บทที่ 223 หรือว่านางค้นพบบางสิ่งบางอย่าง

จอมนางข้ามพิภพ

จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 223 หรือว่านางค้นพบบางสิ่งบางอย่าง

เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น ซูกงกงมาที่จวนซื่อจื่อ โดยบอกว่าฝ่าบาททรงเรียกจวินซื่อจื่อ หยุนถิง และเริ่นเซวียนเอ๋อร์

ทั้งสามคนนั่งรถม้าไปที่พระราชวัง และทันทีที่มาถึงห้องโถงใหญ่ก็เห็นเป่ยหมิงฉี่อยู่ที่นั่น และจ้องมองพวกเขาด้วยความโกรธ

“ถวายบังคมฝ่าบาท”

“ถวายบังคมฝ่าบาท”จวินหย่วนโยวและหยุนถิงทำความเคารพ

“ถวายบังคมฝ่าบาทแคว้นต้าเยียน” เริ่นเซวียนเอ๋อร์ทำความเคารพเช่นกัน

“ลุกขึ้นกันเถอะ ข้าได้ยินเป่ยหมิงไท่จื่อบอกว่าพวกเจ้าไล่เขาออกจากจวนซื่อจื่อ มีเรื่องแบบนี้ด้วยเหรอ” ฮ่องเต้บนที่นั่งสูงพูดอย่างเงียบ ๆ

“ที่แท้ก็มาที่นี่เพื่อฟ้องฮ่องเต้ต้าเยียน เป่ยหมิงฉี่่เจ้ายังเป็นลูกผู้ชายอยู่หรือไม่”เริ่นเซวียนเอ๋อร์พูดอย่างเหยีดหยาม

“ให้ตายเถอะ ทำไมข้าจะไม่ใช่ผู้ชายแล้ว จวินหย่วนโยวทำไมไล่แค่ข้าออกมา แล้วให้เจ้าอยู่ต่อได้” เป่ยหมิงฉี่่พูดด้วยความหัวร้อน

เขาถูกทหารสองคนหามออกจากจวนซื่อจื่อ มันน่าอายจริง ๆ ดังนั้นเขาถึงมาหาต้าเยียนฮ่องเต้เพื่อสะสางบัญชีด้วยโกรธ

“ในช่วงเทศกาลดอกท้อ องค์หญิงสามได้ฝังเข็มให้ฮูหยินของข้าที่บาดเจ็บสาหัส มีบุญคุณก็ต้องตอบแทน มีแค้นต้องชำระ ดังนั้นจึงตกลงที่จะให้นางอยู่ เป่ยหมิงไท่จื่อ ส่วนสาเหตุที่จวนซื่อจื่อไม่ต้อนรับเจ้า เจ้าคงรู้เหตุผลดี ” จวินหย่วนโยวตอบกลับอย่างแข็งกร้าว

เป่ยหมิงฉี่่ย่อมรู้ว่า จวินหย่วนโยวกำลังพูดถึงเรื่องที่เขาซุ่มโจมตีของเขาที่สระน้ำพุร้อน ถ้าถูกคนอื่นรู้ว่าเข้าวุ่มโจมตีไม่สำเร็จกลับยังถูกวางยาพิษจนเคลื่อนไหวไม่ได้ อาเจียนและท้องร่วงเป็นเวลาสามวัน คงโดนคนอื่นหัวเราะจนฟันผุแน่

“ฝ่าบาท ซื่อจื่อสุขภาพร่างกายไม่ค่อยดีต้องการพักผ่อน ไม่เหมาะที่จะรับคนนอก เป่ยหมิงไท่จื่ออยู่ในวังจะสะดวกกว่า” หยุนถิงวางตัวดี

จากเดิมที่ฮ่องเต้สีหน้ามืดมน ค่อยผ่อนคลายเล็กน้อย “ในเมื่อเป็นเช่นนั้น เป่ยหมิงไท่จื่อก็พักอยู่ในวังเถอะ”

เป่ยหมิงฉี่่ต้องการคัดค้าน เมื่อเห็นหยุนถิงเอื้อมมือไปสัมผัสเส้นผม ก็ตัวสั่น จากนั้นก็ตกลงอย่างไม่เต็มใจ

“อีกห้าวันจะเป็นเทศกาลเรือมังกร ในเวลานั้นพระราชวังจะจัดงานฉลองสำหรับขนนางทั้งหลายและแขกทุกคน ปีนี้มีเป่ยหมิงไท่จื่อและองค์หญิงสามมาร่วมงาน มันจะต้องคึกคักอย่างแน่นอน ข้าคิดว่าเทศกาลเรือมังกรครั้งนี้จะให้หยุนถิงจัดงาน ไม่รู้เจ้าคิดอย่างไร” ฮ่องเต้มองหยุนถิง

“ฝ่าบาททรงไว้ใจข้า ช่างเป็นเกียรติของข้าจริง ๆ เพียงแต่ปกติข้ามักเกียจคร้าน ไม่คุ้นเคยกับกฎของวัง ไม่รู้ทุกเรื่องเกี่ยวกับการจับจ่าย การทำอาหาร และการตกแต่ง เกรงว่าจะทำได้ไม่ดี ทำให้ฝ่าบาทอับอาย

ที่สำคัญคือข้าเพิ่งได้รับบาดเจ็บในช่วงเทศกาลดอกท้อ ยังไม่หายดี หมอบอกว่าไม่ควรเหนื่อยเกินไป มิฉะนั้นจะส่งผลต่อการตั้งครรภ์ ขอให้ฝ่าบาทโปรดเห็นใจข้าด้วยที่จวนซื่อจื่อลูกหลานมีน้อย” หยุนถิงกล่าว และตั้งใจกระแอมสองสามครั้ง

“ฝ่าบาท เรื่องงานเลี้ยงพวกนี้ควรให้ฮ่องเฮาหรือนางสนมจัดการ พวกนางน่าจะดีกว่าหยุนถิงที่เป็นคนนอก” เริ่นเซวียนเอ๋อร์กล่าว

ฮ่องเต้ที่นั่งอยู่บนบัลลังค์ขมวดคิ้วเล็กน้อย “เรื่องวันนี้เป็นเพราะข้าไม่ได้คิดอย่างรอบคอบ คิดแค่ว่าทักษะการทำอาหารที่ดีของหยุนถิงอาจทำให้งานเลี้ยงดียิ่งขึ้น”

“แม้ว่าข้าจะไม่สามารถจัดงาน แต่สามารถปรุงอาหารพิเศษหนึ่งหรือสองจานให้ฝ่าบาทได้ลิ้มลอง” หยุนถิงกล่าว

“แบบนี้ดีมากเลย”

หลังจากพวกเขาออกจากวัง ใบหน้าของเป่ยหมิงฉี่่ก็เปลี่ยนเป็นมืดมน เขาเหลือบมองหยุนถิงที่อยู่ตรงข้าม “หยุดเสแสร้ง ข้ารู้ว่าเจ้าหายดีมานานแล้ว”

“ไล่ไท่จื่อออกจากจวนซื่อจื่อเป็นพวกเราที่ทำไม่ถูก เพื่อเป็นการขอโทษ ข้ากับซื่อจื่อจะส่งไท่ซื่อไปที่พระราชวังเป็นการส่วนตัว” หยุนถิงตอบ

“เจ้าใจดีขนาดนี้เลยเหรอ?” เป่ยหมิงฉี่่มองอย่างสงสัย

“ถ้าไท่จื่อไม่ต้องกาารก็ช่างเถอะ” หยุนถิงดึงตัวจวินหย่วนโยวออกไป

“อย่าไป ข้าก็ให้พวกเจ้าไปส่งแล้วกัน”

หยุนถิงและจวินหย่วนโยวชำเลืองมองกันและกัน มุมปากยกขึ้นสูง

รถม้าเดินไปทางที่พักของเป่ยหมิงฉี่่ หัวหน้าองครักษ์ลู่ทองพอมองเห็นก็รีบทำความเคารพกับพวกเขา ตอนที่ได้รับคำสั่งจากพระราชวัง พวกเขาก็มารอที่นี่แล้ว

“นำทางให้ข้า” เป่ยหมิงฉี่่เดินเข้ามาอย่างผยอง

หยุนถิงและคนอื่น ๆ ก็ตามมาด้วย แต่หลังจากเดินไปได้ระยะหนึ่ง หยุนถิงและเริ่นเซวียนเอ๋อร์บอกว่าต้องการไปห้องน้ำ และคนรับใช้ในวังสองคนก็พาพวกนางไปทันที จวินหย่วนโยวและเป่ยหมิงฉี่่ตรงไปยังที่พักด้านใน

หลังจากที่หยุนถิงและเริ่นเซวียนเอ๋อร์เข้าไปแล้ว นางก็ปล่อยให้เริ่นเซวียนเอ๋อร์อยู่ข้างใน นางเองปีนกำแพงด้านหลัง ตรงไปยังทะเลสาบเดิม

นางจำได้ว่า ตอนนั้นชายคนนั้นกำลังมุ่งหน้าไปทิศทางนั้น หยุนถิงจึงรีบหลบหนีการตรวจค้นและตรงไปที่นั่น

เมื่อเข้าไปใกล้ หยุนถิงจึงพบว่าตรงนั้นเป็นห้องคนรับใช้ ล้วนเป็นหญิงชราที่กำลังซักผ้า ถอนหญ้า และผ่าฟืน

หรือว่านางเดาผิดแล้ว แต่คืนนั้นเป็นผู้ชายชัดๆนี่นะ

หญิงชราสองสามคนกำลังรังแกสาวใช้อ้วน สาวใช้คนนั้นดูธรรมดา มีรอยแผลเป็นที่มุมตาซ้ายของนาง ดูน่ากลัวนิดหน่อย ใบหน้าซีด ๆ ขณะที่กำลังซักผ้า จู่ ๆ ก็ถูกคนอื่นยัดผ้ากองโตใส่เต็มกะละมัง นางไม่โกรธ ไม่กล้าขัดขืนปล่อยให้สาวใช้แก่พวกนั้นรังแก หยุนถิงมองจนขมวดคิ้ว

“เจ้าเป็นใคร ทำไมมาอยู่ที่นี่”เสียงไม่พอใจดังขึ้นมา

หยุนถึงหันหลังก็มองเห็นหัวหน้าขันทีวัยกลางที่มีขันทีน้อยสองคนเดินตามหลังกำลังจ้องมองนางด้วยใบหน้าที่ดุร้าย

“ข้าเป็นหยุนถิง ฮูหยินของจวินซื่อจื่อ มาส่งเป่ยหมิงไท่จื่อ เพราะเพิ่งมาครั้งแรกเลยอยากเข้ามาดู สุดท้ายก็เดินมาถึงแถวนี้” หยุนถิงพลางพูด พลางเหลือบมองหญิงชราพวกนั้น

ทุกคนได้ยินเสียงล้วนมองมา มีแต่นางในคนหนึ่งไม่ได้มองมา หยุนถิงก็จำนางได้ทันที

“ที่แท้เป็นคุณหนูหยุน ข้าน้อยเสียมารยาทแล้ว คนมา ส่งคุณหนูหยุนกลับไป” ซ่งกงกงพูดอย่างเคารพ

“ขอบคุณกงกงมาก เงินเหล่านี้ก็ให้กงกงไปซื้อเหล้าดื่ม” หยุนถิงยื่นธนบัตรหนึ่งพันตำลึงให้

ซ่งกงกงตาเป็นประกาย “คุณหนูหยุนเกรงใจเกินไปจริง ๆ ถ้าบ่าวปฏิเสธไปก็ไม่เคารพแล้ว”พูดแล้วรีบเก็บมันไว้

“ว่าแต่กงกง เหตุใดนางในผู้นั้นจึงถูกรังแก”หยุนถิงชี้ไปที่คนหนึ่งในนั้น

“เพราะนางทำให้เหนียงเหนียงขุ่นเคือง นางเกือบทำให้องค์หญิงน้อยเสียชีวิตไป เลยถูกส่งมาที่นี่ในโทษประหาร นางพูดไม่ได้ฟังก็ไม่ได้ยิน คนในครอบครัวเสียชีวิตไปนานแล้ว บ่าวเห็นนางน่าสงสารจึงให้นางมาอยู่ถึงตอนนี้” ซ่งกงกงพูดอย่างไม่เห็นแก่ตัว

“เป็นแบบนี้นี่เอง งั้นไม่รบกวนกงกงแล้ว”หยุนถิงหันกลับและจากไป

เมื่อนางจากไป ก็รู้สึกถึงสายตาเย็นชาและเคร่งขรึมจ้องมองมาที่ด้านหลังศีรษะของนาง แต่ความรู้สึกนั้นหายไปในชั่วพริบตา หยุนถิงรู้ว่าคนที่นางกำลังมองหาอยู่ในหมู่คนเหล่านี้

ซ่งกงกงจ้องมองด้านหลังของหยุนถิง มีนัยน์ของความชั่วร้ายและความโหดเหี้ยมฉายผ่านแววตาของเขา ที่หยุนถิงมาที่นี่ต้องไม่ใช่เรื่องบังเอิญ หรือว่านางพบอะไรไปแล้ว?

เมื่อหยุนถิงปีนข้ามกำแพงกลับไปที่ห้องน้ำ พบว่าห้องน้ำไม่มีคนแล้ว หรือว่ามีบางอย่างเกิดขึ้นกับเริ่นเซวียนเอ๋อร์?

หยุนถิงออกไปดู ก็เห็นเริ่นเซวียนเอ๋อรที่อยู่ไม่ไกลกำลังหลอกคนรับใช้ในวังสองคนนั้น บอกพวกเขาว่าไม่สบาย ทำให้ทั้งสองคนหน้าซีดลงด้วยความตกใจ

“พอได้แล้ว กลับกันเถอะ” หยุนถิงกล่าว

“คุณหนูหยุน องค์หญิงสามบอกว่าเมื่อกี้ท่านตกเข้าโถส้วม ท่านไม่เป็นไรใช่ไหม?” ขันทีคนหนึ่งถาม