ตอนที่ 336 ต้นคริสต์มาสมนุษย์
บ่ายวันเสาร์พ่อแม่ของซังหลิ่นหราน หงจยาเย่ว์ ลั่วปู้อวี๋ เสิ่นเจียวหยาง มากันหมด
มู่เถาเยายิ้มถาม “หัวหน้าซังงานไม่ยุ่งแล้วเหรอคะ”
“ตอนนี้ไม่ยุ่งแล้วครับ เหล่าฝานก็ดีวันดีคืน ผมเลยฉวยโอกาสนี้มาเยี่ยมทุกคนพร้อมพวกเขาครับ ขอบคุณเสี่ยวเยาเยากับอธิการบดีเจียงมากจริงๆ” ซังชั่วยิ้ม มีความสุขเหลือเกิน
“ไม่เป็นไรค่ะ”
“ครอบครัวเหล่าฝานถามผมตลอดว่าพวกคุณชอบอะไรกัน”
“อย่างนั้นเหรอคะ…ฉันชอบกิน ถ้าพวกเขาอยากตอบแทน เลี้ยงข้าวฉันกับอาจารย์อาเล็กสักมื้อก็ได้ค่ะ”
อาจารย์อาเล็กพยักหน้าเห็นด้วย “ใช่ เสี่ยวเยาเยาของพวกเราชอบกิน ให้นักเจรจาฝานซื้อไอศกรีมให้เธอสักแท่งก็พอแล้วครับ รับรองดีใจมากแน่ๆ”
อ้ายโยวยิ้มพูด “เรื่องนี้ฉันรับรองได้ค่ะ เสี่ยวเยาเยาชอบกินจริงๆ”
ซังชั่ว “…”
เขาก็รู้ว่าเธอชอบกิน แต่ผู้มีพระคุณมีค่าแค่ไอศกรีมแท่งเดียวเหรอ
ตอนนั้นเสี่ยวเยาเยาช่วยเด็กไว้ตั้งหลายคน ไม่เคยรับของที่พวกเขาให้เลยนอกจากมื้ออาหาร
มู่เถาเยา “หนูดูเป็นคนไม่เรียกร้องอะไรเหรอคะ ไอศกรีมแท่งเดียวก็ซื้อได้แล้วเหรอ ไม่มีทาง! อย่างน้อยก็ต้องสองแท่งนะคะ!”
ทุกคนพากันหัวเราะ
พอเบี่ยงประเด็นมากันขนาดนี้ ซังชั่วจึงไม่พูดเรื่องตอบแทนบุญคุณอีก
สถานะของอธิการบดีเจียงไม่เหมือนกัน พวกเขาให้เงินให้ของเสี่ยวเยาเยาได้ แต่ทำแบบนี้กับอธิการบดีเจียงไม่ได้
ชีวิตยังอีกยาวไกล อีกหน่อยมีโอกาสค่อยว่ากัน
ซย่าอวี่ยิ้มถามมู่เถาเยาที่ยืนงดงามเหมือนภาพวาด “เสี่ยวเยาเยาเปิดเทอมเมื่อไรเหรอ”
“วันที่หนึ่งค่ะ วันศุกร์หน้าก็กลับแล้ว”
“อืม ไว้ว่างๆ มากินข้าวที่บ้านพี่นะ”
“ได้ค่ะ”
อาจารย์อาเล็ก “เสี่ยวเยาเยา พรุ่งนี้อาจารย์กับเสี่ยวเหมียนจะกลับพร้อมพวกเขาเลย ใกล้เปิดเทอมแล้ว ต้องไปเตรียมทำงาน”
“ค่ะ พรุ่งนี้หนูจะให้เหลียงจีไปส่ง เด็กเยอะขนาดนี้ นั่งรถนานๆ ทรมานแย่”
อาจารย์อาเล็กพยักหน้า
อวิ๋นสุ่ยเหยาพูดด้วยความอาวรณ์ “พี่เยาเยา ฉันก็ต้องกลับไปเตรียมเก็บของแล้ว”
“อืม เธอกลับเย่ว์ตูไปพร้อมกัน วันอาทิตย์จะให้เหลียงจีไปส่งกลับเจียงตูนะ”
ยายอวิ๋นส่ายมือ “เสี่ยวเยาเยา ให้พ่อเขาส่งคนมารับที่เย่ว์ตูก็ได้”
“ก็ได้ค่ะ พอถึงตอนนั้นให้เหลียงจีกลับมา”
หลังกลับไปเย่ว์ตูเสี่ยวเหยาจะพักที่บ้านตระกูลตี้ในเซิ่งซื่อฉางอัน เธอก็ไม่ต้องกังวลเรื่องที่เหลือแล้ว
เวลานี้ภรรยาของผู้ใหญ่บ้านมาตะโกนเรียกกินข้าว
เย็นวันนี้กินข้าวร่วมกันที่โต๊ะยาวในบ้านของผู้ใหญ่บ้าน
ผ่านวันเสาร์ไปอย่างครึกครื้นสนุกสนาน
วันอาทิตย์กินอาหารเช้าเสร็จหยวนเหยี่ยก็ฝังเข็มให้ตี้อู๋เปียน
คนที่ต้องกลับต่างไปหยิบสัมภาระของตัวเอง
ผู้ใหญ่บ้านสั่งให้พวกชาวบ้านขนพวกขนมกับผลไม้เป็นลังๆ ขึ้นรถเพื่อเอาไปส่งที่ลานจอดเครื่องบิน
พวกเด็กๆ อย่างซังหลิ่นหราน หงจยาเย่ว์ ลั่วปู้อวี๋ เสิ่นเจียวหยางร้องไห้โฮเกาะตัวมู่เถาเยา เล่นเอามู่เถาเยาเหมือนต้นคริสต์มาสมนุษย์ชวนให้ขำกันใหญ่
เดิมทีเจียงเฟิงเหมียนกับอวิ๋นสุ่ยเหยาก็อยากร้อง แต่พอเห็นพวกเด็กๆ ทำตัวเหมือนถูกทอดทิ้ง พวกเธอก็อดขำไม่ได้
มู่เถาเยาแกะพวกเด็กๆ ออกจากตัวแล้วรวบมากอด
“หลิ่นหราน จยาเย่ว์ ปู้อวี๋ เจียวหยาง เราสี่คนต้องกลับไปเข้าโรงเรียนอนุบาลนะ อีกไม่กี่วันพี่ก็ต้องกลับไปเรียนเหมือนกัน ไว้ถึงเวลาก็ยังจะได้เจอกันอีก…”
ซย่าอวี่พูดด้วยความปวดใจ “ก่อนหน้านี้ตอนพวกเรากลับยังไม่ร้องหนักกันขนาดนี้…”
ซย่าซือเหมี่ยวพยักหน้า เธอเองก็ปวดใจ
เป่ยซีพูดด้วยความรู้สึกขำ “มันไม่เหมือนกัน พวกเขารู้ว่าต้องแยกกับพ่อแม่แค่ชั่วคราว เดี๋ยวก็ต้องได้เจอกันทุกวัน แต่คนบ้านอื่นกลับเจอกันทุกวันไม่ได้”
อาจารย์แม่รอง “อันที่จริงเด็กเล็กความรู้สึกไวมาก บางเรื่องไม่เข้าใจ แต่กลับรู้สึกได้ถึงความแตกต่าง”
มู่เถาเยาไล่เช็ดน้ำตาให้เด็กทีละคน “เอาล่ะๆ ไม่ต้องร้องแล้ว ดูสิเนี่ยน้องร้องตามแล้ว”
เสี่ยวเหยียนเหยียนร้องจริงๆ
ไม่รู้ว่าเพราะซึบซับบรรยากาศหรืออย่างไร แถมยังแผดเสียงดังด้วย
พวกเด็กเล็กเลิกร้องแล้ว วิ่งเข้าไปกล่อมเสี่ยวเหยียนเหยียนทั้งน้ำตา
เจ้าถุงลมน้อยกับข่ายเกอก็เข้าไป
ทุกคนต่างรู้สึกได้ว่าการแยกจากกันครั้งนี้ไม่ง่ายเลย
เด็กเล็กกล่อมเด็กทารก เพียงชั่วพริบตาผ่านไปหนึ่งชั่วโมง
พ่อแม่รีบเข้าไปดึงลูกตัวเองมา พวกเขากลัวว่าถ้ายังชักช้าต่อไปจะทำอธิการบดีเจียงเสียเวลา
อาจารย์แม่รองยิ้มพูด “ไปขึ้นรถกันเถอะ กลับไปคงถึงเวลากินข้าวกลางวันพอดี”
พ่อแม่หลายคู่จูงลูกตัวเองที่เริ่มจะร้องไห้รอบใหม่กันอีกแล้ว แม้แต่เจ้าถุงลมน้อยกับข่ายเกอก็เบะปากจะร้องไห้
มู่เถาเยาพาเด็กทั้งสองคนไปส่งทุกคนที่ลานจอดเครื่องบินบราวนี่ออนไลน์
ผ่านไปหนึ่งชั่วโมงถึงกลับ
ตอนอยู่บนรถเจ้าถุงลมน้อยถามมู่เถาเยาด้วยดวงตาแดงก่ำ “พี่สาว พวกเราก็ต้องแยกจากกันไหมฮะ”
“อีกไม่กี่วันพี่สาวต้องกลับไปเรียนแล้วจ้ะ”
“อันเหยี่ยก็ต้องเรียน”
“ใช่จ้ะ อันเหยี่ยก็เรียนที่หมู่บ้านเถาหยวนซาน ดูสิ ข่ายเกอก็อยู่ที่นี่ด้วย ยังมีเพื่อนๆ อีกหลายคนอยู่ด้วยนะ”
“แต่อันเหยี่ยคิดถึงพี่สาว”
ข่ายเกอพยักหน้า เขาก็คงจะคิดถึงอาจารย์ย่าเล็กมาก
“แต่ละคนล้วนมีสิ่งที่ตัวเองต้องทำ…” มู่เถาเยาเริ่มอบรมเป็นการเป็นงานให้เด็กทั้งสอง
เด็กทั้งสองคนทำหน้างง ลืมเสียใจไปเสียสนิท
มู่เถาเยากลั้นขำ
ปลอบคนไม่เป็นยังจะไม่ให้แกล้งพวกเขาอีกเหรอ!
ลงจากรถ กลับเข้าบ้าน เด็กทั้งสองคนอารมณ์ดีขึ้นแล้ว
นี่ถ้าไม่ติดว่ายังเห็นตาแดงๆ อยู่ พวกเขาต่างสงสัยว่าเหมือนไม่มีเรื่องเศร้าโศกร้องไห้กันระงมแบบเมื่อครู่เกิดขึ้นมาก่อน
เด็กเล็กอารมณ์เปลี่ยนแปลงเร็ว
เป่ยซีจูงลูกสาวมานั่งลง “เสี่ยวเยาเยา พรุ่งนี้พี่รองของลูกจะมา”
“ค่ะ พี่รองก็บอกหนูแล้ว”
พี่รองจะมาค้างสองสามวัน จากนั้นก็จะพาพวกผู้อาวุโสกับแม่กลับเผ่า
ปู่ทวดถังพูดอย่างอารมณ์ดี “พรุ่งนี้ถังถังก็มาด้วย”
มู่เถาเยายิ้มพลางพยักหน้า “พี่ถังถังก็บอกหนูเหมือนกันค่ะ ทำงานที่ได้รับมอบหมายเสร็จแล้ว พรุ่งนี้จะออกจากบ้านเกิดมาเยี่ยมปู่ทวด จากนั้นก็จะไปรายงานตัวที่มหา’ลัยพร้อมหนูค่ะ”
ถังถังหยุดงานหลังจากนี้ก่อน เธอย้ายมาเรียนเภสัชศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยแพทย์เย่ว์ตู
ปู่ทวดถังพูดด้วยความดีใจ “เดิมทีคิดว่าถังถังจะเที่ยวเล่นอีกหลายปีเสียอีก”
“ความสนใจของคนเราใช่ว่าจะไม่มีทางเปลี่ยน แต่มันเปลี่ยนแปลงไปตามวัย ทัศนคติ หรือแม้กระทั่งสภาพแวดล้อมรอบตัว พี่ถังถังก็อาจจะเห็นแก่ปู่ทวด เลยอยากรับผิดชอบหน้าที่ขึ้นมาแล้วค่ะ”
ปู่ทวดถังทั้งดีใจทั้งปวดใจ
ถังหงกับถังเซิ่งที่เป็นลูกพี่ลูกน้องกับถังถังก็พลอยปวดใจตามไปด้วย ผิดที่พวกเขามีพรสวรรค์ไม่มากพอ แบกรับหน้าที่ของตระกูลไม่ได้ ถังถังถึงต้องเหนื่อย
การเป็นหัวหน้าของตระกูลใหญ่ไม่ใช่เรื่องง่าย แม้แต่ละครอบครัวในตระกูลจะรักใคร่ปรองดองกันดีก็ตาม
มู่เถาเยากับลู่จือฉินเป็นคนโบราณ รู้ดีว่าตระกูลใหญ่กว่าจะสืบทอดมาแต่ละรุ่นได้ต้องใช้ความทุ่มเทขนาดไหน
“ถังถังเป็นเหมือนเมล็ดพันธุ์แห่งความสุขของครอบครัวเรามาตั้งแต่เด็ก…” พอพูดถึงเหลนสาว ปู่ทวดถังก็หยุดไม่ได้
สองผู้อาวุโสของตระกูลเย่ว์กับตระกูลเป่ยรู้จักถังถังดี ข้อแรก เธอเป็นเพื่อนกับหลานสาว ข้อสอง เธอเคยมี ‘ข่าวลือ’ กับอากวง ข้อสาม เธอเป็นคนในครอบครัวของปู่ทวดถังกับอาจารย์แม่รองถังหยวนที่พักอยู่บ้านนี้
อาจารย์แม่รองยิ้มพูด “ถังถังมา อากวงก็มา เด็กสองคนนี้มีวาสนาต่อกันจริงๆ นะ”
ทุกคนต่างยิ้มแบบรู้กัน
ต่างอยากให้เป็นแบบนั้น
—————————–