ตอนที่ 337 ช่วยเหลือ

ตอนที่ 337 ช่วยเหลือ

เมื่อได้ยินว่าตำรวจกำลังมาทางนี้ พ่อของเอ้อร์เลิ่งก็เดินเป็นเสือติดจั่นไปรอบ ๆ ลานบ้านอย่างกระวนกระวายใจ

“เฉินเจียเหอเอาเรื่องของเราไปแจ้งความจริง ๆ เขาต้องได้ยินเสียงเอ้อร์เลิ่งเอะอะโวยวายแน่ ๆ”

เดิมทีเขาวางแผนที่จะขอให้เอ้อร์เลิ่งออกไปหาเฉินเจียเหอเพื่อร้องขอความเมตตาให้เขาพาคนเหล่านั้นออกไป แต่หลังจากค้นหาไปรอบ ๆ บ้านแล้ว ปรากฏว่าเอ้อร์เลิ่งไม่ได้อยู่ที่นั่น

พ่อแม่ของเอ้อร์เลิ่งตกใจมากจนแข้งขาของพวกเขาอ่อนแรง พวกเขามองไปที่ต้าจู้แล้วถามว่า “เราควรทำยังไงกันดี?”

ต้าจู้จ้องเขม็งมองอย่างแน่วแน่ “ประตูล็อกอย่างแน่นหนา ใครหน้าไหนก็เปิดไม่ได้”

ตำรวจมาถึงบ้านของผู้เฒ่าโจวก่อน

“สหายเจียเหอ รบกวนช่วยนำทางพวกเราไปด้วย”

ถึงอย่างไรผู้เฒ่าโจวและพ่อเอ้อร์เลิ่งก็เป็นเพื่อนบ้านกัน แน่นอนว่าเขารู้ทุกอย่างเกี่ยวกับอีกฝ่าย เขาไม่อยากเห็นครอบครัวของอีกฝ่ายเข้าไปพัวพันในคดีอาชญากรรม เขาถามสหายตำรวจว่า

“เราอย่าเพิ่งรีบบุกเข้าไปได้ไหม? พวกเขาล้วนเป็นคนบ้านนอกที่อายุมากแล้ว ไม่เข้าใจกฎหมาย ผมจะลองไปเกลี้ยกล่อมพวกเขาดูอีกครั้งให้ยอมปล่อยตัวผู้หญิง จากนั้นคุณค่อยพาหล่อนออกไป ตกลงไหม?”

“ถ้าทำบุ่มบ่ามจนชาวบ้านรวมกลุ่มกันก่อจลาจล อาจจะยุติสถานการณ์ได้ยาก”

เจ้าหน้าที่ตำรวจสหายพยักหน้า “คุณตาครับ ถ้าอย่างนั้นช่วยไปคุยกับพวกเขาอีกครั้ง ขอให้พวกเขาเปิดประตูโดยดี ถ้ารับสารภาพจะได้ลดหย่อนโทษ”

ผู้เฒ่าโจววิ่งไปเคาะประตูบ้านของเอ้อร์เลิ่ง

“พ่อเอ้อร์เลิ่ง เปิดประตูเร็ว ส่งตัวผู้หญิงคนนั้นให้สหายตำรวจเถอะ ตราบใดที่พวกคุณยอมรับผิดและให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่อย่างแข็งขัน สหายตำรวจจะไม่เอาผิดใคร”

“ลุง เปิดประตูหน่อยครับ”

ต้าจู่สาปแช่งอย่างโกรธแค้นอยู่ข้างในประตู “ไอ้สารเลวเฉินเจียเหอเอ๊ย แกกับครอบครัวแกมันไม่ใช่มนุษย์”

ผู้เฒ่าโจวยังคงพูดเจรจาโน้มน้าวด้วยความจริงใจจากข้างนอก “ต้าจู้ ถ้าเธอยอมปล่อยผู้หญิง จะไม่มีใครจับกุมเธอไปลงโทษทั้งนั้น หยุดต่อต้านแล้วเปิดประตูซะ”

“ไป๊ บ้านเราไม่มีผู้หญิงอยู่ที่นี่ พวกคุณเข้าใจผิดแล้ว”

ต้าจู้ตะคอกกลับด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว เอาตัวเองขวางกั้นประตูเอาไว้ ปฏิเสธไม่ยอมเปิดประตูไม่พอ ยังปฏิเสธด้วยว่าครอบครัวพวกเขาไม่เคยซื้อตัวผู้หญิงคนไหน

สหายตำรวจหลายคนตัดสินใจว่าจะไม่รอช้าอีกต่อไป ช่วยกันพังประตูไม้แล้วรีบบุกเข้าไปทันที

เบาะแสที่เอ้อร์เลิ่งมอบให้กับเฉินเจียเหอ คือหญิงสาวอาศัยอยู่ในห้องทางทิศเหนือของตัวบ้าน

ดังนั้นถังจวิ้นเฟิงจึงเร่งรุดเข้าไป ปรากฏว่าไม่เจอใครอยู่บนเตียง

เฉินเจียเหอที่เดินตามเข้ามาหยุดคิดสักครู่ แล้วพูดว่า “หล่อนน่าจะถูกย้ายไปที่สวนหลังบ้าน”

ถังจวิ้นเฟิงและเพื่อนร่วมงานของเขารีบเข้าไปตรวจค้นในสวนหลังบ้านซึ่งเต็มไปด้วยฝูงปศุสัตว์

สำรวจทั่วทั้งคอกไก่และคอกวัว

แต่ก็ไม่เจอใคร

เฉินเจียเหอตะโกนซ้ำจากลานหน้าบ้าน “หรือไม่เธออาจจะอยู่ในห้องใต้ดิน”

ต้าจู้และคนอื่น ๆ ถูกตำรวจควบคุมตัวไว้แล้ว เมื่อเห็นว่าเฉินเจียเหอผู้สนิทสนมคุ้นเคยกับครอบครัวของพวกเขามานานทรยศและให้เบาะแสแก่ตำรวจเป็นการส่วนตัว ต้าจู้จึงแค่นเสียงก่นด่าเฉินเจียเหอด้วยคำสาปแช่งที่เลวร้ายทุกรูปแบบ

สาปแช่งเขาให้ตายอย่างเลวร้าย

ถังจวิ้นเฟิงลงไปที่ห้องใต้ดิน ข้างในมืดมิด จนเขามองไม่เห็นอะไรเลย

เขาโพล่งถามเบา ๆ “มีใครอยู่ไหม?”

“ผมเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ”

ขณะที่เขาเดินลงบันได เขาได้ยินเสียงหายใจที่สั่นสะท้านเล็กน้อยแว่วมาจากในห้องใต้ดิน แต่ถึงเขาจะตะโกนหลายครั้ง คนที่อยู่ข้างในกลับไม่ยอมขานตอบ

“ไม่ต้องกลัวนะครับ ผมเป็นตำรวจจากเมืองไห่เฉิง เรามาที่นี่เพื่อช่วยคุณ”

เพื่อนร่วมงานของถังจวิ้นเฟิงขว้างไฟฉายไปให้ถังจวิ้นเฟิง

เขาเดินลงไปอีกสองสามก้าว พร้อมกับส่องไฟฉายไปทั่วทั้งห้องใต้ดิน

ภายในห้องใต้ดินเต็มไปด้วยหัวมันฝรั่ง

ถัดจากกองมันฝรั่ง มีร่างหนึ่งนั่งคุดคู้อยู่ในมุมมืด

ถังจวิ้นเฟิงเดินเข้าไปใกล้หล่อน ก่อนจะนั่งยอง ๆ ลงพร้อมกับฉายไฟฉาย

เขาเอื้อมไปดึงแขนหล่อนเบา ๆ “สวัสดีครับ คุณเป็นยังไงบ้าง?”

เด็กสาวถอยกรูดไปจนติดกำแพง ยังคงกำกรรไกรไว้ในมือแน่นเพื่อป้องกันตัว

ถังจวิ้นเฟิงสังเกตเห็นว่ามือข้างที่ถือกรรไกรอยู่ของหล่อนถูกคมมีดบาดจนเลือดซึมออก เมื่อเห็นผมเผ้ายุ่งเหยิงไม่เป็นทรงของหล่อน รวมถึงใบหน้าผอมบางที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัว หัวใจของเขาก็จมดิ่งด้วยความเสียใจอย่างสุดซึ้ง

ความรู้สึกผิดอันรุนแรงบังเกิดขึ้นในใจ

ในฐานะเจ้าหน้าที่ตำรวจ พวกเขากลับล้มเหลวในการปกป้องสวัสดิภาพความปลอดภัยของประชาชน

ถังจวิ้นเฟิงกระถดตัวเข้าไปหาอย่างช้า ๆ พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ไม่ต้องกลัวครับ ผมเป็นตำรวจจากเมืองไห่เฉิงจริง ๆ ตอนนี้คุณปลอดภัยแล้ว”

หญิงสาวได้ยินสำเนียงจากคำพูดของเขา ในที่สุดก็กล้าเงยหน้าขึ้นมองหน้าอีกฝ่าย

น้ำเสียงของหล่อนสั่นเครือ ถามด้วยเสียงแผ่วหวิวลอดไรฟัน “คุณมาจากไห่เฉิงจริง ๆ เหรอ?”

“ใช่ ผมทำงานในสังกัดสำนักงานตำรวจประจำกรมรถไฟไห่เฉิง ชื่อถังจวิ้นเฟิง” เขาหยิบบัตรเจ้าพนักงานของตัวเองออกมาแล้วยื่นให้หล่อน พร้อมกับส่องไฟฉายให้อ่านชัด ๆ

“คุณชื่ออะไร?” ถังจวิ้นเฟิงถาม

เมื่อหญิงสาวเห็นรูปถ่ายของเขาและชื่อบนบัตรเจ้าพนักงานอย่างชัดเจน หล่อนก็ผ่อนคลายความหวาดระแวงลง แล้วหลั่งน้ำตาไหลพราก

“ฉันชื่อไล่เสี่ยวอวิ๋น ฉันก็มาจากไห่เฉิงเหมือนกัน” หล่อนโถมตัวเข้าไปอยู่ในอ้อมแขนของถังจวิ้นเฟิง จากนั้นก็ร้องไห้เสียงดัง

ถังจวิ้นเฟิงรู้ดีว่าชื่อไล่เสี่ยวอวิ๋นไม่ใช่คนแปลกหน้าสำหรับเขา ในบรรดาผู้สูญหายที่ได้รับแจ้งความ หนึ่งในนั้นคือบุคคลที่ชื่อไล่เสี่ยวอวิ๋น

เขาโชคดีมากที่ได้รับมอบหมายให้ทำคดีนี้เป็นการส่วนตัว และตามมาจนเจอตัวเหยื่อในหมู่บ้านบนภูเขาซึ่งอยู่ห่างออกไปหลายร้อยกิโลเมตรในระยะเวลาอันสั้น

เขาผลักเด็กสาวที่กำลังร้องไห้โฮอยู่ในอ้อมแขนของเขาออกห่างเบา ๆ พูดว่า “หยุดร้องไห้เถอะ เราต้องรีบขึ้นไปข้างบน”

“ขอบคุณนะคะ คุณคือฮีโร่ของฉันจริง ๆ ขอบคุณมากที่มาช่วยฉัน”

“ส่งกรรไกรให้ผมเถอะ มือคุณโดนบาดเป็นแผลหมดแล้ว”

ถังจวิ้นเฟิงเอื้อมไปหยิบกรรไกรจากมือของหล่อน แต่ไล่เสี่ยวอวิ๋นกลับเบี่ยงหลบ

ต่อให้คมมีดจะทำให้หล่อนได้เลือด หล่อนก็ยังปฏิเสธที่จะปล่อยกรรไกรที่อยู่ในมือ

กรรไกรเป็นเครื่องมือป้องกันตัวเพียงชิ้นเดียวที่หล่อนมีอยู่ ให้ตายหล่อนก็ไม่ยอมปล่อย

หล่อนไม่ไว้ใจใครทั้งนั้นจนกว่าจะได้กลับไปสู่อ้อมกอดของครอบครัวอีกครั้ง

ถังจวิ้นเฟิงช่วยเหลือคนออกมาได้สำเร็จ ส่วนสหายตำรวจคนอื่น ๆ ก็เข้าควบคุมตัวพ่อเอ้อร์เลิ่งกับต้าจู้เอาไว้

แม่ของเอ้อร์เลิ่งร้องไห้ ตะโกนไปทางประตูอยู่พักใหญ่ ๆ เพื่อขอร้องเฉินเจียเหอให้ช่วยพวกเขา แต่อีกครู่ถัดมาก็เปิดปากสาปแช่งเฉินเจียเหอว่าไร้มโนธรรมและไม่มีความเป็นมนุษย์

ชาวบ้านเริ่มมารุมล้อมเป็นวงกลม ญาติ ๆ ตระกูลเดียวกันกับเอ้อร์เลิ่งรีบเข้าไปขัดขวางการช่วยเหลือ

“ปล่อยนะ ปล่อยคนไปเดี๋ยวนี้”

“หล่อนคือเมียที่ครอบครัวของเราจ่ายเงินซื้อ พวกคุณมีสิทธิ์อะไรมาพาตัวหล่อนไป?”

“ถ้าวันนี้พวกคุณยืนยันจะพาหล่อนไปให้ได้ พวกเราจะสู้สุดใจ”

ผู้ชายหลายคนคว้าพลั่วติดมือมาด้วย ในขณะที่คนอื่น ๆ คว้ามีดทำครัวออกมา

ผู้เฒ่าโจวพูดถูก ถ้าชาวบ้านรวมตัวกันก่อจลาจล เจ้าหน้าที่คงช่วยกันยุติสถานการณ์ได้ยาก

“ทุกคนโปรดอย่าขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าพนักงาน อย่าแทรกแซงการทำงานของสหายตำรวจที่กำลังจัดการกับคดี ไม่อย่างนั้นทั้งเอ้อร์เลิ่งและต้าจู้จะถูกตัดสินให้รับโทษหนักกว่าเดิม” เฉินเจียเหอมองพวกเขาพลางพูดด้วยน้ำเสียงเข้มงวด “การลักพาตัวและซื้อขายผู้หญิงถือเป็นเรื่องผิดกฎหมาย คนที่จ่ายเงินซื้อผู้หญิงก็มีความผิดฐานสนับสนุนอาชญากรรมเช่นเดียวกัน ครอบครัวของหล่อนแจ้งความ ตำรวจถึงได้เข้ามาช่วยเหลือ พวกเราควรให้ความร่วมมืออย่างแข็งขัน อาจได้รับการลงโทษสถานเบา”

“เฉินเจียเหอ แกมันคนทรยศ ทั้งครอบครัวของแกมันจอมทรยศ”

ถังจวิ้นเฟิงคำรามด้วยน้ำเสียงทรงพลัง “หยุดโวยวายได้แล้ว ถ้ายังไม่หยุดอีกเราจะจับกุมไปด้วยกันให้หมด”

เจ้าหน้าที่ตำรวจสี่ถึงห้านายยืนประจำการอยู่ที่นั่นพร้อมอาวุธครบมือ ในที่สุดก็สามารถควบคุมกลุ่มชาวบ้านที่ช่วยกันปกป้องว่าที่ภรรยาของเอ้อร์เลิ่งเอาไว้ได้

ทุกคนที่เกี่ยวข้องถูกควบคุมตัวไปยังสถานีตำรวจประจำเมือง

ไล่เสี่ยวอวิ๋นเหลือบมองไปทางครอบครัวชาวนาที่โง่เขลาพวกนั้น ก่อนจะย่อตัวลงแอบอยู่ในอ้อมแขนของถังจวิ้นเฟิงอย่างหวาดกลัว

ตอนแรกถังจวิ้นเฟิงขอให้ไล่เสี่ยวอวิ๋นไปนั่งรถจักรยานยนต์อีกคัน เพราะเขายังต้องไปจัดการส่วนงานอื่น ๆ แต่ไล่เสี่ยวอวิ๋นคว้าแขนถังจวิ้นเฟิงไว้ไม่ยอมปล่อย

หล่อนไม่เชื่อใจใครเลยยกเว้นถังจวิ้นเฟิง

ผู้คนในสถานที่ห่างไกลแบบนี้เป็นคนซื่อ บางคนอาจมีจิตใจดี น่าเสียดายที่พวกเขากลับโง่เขลายิ่งกว่า

เพื่อที่จะหาภรรยาให้ลูกชายสำหรับสืบทอดทายาท พวกเขายอมทำทุกอย่าง หนักข้อถึงขั้นไม่เห็นว่าหญิงสาวคนหนึ่งเป็นมนุษย์

ถังจวิ้นเฟิงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องคอยปกป้องไล่เสี่ยวอวิ๋น จัดแจงให้หล่อนนั่งบนรถจักรยานยนต์คันเดียวกัน

เนื่องจากเอ้อร์เลิ่งได้รับการยืนยันว่ามีปัญหาทางจิตจริง ๆ เขาจึงไม่เข้าข่ายถูกจับกุมและคุมขัง

เมื่อเห็นว่าพ่อและพี่ใหญ่ถูกใส่กุญแจมือทั้งคู่ เขาก็รีบวิ่งเข้าไปปะทะกับตำรวจ

เฉินเจียเหอรีบดึงเขากลับเข้าไปในบ้าน ฝากฝังให้ตายายช่วยดูแลเขาให้ดี

เมื่อทุกคนเดินทางกลับไปที่สถานีตำรวจ เจ้าพนักงานต้องการบันทึกคำให้การของหล่อน อารมณ์ของไล่เสี่ยวอวิ๋นกลับมาคงที่แล้ว แต่ยังคงปฏิเสธที่จะออกห่างจากถังจวิ้นเฟิง

ถังจวิ้นเฟิงจึงได้รับอนุญาตให้อยู่ด้วยในขณะบันทึกคำให้การ

หล่อนกลัวฝังใจจนไม่อยากอยู่ตามลำพังในห้องกับเจ้าหน้าที่ตำรวจท้องถิ่น

………………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

ต่างมรรคาไม่อาจร่วมเดินจริงๆ ผู้เฒ่าโจวย้ายครอบครัวตามหลานชายออกจากหมู่บ้านนี้เถอะ

ไหหม่า(海馬)