บทที่ 350 อยากขึ้นไปนั่งไหม?
บทที่ 350 อยากขึ้นไปนั่งไหม?
“นี่ก็ดึกแล้ว คุณเองก็ควรกลับไปพัก ผมเองก็เหมือนกัน” อู๋ฝานบอกกับเจ้าเสวี่ยอี๋
การขยิบตาของเพื่อนร่วมงานของเจ้าเสวี่ยอี๋ อู๋ฝานก็เห็นเช่นกัน แต่เขาไม่คิดปล่อยให้เกิดโอกาสใดขึ้นอีก ดังนั้นจึงไม่ต้องการอยู่กับอีกฝ่ายตามลำพังไปมากกว่านี้
เจ้าเสวี่ยอี๋ไม่คาดว่าอู๋ฝานจะถึงขั้นไม่สนใจกันเลยจริง ๆ เมื่อเห็นอีกฝ่ายกำลังจะกลับไปจริง เธอจึงรีบเอ่ยขึ้น “พอจะไปส่งฉันที่โรงแรมได้ไหม ตอนนี้ก็ดึกแล้ว จะไปคนเดียวก็ไม่กล้าน่ะ”
เจ้าเสวี่ยอี๋เผยสีหน้าชวนเวทนาออกมา มันเป็นสีหน้าที่ไม่ได้แสดงรอยยิ้มการค้า แต่เป็นสีหน้าเหมือนสมัยยังเรียนมหาวิทยาลัย คล้ายย้ำเตือนอู๋ฝานให้นึกถึงช่วงเวลาเก่า ๆ ขึ้นมา
“ครับ” อู๋ฝานที่เดิมมีจิตใจหนักแน่น ยังอดไม่ได้ที่จะหวั่นไหว
เมื่อเห็นอู๋ฝานตอบตกลง เจ้าเสวี่ยอี๋จึงเผยสีหน้าท่าทียินดีตอบรับ หางตาของเธอยกขึ้นเล็กน้อย แววตาทอประกายภูมิใจ
ต่อให้เย็นชาแค่ไหน เธอก็ไม่เชื่อว่าจะทำให้มันละลายไม่ได้!
อู๋ฝานพาเจ้าเสวี่ยอี๋ไปที่รถของตัวเอง ขณะที่หญิงสาวที่เดิมเปี่ยมด้วยความภูมิใจ มองว่าการรวบหัวรวบหางชายหนุ่มไม่ใช่ปัญหาใหญ่โตอะไร พลันต้องอ้าปากค้างตกใจ เมื่อเห็นรถของอีกฝ่าย
“นี่… นี่รถของนาย?” เจ้าเสวี่ยอี๋ถามอย่างตื่นตะลึงขณะมองรถที่อยู่ตรงหน้า มันเป็นรถสปอร์ตที่มีสไตล์เด่นชัด ทันสมัย และดูลึกลับ
“ใช่ ขึ้นรถได้แล้ว” น้ำเสียงของอู๋ฝานกลับมาเย็นชาเช่นก่อนหน้า ตอนนี้นึกเสียใจขึ้นมาแล้วว่าเหตุใดจึงยอมใจอ่อน ถึงขั้นตกปากรับคำอย่างง่ายดาย
“รถสวยขนาดนี้ ราคาต้องไม่ถูกแน่” เจ้าเสวี่ยอี๋สัมผัสรถพลางพึมพำ จนถึงตอนนี้เธอยังตื่นตะลึงกับรถของอู๋ฝาน จึงไม่ทันได้ตระหนักถึงน้ำเสียงของอีกฝ่ายแม้แต่น้อย
เพียงแค่หนึ่งปีหลังจบการศึกษาและแยกย้าย กลับเกิดความเปลี่ยนแปลงมากมายขนาดนี้ ตอนที่เธอยังเรียนอยู่ เธอคือผู้ครองความงามที่มักจะเลือกเข้าหาแต่คนที่มีพรสวรรค์ แต่หลังจบการศึกษา เข้าสู่สังคม และรู้จักโลก เธอก็ได้ตระหนักว่าสิ่งสำคัญคือตัวตน เงินทอง และเรื่องเพศ มันทำให้ความคิดของเธอเริ่มเปลี่ยนแปลงไปทีละน้อย เธอเริ่มสนใจรถหรู เครื่องสำอางที่เลือกใช้ก็ระดับสูงมากขึ้นและมากขึ้น ไม่ใช่ของดาษดื่นเช่นสมัยเรียนมหาวิทยาลัย
ดังนั้น แม้เจ้าเสวี่ยอี๋ไม่รู้ว่ารถของอู๋ฝานคันนี้ยี่ห้ออะไร แต่เธอทราบได้ว่ารถลักษณะเช่นนี้ราคาไม่ถูก กระทั่งว่าเป็นเมืองใหญ่อันดับต้นเช่นเซี่ยงไฮ้ ก็ยังมีรถระดับนี้ให้เห็นไม่มาก
“เล็กน้อย” อู๋ฝานตอบกลับเสียงเบา
รถของเขามีฟังก์ชันการใช้งานหลากหลาย สำหรับเขาแล้ว มันมีค่าอย่างที่เงินทองไม่อาจนำมาใช้ชี้วัดได้ ยิ่งไปกว่านั้น ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ผลงานของนักออกแบบคนใด ย่อมไม่เคยออกแบบรถคันนี้ที่ตนเป็นเจ้าของ
เจ้าเสวี่ยอี๋เห็นอู๋ฝานขึ้นรถไปเรียบร้อยแล้ว เธอจึงรีบขึ้นรถเช่นเดียวกัน และนั่งลงที่ที่นั่งข้างคนขับ สายตาเริ่มสำรวจภายในอันหรูหรา หญิงสาวอดไม่ได้ที่จะต้องแสดงความประหลาดใจออกมาทางแววตา
รถคันนี้ไม่ใช่รถถูก ๆ แน่!
เป็นอีกครั้งที่เจ้าเสวี่ยอี๋ยืนยันหนักแน่นอยู่ในใจ
พอมั่นใจเต็มที่ เจ้าเสวี่ยอี๋ก็ยิ่งสงสัยในตัวอู๋ฝานมากยิ่งขึ้น เวลาผ่านไปแค่หนึ่งปี คนธรรมดาคิดแค่จะอาศัยอยู่ในเจียงโจวก็เป็นเรื่องยากแล้ว ทว่าชายหนุ่มก็ยังสามารถยืนหยัดได้อย่างมั่นคง ทั้งยังเปิดกิจการร้านใหญ่อันดับต้น ๆ ในเจียงโจว กระทั่งได้ขับรถหรูในหมู่รถหรู เรื่องนี้น่าทึ่งจนเกินไป หากอีกฝ่ายเป็นคนมีพื้นเพมาก่อน หญิงสาวก็ยังพอทำความเข้าใจได้ แต่เธอรู้ดีว่าเขาเป็นเพียงแค่คนธรรมดาจากชนบท เพราะเหตุนั้นตนจึงยิ่งเกิดความสงสัย
จนถึงตอนนี้มันเกิดอะไรขึ้นกับอู๋ฝานกันแน่? เพราะอะไรเขาถึงเปลี่ยนไปมากขนาดนี้?
ขณะครุ่นคิด เจ้าเสวี่ยอี๋ก็ยิ่งตระหนักว่ารูปลักษณ์และท่าทีของอู๋ฝานเปลี่ยนไป หากเปรียบเทียบกับสมัยยังเรียน คล้ายกับว่ามันเปลี่ยนแปลงไปค่อนข้างมาก รูปลักษณ์เขาหล่อเหลากว่าสมัยยังเรียนมหาวิทยาลัยอย่างเห็นได้ชัด อีกทั้งท่าทีการวางตัวก็ดูน่าดึงดูดมากขึ้น
เมื่อนำทั้งหมดมารวมกันจึงยิ่งทำเจ้าเสวี่ยอี๋สงสัยในตัวอู๋ฝานมากยิ่งขึ้น
เพียงแต่น่าเสียดายที่ในช่วงเวลาได้พูดคุยกัน ไม่ว่าเธอจะพยายามหาทางถามอย่างไร อู๋ฝานกลับไม่เคยเอ่ยถึงเรื่องนี้แม้แต่น้อย เจ้าเสวี่ยอี๋จึงอับจนหนทาง
“พักที่ไหน?” อู๋ฝานเอ่ยถาม ในเมื่อรับปากว่าจะไปส่งเจ้าเสวี่ยอี๋กลับที่พัก เขาย่อมไม่คิดคืนคำพูด
ทว่าเจ้าเสวี่ยอี๋ไม่บอกชื่อของโรงแรมที่เธอพักอาศัยอยู่ แต่พูดออกมาว่า “นี่ก็ยังไม่ได้ดึกมาก ทำไมพวกเราไม่ไปหาที่นั่งดื่มกันสักหน่อยล่ะ? ดูหนังรอบดึกก็ไม่เลวนะ”
เห็นได้ชัดว่าเจ้าเสวี่ยอี๋ยังไม่คิดจะกลับโรงแรมที่พัก เธอต้องการฉวยโอกาสที่มีตอนนี้ปฏิสัมพันธ์กับอู๋ฝานให้มากขึ้นบราวนี่ออนไลน์
“ไม่ได้ ไม่ใช่เธอบอกเองไม่ใช่เหรอว่านี่ก็ดึกแล้ว? เลยขอให้ฉันมาส่งแบบนี้น่ะ” อู๋ฝานตอบกลับ
ต่อให้อู๋ฝานไม่มีเรื่องต้องเทเลพอร์ตหลังเที่ยงคืน ถึงไม่มีเรื่องนั้น ชายหนุ่มก็ไม่คิดอยู่ตามลำพังกับเจ้าเสวี่ยอี๋นานเกินไป แค่รับปากจะไปส่งเธอกลับโรงแรม ก็ทำให้เขารู้สึกว่าใจอ่อนเกินไปแล้ว
คำพูดของอู๋ฝานไม่อาจทำให้เจ้าเสวี่ยอี๋รู้สึกเกรงใจหรือกระดากอายแม้แต่น้อย เพื่อรวบหัวรวบหางอีกฝ่าย เธอพร้อมจะเล่นสงครามระยะยาว และไม่มีทางถอยหลังอย่างแน่นอน
“ดึกขนาดนี้ ถ้าไปคนเดียวฉันก็คงไม่ไป ที่เซี่ยงไฮ้ฉันก็ไม่ค่อยได้ออกไปช่วงดึก ๆ สักเท่าไหร่หรอก แต่ตอนนี้อยู่กับนายแล้วนี่ นายอยู่ด้วย ฉันก็วางใจ ดึกขนาดไหนก็ไม่กลัวแล้ว” เจ้าเสวี่ยอี๋มองอู๋ฝานด้วยท่าทีคาดหวัง
เจ้าเสวี่ยอี๋พูดแบบนี้ออกมาก็เพราะหวังซื้อใจอู๋ฝาน อันที่จริงตอนอยู่เซี่ยงไฮ้ หญิงสาวเป็นนักเข้าสังคมตัวแม่ กลับดึกสำหรับเธอออกจะเป็นเรื่องปกติซะด้วยซ้ำ
อีกทั้งใบหน้าอันงดงาม เมื่อรับกับสีหน้า ท่าที และการวางตัวของเจ้าเสวี่ยอี๋ มันกลายเป็นจุดอ่อนของบุรุษเพศ กับอู๋ฝานที่เป็นมือใหม่ด้านรับมือกับผู้หญิงเช่นนี้ หลังเจอเข้าไป ก็ทำให้หัวใจเต้นรัวมากขึ้นและมากขึ้น
อู๋ฝานพยายามระงับหัวใจที่เต้นรัวเอาไว้ “ผมไปส่งกลับก็พอแล้ว ผมยังมีเรื่องอื่นต้องทำอีก”
“เดทเหรอ?”
“ไม่ใช่” อู๋ฝานปฏิเสธ “โรงแรมที่พักอยู่ที่ไหน?”
เมื่อเห็นอู๋ฝานยืนกรานจะไปส่งกลับ เจ้าเสวี่ยอี๋ก็ไม่มีทางเลือกอื่น เธอไม่กล้าสร้างความรำคาญให้เขามากกว่านี้ เธอจำเป็นต้องค่อยเป็นค่อยไป ดังนั้นจึงบอกที่อยู่ของโรงแรมออกมา
อู๋ฝานขับรถด้วยความเร็วพอประมาณ แต่ไม่นานก็พาเจ้าเสวี่ยอี๋มาถึงโรงแรมที่เธอพักอยู่ ระหว่างทางหญิงสาวคอยหาบทสนทนาคุยกับชายหนุ่ม ทว่าเขาตอบรับอย่างเฉยชา เจ้าเสวี่ยอี๋ก็ไม่ได้รำคาญแต่อย่างใด สีหน้าและท่าทียังคงกระตือรือร้นจะสนทนา ทั้งยังมองอู๋ฝานอยู่ตลอดราวกับกำลังลุ่มหลง
“ถึงแล้ว” อู๋ฝานเอ่ยคำ
การเดินทางนี้แทบจะเป็นบททดสอบของอู๋ฝาน แม้เขาจะไม่เคยมีความรักมาก่อน แต่ก็รับรู้ได้ถึงความกระตือรือร้นที่จะรุกไล่ของเจ้าเสวี่ยอี๋
สมัยยังเรียน แม้จะไม่ได้พูดเต็มปากว่าชอบเจ้าเสวี่ยอี๋ แต่ก็ยังมีความรู้สึกดี ๆ ให้กับคนสวยที่ใครก็ชื่นชอบ ตอนนี้เมื่อหญิงสาวกำลังพูดคุยและมองตัวเองอย่างอบอุ่น กระทั่งรุกไล่เข้าหา มันไม่ใช่อะไรที่ใครจะทนได้ไหว
ดังนั้นทันทีที่มาถึงจุดหมายปลายทาง อู๋ฝานจึงอดไม่ได้ที่จะหวังให้เจ้าเสวี่ยอี๋รีบลงจากรถ ดีที่สุดคือรีบแยก รีบกลับ!
เจ้าเสวี่ยอี๋ยังไม่ลงจากรถทันที แต่ใช้สายตาราวกับคนลุ่มหลงมองอู๋ฝานอีกครั้ง “อยากขึ้นไปนั่งคุยอะไรกันก่อนไหม?”
——————————