บทที่ 324 ใครเป็นผู้บงการอยู่เบื้องหลัง

มาสี่คนกลับห้าคน เสี่ยวเอ้อทำเป็นมองไม่เห็น เมื่อขึ้นมาบนรถม้าเว่ยเจ๋อเซิงจึงถอนหายใจออกมา คิดไม่ถึงว่าวันนี้ตัวเองจะโชคดีมีคนช่วยชีวิตเอาไว้

“ไม่ทราบว่าทุกท่านเป็นใคร กรุณาบอกให้ข้ารู้ได้หรือไม่ขอรับ หากว่าข้ารอดไปได้ จะสวดมนต์ขอพรให้ผู้มีพระคุณทุกเช้าค่ำแน่นอนขอรับ”

ฮวาเซียงเซียงปัดมือไปมา “สวดมนต์ขอพรไม่ต้องหรอก เจ้าแค่เล่าเรื่องของเจียงเช่ออะไรนั่นมาก่อนเถอะ”

เว่ยเจ๋อเซิงถอนหายใจออกมา “เดิมทีเจียงเช่อผู้นั้นเป็นคนโดดเดี่ยวและลำบากยากแค้น แม่ของเขาเป็นนางโลมในตรอกที่เป็นแหล่งรวมหอนางโลม การใช้ชีวิตในสภาพแวดล้อมเช่นนั้นตั้งแต่เด็กลำบากเป็นอย่างมาก ทำให้เขากลายเป็นคนที่มีนิสัยเจ้าเล่ห์ หลังจากเข้ามาในสำนักเทพพยากรณ์ ความจริงแล้วก็นับว่าเป็นคนที่มีพรสวรรค์ เพียงแต่ชอบศึกษาค้นคว้าเรื่องนอกรีต และชอบเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนอื่น ดังนั้นการพัฒนาจึงถูกจำกัดและชะงักอยู่เช่นนั้น

ดังนั้นเขาจึงเริ่มออกนอกลู่นอกทางไปเรื่อย ๆ เขาลงเขาไปหลอกลวงคนรวย ด้วยการไม่ทำพิธีไสยศาสตร์ก็สาปแช่งคน นานวันเข้าก็ทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง จนมีคนมาตามหาที่สำนักเทพพยากรณ์อีกด้วย

นั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้อาจารย์โมโหและลงโทษเจียงเช่อ แต่ใครจะรู้ว่าเรื่องนี้กลับทำให้เขาคิดแค้น และนำหายนะมาสู่สำนักเทพพยากรณ์”

จี้จือฮวนฟังจบก็เอ่ยขึ้นอย่างไร้อารมณ์ “ความจริงแล้วสิ่งที่เราประสบพบเจอมาไม่ได้มีผลต่อการเลือกทางเดินมากนัก หลายคนอยู่ในสภาพแวดล้อมเช่นนั้น ยังสามารถเลือกที่จะเป็นคนดีได้ การที่เขาเดินบนเส้นทางนี้ก็เพราะเขาเลือกที่จะเดินเอง ที่สำคัญเขาไม่ใช่เด็กสามขวบ สิ่งที่ควรรู้ก็รู้หมดแล้ว”

เว่ยเจ๋อเซิงชะงักไป จากนั้นก็ส่ายหน้าอย่างระอา “แม่นางพูดถูกต้องแล้ว แต่บัดนี้ศิษย์พี่ศิษย์น้องของข้ามากมายได้รับความทุกข์ทรมาน ทว่าเขาก็ยังไม่ยอมรามือ คิดว่าก็คงเคียดแค้นพวกเราเช่นกัน”

“รักษาบาดแผลให้หายดีก่อนเถอะ อยู่กับพวกเราไม่มีใครทำอะไรเจ้าได้”

เมื่อกลับมาถึงจวน เสี่ยวลิ่วจื่อก็พาเว่ยเจ๋อเซิงไปพักผ่อนที่ห้องแขก ทั้งสี่คนจึงได้นั่งลงกินอาหาร

“ข้ารู้สึกว่าเนื้อปลานี่ยังทำได้ไม่ค่อยดี สรุปก็คือไม่อร่อยเท่าที่ฮวนฮวนทำ”

เซียวเย่เจ๋อพยักหน้าเห็นด้วย “ข้าคิดว่าฝีมือพอ ๆ กับพ่อครัวที่จวนของข้า เช่นนี้ภัตตาคารของเราชนะแน่นอน”

จี้จือฮวนตอนกลางวันนอนไปค่อนข้างนาน ทำให้ตอนกลางคืนจึงไม่ง่วงเท่าใดนัก และพบว่าอาหารของหอเต๋อเยว่ประณีตเกินไป อีกทั้งรสชาติก็ไม่ได้หลากหลายเหมือนสมัยใหม่ จึงหมดสนุกที่จะชิมต่อ

“ข้าจะไปดูเสี่ยวเตาก่อน”

“ข้าจะไปกับเจ้าด้วย”

ทั้งสองคนกลับไปที่เรือนด้วยกัน โดยทิ้งฮวาเซียงเซียงกับเซียวเย่เจ๋อเอาไว้

เซียวเย่เจ๋อกำลังคิดจะขยับเก้าอี้เข้าไปใกล้ฮวาเซียงเซียง

“แค่ก ๆ ๆ ๆ!” อาอู๋กระแอมเล็กน้อย เซียวเย่เจ๋อจึงเบะปากใส่ และขยับกลับไปที่เดิม

ฮวาเซียงเซียงชำเลืองมองเขา “ทางที่ดีเจ้าทำตัวเป็นเด็กดีไว้จะดีกว่า เสี่ยวลิ่วจื่อกับอาอู๋ของเราจับตามองเจ้าอยู่”

เซียวเย่เจ๋อรู้สึกว่าอาหารในปากไม่อร่อยแล้ว

ไหนบอกว่าให้เขาพยายามอย่างไรเล่า! ด้านหน้ามีท่านพ่อตา ด้านหลังมีสายของท่านพ่อตา จะให้เขาพยายามอย่างไรกันเล่า!

“เสี่ยวเตาเล่า?” จี้จือฮวนมาถึงห้องของนาง ทว่ากลับไม่พบตัวคน

หญิงรับใช้ที่รับผิดชอบทำความสะอาดห้องแขกได้ยินเสียงก็ออกมา “อ้อ แม่นางผู้นั้นเมื่อครู่เพิ่งเข้าไปอีกห้องหนึ่งเจ้าค่ะ”

“อยู่เฉยไม่ได้จริง ๆ อาการบาดเจ็บยังไม่หายดีเลย” จี้จือฮวนบ่นพลางเดินไปห้องข้าง ๆ

ก่อนจะเห็นเสี่ยวเตานั่งอยู่ข้างเตียงของเว่ยเจ๋อเซิง เท้าข้างหนึ่งเหยียบบนเก้าอี้อย่างไม่เกรงใจ ดาบเล่มใหญ่ถูกนางโยนเอาไว้บนเตียง กำลังกัดผิงกั่ว*ในมือแล้วเคี้ยวเสียงดัง

* ผิงกั่ว (苹果) หมายถึง แอปเปิล

เว่ยเจ๋อเซิงนอนมองด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความระอา น้ำเสียงฟังดูน่าสงสารเล็กน้อย “แม่นาง ชายหญิงมิควรถูกเนื้อต้องตัวกัน เจ้าเข้ามาในห้องข้าดึก ๆ ดื่น ๆ ไม่ควรอย่างยิ่ง”

เสี่ยวเตาเดาะลิ้น “อะไรนะ? เช่นนั้นเจ้าก็คิดซะว่าข้าเป็นพี่น้องก็ได้ ข้าไม่ถือสาหรอก”

เว่ยเจ๋อเซิง “…”

“แม่นางได้รับบาดเจ็บหนัก ไม่เจ็บหรืออย่างไรกัน?”

ร่างกายของเสี่ยวเตาถูกพันด้วยผ้าพันแผลทั่วทั้งร่าง เว่ยเจ๋อเซิงมองดูก็รู้ว่านางได้รับบาดเจ็บหนัก แต่นางกลับไม่สะทกสะท้านแต่อย่างใด

“ข้าไม่มีความรู้สึกตั้งแต่เด็กแล้ว ไม่เจ็บเลยสักนิด แถมนอนจนหนอนใกล้จะขึ้นอยู่แล้ว”

เสี่ยวเตาพูดเสร็จก็หัวเราะออกมา ก่อนจะมองไปบนเตียงของเขา “เจ้าบาดเจ็บตรงไหนหรือ? ภรรยาเสี่ยวเผยของเราร้ายกาจมากใช่หรือไม่?”

เว่ยเจ๋อเซิงคิดไปคิดมา “ภรรยาของเสี่ยวเผยใช่แม่นางจี้หรือไม่?”บราวนี่ออนไลน์

“อืม”

“ร้ายกาจมาก” สองสามีภรรยาร้ายกาจมากจริง ๆ ขนาดทหารองครักษ์ของราชสำนักก็ยังไม่กลัว ทั้ง ๆ ที่คนในยุทธภพอย่างพวกเขากลัวการล่วงเกินเจ้าหน้าที่ที่สุด ว่ากันว่าหากราชสำนักฆ่าล้างตระกูล จะไม่มีใครรอดชีวิตไปได้แม้แต่คนเดียว

เมื่อคิดถึงเหล่าศิษย์พี่ศิษย์น้องที่ตกอยู่ในน้ำมือของเจียงเช่อ เว่ยเจ๋อเซิงก็ปวดใจขึ้นมาทันที สีหน้าพลันย่ำแย่ลงเรื่อย ๆ

“นี่ เหตุใดเจ้าถึงหน้าแดงอีกแล้วเล่า” เสี่ยวเตาร้อนใจขึ้นมา เขวี้ยงผิงกั่วทิ้งทันที ทว่าเผยยวนกลับคว้าเอาไว้ได้พอดี ก่อนจะเห็นเสี่ยวเตาจับบ่าของเว่ยเจ๋อเซิงเขย่าอย่างแรง “เจ้าอย่าตายนะ”

เว่ยเจ๋อเซิงเดิมก็เป็นไข้อยู่แล้ว เมื่อถูกนางเขย่าแรง ๆ จึงได้สลบไป

“ภรรยาเสี่ยวเผย เจ้ารีบมาดูสิ เขาจะตายแล้ว!!”

จี้จือฮวนก้าวเร็ว ๆ ไปที่ข้างกายของเว่ยเจ๋อเซิงและตรวจชีพจรให้เขา เมื่อได้ยินที่เสี่ยวเตาเอ่ยก็ถอนหายใจออกมา “เจ้ารีบวางเขาลงเถอะ ร่างกายเขาอ่อนแอ จึงทนเจ้าเขย่าเช่นนี้ไม่ไหว”

เว่ยเจ๋อเซิงดูก็รู้ว่าเป็นสุภาพบุรุษ เมื่อมาเจอกับเสี่ยวเตา บัณฑิตเจอทหาร มีเหตุผลก็ใช้ไม่ได้**จริง ๆ

** บัณฑิตเจอทหาร มีเหตุผลก็ใช้ไม่ได้ (秀才遇到兵,有理说不清) หมายถึง บัณฑิตใช้เหตุผลแก้ปัญหา ส่วนทหารใช้กำลังแก้ปัญหา ว่ากันด้วยเรื่องพละกำลังบัณฑิตย่อมสู้ทหารไม่ได้ คุยกันด้วยเหตุผลก็ไม่มีประโยชน์

เสี่ยวเตาชักมือกลับ “ยังไม่ตายหรือ?”

“ไม่ตาย ว่าแต่เจ้าทำไมไม่พักผ่อนอยู่ที่ห้อง ออกมาเพ่นพ่านทำไมกัน รีบกลับไปได้แล้ว”

เวลาจี้จือฮวนทำหน้านิ่งขึ้นมาแม้แต่ไท่ซ่างหวงก็ยังกลัว เสี่ยวเตาจึงวิ่งผลุบเข้าห้องตัวเองทันที แม้แต่ดาบก็ไม่เอาแล้ว

เผยยวนเห็นดังนั้นก็ส่ายหน้า “เขาเป็นเช่นไรบ้าง?”

“ความโกรธพลุ่งพล่าน โมโหจนเป็นลมไป พักสักหน่อยก็หายแล้ว” จี้จือฮวนช่วยห่มผ้าห่มให้เขา

ตอนที่เสี่ยวลิ่วจือมาหาพวกเขา เผยยวนกำลังเตรียมที่จะกลับห้องไปพักผ่อน

“แม่นางจี้ขอรับ เถ้าแก่ของหย่งอันถังมาขอพบ บอกว่าได้รับจดหมายจากท่านแล้ว เขาชื่อถังซุ่นขอรับ”

จี้จือฮวนเกือบลืมเรื่องนี้ไปเสียสนิท “รบกวนเจ้าแล้ว ให้เขาเข้ามาเถอะ”

“ขอรับ”

นางติดต่อถังซุ่นก่อนมาเมืองหลวง หลังจากมาถึงคฤหาสน์ของกองเรือจึงได้ให้คนส่งข่าวไปบอก ให้เขาหาวันมาพบโดยนางจะไม่เข้าไปที่ร้านแล้ว แต่คิดไม่ถึงว่าจะมาตอนนี้

ถังซุ่นยังได้นำสมุดบัญชีมาด้วย เมื่อเห็นจี้จือฮวนก็รีบคารวะทันที ก่อนจะพูดถึงรายได้ของร้านในช่วงนี้ จี้จือฮวนดูบัญชีก่อนจะเอ่ยถามขึ้น “ปูนขาว ถั่วแปบ ปั้นเซี่ย ต้าหวง กานพลู เหตุใดถึงขายดีเพียงนี้ ทั้งหมดนี่ล้วนถูกคนซื้อไปอย่างนั้นหรือ?”

“ใช่ขอรับ ช่วงนี้สมุนไพรจำพวกนี้หาซื้อได้ยากมาก ในเมืองหลวงก็มีคนหาซื้อเป็นจำนวนมาก ทั้ง ๆ ที่ไม่ใช่สมุนไพรหายากอะไร ดังนั้นจึงค่อนข้างแปลกมากเลยขอรับ”

“รู้หรือไม่ว่าใครเป็นคนซื้อ?”

“คนที่มาซื้อบอกเพียงว่าทำการค้าสมุนไพร เรื่องอื่นไม่ทราบขอรับ”

จี้จือฮวนรู้สึกไม่เข้าใจ แต่หากมีเรื่องผิดปกติแสดงว่าต้องมีบางอย่างเกิดขึ้น หากคนทำตัวผิดปกติแสดงว่าต้องมีแผนการ

“ฤทธิ์ของยาเหล่านี้เหมือนจะช่วยรักษา…”

จี้จือฮวนคิดออกขึ้นมาที ถ้าหากหลูโจวเกิดน้ำท่วม กรณีร้ายแรงที่สุดมีโอกาสสูงที่จะเกิดอหิวาตกโรค ด้วยการแพทย์ในสมัยโบราณผู้คนจะตายภายในสองหรือสามวัน ถึงเวลาอย่าว่าแต่หลูโจวเลย แม้แต่พื้นที่โดยรอบก็ไม่อาจรอดพ้นไปได้

หากมีการเตรียมการล่วงหน้าเช่นนี้ อาจกล่าวได้ว่าผู้บงการอยู่เบื้องหลังยอมฆ่าคนเป็นผักปลาเพื่อบรรลุเป้าหมายของตนเอง

.

.

.