ตอนที่ 338 คำสารภาพ!

I’M THE BOSS ลูกพี่หุ่นเทวะ

“กระวนกระวายขนาดนี้เลย? ไม่ใช่เป้าหมายในการสอบสวนที่ดีจริงๆ ในเมื่อไม่มีประโยชน์แล้ว งั้นก็ส่งเขาออกเดินทางครั้งสุดท้าย” หลิงหลานหันหน้าไปกล่าวกับหลี่หลานเฟิงด้วยเสียงราบเรียบ

หลี่หลานเฟิงที่สังหารคนไปแล้วสองคน เวลานี้เลยมึนชาอยู่บ้าง พอได้ยินคำสั่งของหลิงหลานก็ไม่ขบคิดอะไรทั้งนั้น ปลดปล่อยพลังผีซวีของเขาออกมากำจัดแฮคเกอร์คนนี้ให้สิ้นซากอีกครั้ง

แฮคเกอร์คนอื่นๆ เห็นฝ่ายตรงข้ามเย็นชาไร้ความปรานีสุดขีด บ่งบอกชัดเจนว่าเป็นคนอำมหิตที่สังหารผู้คนได้โดยไม่กระพริบตา กอปรกับไวรัส T ที่คาดหวังไว้สูงได้หายตัวไปอย่างลึกลับ ในใจสูญเสียเสาหลักไปทันที มีคนไม่น้อยนั่งตัวแข็งอย่างไม่อาจควบคุมตัวเองได้

“ตอนนี้สอบสวนดีๆ ได้แล้ว ฉีหลง นายพาคนอื่นๆ ไปสอบสวนตัวต่อตัว สุดท้ายค่อยมาเทียบคำตอบ ถ้าใครกล้าโกหกก็ฆ่าทิ้งซะ…” สายตาแหลมคมของหลิงหลานกวาดมองไปยังแฮคเกอร์สิบกว่าคนในที่แห่งนี้ และสั่งฉีหลง

ฉีหลงรับคำสั่งแล้วให้พวกลูกทีมแยกคนเหล่านี้ไปสอบสวนตัวต่อตัว ไม่ให้พวกเขามีโอกาสรวมหัวกันให้การเท็จ ตอนนี้เอง แฮคเกอร์หนึ่งในนั้นพลันหันหน้ามองไปที่หลิงหลาน เอ่ยปากถามว่า “ถ้าเกิดพวกเราพูดความจริงแล้ว นายรับรองได้เหรอว่าพวกเราจะรอด?”

คำพูดนี้ทำให้แววตาของแฮคเกอร์สิบกว่าคนที่เหลืออยู่วาววับขึ้นมา จ้องมองหลิงหลานอย่างเคร่งเครียด เฝ้ารอคำตอบของเธอ

หลิงหลานปรายตามองอีกฝ่ายแวบหนึ่งอย่างเย็นเยียบ มุมปากยกขึ้นมาเล็กน้อย สีหน้าคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้มทำให้แฮคเกอร์เหล่านี้รู้สึกได้ถึงไอเย็นสายหนึ่งจู่โจมเข้าที่หัวใจอย่างหาสาเหตุไม่ได้….

นิ้วมือของหลิงหลานเคาะกับที่วางแขน ทุกครั้งที่เคาะก็ทำให้หัวใจของแฮคเกอร์เหล่านี้เต้นอย่างรุนแรงหนึ่งครั้ง ในที่สุดหลิงหลานก็เอ่ยปากว่า “ถ้าอยากรอดก็ขึ้นอยู่กับการกระทำของพวกนายแล้ว” เธอกล่าวจบก็ไม่รอให้พวกแฮคเกอร์มีโอกาสเอ่ยปากพูด โบกมือขวาทีหนึ่งบ่งบอกให้ฉีหลงพาพวกเขาไปสอบสวน

เมื่อเห็นพวกฉีหลงเริ่มยุ่ง หลี่หลานเฟิงที่ยืนอยู่ข้างกายหลิงหลานก็ไม่ได้เข้าไปช่วย เขาก้มตัวเล็กน้อยเอ่ยถามหลิงหลานอย่างแผ่วเบาว่า “ถ้าเกิดพวกเขาพูดความจริงกันหมด เราจะปล่อยพวกเขาไปจริงๆ เหรอ?”

หลิงหลานเลิกคิ้วทั้งสองข้าง ถามกลับว่า “นายว่าไงล่ะ?”

หลี่หลานเฟิงนิ่วหน้าตอบกลับว่า “ปล่อยพวกเขากลับไปคิดว่าไม่เหมาะไม่ควรอยู่บ้าง แต่ว่าพวกเราไม่สามารถควบคุมให้พวกเขาอยู่ที่นี่ได้ตลอดไป…”

มือขวาของหลิงหลานบีบนิ้วชี้ข้างซ้ายของตัวเองโดยไม่รู้ตัว แววตาดำทะมึนอย่างหาใดเปรียบ สุดท้ายก็ฉายแววอำมหิตขึ้นมาแวบหนึ่ง เธอเอ่ยอย่างเฉียบขาดว่า “พวกเขาต้องอยู่ที่นี่ตลอดกาล…ฉันให้พวกเขานำข้อมูลของพวกเรากลับไปไม่ได้!” หลิงหลานรู้ดีว่าการตัดสินใจของเธอโหดเหี้ยมมาก นี่หมายความว่าสิบกว่าชีวิตนี้จะต้องจบลงที่นี่ บางทีพวกเขาอาจจะไม่เคยทำเรื่องชั่วร้ายมาก่อน เป็นเพียงทหารล้วนๆ กลุ่มหนึ่งที่จงรักภักดีต่อประเทศของตัวเอง ทว่าเธอจำต้องเป็นเพชฌฆาตเพื่อปกป้องบรรดาลูกทีมที่ติดตามเธอ

หลิงหลานรู้ดีว่า ต่อให้รูปลักษณ์ของพวกเขาผ่านการแก้ไขโดยเสี่ยวซื่อแล้ว ไม่ใช่รูปลักษณ์หน้าตาเดิม แต่เธอไม่มีความมั่นใจว่าสามารถต้านทานการตรวจสอบอย่างเต็มกำลังของประเทศหนึ่งหรือแม้กระทั่งหลายประเทศได้ มักจะมีจุดเธอมองข้ามคิดไม่ถึงเสมอ เธอไม่อาจนำพาวิกฤติมาให้พวกเพื่อนๆ ของเธอได้

คำกล่าวของหลิงหลานทำให้จิตใจของหลี่หลานเฟิงสั่นสะท้านอย่างรุนแรง เขาเข้าใจความหมายในคำพูดของหลิงหลานดี ไม่ว่าอีกฝ่ายจะให้ความร่วมมือหรือว่าไม่ให้ความร่วมมือ หลิงหลานก็จะกำจัดพวกเขาอยู่ดี

หลี่หลานเฟิงเป็นคนฉลาด พริบตาเดียวก็เข้าใจว่าทำไมหลิงหลานถึงตัดสินใจเช่นนี้ พวกเขายังคงเป็นนักเรียนทหารกลุ่มหนึ่ง ตอนนี้ยังอ่อนด้อยอยู่มาก ถ้าหากพวกเขาที่ไม่มีกองทัพคุ้มครองถูกฝ่ายตรงข้ามเจอตัวเข้า ผลสุดท้ายย่อมเป็นความตายอย่างแน่นอน ไม่ว่าคนเหล่านี้มาจากประเทศไหนก็ไม่มีทางปล่อยพวกเขาที่เป็นคนทำลายแผนการของอีกฝ่ายไปได้ นอกจากนี้พวกเขายังไม่สามารถยื่นคำขอให้กองทัพสหพันธรัฐมาคุ้มครองเองได้ ถ้าหากถูกสหพันธรัฐล่วงรู้ถึงตัวตนของพวกเขา โดยเฉพาะอย่างยิ่งรู้เรื่องเขา…หลี่หลานเฟิง สหพันธรัฐไม่มีทางให้เขาใช้ชีวิตอย่างอิสระข้างนอกต่อไปอย่างเด็ดขาด ผีซวีไม่สามารถและก็ไม่ได้รับอนุญาตให้หลุดพ้นจากการควบคุมของกองทัพได้

หลี่หลานเฟิงรู้ดีว่า ถ้าหากไม่มีเขาละก็ เป็นไปได้สูงว่าหลิงหลานจะรายงานเรื่องนี้ให้กับกองทัพสหพันธรัฐ ผลงานที่โดดเด่นของทีมหลิงหลานในคราวนี้ย่อมทำให้ทางกองทัพชื่นชม อนาคตของเด็กหนุ่มอัจฉริยะกลุ่มนี้ถูกลิขิตให้รุ่งโรจน์แน่นอน การเข้าสู่ระบบกองทัพล่วงหน้า ให้กองทัพฝึกอบรมอย่างเต็มกำลัง อนาคตของทีมหลิงหลานมีแต่จะดีขึ้น ไม่มีทางแย่ลง แค่คิดก็รู้แล้วว่า การที่หลิงหลานปล่อยเกียรติยศและทรัพยากรที่ได้มาอย่างง่ายดายไป และเลือกปกปิดเรื่องราวนี้ไว้ ย่อมเป็นการทำเพื่อเขา…หลี่หลานเฟิงแน่นอน

หัวใจของหลี่หลานเฟิงร้อนผ่าวเล็กน้อย จ้องมองหลิงหลานที่เย็นชาราวกับน้ำแข็ง ดูเหมือนไร้ความปรานีแต่จริงๆ แล้วกลับใจดี หัวใจที่เดิมทีละล้าละลังเพราะว่าสังหารชีวิตคนไปมากมายก็เด็ดเดี่ยวหนักแน่นขึ้นมาโดยพลัน กระต่ายยอมแบกรับบาปกรรมนี้เพื่อเขา แล้วเขาจะอ่อนแออีกได้อย่างไร?

“ให้ฉันจัดการเถอะ” ความลังเลในแววตาของหลี่หลานเฟิงถูกกวาดทิ้งไปจนหมด รังสีอำมหิตผุดขึ้นมาอย่างเงียบเชียบ เขาไม่อาจปล่อยให้น้ำใจของกระต่ายเสียเปล่าได้ ความโหดเหี้ยม ความเด็ดขาด เขาด้อยกว่ากระต่ายมากเหลือเกิน หากต้องการกลายเป็นเพื่อนที่ต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับกระต่าย เขาจำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงจิตใจตัวเองให้โหดเหี้ยมเด็ดขาดขึ้น

คำตอบของหลี่หลานเฟิงทำให้หลิงหลานเลิกคิ้วขึ้นด้วยความงงงัน แววตามีความประหลาดใจพาดผ่าน หลิงหลานรู้ดีว่านี่คือครั้งแรกที่หลี่หลานเฟิงฆ่าคน เพราะว่าตอนที่เขาสังหารคนแรกนั้น เธอเห็นชัดเจนว่ามือของหลี่หลานเฟิงกำแน่น ถึงขนาดที่ยังได้ยินเสียงฟันของอีกฝ่ายขบกันจนแทบหัก

หลิงหลานนึกว่าหลี่หลานเฟิงต้องการเวลาพักหนึ่งในการปรับสภาพจิตใจ ต่อให้เป็นเธอ หลังจากที่สังหารคนครั้งแรกในมิติการเรียนรู้ เธอก็แทบจะพังทลาย เกือบจะอ้วกตับไตไส้พุงของตัวเองออกมาหมด…

อย่างไรก็ตาม การรักษาที่มิติการเรียนรู้มอบให้ไม่ใช่การแนะแนวจิตใจ หากแต่เป็นการเข่นฆ่าอย่างไร้ที่สิ้นสุด ฆ่าจนกระทั่งคุณชินชา ทุกครั้งที่หลิงหลานนึกถึงเรื่องเหล่านี้ก็หวาดกลัวไม่หยุด ลอบยินดีที่จิตใจตัวเองแข็งแกร่งทรหด ไม่ได้ถูกทรมานจนเป็นบ้าเพราะเรื่องนี้

เดิมทีหลิงหลานวางแผนไว้ว่า ตอนที่เธอพาลูกทีมจากไปจะให้เสี่ยวซื่อทำการเก็บกวาดเรื่องราวในตอนท้าย กำจัดคนเหล่านี้ให้หมด อย่างไรก็ตาม เมื่อสักครู่นี้ตอนที่หลี่หลานเฟิงถามขึ้น หลิงหลานก็ผุดความคิดขึ้นมา บอกความคิดที่แท้จริงของเธอให้อีกฝ่ายฟัง เธออยากเห็นจริงๆ ว่าชีตาห์สามารถไปได้ถึงขั้นไหน เขาจะไม่เข้าใจการกระทำของเธอ? หรือว่าจะไม่ยอมลงมือเพราะว่าใจอ่อน…

หลิงหลานครุ่นคิดความเป็นไปได้มากมาย แต่เธอไม่คาดคิดเลยว่าหลี่หลานเฟิงสามารถปรับตัวรับความกดดันทางจิตใจหลังจากที่สังหารคนได้ในพริบตาถึงได้อาสาให้เขาจัดการเรื่องนี้เอง หลิงหลานรู้ดีว่า สิ่งที่หลี่หลานเฟิงกล่าวมาคือเรื่องจริง เขาโยนความอ่อนแอทิ้งไปในชั่วพริบตา แล้วเปลี่ยนเป็นโหดเหี้ยมเด็ดขาดขึ้นมา ท่าทีแสดงออกของหลี่หลานเฟิงทำให้หลิงหลานลอบอุทานด้วยความชื่นชม อย่างที่คิดไว้เลยมีคนที่เหมาะกับความชั่วร้ายมาตั้งแต่เกิดจริงๆ ด้วย ชีตาห์คนนี้ไม่ใช่คนดีจริงๆ…

หลิงหลานอุทานในใจ เธอยินดีเป็นอย่างยิ่งที่หลี่หลานเฟิงยอมรับงานเก็บกวาดนี้เอง อย่างไรเสีย มีคนยินดีร่วมแบกรับแรงกดดันนิดหน่อยย่อมเป็นเรื่องดี ลองคิดดูสิ ช่วงชิงชีวิตผู้คนมากมายขนาดนี้ในคราวเดียว ต่อให้เป็นหลิงหลานที่ถูกมิติการเรียนรู้ฝึกฝนมาอย่างโหดร้ายมากก็ทำใจสงบนิ่งไม่ไหวเหมือนกัน

ไม่นานฉีหลงก็นำคำสารภาพของคนทั้งสิบกว่าคนเหล่านี้เข้ามา หลิงหลานอ่านผ่านๆ อย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นก็ชี้ไปยังเจ็ดคนจากในนั้นแล้วเอ่ยด้วยรอยยิ้มหยันว่า “อยากรนหาที่ตายสินะ? ได้ ชีตาห์ ทำตามความปรารถนาของพวกเขาซะ”

หลี่หลานเฟิงที่ตระหนักรู้แล้วก็ไม่ลังเลอีกต่อไป เสียงของหลิงหลานเพิ่งจะขาดคำ พลังผีซวีของเขาทะลักออกมา กำจัดทั้งเจ็ดคนอย่างง่ายดาย พวกเขาเปลี่ยนเป็นอณูพลังงานของโลกเสมือนจริงเหมือนกับพวก D2

เมื่อเผชิญหน้ากับความเย็นชาอำมหิตของหลิงหลานที่ไม่เอ่ยถามสักคำก็ออกคำสั่งกำจัดทิ้งทันที ในใจของคนที่เหลืออยู่ไม่กี่คนต่างก็รู้สึกสิ้นหวัง ไม่กอดความหวังว่าจะโชคดีใดๆ อีกต่อไปแล้ว

หลิงหลานมองสีหน้าของพวกคนที่เหลืออยู่ด้วยความสนใจ มุมปากยกขึ้นน้อยๆ พลางกล่าวว่า “อย่างน้อยที่สุดพวกนายก็ยังพูดความจริงอยู่หลายประโยค ไม่เหมือนเจ็ดคนนั้น พูดแต่เรื่องไร้สาระทั้งนั้น ตอนนี้ฉันจะให้โอกาสพวกนายอีกสักครั้ง หวังว่าคราวนี้จะไม่ทำให้ฉันผิดหวังล่ะ”

คำพูดของหลิงหลานทำให้แววตาสิ้นหวังของคนเหล่านั้นลุกโชนไปด้วยเปลวไฟแห่งความหวังที่จะเอาชีวิตรอดขึ้นมาทันใด พวกเขาที่ถูกสืบสวนต้อนจนมุมก็ให้ความร่วมมืออย่างยิ่งยวด กระทั่งคำถามบางอย่างที่พวกฉีหลงคิดไม่ถึง พวกเขาก็บอกมาเอง

หลิงหลานกล่าวแบบนี้ ทว่าหลี่หลานเฟิงกลับเอ่ยถามด้วยความสงสัยว่า “เจ็ดคนนั้นโกหกกันหมดจริงๆ เหรอ?”

หลิงหลานตอบกลับอย่างเฉยชาว่า “จะเป็นไปได้ยังไง ฉันไม่เคยหาหลักฐานมาพิสูจน์สักหน่อย…แต่ถึงยังไงก็ต้องสังเวยชีวิตบางคน ให้คนที่เหลืออยู่ไม่กล้าปกปิดอะไรอีก”

หลี่หลานเฟิงถึงค่อยเข้าใจว่า เมื่อสักครู่นี้หลิงหลานแค่สุ่มเลือกออกมาเจ็ดคนเท่านั้น ใช้ชีวิตของพวกเขามาข่มขวัญคนรอดชีวิตอยู่ แค่คิดก็รู้ว่าคำสารภาพในคราวนี้จะต้องมีคุณค่ามากขึ้นอย่างแน่นอน หลี่หลานเฟิงอดหดหู่ใจไม่ได้ แผนการกลยุทธ์ของเขาที่เดิมมีความมั่นใจอย่างยิ่งยวดไม่อาจเทียบกระต่ายได้เลย…

คำสารภาพใหม่ออกมาอย่างรวดเร็ว หลิงหลานเปิดดูอย่างรวดเร็วก่อนจะพึงพอใจ เธอแน่ใจแล้วว่าคนพวกนี้มาจากจักรวรรดิซีซาร์ ตอนแรกที่เห็นคำแนะนำของจักรวรรดิซีซาร์ เธอก็คิดว่าจักรวรรดินี้ไม่ได้เป็นมิตรเหมือนกับที่เห็นภายนอกแน่นอน ไม่มีใครยอมมอบตำแหน่งมหาอำนาจออกมาอย่างใจกว้างขนาดนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งจักรวรรดิซีซาร์ที่ยังคงแข็งแกร่งขนาดนั้น…

ตอนนี้ดูเหมือนว่าความรู้สึกตอนแรกของเธอถูกต้องแล้ว จักรวรรดิซีซาร์ทุ่มกำลังใช้เวลาสิบหกปีเพาะเลี้ยงตัวอ่อนของไวรัส T จนสำเร็จเพื่อที่จะจัดการสหพันธรัฐหัวเซี่ย พวกเขาช่างมีความอดทนเสียจริง

“ไม่นึกเลยว่าเป็นซีซาร์ ทหารมากมายของสหพันธรัฐเรามีความรู้สึกดีๆ ต่อจักรวรรดิซีซาร์มาก หลายปีที่เราต่อสู้กับจักรวรรดิฮิงูเระ ซีซาร์สนับสนุนพวกเราในฉากหน้ามาตลอด” คนที่ส่งข้อมูลมาคือหานจี้จวิน เขาเห็นข้อมูลเหล่านี้ก่อนหลิงหลานก้าวหนึ่งและอดเอ่ยอย่างทอดถอนใจไม่ได้

“จักรวรรดิเล็กๆ ที่มีอาณาเขตดวงดาวแค่หนึ่งเปอร์เซ็นต์ของเรา แต่สู้กับพวกเราได้หลายปีขนาดนี้ ถ้าไม่มีประเทศมหาอำนาจพวกนี้สนับสนุนก็คงทำไม่ได้หรอก” หลิงหลานดีดกระดาษในมือ เอ่ยด้วยรอยยิ้มหยัน “นอกจากนี้ สินสงครามก็เป็นสิ่งที่ประเทศมหาอำนาจพวกนี้ชอบหามามากที่สุด”

ก็เหมือนกับประเทศมหาอำนาจในชาติก่อนของเธอที่ลงมือในที่ลับและที่แจ้งเพื่อควบคุมการขึ้นมามีอำนาจของประเทศอื่น ช่วยเหลือประเทศเล็กๆ ต่อกรกับประเทศที่ผงาดขึ้นมา วิธีการของจักรวรรดิซีซาร์ก็เหมือนกับประเทศมหาอำนาจนั้นไม่มีผิด สมกับที่เป็นลูกหลานรุ่นหลังของประเทศมหาอำนาจนั้นจริงๆ

หานจี้จวินได้ยินคำกล่าวก็ก้มศีรษะลงเล็กน้อยและใคร่ครวญอย่างลึกซึ้ง เขาคิดว่าสิ่งที่ลูกพี่หลานกล่าวมามีเหตุผลมาก ต่อให้สหพันธรัฐมีอาณาเขตกว้างใหญ่ทรงอำนาจเช่นนี้ เมื่อทำสงคราม เขตดาวทั้งสามระดับต่างก็ตึงเครียดอยู่บ้าง แถมนี่ยังเป็นผลจากการพร้อมใจทำงานร่วมกันภายในสหพันธรัฐอีกด้วย จากที่เขารู้มา สถานการณ์ภายในจักรวรรดิฮิงูเระนั้นวุ่นวายไม่สงบ เกิดการจลาจลอย่างต่อเนื่อง มันเอาทรัพยากรกำลังทรัพย์จากที่ไหนมาทำสงครามยืดเยื้อกับสหพันธรัฐกันล่ะ? คิดดูแล้วเบื้องหลังจะต้องมีประเทศอื่นเข้าร่วมอย่างแน่นอน

———————–