ตอนที่ 268

My Disciples Are All Villains

คนใช้สูงวัยหงฟู่ได้หันกลับมาก่อนที่จะมองออกไปที่ด้านนอก “นายน้อยทั้งสอง”

ผู้มาเยือนหน้าใหม่มีด้วยกันอยู่ 2 คน ทั้งสองคนเป็นชายหญิงที่มีรูปร่างหน้าตาสง่างาม ที่ด้านหลังของพวกเขาทั้งสองคนมีสาวใช้ตามมา 4 คนด้วยกัน ทันทีที่พวกเขาเข้ามา พวกเขาก็ได้เห็นลู่โจวที่กำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้อย่างสง่างาม

ตามกฎที่คฤหาสน์หลังนี้มี แม้แต่แขกที่มีชื่อเสียงเองก็ยังไม่อาจนั่งเก้าอี้ตัวนี้ได้ถ้าหากไม่มีเหตุผลที่มากพอ

ก่อนที่ชายหนุ่มจะได้พูดอะไร หงฟู่ก็ได้พูดตักเตือนออกมาซะก่อน “นายน้อย พวกเราจะต้องพูดจาระวังซะแล้ว ถ้าหากนายท่านอยู่ตรงนี้เองเขาก็คงจะต้องพูดจาด้วยความระวังเช่นกัน”

หงฟู่นับว่าเป็นคนเก่งอย่างแท้จริง ตัวเขารู้ดีว่านายน้อยคนนี้ยังเป็นเด็กเกินกว่าที่จะทำอะไรยั้งคิดได้ ดังนั้นตัวเขาจึงเลือกที่จะเตือนนายน้อยทันทีที่เขาเข้ามาถึง หงฟู่ไม่อยากเจอกับปัญหายุ่งยากอย่างไม่จำเป็น

ชายหนุ่มฉินโจได้พยักหน้าให้ก่อนที่จะใช้ท่าทีที่หยิ่งผยองของตัวเขา ตาเฒ่าหงคนนี้รับใช้คฤหาสน์มากว่าหลายปีแล้ว เขาคนนี้มักจะเป็นคนที่ระมัดระวังตัวและทำงานได้ดีมาโดยตลอด คำพูดให้ระมัดระวังตัวได้หลุดออกมาจากปากของตาเฒ่าหงเอง เพราะแบบนั้นแขกคนนี้ก็คงจะเป็นแขกคนสำคัญไม่ผิดแน่ แม้ว่าฉินโจจะไม่ได้รู้จักแขกคนนี้เขาก็โค้งคำนับให้กับลู่โจวก่อนที่จะพูดทักทายออกมา “สวัสดีครับท่านผู้อาวุโส”

ลู่โจวยกถ้วยน้ำชาขึ้นมาดื่ม ตัวเขาไม่ได้ใส่ใจอะไรกับชายหนุ่มคนนี้ แม้ว่าจะเป็นนายน้อยก็ตามแต่ถึงแบบนั้นเขาก็ยังไม่ได้มีความสำคัญมากพอที่จะต้องใส่ใจอยู่ดี

ฉินโจรู้สึกสนใจชาที่ลู่โจวกำลังดื่มอยู่ กลิ่นชาประเภทนี้ไม่ใช่ชาธรรมดาทั่วๆ ไป มันเป็นชาที่ผู้เป็นพ่อของเขาชื่นชอบที่สุดไม่ใช่หรอ? แม้ว่าจะมีแขกคนสำคัญผู้ที่มีชื่อเสียงจากทางพระราชสำนักมาที่นี่ แต่ถึงแบบนั้นพ่อของเขาก็ไม่เคยที่จะใช้ชาแบบนี้ต้อนรับแขกคนนั้นมาก่อน

หงฟู่ที่เห็นนายน้อยของตัวเองคิดสงสัยอะไรบางอย่างอยู่ ตัวเขาก็ได้เดินไปหาก่อนที่จะทำท่าทางเชิญชวน “นายน้อย ท่านผู้อาวุโสคนนี้เดินทางมาไกล ท่านผู้อาวุโสคงอยากที่จะพักผ่อน นายน้อยได้โปรดอย่ากวนท่านผู้อาวุโสเลย”

“เฒ่าหง นี่เจ้า…”

“ฟังข้าน้อยสักครั้งเถอะ ถ้าหากนายน้อยต้องการที่จะเอาผิดข้าหลังจากนี้ ข้าน้อยยินดีที่จะรับโทษแต่โดยดี”

เด็กสาวที่ได้ยินแบบนั้นก็ได้พูดขึ้น “ท่านพี่ ตาเฒ่าหงดูแลท่านพ่อมากว่า 20 ปีแล้ว เวลาที่นานขนาดนั้นนานกว่าเวลาที่ท่านพี่จะได้อยู่กับท่านพ่อซะอีก ถ้าหากเฒ่าหงพูดแบบนั้น ข้าก็คิดว่าควรจะฟังเขาเอาไว้หน่อยก็ดี”

ฉินโจที่ได้ฟังถึงขนาดนั้นก็ได้แต่พยักหน้า ตัวเขาได้โค้งคำนับให้กับลู่โจว, จ้าวยู่ และหยวนเอ๋ออีกครั้ง “ข้าจะไม่รบกวนท่านแล้วท่านผู้อาวุโส ข้าขอตัวก่อน”

“เดินระวังด้วยนายน้อย”

ฉินโจและคนอื่นๆ ได้ถอยหลังก่อนที่จะเดินจากไป

เมื่อฉินโจและน้องสาวหันหลังและเดินไปไกลมากพอ เขาก็ได้แต่ขมวดคิ้ว

“ท่านพี่ ท่านพี่กำลังกังวลอะไรอยู่อย่างงั้นหรอ? “

“ข้าไม่ได้กังวลอะไร…ข้าแน่ใจว่าตาเฒ่าหงก็คงจะมีเหตุผลของเขา ข้าก็แค่สงสัยว่าคนแบบไหนกันถึงทำให้ตาเฒ่าหงต้องดูแลเป็นอย่างดีแบบนี้ด้วย”

“ถ้าหากเป็นแบบนั้นก็ดีแล้วท่านพี่ พวกเราก็รอแค่ท่านพ่อกลับมาก็รู้ทุกอย่างแล้ว”

“เจ้าพูดถูกแล้วล่ะ พวกเราไปกันเถอะ…”

และแล้วทั้งสองคนก็เดินจากไป

เฒ่าหงได้กลับมาที่ห้องนั่งเล่นก่อนที่จะพูดขึ้น “ข้าน้อยได้เตรียมห้องเอาไว้ให้สำหรับพวกท่านทั้งสามแล้ว เชิญพวกท่านพักผ่อนตามสบาย ท่านผู้อาวุโสและแม่นางทั้งสอง”

ลู่โจวลุกขึ้นยืน ตัวเขาได้เอามือไขว้หลังก่อนที่จะเริ่มเดินจากไป ตัวเขาได้จ้องมองรอบตัวก่อนที่จะพูดออกมา “เป็นเวลากว่า 20 ปีแล้ว…ข้าคิดว่าอะไรหลายๆ อย่างจะไม่เหมือนเดิม แต่สุดท้ายแล้วมันก็ยังดูเหมือนเดิมอยู่ดี”

เฒ่าหงที่ได้ยินแบบนั้นก็ได้พยักหน้าก่อนที่จะพูดตอบกลับไป “นายท่านของข้าเป็นผู้ที่ชอบคิดถึงอดีตน่ะครับ”

“สถานะฉินจานในพระราชสำนักเป็นยังไงบ้าง? ” ลู่โจวได้ถามออกมา

เนื่องจากฉินจานยังไม่กลับมา ลู่โจวจึงตัดสินใจที่จะเก็บข้อมูลจากเฒ่าหงซะก่อน ตาเฒ่าคนนี้ได้รับใช้คฤหาสน์แห่งพลังมาเนิ่นนานแล้ว เขาจะต้องรู้อะไรแน่นอน “ที่พระราชสำนักนั้นเต็มไปด้วยความหลอกลวงและแผนชั่วต่างๆ นานนายท่านของข้าต้องหลีกเลี่ยงการมีส่วนร่วมกับเรื่องพวกนั้นไม่เว้นแต่ละวัน แม้ว่าตัวเขาจะไม่ได้มีอำนาจมากมายอะไรแต่ถึงแบบนั้นนายท่านของข้าก็ยังน่าเคารพนับถืออยู่ดี”

ลู่โจวที่ได้ฟังแบบนั้นก็ได้ถามออกมาตรงๆ “เจ้ารู้จักหลี่หยุนเฉาไหม? “

ทันทีที่เอ่ยชื่อออกมา สีหน้าของเฒ่าหงก็ได้เปลี่ยนแปลงไปในทันที “ท่านผู้อาวุโส เขาคนนั้นเป็นคนโปรดปรานของอัครมเหสี…แม้ว่าเขาจะไม่ได้มีอำนาจอะไรจากตำแหน่ง แต่ขุนนางหลายคนต่างก็เคารพนับถือเขาอยู่ดี เพราะแบบนั้นแล้วเขาจึงมีสถานะที่พิเศษ ถ้าหากพูดถึงหลี่จงหยุนแล้วเขาคนนี้ถือว่าเป็นคนที่มีอำนาจอย่างไม่ต้องสงสัย”

ลู่โจวพยักหน้า ตัวเขาไม่ได้ตอบกลับอะไรไป ดูเหมือนว่าเฒ่าหงจะไม่สามารถบอกสิ่งที่ตัวเขาต้องการจะรู้ได้

ในตอนนั้นเองหมิงซี่หยินก็ได้บินมากับลู่ชิวผิงหนึ่งในหนูขโมยทั้งห้าก็ได้เดินทางมากว่าครึ่งทางแล้ว หมิงซี่หยินเริ่มรู้สึกหมดแรงเต็มที “ท่านอาจารย์คิดอะไรอยู่กันแน่ถึงได้เดินทางไปยังเมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์ในเวลานี้กัน? ระยะทางจากเมืองทางตอนเหนือไปยังเมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์ไม่ใช่ระยะใกล้ๆ เลย ท่านอาจารย์มีสัตว์ขี่อยู่ส่วนข้านั้นไม่มี เมื่อไหร่ข้าจะไปถึงที่นั่นกัน? “

ลู่ชิวผิงได้ยิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์ก่อนที่จะพูดออกมา “ถ้าหากเป็นแบบนี้เจ้าก็แค่ปล่อยข้าไป…ข้ารับรองได้เลย…ว่าข้าจะรีบคืนเสื้อคลุมให้กับเจ้าในทันที”

“หุบปาก! เจ้าคิดว่าแค่คืนเสื้อคลุมมาเรื่องทุกอย่างก็จะจบอย่างง่ายดายอย่างงั้นหรอ? ” หมิงซี่หยินได้ออกแรงคว้าตัวลู่ชิวผิงอีกครั้ง

ลู่ชิวผิงเหงื่อแตก ตัวเขารู้สึกถึงความเจ็บปวดขึ้นมาอีกครั้ง ตัวเขาพยายามซ่อนความเจ็บปวดเอาไว้ก่อนที่จะพูดต่อไป “มีสมบัติมากมายอยู่ในศาลาปีศาจลอยฟ้า เพียงแค่สมบัติเพียงแค่ชิ้นเดียวเท่านั้นทำไมศาลาปีศาจลอยฟ้าถึงกับต้องทำแบบนี้กับพวกเราด้วย? ถ้าหากข้าตายไปจริงพี่ใหญ่ของข้าจะต้องโกรธมากแน่ พี่รอง, พี่สามและพี่สี่เองก็มีความสามารถในการขโมยที่เหนือกว่าข้า ถ้าหากข้าตายพวกเขาทั้งหมดก็จะต้องมาล้างแค้นให้กับข้าอย่างแน่นอน วงจรอุบาทว์แบบนี้ก็จะเกิดขึ้นเรื่อยๆ ไม่มีที่สิ้นสุด…อ๊าก…” ไม่ทันที่จะได้พูดจบตัวของลู่ชิวผิงก็ถูกหมิงซี่หยินบีบอัดด้วยแรงอีกครั้ง

หมิงซี่หยินได้พูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่นุ่มลึก “หนูขโมยทั้งห้ากล้าที่จะบุกศาลาปีศาจลอยฟ้าอย่างงั้นหรอ? เจ้ารู้ไหมว่าเสื้อคลุมวิถีเซนเป็นของที่ช่วยให้ศิษย์น้องแปดของข้ามีชีวิตอยู่? “

“หะ? “

“การที่เจ้าเอาเสื้อคลุมไปก็เท่ากับว่าได้ฆ่าศิษย์น้องแปดของข้า! ข้าจะบอกความจริงกับพวกเจ้าให้ ในสายตาของข้าหนูขโมยทั้งห้าก็เหมือนกับตายไปแล้ว พวกเจ้ามันก็เป็นแค่หนูอยู่วันยังค่ำ! “

“…” จิตใจของลู่ชิวผิงว่างเปล่า ตัวเขารู้สึกกลัวจนหมดสติไป

หมิงซี่หยินจ้องมองดูชายคนนี้อย่างดูแคลน “เจ้าขยะไร้ค่า” การเดินทางไปกับลู่ชิวผิงเป็นอะไรที่น่ารำคาญสำหรับเขามาก เมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์เป็นเมืองที่กว้างใหญ่ ตัวเขาคงจะไม่สามารถหาอาจารย์พบแน่ถ้าหากยังถือขยะแบบนี้ไปกับตัว “ข้าควรจะกลับไปยังศาลาปีศาจลอยฟ้าก่อนที่จะมุ่งหน้าไปยังเมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์อีกครั้ง”

เมืองทางตอนเหนือ, ศาลาปีศาจลอยฟ้า และเมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์ สถานที่ทั้ง 3 แห่งเป็นเหมือนกับเมืองที่อยู่คนละมุมของรูป 3 เหลี่ยม

หมิงซี่หยินตัดสินใจที่จะกลับไปยังศาลาปีศาจลอยฟ้าก่อน ในตอนนี้มันยังไม่ไกลเกินไป ตัวเขาที่กลับไปก่อนจะไม่เสียเวลาแน่ถ้าหากทิ้งภาระอย่างลู่ชิวผิงได้

ที่เมืองทางตอนเหนือ ณ ร้านอาหารสายลม

ในตอนนี้เมืองทางตอนเหนือได้ตกอยู่ในความโกลาหลอย่างสมบูรณ์แบบ

มีไฟไหม้เกิดขึ้นทุกหนทุกแห่ง

มีร่างของใคร 4 คนได้พุ่งผ่านหลังคาของอาคารบ้านเรือนไป ทั้งสี่ได้ฝ่าทหารและผู้ฝึกยุทธมากมายหลายคนไปโดยที่ไม่มีใครได้ทันสังเกตเห็น พวกเขามาถึงร้านอาหารสายลมด้วยความเร็วดุจดั่งสายฟ้าได้

พรึ๊บ! พรึ๊บ! พรึ๊บ!

ชายทั้งสี่ได้หยุดมองร้านอาหารสายลม

“พี่ใหญ่ นี่เป็นที่ที่น้องห้าจะมาพบกับสีวู่หยา”

“รีบเข้าไปดูเร็วเข้า”

“ข้าเข้าใจแล้ว”

หนึ่งในหนูขโมยที่เหลืออยู่ได้วิ่งขึ้นไปดูร้านอาหารสายลมโดยที่มีหนูขโมยอีกคนคอยดูต้นทาง

หนูขโมยพี่ใหญ่เป็นเพียงคนเดียวที่ยืนอยู่ที่ชั้นหนึ่งของร้านอาหาร ตอนนี้ตัวเขาก็ได้แต่รอผลการตรวจสอบ

เพียงครู่เดียวเท่านั้นทั้งสามคนก็ได้เดินกลับมา

“พี่ใหญ่ ไม่มีวี่แววของน้องห้าอยู่เลย”

“สีวู่หยาเองก็ไม่อยู่เช่นกัน”

หนูขโมยคนที่สี่ได้วิ่งมาเป็นคนสุดท้าย เขาวิ่งมาก่อนที่จะกู่ร้องออกมาอย่างเสียงดัง “พี่ใหญ่…พี่ใหญ่ ข้าเจอของสิ่งนี้เข้า! มันเป็นมีดของน้องห้า! “

หนูขโมยพี่ใหญ่ได้หยิบมีดเล่มนั้นก่อนที่จะชำเลืองมองดู ตัวเขาได้พูดออกมาอย่างเย้ยหยัน “เจ้าสีวู่หยานั้น เจ้านั้นไม่คิดว่าพวกเราจะไม่กล้าต่อต้านเขาก็เพราะว่าเขาเป็นศิษย์จากศาลาปีศาจลอยฟ้าอย่างงั้นสินะ? “

“พี่ใหญ่ น้องห้าจะต้องถูกจับตัวไปแล้วแน่”

“ข้าเตือนน้องห้าให้ระวังสีวู่หยาแล้วแท้ๆ แต่เขากลับไม่ยอมฟัง ชายคนนั้นเป็นผู้ที่มีเล่ห์เหลี่ยมยิ่งกว่าใคร เจ้านั่นคงจะมีแผนการแต่แรกอยู่แล้ว”

“พี่ใหญ่ พวกเราจะทำตามคำสั่งท่านเอง ตอนนี้พวกเราควรทำอะไรกัน? ” หนูขโมยคนที่สามได้พูดพร้อมกับจ้องมองดูผู้เป็นพี่ใหญ่

ตัวเขาได้หันไปมองทิศที่ศาลาปีศาจลอยฟ้าตั้งอยู่ก่อนที่จะพึมพำขึ้นมา “แม้ว่านักบวชจะวิ่งได้แต่วิหารของพวกเขาน่ะวิ่งไม่ได้หรอก เป็นเพราะสีวู่หยาได้ผิดสัญญากับพวกเราก่อน พวกเราเองก็ต้องทำผิดสัญญาเช่นกัน”

“พี่ใหญ่หมายความว่ายังไงกัน? “

พี่ใหญ่ของหนูขโมยได้กวาดสายตามองไปยังหนูขโมยทั้งสาม “หนูขโมยทั้งห้าแห่งเมืองทางตอนเหนือไม่เคยต่อสู้กับผู้ยิ่งใหญ่มาก่อน ตอนนี้ข้ากำลังถามพวกเจ้า พวกเจ้ากล้าที่จะต่อสู้กับผู้ยิ่งใหญ่ไหม? “

สีหน้าแห่งความตื่นเต้นได้แสดงออกบนใบหน้าของหนูขโมยทั้งสามที่เหลือ สิ่งที่พวกเขาทั้งหมดทำมาโดยตลอดนั่นก็คือการลักเล็กขโมยน้อย หนูขโมยทั้งหมดมักเลือกวิธีแอบลักลอบเข้าไปขโมยของบางอย่างมาแทนที่จะต่อสู้โดยตรง และเพราะแบบนั้นผู้ฝึกยุทธฝ่ายธรรมะทั้งหลายจึงมองพวกเขาทั้งหมดที่มีพฤติกรรมอันน่ารังเกียจนี้ให้เหมือนกับหนู หนูขโมยทั้งห้าต่างก็ถูกหัวเราะเยาะโดยผู้ฝึกยุทธมาโดยตลอด พวกผู้ฝึกยุทธทั้งหมดต่างก็ไล่ล่าหนูขโมยทั้งห้า ในท้ายที่สุดแล้วหนูขโมยทั้งห้าก็ยอมเสี่ยงตัวเองเพื่อที่จะขโมยตะเกียงชาวพุทธมา เมื่อข่าวลือนี้ได้แพร่ออกไปก็ไม่มีใครกล้าตามล่าหนูขโมยทั้งห้าอีกต่อไป

ในอดีตไม่มีใครเคยขโมยสมบัติล้ำค่าของศาลาปีศาจลอยฟ้ามาก่อนได้ และในตอนนี้พวกเขาก็สามารถขโมยของจากศาลาปีศาจลอยฟ้าได้สำเร็จ

“พวกเราไปกันได้แล้ว”

หนูขโมยทั้งสี่ได้ออกจากเมืองปาฏิหาริย์ไปด้วยความเร็วสูงสุด