บทที่ 291 โลกตอนนี้อยู่ยากแล้ว!

เจ้าของร้านพิศวง

บทที่ 291 : โลกตอนนี้อยู่ยากแล้ว!
บทที่ 291 : โลกตอนนี้อยู่ยากแล้ว!

ทำอะไรอยู่? เผ่นน่ะสิถามได้!

ลูอิสตายไปแล้ว ใครจะมามัวสนคำพูดพล่ามไร้สาระของคุณล่ะ อย่ามาขวางทางฉัน!

วาลลิสอยากจะพูดแบบนั้นแหละ

แต่อีกฝ่ายไม่เพียงมีตำแหน่งในวิถีแห่งดาบอัคคีสูงกว่าเขาเท่านั้น แต่ยังแข็งแกร่งกว่าเขาด้วย

ถ้าเขาพูดอย่างที่คิดไว้เมื่อครู่จริง ๆ เขาก็ไม่ต้องมามัววิ่งหนีเอาชีวิตรอดหรอก…เขาคงโดนฝังคาที่ไปแล้ว

ดังนั้นเขาจึงหยุดลงเมื่อได้ยินคำพูดนั้น และแปลงร่างจากนกพิราบกลับเป็นมนุษย์อีกครั้ง แล้วลงจอดที่มุมหนึ่ง

เขาให้ความสนใจเป็นพิเศษเมื่อร่อนลงโดยหลีกเลี่ยงบริเวณที่มีร่มเงาเหล่านั้นอย่างตัวสั่น ๆ และจงใจยืนให้ทั้งตัวอยู่ท่ามกลางแสงแดด

เห็นได้ชัดว่าภาพที่เขาเห็นกลายเป็นแผลใจแผลใหญ่ไปแล้ว…

แม้ว่าเขาจะถูกแสงแดดส่องถึงไปทั้งตัว แต่เขาก็รู้สึกอึดอัดมาก เพราะอาชญากรผู้ถูกประกาศจับและใช้ชีวิตในความมืดอย่างเขารู้สึกไม่ชินกับมันเอาเสียเลย

แต่ถ้าเทียบกับความปลอดภัยของตัวเขาเองแล้ว การปรับตัวไม่ได้มันเป็นแค่เรื่องจิ๊บจ๊อย

เขาไม่อยากจะเข้าไปในเงามืดแล้วตายไปโดยไม่มีใครรับรู้เหมือนลูอิสหรอกนะ…

ทว่าถึงจะเป็นเช่นนี้ แต่ลางสังหรณ์ในใจของวาลลิสก็ยังร้ายแรงขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้เขาจับต้นชนปลายไม่ถูก

เห็นได้ชัดว่าเขาใช้ความเร็วสูงสุดเพื่อหนีห่างจากร้านหนังสือที่น่ากลัวนั่น แล้วเขาก็ไม่ได้อยู่ในเงาใด ๆ ด้วย แต่ทำไมถึงยังไม่รู้สึกปลอดภัยเลยล่ะ?

หรือมันจะไม่ไกลพอ เวรเอ๊ย! ไอ้คนที่จู่ ๆ ก็ออกมาขวางทางเนี่ยต้องรีบจัดการให้ไว ไม่งั้นสถานการณ์ก็อาจจะแย่ลงไปอีก!

ขณะคิดถึงเรื่องนี้ วาลลิสก็เปิดปากพูด “คุณพาช่า ผมขอรายงาน เป้าหมายของภารกิจนำหนังสือเล่มนั้นไปที่ ‘ร้านหนังสือ’ และเป็นไปได้มากว่าเขาจะได้รับการคุ้มครองโดยอีกฝ่ายหนึ่ง ผมเกรงว่าความยากของภารกิจนี้คงต้องถูกปรับแผนใหม่ ทั้งหมดที่ผมทำได้ก็คือหนีออกมาก่อน ส่วนคุณลูอิส…เขาตายแล้วครับ”

ตามคาด เสียงที่ตกใจก็ดังมาจากเงา “ตายแล้วเหรอ?!”

เงาดำกลายเป็นผู้หญิงที่สวมเสื้อผ้ารัดรูปสีดำ เธอก้าวมาข้างหน้าสองก้าวด้วยแววตาไม่อยากเชื่อและเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยวเย็นชา “ร้านหนังสือ? คุณกำลังพูดเรื่องอะไรอยู่? เขาเป็นแค่มนุษย์นะ นอกจากระดับเหนือนภาแล้ว ไม่มีใครสามารถฆ่ามือสังหารเงาในเงามืดได้ เว้นแต่ลูอิสจะไม่ได้เข้าสู่สถานะพรางตัวในตอนนั้น แต่เข้าปะทะกับอีกฝ่ายตัวต่อตัว แต่เรื่องนี้คุณก็ไม่น่าจะทนลูกหลงจากการต่อสู้ที่ว่าได้เลย”

“แล้ว…ในเมื่อเขาตาย ทำไมคุณถึงยังอยู่ล่ะ?”

พาช่าเกือบจะแสดงท่าทีเดือดดาล เธอสงสัยมากขึ้นทุกทีว่าวาลลิสจะโกหก หรืออาจจะทรยศขึ้นมา…?

“เพราะเจ้านั่นอย่างน้อยก็เป็นระดับเหนือนภาไงครับ!”

วาลลิสรู้สึกท้อแท้เล็กน้อยต่อ ‘การเซ้าซี้ไม่เลิก’ ของพาช่า และตระหนักว่าอีกฝ่ายไม่เข้าใจคำว่า ‘ร้านหนังสือ’ ที่ตัวเองจะสื่อ แล้วคิดว่า ‘ร้านหนังสือ’ นี้คงจะเป็นร้านหนังสือมือสองของธีโอดอร์

“ไม่! ไม่ใช่ที่นั่นครับ! เป็น ‘ร้านหนังสือ’ นั่น! ร้านหนังสือนิรนามนั่น!”

วาลลิสละล่ำละลักอธิบาย แล้วจู่ ๆ เขาก็รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติโดยว่ากันว่าข้อมูลของร้านหนังสือร้านนั้นถูกปิดกั้นอย่างแท้จริง และแม้แต่ผู้มีอิทธิพลคนอื่นก็ไม่รู้ แต่ไม่มีความจริงใดที่วิถีแห่งดาบอัคคีไม่รู้ แค่ว่าองค์กรไม่ได้มอบความรู้พวกนั้นทั้งหมดให้พวกเขาเท่านั้นเอง…

ทำไมองค์กรถึงไม่บอกพวกเขาก่อนว่าธีโอดอร์ย้ายร้านไปยังบริเวณใกล้เคียงร้านหนังสือ และอาจจะมีการติดต่อกับตัวตนที่น่าสะพรึงกลัวนั่นล่ะ?

แล้วปล่อยให้คนไม่กี่คนที่มีพลังระดับภัยพิบัติยังรับไม่ไหวไปตายตรง ๆ เนี่ยนะ?

แต่สถานการณ์นี้เร่งด่วน และวาลลิสก็ต้องการหนีเอาชีวิตรอดให้ไวกว่านี้ และไม่มีเวลาคิดเกี่ยวกับมันแล้ว

ความคิดชั่ววูบนี้หายไป แล้วในพริบตา มันก็ถูกโยนกลับเข้าไปในหัว

“ยิ่งไปกว่านั้น อีกฝ่ายยังมีวิธีพิเศษในการรับมือกับสิ่งมีชีวิตในเงาด้วย ในตอนที่เราลงมือรอซุ่มโจมตีที่นั่นในวันนี้ ตอนนั้นคุณลูอิสเดินไปติดกับดักโดยไม่มีความระมัดระวังใด ๆ เลย ผมเห็นเขาถูกเงากลืนไปด้วยตาตัวเองเลยนะ!”

“อีกฝ่ายต้องมีพลังในการควบคุมสิ่งมีชีวิตในเงาแน่ ๆ คุณพาช่า รีบถอยไป…ไม่สิ รีบหนีเถอะ! ถ้าคุณไม่ไป มันจะสายเกินไปนะครับ!”

วาลลิสพูดรัวเร็ว เหงื่อแตกพลั่ก แล้วรีบถอยหลังสองสามก้าวเพราะกลัวจะเผลอไปสัมผัสอีกฝ่ายเข้า

มือสังหารเงาที่ถูกเปลี่ยนเป็นลูกครึ่งภูตเงานี้ ในความเห็นของเขา ได้กลายเป็นตัวตนที่ไม่ต่างไปจากระเบิดเดินได้แล้ว

ถ้าอีกฝ่ายเริ่มใช้วิธีนั้นอีกครั้งขึ้นมาแล้วฆ่าพาช่าทันที เขาก็ไม่อยากจะโดนฝังตามไปด้วยหรอกนะ!

สีหน้าโกรธเคืองของพาช่าชะงักค้าง เธอรู้สึกได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ

สีหน้าตื่นกลัวและกระวนกระวายของวาลลิสในตอนนี้ดูไม่ดีเลย และดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้แค่กลัวจะถูกตามทัน แต่เขายังกลัวเธอด้วย…

วิธีการควบคุมสิ่งมีชีวิตในเงา?

ไม่สิ นี่ก็เป็นข้ออ้างได้เช่นกัน การที่เขากลัวเธอมีอีกความเป็นไปได้นั่นก็คือความรู้สึกผิดบาป

ในใจพาช่ายังคงไม่เชื่อในคำพูดของวาลลิสนัก เพราะเธอยังไม่อยากเชื่อเลยว่าลูอิสจะตายแล้ว…

เธอชั่งน้ำหนักแล้วพูดอย่างเย็นชาว่า “ลืมมันไปเถอะ ตอนนี้ฉันจะเชื่อคุณก่อนแล้วกัน ก่อนอื่นก็ไป…”

“เมี้ยว…!”

เสียงร้องเบา ๆ อย่างน่ารักของแมวตัวหนึ่งขัดคำพูดของพาช่ากะทันหัน

“!”

วาลลิสเพิ่งโล่งใจไปหนึ่งเปาะเดียว แต่ลมหายใจที่ถอนออกมาได้ครึ่งหนึ่งก็พลันสำลักในลำคอ หัวใจของเขาเต้นกระตุก

เขาหันศีรษะด้วยท่าทางแข็งทื่อ แล้วก็เห็นแมวสีขาวตัวอ้วนตัวหนึ่งเดินช้า ๆ มาจากสี่แยก

เจ้าเหมียวเดินด้วยท่าทางไร้เดียงสา ใบหน้าของมันใสซื่อน่ารัก ราวกับเป็นแค่ลูกแมวที่เดินผ่านมา

ในขณะที่พาช่าขมวดคิ้ว วาลลิสซึ่งอยู่ข้าง ๆ เธอก็กลับหลังหันแล้ววิ่งหนีไปอย่างสะพรึงกลัวแล้ว

แมวตัวนั้นคือแมวที่เขาเห็นในอ้อมแขนของเจ้าของร้านหนังสือ เมื่อเขาเหลือบมองเข้าไปในประตูร้าน!

มันตามมาแล้ว!

ใบหน้าของเขาบิดเบี้ยวราวกับถูกผีหลอก แล้วก็พูดเสียงดังว่า “ไม่ ไม่เอา!”

พาช่าเริ่มตื่นตัว ดึงกริชสีดำสองเล่มออกมาจากด้านหลัง สายหนังบนเสื้อผ้าของเธอมีมีดสั้นหลายสิบเล่มผูกไว้ แล้วพวกมันก็ถูกดึงออกจากฝักพร้อม ๆ กัน ก่อนจะขว้างเข้าใส่เจ้าแมวโดยไม่ลังเล พวกมันดึงพลังและพิษของภูตเงามารวมกันแล้วพุ่งเป็นเส้นโค้งที่สวยงามในอากาศ

ฟิ้ว!! ฟิ้ว!! ฟิ้ว!!

พาช่าเริ่มทำสมาธิแล้วร่ายคาถาเงียบ ๆ เพื่อกระตุ้นอาคมที่สลักบนใบมีดเล็กเหล่านั้น

ทุกอย่างเกิดขึ้นในพริบตา ปฏิกิริยาของพาช่าสมแล้วกับนามมือสังหารเงา

หากเป็นบุคคลระดับภัยพิบัติทั่วไปมาอยู่ที่นี่ พวกเขาก็คงต้องให้ความสนใจในการจัดการกับวิธีพวกนี้อยู่บ้าง และจะถูกถ่วงเวลาไว้ที่นี่บ้างแน่นอน

น่าเสียดายที่เธอกำลังเผชิญกับตัวอ่อนของพระเจ้าจอมปลอมที่ครั้งหนึ่งเคยขโมยอำนาจของเทพเจ้าที่แท้จริงมาก่อน

ใบมีดเสียบเข้าไปในร่างของเจ้าแมวขาวจริง ๆ และใบมีดหลายสิบใบก็ทำให้มันกลายเป็นเม่นไปในพริบตา

แต่กลับไม่มีเลือด

ร่างของแมวขาวถูกตัดด้วยใบมีดและบิดเบี้ยวเป็นรูปร่างแปลก ๆ แต่แล้วมันก็แยกปากออกเผยให้เห็นหนวดและลูกตานับไม่ถ้วนที่ดุกดิกอยู่ภายใน

ร่างของมันถูกเหนี่ยวนำให้แบนลง แล้วมันก็กลายเป็น ‘รัง’ ขนาดใหญ่ที่ปกคลุมท้องนภาและแสงตะวันโดยสมบูรณ์

“แง้ว…!!”

มันลืมตาขนาดยักษ์ที่อยู่ข้างใน จับจ้องไปที่เหยื่อทั้งสองตรงหน้ามันด้วยรอยยิ้มแปลก ๆ และเปล่งเสียงร้องเหมียวแปลก ๆ ออกมาเบา ๆ

“มูเอน เจ้าขาวออกไปจับนกพิราบมาเล่น เธอช่วยไปเฝ้ามันไว้ที อย่าให้มันวิ่งไปไหนไกล ให้ความสนใจกับความปลอดภัยด้วยนะครับ ผมกลัวว่ามันจะถูกลักพาตัวไป”

หลินเจี๋ยส่งธีโอดอร์กลับไปแล้วทักทายผู้ช่วยของเขา จากนั้นก็ถอนหายใจ “โลกตอนนี้อยู่ยากแล้ว”

เด็กสาวเหลือบมองเขาแล้วพยักหน้าอย่างไร้อารมณ์