บทที่ 262 เหยาซูจะจัดการอย่างไร

ทะลุมิติไปเป็นแม่ของวายร้ายทั้งสาม

บทที่ 262 เหยาซูจะจัดการอย่างไร
บทที่ 262 เหยาซูจะจัดการอย่างไร

ยามที่แม่เฒ่าหวังพาสะใภ้สามเล่นละครตลกนี้ แม่โจวที่ยืนอยู่ข้างกายตลอดไม่ส่งเสียงและไม่เคลื่อนไหวแต่อย่างใด รัศมีความมีตัวตนก็ไม่แข็งแกร่ง

เหยาซูโยนปัญหานี้ไปให้นาง ทุกคนจึงสังเกตเห็นแม่โจวที่เอาแต่เงียบไม่พูดไม่จามาโดยตลอด

เมื่อแม่โจวถูกสายตาที่เย็นชาของเหยาซูจับจ้องจึงได้เอ่ยปากถามด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง “พี่สะใภ้ใหญ่อยากให้ข้าพูดสิ่งใดเล่า?”

เสียงนั้นแหบแห้งจนแตกพร่า เหมือนกับเสียงที่ผ่านการร้องไห้มาเป็นเวลานาน จนเส้นเสียงถูกทำลายโดยสมบูรณ์ ซึ่งแตกต่างจากเสียงแหลมอันยโสโอหังเมื่อครั้งอดีตโดยสิ้นเชิง

เหยาซูจำได้ว่าแม่โจวมักจะตามแม่เฒ่าหลินไปสร้างปัญหาต่าง ๆ ทั้งยังจำได้ว่านางรังแกแม่ม่ายลูกติดอย่างพวกนางอย่างไร จึงไม่จำเป็นต้องเห็นใจต่อจุดจบในวันนี้ของแม่โจว

ใบหน้าของนางไม่ได้แสดงสีหน้าใด นอกจากพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ที่พวกเจ้าสามคนมาในวันนี้ ก็เพื่อมาหาเรื่องกันใช่หรือไม่?”

แม่เฒ่าหลินกำลังจะพูด แต่กลับถูกสะใภ้สามห้ามไว้ไม่ให้ส่งเสียงใด ๆ ออกไป

กระทั่งเห็นสีหน้าที่สลดลงของแม่โจว ตามมาด้วยเสียงที่แหบแห้ง “เจ้าสามติดหนี้พนันข้างนอก ครอบครัวเราไม่มีเงินทองแล้ว…บัดนี้เขากำลังซ่อนตัว เจ้าหนี้จึงพาตัวสามีข้าและท่านพ่อไป…”

เหยาซูมองพวกเขาด้วยสีหน้าเย็นชา โดยไม่ปริปากพูดสิ่งใด

แม่โจวเงยหน้าขึ้น หางตาฉายแววโดดเดี่ยว กระทั่งโพล่งความต้องการในวันนี้ออกมาด้วยสีหน้าเว้าวอน “ข้าอยากจะขอให้พี่ใหญ่และพี่สะใภ้ใหญ่ช่วย…”

ท้องของนางโตขึ้นมาก แต่ร่างทั้งร่างกลับซูบผอมคล้ายกับว่าพลังชีพและของบำรุงของทั้งร่างกายล้วนถูกเด็กในท้องช่วงชิงไปจนหมด ช่างน่าเวทนาจนไม่อยากจะเชื่อ

มนุษย์โลกล้วนเห็นใจคนอ่อนแอ แล้วนับประสาอะไรกับหญิงท้องแก่ที่ตกอยู่ในสภาวะอันตรายเช่นนี้

แค่นึกถึงความเจ็บปวดเมื่อครั้งอดีตของนาง การกลั่นแกล้งของน้องสามี แม้แต่พี่สะใภ้ทั้งสองคนของตระกูลเหยาก็ยังไม่อยากพูดมากกับนาง…

เหยาซูเห็นนางไม่โวยวาย ไม่เป็นเดือดเป็นร้อน เหมือนกับเข้าใจกันแล้วจึงพูดขึ้น “วันนั้นเจ้าเองก็อยู่บ้าน คงจะได้ยินแล้วว่าหลินเหราไม่ใช่ลูกหลานตระกูลหลิน บัดนี้เราได้แยกบ้านออกมาแล้ว อาเหราจะส่งเงินจำนวนสิบตำลึงไปจุนเจือตระกูลหลินทุกเดือน แค่นี้พวกเจ้ายังไม่พอใจอีกหรือ?”

เดิมทีนางคิดว่าคำพูดนี้จะทำให้แม่โจวสะเทือนใจ แต่ใครจะไปคิดเล่าว่าดวงตาของนางคู่นั้นจะตะลึงงัน แล้วไหนจะท่าทางนั้น นางจับจ้องเหยาซูและพูดว่า “ได้โปรดพี่ใหญ่และพี่สะใภ้ช่วยเราด้วยเถิด…”

ในใจของเหยาซูขุ่นเคืองไม่น้อย

พวกสรรพสัตว์ของตระกูลหลินกลุ่มนี้ ช่างไม่เข้าใจคำพูดของผู้อื่นจริง ๆ!

นางขมวดคิ้วแน่น และพูดด้วยท่าทางรังเกียจว่า “เจ้าไม่ต้องทำแบบนี้หรอก ตอนข้าเพิ่งตั้งครรภ์ได้หกเดือน เจ้าทำอย่างไรกับข้าเล่า? ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงวันคลอดลูก เดิมทีซานเป่าเป็นเด็กคลอดยาก เรื่องการไม่เชิญหมอมาให้ข้าก็เรื่องหนึ่ง แต่หลังจากคลอดลูกแล้ว ใครกันที่บังคับให้ข้าไปก่อไฟหุงหาอาหาร? แล้วใครกันที่บอกว่าไม่ทำงานบ้านก็ไม่ต้องกินข้าว?”

เหยาซูมองนางด้วยสายตารังเกียจและทนไม่ไหวอีกต่อไป “ตอนนี้เจ้าคงได้ลิ้มรสชาติความขมขื่นแล้ว ยังมีหน้ามาอ้อนวอนคนที่ถูกเจ้าทรมานปางตายอีกอย่างนั้นหรือ?”

นัยน์ตาของแม่โจวรื้นไปด้วยหยาดน้ำตาช้า ๆ สีหน้าที่แสดงออกมาก็ไม่เหมือนเดิม

นางแก้ตัวแบบขอไปที “ไม่ใช่ ไม่ใช่ข้า…ท่านแม่ให้เจ้าทำ ไม่ใช่ข้า…”

เหยาซูยิ้มเยือกเย็น ไม่อยากเสวนากับนางให้มากความอีก

ภรรยาหลินหงแต่งเข้ามาเป็นสะใภ้ของตระกูลหลินได้ไม่นาน จึงไม่รู้เรื่องเหล่านี้

นางรู้ว่าแม่เฒ่าหวังมักจะทรมานสะใภ้รอง สาเหตุที่ไม่ยื่นมือเข้าไปช่วย นั้นเพราะรู้สึกว่าแม่โจวเป็นคนนอก…

ยิ่งไปกว่านั้นแม่หวังเองก็ด่าทอนางด้วยถ้อยคำหยาบคายว่านังแพศยา ส่ำส่อนทั้งวัน นางจึงคิดว่าแม่โจวคงทำเรื่องที่ผิดต่อตระกูลหลินแน่นอน

แต่บัดนี้เมื่อรู้ว่าเหยาซูก็ถูกปฏิบัติเช่นนี้ ในใจของนางจึงอดสั่นเทิ้มไม่ได้ สายตาที่มองแม่เฒ่าหลินได้เปลี่ยนไป

แม่สามีผู้นี้คือป้าแท้ ๆ …นางน่าจะไม่ปฏิบัติตนเช่นนี้กับนางหรอกกระมัง?

คนในตระกูลหลินจะมีความคิดที่แตกต่างกันอย่างไร เหยาซูไม่สนใจ…

นางเดินมาตรงหน้าของแม่เฒ่าหวัง จากนั้นก็โน้มตัวลงเล็กน้อยมองอีกฝ่ายที่ทรุดตัวอยู่บนพื้นอย่างน่าเวทนา นางไม่มีเรี่ยวแรงจะหลอกลวงอะไรอีกตั้งแต่หัวจรดเท้า ก่อนจะพูดด้วยเสียงเย็นชา “วันนี้ถ้าจะมาเรียกเงิน ข้าคงไม่มีให้ พวกเจ้าจะกลับหรือไม่กลับ? ถ้าไม่กลับข้าจะเรียกคนมาส่งพวกเจ้าเอง”

แต่จะส่งอย่างไรนั้น เหยาซูจะตัดสินใจเอง!

แม่เฒ่าตระกูลหลินกัดฟันกรอด ดวงตาขนาดเล็กคู่นั้นฉายแววโหดเหี้ยมและเกลียดชัง “เหยาซู! เจ้าไม่กลัวว่าข้าจะฟ้องศาลหรือ?! ฟ้องถึงนายอำเภอ ฟ้องว่าพวกเจ้าอกตัญญู! ยังคิดจะเป็นขุนนางอีกหรือ?! ข้าจะฟ้องว่าพวกเจ้าทำลายชื่อเสียงตระกูลจนป่นปี้ พวกเจ้าจะต้องถูกโยนเข้าไปในคุกใหญ่! หลินเหราคือลูกชายของข้าตามลำดับวงศ์ตระกูล หากข้ายังมีชีวิต เขาก็ต้องเลี้ยงดูข้ายามแก่เฒ่า!”

เหยาซูไม่เข้าใจว่าความเกลียดชังของแม่เฒ่าหวังนั้นมาจากไหน

นางและหลินเหราเดิมทีก็ไม่ได้ติดหนี้บุญคุณตระกูลหลิน ตรงกันข้ามตระกูลหลินยังทำร้ายพ่อแม่ของหลินเหรา ทำให้เขาเติบโตภายใต้สิ่งแวดล้อมที่ถูกหมางเมินอย่างมาก!

เรื่องเหล่านี้เหยาซูล้วนแต่ไม่อยากพูดกับคนเหล่านี้มากนัก จึงพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “ท่านไปฟ้องเถอะ แต่ถึงจะฟ้องได้ คราวที่แล้วที่หลินเหรากลับบ้านเขาก็ได้ลบชื่อออกจากตระกูลแล้ว ข้าจะคอยดูว่าเจ้าจะฟ้องเรื่องที่เราทำลายชื่อเสียงตระกูลอย่างไร”

แม่หวังโกรธแค้นจนตาแทบจะถลนออกมา นัยน์ตาคู่นั้นสะท้อนแววตาอยากจะถลกหนังของเหยาซูทั้งเป็นก็มิปาน

เหยาซูกำลังยืดตัวขึ้น แต่กลับได้ยินพี่สะใภ้ใหญ่เหยาตะโกนด้วยความตกใจ “ขวางนางไว้ รีบขวางนางไว้!”

แม่โจวที่เดิมทีไม่ปริปากพูดแต่อย่างใด บัดนี้ไม่รู้ว่านางมาอยู่ข้างบ่อน้ำในลานบ้านตั้งแต่เมื่อใด ซึ่งครึ่งร่างของนางได้โน้มลงไปบนขอบบ่อแล้ว

เมื่อแม่เฒ่าหวังเห็นดังนั้นจึงตะโกนเสียงแหลม “กระโดด! กระโดดลงไปสิ! ข้าจะคอยดู หากวันนี้มีคนต้องตาย เหยาซูนังหญิงสารเลวเช่นเจ้าจะชดใช้ได้หรือไม่! ”

หญิงท้องแก่ยืดตัวอีกครึ่งหนึ่งขึ้นมาอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ ความซึมเศร้าในสายตาได้ถูกปกคลุมด้วยความบ้าบิ่น ไม่รู้ว่าไปเอาพละกำลังมาจากที่ใด จากนั้นก็โน้มตัวเตรียมตัวกระโดดลงไปในบ่อน้ำ

เหยาซูหายใจถี่ขึ้น เตรียมจะพุ่งตัวเข้าไปช่วย แต่กลับเห็นสะใภ้รองเหยาที่เฝ้าอยู่หน้าประตูพุ่งตัวเข้าไป จากนั้นก็กอดขาของแม่โจวไว้แน่น

ร่างกายท่อนบนของแม่โจวโน้มตัวลงไปในบ่อน้ำแล้ว ส่งผลให้ท้องขนาดใหญ่กดทับอยู่บนขอบบ่อ เจ็บปวดรวดร้าวจนหน้าผากของนางเต็มไปด้วยเหงื่อ

โชคดีที่ขอบบ่อของตระกูลเหยาค่อนข้างสูง เพื่อป้องกันเด็ก ๆ เล่นซุกซน และอยากรู้อยากเห็นจนพลัดตกลงไป

แม่โจวที่เดิมที่ไม่มีเรี่ยวแรงมากเพียงนั้น จึงทำได้เพียงเกาะอยู่บนขอบบ่อ อยากจะขึ้นไปแต่ก็ทำไม่ได้

พี่สะใภ้ใหญ่เหยาเองก็ตกใจกับเหตุการณ์นี้จนเหงื่อเย็นผุดซึมไปทั่วทั้งร่างกาย ถึงขั้นวิ่งมายังข้างบ่อ ช่วยพี่สะใภ้รองดึงตัวอีกฝ่ายลงมา

กระทั่งเห็นแม่โจวนั่งลงขอบบ่อ ใบหน้าที่เหี่ยวแห้งเผยรอยยิ้มอันน่ากลัว จากนั้นก็ตะโกนออกไปด้วยน้ำเสียงแหบแห้งว่า “จะมีชีวิตอยู่ต่อไปทำไม ตายเสียได้ก็ดี พวกเจ้าทุกคนก็อย่าหวังว่าจะได้มีชีวิตที่สุขสันต์!”

สะใภ้ทั้งสองคนของตระกูลเหยาต่างพากันตื่นตกใจ เหยาซูเองก็โกรธจนเนื้อตัวสั่นเทิ้ม

ถ้าวันนี้นางตกลงไปในบ่อ อย่าว่าแต่ชีวิตของหลินเหราที่ต้องพังทลาย คนของตระกูลเหยาก็คงหนีไม่พ้นจากส่วนเกี่ยวข้องนี้

เหยาซูกระวนกระวายใจ จากนั้นก็ดึงเชือกป่านที่มัดติดอยู่บนท่อนไม้จากโรงเก็บฟืนออกมา และมัดแขนของแม่โจวไว้

นางพูดกับสะใภ้ทั้งสองของตระกูลเหยาว่า “พี่สะใภ้ใหญ่ พี่สะใภ้รอง พานางเข้าไปอยู่ในห้องนอนเก่าของข้า แล้วเฝ้านางไว้ก่อนข้าจะกลับมาจากส่งแขก ห้ามให้นางตายเด็ดขาด!”

พี่สะใภ้ใหญ่เหยาและพี่สะใภ้รองเหยาไม่รู้ว่าเหยาซูกำลังวางแผนอะไร แต่กลับทำได้แค่เชื่อฟังนาง

แม่เฒ่าเหยาได้ยินการเคลื่อนไหวจึงวิ่งออกมา กระทั่งเห็นคนเหล่านั้นยืนออกันอยู่ข้างบ่อน้ำ มีทั้งเสียงร้องไห้และเสียงตื่นตระหนก ตนเองก็ตกใจไม่น้อยเช่นกัน

“เกิดอะไรขึ้น?! อยู่ดี ๆ ก็มีเรื่องกันถึงขนาดตกลงกันไม่ได้ จนต้องกระโดดบ่อเชียวหรือ?!”

เหยาซูเห็นมารดาพยายามเค้นเอาเหตุผลกับคนเหล่านี้ จึงอดส่ายหน้าไม่ได้และพูดว่า “ท่านแม่ หยุดพูดได้แล้ว ท่านมาก็ดี ท่านเฝ้าสะใภ้รองไว้เถิด”

ภรรยาหงหลินตื่นตระหนกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ดวงตาของนางเบิกกว้าง ริมฝีปากสั่นระริกถึงขั้นพูดไม่ออก

เหยาซูดึงแขนที่น่ารำคาญของแม่เฒ่าหลินด้วยมือข้างหนึ่ง กระชากนางขึ้นมาจากพื้น และเดินไปยังทิศทางของโรงเก็บฟืน

พลางพูดกับภรรยาของหลินหงว่า “ตามมา! อย่าให้ข้าต้องมัดเจ้าอีกคน!”

ภรรยาหลินหงตื่นตระหนกกับสีหน้าที่น่าหวาดกลัวของคนผู้นี้ ร่างกายเย็นวาบไปเสียแล้วครึ่งตัว ก่อนจะเดินตามไปไม่กล้าแม้แต่จะปริปากพูด

เหยาซูมองอย่างน่าสงสาร แต่เรี่ยวแรงบนมือกลับกำแขนแม่เฒ่าหลินไว้แน่นขึ้น

แม่เฒ่าหลินถูกกระชากจนต้องล้มลุกคลุกคลาน แต่ก็ยังมิวายด่าทอ พลางคิดหาโอกาสลงมือ แต่กลับถูกเหยาซูมัดแขนไว้

นางพาทั้งสองคนมายังโรงเก็บฟืน จากนั้นก็พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “รออยู่ที่นี่! ข้าจะดูสิว่าพวกเจ้าจะกล้ารนหาที่ตายเหมือนกับสะใภ้รองหรือไม่ ถ้าพวกเจ้าตาย ถือว่ากล้าหาญมาก!”

พูดจบนางก็ไม่แม้แต่จะสนใจเสียงด่าทอที่แหลมเสียดแก้วหูของแม่เฒ่าหลินอีก จากนั้นก็ปิดประตูดังปัง

แม่เฒ่าเหยาพาแม่โจวเข้าไปในห้อง ส่วนสะใภ้ทั้งสองคนของตระกูลเหยาเดินไปข้างหน้า เห็นเหยาซูกำลังลงกลอนประตูของโรงเก็บฟืนอยู่พอดี

ในที่สุดหัวใจที่เป็นกังวลของพี่สะใภ้ใหญ่ก็ผ่อนคลายอย่างช้า ๆ และพูดว่า “วันนี้เกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้ โชคดีแล้วที่ช่วยไว้ทัน”

เหยาซูขุ่นเคืองอยู่ในใจ และรู้สึกผิดไม่น้อย “วันนี้เป็นความผิดของข้า! หากไม่ใช่เพราะพี่สะใภ้ใหญ่รอบคอบ พี่สะใภ้รองไหวตัวทัน นางคงได้รนหาที่ตายจริง ๆ และคงเป็นภาระของที่บ้านแน่นอน…”

พี่สะใภ้รองเหยาส่ายหน้า จากนั้นก็พูดปลอบโยนว่า “ทุกคน อย่าเพิ่งพล่ามกันมากความ เวลานี้ เรื่องเร่งด่วนที่สุดคือคิดว่าจะจัดการอย่างไรดีกว่า”

เหยาซูสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ นัยน์ตาค่อย ๆ สงบลง จากนั้นก็เอ่ยปากพูดว่า “พี่สะใภ้ใหญ่ พี่สะใภ้รองไม่ต้องกังวลไป เรื่องนี้เดี๋ยวข้าจัดการเอง”

ความนิ่งสงบจากตัวของเหยาซูค่อย ๆ ปลอบประโลมสะใภ้ทั้งสองคนของตระกูลเหยา

พวกนางรู้ว่าน้องสะใภ้ผู้นี้มีความคิด เพียงแต่ไม่รู้ว่านางจะจัดการอย่างไร….

……………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

เหยาซูเวอร์ชันโหดมาแล้ว เป็นอย่างไรล่ะ ยังปากเก่งเหมือนเดิมหรือเปล่านังเฒ่า

ไหหม่า(海馬)