บทที่ 301 ปรมาจารย์บู๊

มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง

มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง บทที่ 301 ปรมาจารย์บู๊

จะไปหรือไม่ไป?

ในหัวของหยางเหนิงเกิดความคิดที่สับสนและซับซ้อนมากมาย

“ถ้าคุณยังไม่อยากยอมแพ้ คุณก็ถามท่านหลงทีเดียวเลยดีกว่า ยังไงก็มาถึงจุดนี้แล้ว การถามตัวตนที่แท้จริงของมู่เซิ่งคงไม่เป็นอะไรหรอก”

เมื่อเห็นท่าทางที่ไม่ยอมไปของหยางเหนิง เจ้าของร้านชุดแต่งงานก็คิดหาทางให้เขา

เนื่องจากมู่เซิ่งเป็นเพื่อนของท่านหลง ถึงตอนนี้แล้ว จะถามเกี่ยวกับรายละเอียดว่าเป็นยังไงก็เป็นเรื่องปกติใช่ไหม?

หลังจากพูดคำเหล่านี้แล้ว เจ้าของร้านชุดแต่งงานก็กลับไปเก็บข้าวของของเธอ และกำลังจะออกจากเกาะสองใจ

สิ่งที่เจ้าของร้านชุดแต่งงานพูดก่อนที่เธอจะจากไป ถือว่าได้เตือนหยางเหนิงเพราะมันเป็นวิธีที่ไม่เลวนะ แม้ว่าเขาจะไม่แน่ใจว่าท่านหลงจะบอกเขาหรือไม่ก็ตาม

หยางเหนิงหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา และโทรออกอย่างรวดเร็ว

อย่างไรก็ตาม โทรศัพท์มือถือของท่านหลงแสดงโดยตรงว่าปิดอยู่ ซึ่งทำให้ หยางเหนิงงงมาก

ปิดเครื่อง ท่านหลงไม่เคยปิดโทรศัพท์เลยนิ

เขาไม่รู้ว่าท่านหลงกำลังลงจากเรือ และมุ่งหน้าไปยังสถานประมูลหลงหางดังนั้นเขาจึงปิดโทรศัพท์โดยตรง

แต่ในใจของหยางเหนิงรู้สึกอยู่เสมอว่าเหตุการณ์นี้บังเอิญเกินไปหรือเปล่า ตอนนี้มู่เซิ่งกำลังมีปัญหา และโทรศัพท์ของท่านหลงก็บังเอิญปิดเครื่องพอดี บางที มู่เซิ่งอาจมีตัวตนที่ไม่ธรรมดาตามที่คาดไว้จริงๆก็ได้

“ไม่ว่าจะดีหรือร้าย ถ้ามันเป็นเรื่องร้ายก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ ผมเป็นลูกผู้ชาย สิ่งที่พูดไปก็ต้องทำให้ได้ใช่ไหม?”

หยางเหนิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุดก็กัดฟันและเลือกที่จะอยู่ที่นี่ต่อ

เขาไม่รู้ว่าทั้งชีวิตของเขาเปลี่ยนไปเพราะการตัดสินใจครั้งนี้

อีกด้านหนึ่ง

ที่ประตูของสถานประมูลหลงหางมีผู้คนมากมาย เดิมทีหลายคนวางแผนที่จะไปจากที่นี่หลังจากการประมูลสิ้นสุดลง แต่เมื่อพวกเขาออกไปถึงหน้าประตู ก็เห็นฝูงชนที่จอแจยืนอยู่ข้างนอกมากมาย จึงหยุดอยู่ตรงนั้น

มีคนมากมายมารวมตัวกันที่ประตู ต้องมีเรื่องใหญ่เกิดขึ้นใช่ไหม?

ฝูงชนถูกพวกอันธพาลที่แต่งตัวเหมือนพวกอันธพาลบังคับให้ไปด้านข้าง และพูดคุยกันเบาๆ

“ทำไมจู่ๆก็มีคนเยอะขนาดนี้มาปรากฏตัวที่นี่หรือ?หรือว่า หลังจากที่อู๋ซื่อซวินกลับไปที่ตระกูลอู๋ เขาก็หาคนมาแก้แค้น?ความเร็วนี้มันจะเร็วเกินไปไหม”

มีคนพูด เมื่อพวกเขาเห็นพวกอันธพาลกลุ่มนี้ ปฏิกิริยาแรกของพวกเขาคือนึกถึงอู๋ซื่อซวินและมีเพียงเขาเท่านั้นที่สามารถรวบรวมกลุ่มคนกลุ่มใหญ่อย่างรวดเร็วเพื่อมาแก้แค้น

“ผมว่าไม่น่าใช่นะ ถ้าเป็นอู๋ซื่อซวิน เขาก็จะมาแน่นอน แต่ผมไม่รู้จักคนที่เป็นผู้นำของคนกลุ่มนี้เลย บางทีเขาอาจไม่ใช่คนจากเกาะสองใจก็ได้”

“คุณหมายถึง เขาไม่ใช่คนเกาะสองใจใช่ไหม?”

“น่าจะใช่ คนใหญ่คนโตส่วนใหญ่ในเกาะสองใจผมรู้จักหมด แต่ผมไม่เคยเห็นคนเหล่านี้มาก่อนเลย ไม่น่าเป็นไปได้ที่พวกเขามาจากเกาะสองใจ”

“จู้ๆ มีคนออกมาแล้ว…”

ระหว่างที่หมู่ฝูงชนกำลังซุบซิบกัน ในขณะนี้ ทุกคนก็เห็นมู่เซิ่งเดินออกจากโรงประมูล

พวกอันธพานที่ยืนอยู่รอบๆ ก็ล้อมมู่เซิ่งในทันที ดูแล้วเห็นได้ชัดว่าพวกเขารอมู่เซิ่งมานาน

“พ่อครับ เขามาแล้ว”

หวงอวี่ซึ่งยืนอยู่ด้านหน้าอันธพาล ตบมือและพูดกับหวงกางพ่อของเขา

ดวงตาของหวงกางที่เป็นผู้นำเป็นประกาย และพูดว่า”ในที่สุดไอ้กระจอกก็ยอมออกมาสักที ดีแล้วกูจะได้ไม่ต้องเข้าไปจับมันด้วยตัวเอง”

ตอนที่หวงอวี่ออกมา เขาบอกพ่อของเขาทั้งหมดเกี่ยวกับเรื่องที่มู่เซิ่งทำให้เขาขุ่นเคือง

พ่อของเขา ปกติเป็นคนที่อยากทำอะไรก็ทำในอำเภอซานเซี่ยง เมื่อเขาได้ยินว่ามู่เซิ่งหยิ่งผยองถึงขนาดกล้ารังแกลูกชายของเขา เขาก็โกรธทันทีและให้มู่เซิ่งคุกเข่าลงและขอโทษ ณ ตรงนั้นเลย

อยู่ในอำเภอซานเซี่ยง อาจกล่าวได้ว่าหวงกางอยากได้อะไรก็ได้ อยากทำอะไรก็ไม่มีใครกล้าขวาง และเขายังมีนิสัยอย่างนึงคือชอบไปฟังข่าวจากที่ต่างๆ ดังนั้นเขาจึงได้ยินเกี่ยวกับเรื่องของมู่เซิ่งกับตระกูลจ้าวมาบ้าง

มู่เซิ่งเป็นไอ้กระจอกไร้ประโยชน์ที่เกาะภรรยาของเขากิน และไม่มีเงินสำรองเลย ส่วนภรรยาของเขา เพราะมีโครงการในเขตซีไห่ ช่วงนี้จึงรุ่งมาก หวงกางไม่เคยเห็นผู้ชายที่เกาะผู้หญิงกินแบบนี้มาก่อน ดังนั้นเขาจึงจำมู่เซิ่งได้ดี

ตอนนี้หลังจากที่ได้เห็นมู่เซิ่ง ก็จำได้ทันที

ดังนั้นตอนนี้ในใจเขาบ้าคลั่งมาก ผู้ชายหยิ่งผยองคนนี้กล้าทำร้ายลูกชายของตน เขาไม่รู้หรือว่าในอำเภอซานเซี่ยง ใครใหญ่สุด?

แม้แต่จ้าวหลินตระกูลจ้าว ต่อหน้าเขาก็ยังกระจอก คนไม่ได้เรื่องแบบนี้ ยังกล้าที่จะรุกรานลูกชายของเขา

เมื่อเห็นมู่เซิ่งเดินออกมา หวงกางก็พูดติดตลกว่า”ไอ้กระจอก มึงนี่ชื่อเสียงโด่งดังจริงๆ ให้กูรอนานจริงๆ… ”

“ผมก็รอพวกคุณมานานแล้วเหมือนกัน”มู่เซิ่งพูดอย่างใจเย็น

เมื่อคำพูดนี้ได้พูดออกมาหวงกางและหวงอวี่สองพ่อลูก รวมถึงพวกอันธพาลก็หัวเราะออกมาเสียงดัง ต้องยอมรับว่าชื่อเสียงของมู่เซิ่งนั้นโด่งดังมาก นอกจากจะเป็นที่รู้จักในเจียงหนานแล้ว แม้แต่อำเภอซานเซี่ยงก็รู้เรื่องที่ไม่ดีของเขา

“แหมๆๆ ภายนอกดูดีจัง ทำไมถึงเป็นคนเกาะผู้หญิงกินน๊า?หรือคุณแข็งไม่ได้ใช่ไหม”หวงกางมองไปที่มู่เซิ่งและพูดหยอกล้อ

“ฮ่าฮ่าฮ่า ผู้ชายแบบนี้ เสียศักดิ์ศรีลูกผู้ชายอย่างพวกเราหมด”

“พี่อวี่ เขากล้ารังแกคุณนะเหรอ ผมสามารถชกหัวเขาให้ขาดไปเลย!” นอกจากนี้ยังมีพวกอันธพาลที่โบกกำปั้นของพวกเขา ต้องการที่จะพุ่งเข้าไปและทุบมู่เซิ่งลงกับพื้น

ทุกคนดูฉากนี้อย่างมีความสุข

ในสายตาของพวกเขา มู่เซิ่งมีรูปร่างผอมบาง และอาจไม่สามารถรับหมัดจากพวกอันธพาลได้แม้แต่หมัดเดียว

หวงอวี่โบกมือ แสร้งทำเป็นมั่นใจและพูดกับมู่เซิ่ง”มู่เซิ่ง ถ้าคุณยอมคุกเข่าลงและขอโทษตอนนี้ และมอบแหวนเพชรรักไม่สมหวังที่คุณประมูลได้ก่อนหน้านี้ออกมา ผมจะไว้ชีวิตสุนัขของคุณ ”

ในสายตาของเขา มันเป็นไปไม่ได้เลยที่มู่เซิ่งจะเป็นคนจ่ายเงินของแหวนวงนี้ ดังนั้นหวงอวี่จึงต้องการฉวยโอกาสกลืนกินแหวนนี้

เพราะท้ายที่สุดแล้ว นั่นคือแหวนมูลค่า 500 ล้าน

“คุณต้องการแหวนที่ผมเพิ่มประมูลมา” มู่เซิ่งอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ

คุณนี่มันโลภจริงๆ เขาอดไม่ได้ที่จะพูดแบบนี้”อย่าว่าแต่ 500 ล้าน 50000 ล้านผมก็มี แต่ว่า วางไว้ตรงหน้าคุณ คุณกล้าเอาไหม?”

“คุณ…”คำพูดของมู่เซิ่ง ทำให้หวงอวี่ถอยหลังไปสองก้าว โดยพูดไม่ออกสักคำ

ลูกน้องที่ยืนถัดจากหวงอวี่เมื่อเห็นสถานการณ์นี้ก็ตะโกนทันทีว่า”ไอ้คนไม่ได้เรื่องอย่างมึง คู่ควรที่จะพูดกับพี่อวี่ของเราแบบนี้หรือ?กูต้องสั่งสอนมึงสักหน่อยแล้ว!”

หลังจากพูดจบ ลูกน้องคนนั้นก็ก้าวไปข้างหน้า เหวี่ยงกำปั้นของเขา และพุ่งไปหามู่เซิ่ง

มู่เซิ่งมองไปที่กำปั้นและมีรอยยิ้มเย็นชาที่มุมปากของเขา หันหน้าไปทางกำปั้น รูปร่างของเขายังคงไม่เปลี่ยนแปลง และเขาก็ยื่นนิ้วออกมาโดยตรง

ใช่ มันคือนิ้วชี้ที่เรียวและบาง

“ไอ้หมอนี่ อยากตายเหรอ?”

“ผู้ชายกำยำคนนี้ อย่างน้อยก็สามารถทำร้ายคนได้ด้วยหมัดเดียว เขาแค่เอานิ้วเดียวไปต้าน หยิ่งผยองเกินไปแล้ว?”

“เหอะๆ ในเมื่อมึงหาที่ตาย กูจะทำให้มึงสมหวัง!”เมื่อเห็นท่าทีดูถูกในดวงตาของมู่เซิ่ง ชายผู้แข็งแกร่งก็โกรธจัด เขาเพิ่มแรงในกำปั้นของเขา ต่อยมู่เซิงอย่างแรง

บูม!

ทั้งสองปะทะกันท่ามกลางสายตาของทุกคน

เสียงกระดูกหักในจินตนาการของทุกคนไม่ได้เกิดขึ้น มู่เซิ่งไม่ได้ขยับ แต่สามารถหยุดการโจมตีที่รุนแรงของลูกน้องด้วยนิ้วเดียว

กำปั้นนั้นหยุดลงตรงหน้ามู่เซิ่งอย่างดื้อๆ นิ้วชี้เรียว และกำปั้นขนาดเท่าถุงทราย ก่อให้เกิดความแตกต่างที่ชัดเจนอย่างหาที่เปรียบมิได้

“เชี่ย!”

ผู้คนที่ยังคงพูดคุยกันก็อดไม่ได้ที่จะระเบิดคำหยาบคายออกมา

ฉากนี้สะดุดตามาก

อย่างไรก็ตาม ในวินาทีถัดมา โดยไม่รอให้ทุกคนได้ตั้งตัว มู่เซิ่งสะบัดนิ้วของเขาเบาๆ ราวกับว่าปัดเศษฝุ่นออก ไอ้อันธพานคนนั้นก็ถอยกลับด้วยแรงนั้นพร้อมกับเสียง‘ต้ม’เขาล้มลงกับพื้น

ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความตกใจ

“นี่……”

“แม่งเอ้ย กูดูผิดหรือเปล่า?”

“นี่ นิ้วเดียว ก็สามารถทำให้เขาล้มลง?”

ถ้าไม่ใช่เพราะสีหน้าท่าทางที่ดูโมโหและน่ากลัวของหวงอวี่พวกเขา ทุกคนคงสงสัยว่าพวกเขากำลังแสดงหนังอยู่หรือเปล่า เพราะฉากนี้น่าทึ่งมาก มีแต่ในละครทีวีเท่านั้นที่จะทำแบบนั้นได้

ท่ามกลางฝูงชน มีเพียงเปาหารเท่านั้นที่มีสีหน้าสงบที่สุด

เพราะเขาเคยเห็นฉากนี้มาก่อน และมันก็ยิ่งกว่านั้น ห่าง 2-3 เมตร ก็ทำให้คนธรรมดาคนหนึ่งปลิวหายไปทันที

เขารู้ว่าคนกลุ่มนี้ล้วนมีชื่อเดียวกัน

นักบู๊

นักบู๊ ถูกแบ่งออกเป็นปรมาจารย์บู๊ นักเสวียนและในหมู่นักเสวียน มีนักเสวียนระดับหนึ่ง ระดับสอง และอื่นๆ ยิ่งสูงก็ยิ่งฝึกยาก ประเทศตงหัวในตอนนี้ ผู้ที่เก่งที่สุด วิชาของเขาก็เป็นนักเสวียนระดับสามเท่านั้น

แต่ถึงแม้จะเป็นเพียงปรมาจารย์บู๊ มันก็ยากมากที่จะไปถึง ทำไมตระกูลอู๋ถึงกลายเป็นตระกูลชั้นนำ และยืนหยัดอยู่บนเกาะสองใจได้โดยไม่มีใครล้มได้ นอกจากความร่ำรวยของตระกูลอู๋แล้วยังมีอีกสิ่งที่สำคัญ นั่นคือในตระกูลอู๋มีปรมาจารย์บู๊

นั่นคือรากเหง้าของตระกูลชั้นนำ ปรมาจารย์บู๊ลงมือ คนธรรมดาไม่มีใครสามารถสู้ได้เลย

เมื่อมองไปที่การเคลื่อนไหวของมู่เซิ่ง ความคิดแรกของเปาหารก็คือเขาเป็นปรมาจารย์บู๊ เมื่อความคิดนี้ผุขึ้นมา เปาหารก็มั่นใจว่ามันใช่มาก

และมีเพียงมู่เซิ่งเป็นปรมาจารย์บู๊เท่านั้น จึงสามารถอธิบายพฤติกรรมต่างๆของมู่เซิ่งได้ว่าทำไมหลังจากที่ได้ยินชื่อตระกูลอู๋ เขาถึงไม่รู้สึกกลัวเลย

เนื่องจากปรมาจารย์บู๊ที่อายุน้อยเช่นนี้ แม้แต่ตระกูลอู๋ยังต้องปฏิบัติเป็นแขกวีไอพี และไม่กล้าทำให้เขาขุ่นเคืองเลย

“แม่ง”

“ที่แท้ผู้ชายคนนี้เก่งขนาดนี้เลย?”

“มิน่าล่ะที่เขาไม่กลัวอะไรเลย”

“แต่ถึงเขาจะทรงพลังขนาดนี้ เขาสามารถเอาชนะคนทั้งกลุ่มได้หรือ อย่างที่เขาว่ากันว่า สองหมัดไม่สามารถเอาชนะสี่มือได้”

“…”

รวมถึงสองพ่อลูกหวงอวี่พวกเขา ผู้ชมทุกคนล้วนเป็นคนธรรมดา และพวกเขาไม่รู้จักคำว่า”ปรมาจารย์บู๊”ในสายตาของพวกเขา มู่เซิ่งแค่เก่งกว่าหน่อยเท่านั้น

“ไอ้กระจอก คิดไม่ถึงว่ามึงจะมีความสามารถนี้ด้วย แต่จะมีประโยชน์อะไร กล้าทำร้ายคนของกู มึงอย่าได้คิดว่าจะรอดไปจากที่นี่ได้เลย!” หวงกางมองไปที่มู่เซิ่งด้วยความประหลาดใจ และในใจของเขาก็แค่ประหลาดใจ ไม่มีแม้แต่ความกลัวเลย

“ผมจะให้โอกาสคุณ หักขาลูกชายของคุณแล้วคุกเข่าลง ผมจะไว้ชีวิตคุณ” มู่เซิ่งพูดอย่างสบายๆ

“ฮ่าๆๆๆ!”

หวงกางระเบิดเสียงหัวเราะอย่างบ้าคลั่งทันที ชี้ไปที่มู่เซิ่งและพูดพร้อมกับหัวเราะจนท้องแข็ง”แม่งเอ้ย ตลกละ ดูคนรอบตัวผมสิ พวกเขาทั้งหมดเป็นลูกน้องของกู มีทั้งหมดห้าสิบกว่าคน ถ้ากูให้พวกเขาลงมือ มึงจะมีชีวิตรอดออกไปได้ไหม กล้าดียังไงมาขู่กู”

“ท่านพ่อ ผมว่าหักขาของผู้ชายคนนี้ก่อนดีกว่า!” หวงอวี่ก็พูดอย่างเย็นชาอยู่ข้างๆ

ไอ้หมอนี่ ต้องการที่จะหักขาของเขา หาที่ตายชัดๆ

เจิ้งซินซินมีรอยยิ้มชั่วร้ายบนใบหน้าของเธอตลอดเวลา เมื่อมองไปที่ฉากตรงหน้าเธอ รอยยิ้มที่น่ากลัวก็ปรากฏที่มุมปากของเธอ ราวกับว่าเธอได้เห็นมู่เซิ่งคุกเข่าลงหลังจากถูกทุบตีจนขาหัก

ไอ้กระจอกแบบนี้ ยังคิดจะมาเทียบเทียมกับผมหรือ?ไม่รู้ที่ต่ำที่สูงเสียงแล้ว!

“คุณหมายความว่า ฝ่ายไหนที่มีคนมากก็เก่งกว่างั้นเหรอ?”มู่เซิ่งถามติดตลก

“เหอะๆ แน่นอน”หวงกางดูได้ใจ

“โอ้?งั้นลองดูสิ”มู่เซิ่งกล่าว

บูมๆๆ——

วินาทีที่เขาพูด

ในระยะไกล มีเสียงฝีเท้าดังขึ้น สายตาของทุกคนมองเข้าไปในระยะไกลโดยไม่รู้ตัว ทันใดนั้น พวกเขาก็ตกตะลึง …