ทุกค่ำคืน?
จู่ๆ ก็เกิดคำถามขึ้นในสมองของเฉินฮวนฮวน ทำไมไม่เป็นตอนกลางวันแต่เป็นตอนกลางคืนล่ะ?
จากนั้นเธอก็เข้าใจทันที เพราะเฟิงหานชวนต้องทำงานตอนกลางวัน!
เนื่องจากยุ่งกับงานตอนกลางวัน เพราะฉะนั้นจะสามารถดูรูปของเธอในตอนกลางคืน
เมื่อสังเกตเห็นท่าทางนึกขึ้นได้ของเฉินฮวนฮวน เฟิงหานชวนก็รู้ว่าเธอไม่เข้าใจความหมายของเขา
ดังนั้นเขาจึงพูดเสริมอย่างเคร่งขรึม: “ผมหมายถึงดูรูปถ่ายของคุณทุกคืน จะได้จดจำได้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเราเมื่อคืนนี้ เพราะเป็นยามค่ำคืน หรือคุณคิดว่าอย่างไร”
เฉินฮวนฮวนถึงกับตกตะลึง
เธอได้ยินอะไร? เธอได้ยินว่าอะไรนะ?
เธอเบิกตากว้างอย่างไม่อยากเชื่อ และพึมพำในใจ: ถ้ารู้ฉันคงไม่ถ่ายรูปไว้! ! !
“ฉันไม่มีอะไรจะพูด” เฉินฮวนฮวนแสร้งทำเป็นจริงจัง อย่าหันศีรษะไปมองเขา
เธอพบว่าถ้าเฟิงหานชวนพาลขึ้นมา ไม่มีใครเทียบได้
ในขณะนั้น รถสีแดงจอดอยู่ข้างถนนตรงหน้าทั้งสองคนพอดี
ทันใดนั้น ประตูรถก็ถูกเปิดออก แล้วสตรีร่างสูงคนหนึ่งก็เดินเข้ามาหาทั้งสองคนด้วยใบหน้าประหลาดใจ
“โอ้พระเจ้า! ฮวนฮวน นี่คือเฟิงหานชวน คุณชายสามใช่ไหม?” เกาเหวินประหลาดใจและยิ่งกว่านั้นเธอตื่นเต้นมาก
แม้ว่าเธอจะเห็นเฟิงหานชวนพาเฉินฮวนฮวนออกจากไนท์คลับในวันนั้น แต่นั่นเพียงแค่เห็นเฟิงหานชวนไกลๆเท่านั้น แต่วันนี้เฟิงหานชวนยืนอยู่ตรงหน้าเธอ
จางฟานได้บอกเธอเกี่ยวกับเฟิงหานชวนแล้ว เฟิงหานชวนเป็นถึงคุณชายสามแห่งตระกูลเฟิงที่มีชื่อเสียง ถ้าอยู่ที่เมืองเป่ยเฉิงเพียงแค่เขากระทืบเท้าทั้งปฐพีก็จะสั่นสะเทือน
เธอรู้ว่าเฉินฮวนฮวนต้องมีความสัมพันธ์กับเฟิงหานชวน ไม่เช่นนั้นวันนั้นเฟิงหานชวนก็คงจะไม่พาตัวเธอไป แม้ว่าเฉินฮวนฮวนจะอธิบายให้เธอฟังในภายหลังว่า เฟิงหานชวนเป็นเพียงญาติห่าง ๆ ของเธอ เป็นอาสามของเธอ แต่เธอมาวิเคราะห์กับจางฟานในภายหลัง แล้วรู้สึกว่าเฉินฮวนฮวนน่าจะเป็นผู้หญิงที่เฟิงหานชวนเลี้ยงดูอยู่
“ใช่ ใช่ ใช่” เฉินฮวนฮวนพยักหน้าและแนะนำให้เฟิงหานชวน: “อาหาน คนนี้ก็คือคนที่ฉันเคยบอกคุณ รุ่นพี่ของฉันเธอชื่อเกาเหวิน ตอนนี้เธอเป็นเจ้านายของฉันด้วย”
“สวัสดีครับต้องรบกวนคุณดูแลฮวนฮวนด้วยนะครับ เฟิงหานชวนพยักหน้าเล็กน้อยและทักทายเกาเหวินอย่างสุภาพ
เกาเหวินอยากจะจับมือเฟิงหานชวนเพื่อเป็นการทักทาย แต่เฟิงหานชวนไม่ได้ดูเหมือนจะยื่นมือออกมา เธอจึงไม่ได้ยื่นมือออกไป
“สวัสดีค่ะคุณชายสาม แฟนของฉันเคยพูดถึงคุณ ที่จริงแล้วเราเคยพบคุณที่ไนท์คลับวันก่อน… แฟนของฉันจางฟานเป็นผู้จัดการทั่วไปของหยางไท่กรุ๊ป” เกาเหวินต้องการใกล้ชิดกับเฟินหานชวน และจางฟานก็หวังที่จะร่ววมงานกับเฟิงหานชวน
ถ้าตัวเธอเองสามารถแนะนำจางฟานให้รู้จักกับเฟินหานชวนได้ ต่อไปจางฟานก็จะไม่มีทางทิ้งเธออย่างแน่นอน
“อืม” เฟิงหานชวนตอบอย่างเย็นชา จากนั้นยกมือขึ้นและเหลือบมองนาฬิกาของเขาแล้วพูดว่า “ถึงเวลาแล้ว”
เขาอยู่ในสนามรบเป็นเวลานานและเข้าใจความหมายของเกาเหวิน เขาไม่ต้องการเสียเวลามากเกินไปกับคนไม่สำคัญ
ดังนั้นเขาจึงจบหัวข้อสนทนานี้
เกาเหวินถือได้ว่าเป็นคนฉลาดและเธอก็เข้าใจในทันทีว่าเฟิงหานชวนไม่ต้องการสนทนามากไปกว่านี้ เธอก็รู้ดีว่าเรื่องแบบนี้ใจร้อนไม่ได้
ยิ่งไปกว่านั้น เฉินฮวนฮวนเป็นเพียงผู้หญิงที่ถูกเลี้ยงดูอย่างไม่ออกหน้าออกตาของเฟิงหานชวน ไม่อย่างนั้นเฉินฮวนฮวนก็คงไม่ต้องลำบากทำงานหาเงินตัวเป็นเกลียว หลังเลิกเรียนเธอทำงานนอกเวลา และยายของเธอก็ไม่มีเงินสำหรับการผ่าตัด…
สัญญาณหลายๆอย่างแสดงให้เห็นว่าเฟิงหานชวนไม่ได้ดีต่อเฉินฮวนฮวนมากนัก และเขาก็ไม่ได้ให้เงินแก่เฉินฮวนฮวน
เกาเหวินรู้สึกว่าเฉินฮวนฮวนเป็นผู้หญิงที่โง่เขลา ไม่รู้จักหาเงินจากเขาเข้ากระเป๋าตัวเอง เธอไร้เดียงสาเกินไป เธอถึงถูกจิ้งจอกเฒ่าอย่างเฟิงหานชวนหลอก
ยิ่งกว่านั้น เมื่อเธอมองไปที่เฟิงหานชวนในตอนนี้ เธอรู้สึกสมเพช ผู้ชายที่รวยขนาดนี้กลับขี้เหนียวกับผู้หญิงคนหนึ่ง ไม่ยอมให้เงินแม้แต่น้อยหลังจากหลับนอนด้วยกัน
ไม่น่าแปลกใจที่จางฟานบอกว่า เฟิงหานชวนเป็นคุณชายสามตระกูลเฟิงที่น่าสะพรึงกลัว คำกล่าวดูเหมือนจะเป็นจริง เขาดูเป็นคนเลือดเย็นไร้ความปราณี
เกาเหวินรู้สึกสงสารเฉินฮวนฮวนขึ้นมา เธอรู้ว่าเฉินฮวนฮวนเผชิญความยากลำบากมาก่อน เธอยินยอมที่จะติดตามเฟิงหานชวน คิดว่าเธอก็คงต้องการหาเงินเพื่อมีชีวิตที่ดี แต่คิดไม่ถึงว่าเฟิงหานชวนจะตระหนี่เช่นนี้
คาดว่าเฉินฮวนฮวนก็คงรู้ถึงนิสัยของเฟิงหานชวน ถึงได้ตอบตกลงที่จะไปประกวด โดยคิดว่าจะเข้าสู่วงการบันเทิงเพื่อหาเงินแทนที่จะเสียเวลากับชายเลือดเย็นแบบนี้
“ใช่ใช่ใช่ หากไม่รีบไปจะไปสายแล้ว” แม้ว่าในใจเกาเหวินจะสบประมาทเฟิงหานชวน แต่เธอก็ยังต้องยิ้มเพื่อเอาใจเขา
เธอคว้ากระเป๋าเดินทางของเฉินฮวนฮวน ยกขึ้นแล้วเดินไปที่กระโปรงท้ายรถของเธอ
เฉินฮวนฮวนเดิมอยากจะหยุด แต่เกาเหวินเคลื่อนไหวเร็วมาก ดังนั้นเธอจึงรีบตามให้ทันและกล่าวขอบคุณ: “พี่เหวิน ฉันขอโทษที่ทำให้คุณลำบาก”
“เกรงใจอะไร เธอดีฉันดีทุกคนถึงจะดี ”เกาเหวินยังหวังว่าเฉินฮวนฮวนจะสร้างผลกำไรให้กับเธอได้ เธอรีบพูดว่า: “ขึ้นรถเถอะ
“ค่ะ” เฉินฮวนฮวนพยักหน้า พร้อมหันหลังกลับและโบกมือให้เฟิงหานชวน
ใบหน้าของเฟิงหานชวนหม่นหมองมาก ไม่ได้แสดงออกอะไรมากมาย เขาไม่ต้องการที่จะโบกมือให้เฉินฮวนฮวน เพราะเขาไม่ต้องการบอกลาเฉินฉวนฮวน
เฉินฮวนฮวนเห็นว่าเขาไม่ได้โบกมือ เกาเหวินนั่งลงบนที่นั่งคนขับด้วยความเร่งรีบ เธอจึงต้องเปิดประตูและรีบไปที่เบาะหลังอย่างรวดเร็ว
เกาเหวินเป็นผู้หญิงที่ละมุนละม่อม แม้ว่าเธอเพิ่งจะถูกเฟิงหานชวนปฎิเสธ แต่เธอก็ยังยิ้มและกล่าวคำอำลากับเฟิงหานชวน: “คุณชายสาม ถ้าอย่างนั้นฉันพาเฉินฮวนฮวนไปก่อนนะ แล้วเจอกันเมื่อมีโอกาส ”
หลังจากพูดจบ เกาเหวินก็สตาร์ทรถและขับไปข้างหน้า
เฉินฮวนฮวนมองผ่านหน้าต่างรถไปที่เฟิงหานชวน เธอรู้สึกอาลัยอาวรณ์ รู้สึกว่างเปล่าแล้วโบกมือให้กับเฟิงหานชวนที่ยืนอยู่ข้างถนนอีก
。
เพียงแต่ว่า เกาเหวินขับรถเร็วมาก พอเธอโบกมือ รถก็แล่นไปไกลแล้ว จากมุมของเธอมองไม่เห็นเฟิงหานชวนแล้ว
เฉินฮวนฮวนได้แต่หันหลังกลับและนั่งตัวตรง ใบหน้าของเธอผิดหวังเล็กน้อย
“ฮวนฮวน เธอเนี่ยนะ!” เกาเหวินถอนหายใจเมื่อเห็นว่าระยะทางนั้นไกลออกไปแล้ว
“พี่เหวิน…” เฉินฮวนฮวนรู้สึกว่าเกาเหวินน่าจะเดาได้ เธอเม้มปาก แต่ก็ไม่รู้จะเอ่ยปากอย่างไร
เธอเคยบอกเกาเหวินก่อนหน้านี้ว่าเฟิงหานชวนเป็นอาสามของเธอ แต่ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเฟิงหานชวนในตอนนี้ เหมือนลุงกับหลานที่ไหน?
“ฉันไม่สนใจเรื่องชีวิตส่วนตัวของเธอ ตราบใดที่เธอสามารถรับประกันได้ว่าเธอจะไม่ถูกขุดคุ้ยหลังจากเข้าวงการ… ช่างมันเถอะ ฉันกังวลไปก็ไม่มีประโยชน์” เกาเหวินสะบัดมือราวกับว่าเธอไม่ได้พูดถึงมัน
สีหน้าของเฉินฮวนฮวนงงงวยเล็กน้อย
“คนอย่างเฟิงหานชวนดูก็รู้ว่าไม่ปล่อยให้คนอื่นมาขุดคุ้ยเรื่องส่วนตัวหรอก” เกาเหวินกล่าวอย่างมั่นใจ
ไม่เช่นนั้น เป็นไปไม่ได้ที่จะให้เฉินฮวนฮวนบอกคนอื่นว่าเขาเป็น “อาสาม” หรืออะไรทำนองนั้น
“อืม ฉันก็คิดเช่นนั้น” เฉินฮวนฮวนเห็นด้วยกับคำพูดของเกาเหวิน เธอก็รู้สึกว่าเฟิงหานชวนไม่ใช่คนประเภทที่จะยอมให้คนอื่นยุ่งกับชีวิตส่วนตัวของเขา
“พอแล้ว ฮวนฮวน เธอก็อย่าเสียใจไปเลย อีกหน่อยพี่จะช่วยเธอหาเงิน ” เกาเหวินตบหน้าอกของเธอและพูดอย่างมั่นใจ
เฉินฮวนฮวนไม่ได้สนใจความหมายของเกาเหวิน คิดเพียงว่าาที่เธอบอกว่าอย่าเศร้า หมายถึงความโศกเศร้าที่ได้แยกห่างกับเฟิงหานชวน
เธอก็ไม่ได้อธิบายอะไรมากมาย เพียงพยักหน้าอย่างรวดเร็ว และพูดด้วยรอยยิ้มว่า “อีกหน่อยฉันยังจะต้องพึ่งพาพี่เหวินให้ดูแลฉันมากขึ้น”
“ฉันสิยังต้องพึ่งพาเธอเพื่อช่วยให้ฉันหาเงินได้มากขึ้น!” เกาเหวินหัวเราะ
เฉินฮวนฮวนก็หัวเราะออกมาเช่นกัน ความรู้สึกสูญเสียและไม่สบายใจที่ต้องจากลาก็คลายลงอย่างมาก
……
ณ เวลานี้ที่ประตูใหญ่ของคฤหาสน์
ณ ตำแหน่งเดิมเมื่อสักครู่ เฟิงหานชวนยังคงยืนอยู่ที่นั่นและไม่จากไปไหน
สายตาของเขาจ้องมองไปไกล แต่รถสีแดงคันนั้นได้หายไปนานแล้วไม่เห็นแม้แต่เงา
เขาค่อยๆ ยกมือขึ้นและโบกมือเบาๆ
“ฮวนฮวน รอคุณกลับมานะ”