไม่ตื่นเพราะความเจ็บ ก็อาจเนื่องจากยังเมาอยู่
ปู้หนานอีหาว จากนั้นก็หายามาทาบนหน้าผากแล้วนอนต่อ
ทว่าเจ้าตัวน้อยนี่กลับกลิ้งไปมาอยู่ไม่สุขเหลือเกิน สุดท้ายปู้หนานอีก็ทนไม่ไหว นำผ้าห่มผืนเล็กมาพันม้วนเก็บแขนเก็บขาของนางเอาไว้!
นี่คือสิ่งที่ท่านยายของนางเคยทำเมื่อครั้งนางยังเด็ก กล่าวว่าเมื่อมือเท้าถูกห่อไว้หมดจะนิ่งขึ้น
แต่องค์หญิงต้าเซี่ยย่อมไม่เคยถูกห่อมัดไว้เช่นนี้มาก่อน ดังนั้นจึงไม่ได้ทำตัวนิ่งเรียบร้อย
หลังจากเสี่ยวเป่าไม่สามารถพลิกตัวไปมาได้แล้ว ก็ดิ้นรนคร่ำครวญเล็กน้อยภายในห้วงฝัน แต่สุดท้ายก็หลับสนิทจนถึงเช้า
——————————————-