บทที่ 300 ยามดอกไม้เบ่งบานรีบเด็ดเอา อย่ารอจนเหี่ยวเฉาทิ้งกิ่งไป

ปลอบใจฉัน ด้วยรักเธอ

หลังจากได้ยินคำพูดของฮั่วชิงชิง สีหน้าของฟู่สีเกอก็เปลี่ยนไป: “แล้วตอนนี้ร่างกายของคุณเป็นอย่างไรบ้าง? อากาศหนาวขนาดนี้ ทำไมถึงออกมาคนเดียว?”

เขาถามทีเดียวมากมายขนาดนี้ ฮั่วชิงชิงอดไม่ได้ที่จะยิ้ม เช่นเดียวกับฮั่วเหมียวเหมี่ยว มีลักยิ้มที่แก้มทั้งสองข้าง สะท้อนแก้มอันบอบบางอย่างขี้เล่นและน่ารัก: “ฉันออกกำลังกายหนักๆไม่ได้ ตอนนี้ดีขึ้นแล้ว ฉันอยู่ในโรงพยาบาลมาตลอด”

ฟู่สีเกอพยักหน้า: “เราอย่ามาคุยกันตรงนี้เลย อากาศหนาวมาก เข้าไปในรถก่อน!”

พูดจบ เขาก็ตระหนักได้ว่าเฉียวโยวโยวขยับไปด้านข้าง และเขาก็อดไม่ได้ที่จะพูดกับเฉียวโยวโยวว่า: “เจ้าโง่โยว ยืนห่างขนาดนั้นทำไม?”

ขณะที่พูด เขาก้าวไปดึงเฉียวโยวโยวมาตรงหน้าฮั่วชิงชิง: “ชิงชิง นี่คือแฟนของผม เฉียวโยวโยว โยวโยว นี่คือชิงชิง”

“สวัสดี!” ฮั่วชิงชิงยื่นมือออกมาอย่างเป็นมิตร

เฉียวโยวโยวลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็จับมือทักทาย

มือของเธอเย็นมาก เฉียวโยวโยวอดไม่ได้ที่จะพูดว่า :“คุณหนาวมากหรือเปล่า?”

ฮั่วชิงชิงยิ้ม: “เดี๋ยวร่างกายปรับตัวก็ดีขึ้นเอง”

จากนั้น ทั้งสามก็มาถึงรถของฟู่สีเกอ เฉียวโยวโยวลังเลอยู่ครู่หนึ่งและเดินไปที่ประตูเบาะหลัง

ฮั่วชิงชิงตกตะลึงครู่หนึ่ง เฉียวโยวโยวรีบอธิบายกับเธอว่า: “คุณสุขภาพไม่ดี ข้างหน้าอุ่นกว่า คุณนั่งข้างหน้าเถอะ!”

ฟู่สีเกอก็พยักหน้าเช่นกัน: “ชิงชิง นั่งข้างหน้าเลย! คุณกินข้าวหรือยัง? พวกเราพาคุณไปหาอะไรกินไหม?”

“โอเค งั้นเราไปหาอะไรกินง่ายๆเถอะ อาหารในโรงพยาบาล ฉันกินจนจะอ้วกแล้ว” ฮั่วชิงชิงกล่าว

ดังนั้นพวกเขาทั้งสามจึงไปที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง ฟู่สีเกอสั่งชานมร้อนให้ฮั่วชิงชิงเพื่ออุ่นมือก่อน

“ชิงชิง ตระกูลฮั่วรู้หรือยังว่าคุณไม่ได้เป็นอะไรแล้ว? คุณได้ติดต่อพวกเขาแล้วหรือยัง?” ฟู่สีเกอถาม

ฮั่วชิงชิงส่ายหัว: “คนในครอบครัวฉันพวกเขาเปลี่ยนหมายเลขโทรศัพท์หมดแล้ว ฉันโทรไปที่โทรศัพท์บ้านก็ว่างเปล่า เมื่อฉันตื่นขึ้นมา ฉันได้ยินคนบอกว่ามีสุสานอยู่ที่นี่ และเป็นวันเกิดของฉันพอดี ฉันเลยลองเสี่ยงโชคอาจจะเจอพวกคุณที่นี่ ปรากฏว่าเจอคุณจริงๆ…”

“ชิงชิง ไม่ต้องห่วง ผมจะบอกครอบครัวของคุณเอง ติดต่อเดี๋ยวนี้เลย” ขณะที่ฟู่สีเกอพูด ก็ส่งข้อความวีแชทให้ฮั่วเหมียวเหมี่ยว

ในช่วงสองปีที่ผ่านมา เขาและฮั่วเหมียวเหมี่ยวขาดการติดต่อ มีเพียงส่งข้อความหากันบ้างครั้งคราว

ในไม่ช้า ฮั่วเหมียวเหมี่ยวก็ส่งหมายเลขโทรศัพท์กลับมา

ฟู่สีเกอส่งหมายเลขให้ฮั่วชิงชิง: “ชิงชิง นี่คือหมายเลขโทรศัพท์ของฮั่วเหมียวเหมี่ยว”

“โอเค” ฮั่วชิงชิงรู้สึกเขินเล็กน้อย: “สีเกอ ฉันไม่มีโทรศัพท์…”

“ใช้ของผมโทร!” ฟู่สีเกอเห็นฮั่วชิงชิงลุกขึ้นและเดินไปด้านนอกเพื่อโทร เขาอดไม่ได้ที่จะจับมือเฉียวโยวโยวแล้วพูดว่า: “โยวโยว อย่าคิดมากชิงชิงตื่นขึ้นมา แน่นอนผมต้องดีใจ แต่ผมรู้ว่าใครคือแฟนปัจจุบันของผม ”

เฉียวโยวโยวพยักหน้า มองไปที่หญิงสาวร่างผอมบาง อดไม่ได้ที่จะคิด

หลังจากประสบอุบัติเหตุ หญิงสาวโคม่า เป็นเจ้าหญิงนิทรา และในที่สุดเมื่อเธอก็ตื่น โลกที่เธอเห็นก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง

แฟนของเธอมีผู้หญิงคนอื่น ญาติและเพื่อนของเธอก็ยอมรับการตายของเธอ และแม้แต่ต้นไม้ข้างหลุมฝังศพของเธอยังสูงกว่าคนสองคน…

แล้วเธอจะรู้สึกยังไง?

*

สองสามวันนี้หยานชิงเจ๋ออยู่กับซูสือจิ่นที่เรือนหอของพวกเขา

เพราะเขากลัวว่าเธอจะเป็นหวัดและเป็นไข้ ดังนั้นสองสามวันนี้จึงไม่ได้ไปทำงาน แต่ก็เอางานทั้งหมดมาไว้ในห้องทำงาน

เขาไม่รู้ว่าจะนิยามความสัมพันธ์ระหว่างเขากับซูสือจิ่นอย่างไร ดูเหมือนว่าเขาจะดูแลเธอ แต่มันเป็นเหมือนระหว่างพี่ชายกับสามีภรรยา

ในตอนกลางคืน เขาห่มผ้าให้เธอและออกจากห้องไป ต่างคนต่างนอนคนละห้อง แต่ทานอาหารพร้อมกันทุกมื้อ

จนถึงวันนี้ ในที่สุดเท้าของซูสือจิ่นก็หายเป็นปกติ สามารถเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระ หยานชิงเจ๋อก็ได้รับโทรศัพท์จากสหรัฐ เกี่ยวกับโครงการหนึ่งและเขาต้องเดินทาง

หลังจากได้รับสาย เขาอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจด้วยความโล่งอก เพราะมันหมายความว่าความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนระหว่างเขากับซูสือจิ่น ในที่สุดก็ไม่ต้องเผชิญหน้ากันอีก

ขึ้นเครื่องตอนเที่ยง ในตอนเช้า ทั้งสองคนทานอาหารเช้าด้วยกัน หยานชิงเจ๋อหยิบกุญแจจากบ้านออกมาและส่งให้ซูสือจิ่น: “เสี่ยวจิ่น นี่คือกุญแจบ้าน เธอเก็บไว้ดีๆ พี่ไปดูงานเป็นเวลาเดือนครึ่ง”

ซูสือจิ่นมองไปที่กุญแจในมือของเขาและตกตะลึงชั่วขณะ: “พี่จะให้ฉันอยู่ต่อที่นี่เหรอ?”

หยานชิงเจ๋อกระพริบตาเบาๆ ดูเหมือนจะนึกอะไรบางอย่างได้ เขาหลับตาและไม่ตอบ แต่เขาวางกุญแจไว้บนโต๊ะ: “พี่จะจ้างแม่บ้านให้ จะได้ดูแลเธอ”

เขาจะให้เธออยู่ต่อจริงๆเหรอ? อยู่ในเรือนหอของพวกเขา?

ซูสือจิ่นตกใจเล็กน้อย

อันที่จริง ทุกวันนี้ เธอกำลังรอให้เขาขอหย่าร้าง

เธอเองก็คิดไว้แล้ว ถ้าเขาขอหย่า เธอควรจะทำอย่างไรต่อ

แต่ว่าในคืนนั้น เขากอดเธอและพึมพำอย่างเจ็บปวด แต่ในตอนเช้า เขากลับไม่พูดถึงมันอีก

ในเวลานี้ เขายอมจำนนให้เธออยู่ที่นี่จริงๆเหรอ?

หัวใจของซูสือจิ่นค่อยๆระเบิดขึ้นทีละน้อยด้วยความปิติ เธอหยิบกุญแจขึ้นมาและเงยหน้าขึ้นมอง แล้วพูดว่า: “ไม่ต้องจ้างแม่บ้าน ตอนที่ฉันอยู่ที่ต่างประเทศ ฉันก็อยู่คนเดียว”

“เธอภูมิต้านทานต่ำ พี่…” หยานชิงเจ๋ออยากพูดว่า ‘พี่เป็นห่วง’ แต่คำนี้ยังไม่ได้พูดออกไป เขาก็เปลี่ยนคำพูดของเขาอย่างรวดเร็ว: “ถ้างั้นก็ให้มาทำความสะอาดสามวันครั้ง ช่วยเธอซื้อของด้วย!”

“โอเค” ซูสือจิ่นยิ้ม

หยานชิงเจ๋อมองไปที่ใบหน้าที่ยิ้มแย้มของเธอ หัวใจของเขาเต้นแรงเล็กน้อย เขาลืมตาขึ้น: “พี่ไปก่อนนะ”

“เดี๋ยวฉันไปส่ง” ซูสือจิ่นก้าวไปข้างหน้า

“ข้างนอกหิมะตก ไม่ต้องไปส่งหรอก” หยานชิงเจ๋อพูด ดึงกระเป๋าเดินทางออกไปอย่างรวดเร็ว

สองนาทีต่อมา ซูสือจิ่นมาที่หน้าต่างและเห็นผู้ช่วยหยานชิงเจ๋อมารับเขา

เธอมองเข้าไปในรถ ทั้งๆที่รู้ว่าเขาไม่เห็น แต่เธอก็โบกมือให้เขา และมองดูรถของเขาหายไปจากสายตา

สิบชั่วโมงต่อมา หยานชิงเจ๋อก็มาถึงบอสตัน

หลังจากลงจากเครื่องบิน เขาแทบไม่มีเวลาพักเลย รีบไปที่ทำงานทันที

เนื่องจากการดูแลซูสือจิ่น ตารางงานของเขาจึงล่าช้าไปหนึ่งวัน ดังนั้นการจัดเตรียมครั้งนี้จึงเร่งรัด

หลังจากการประชุมสามชั่วโมงสิ้นสุดลง หยานชิงเจ๋อออกมาจากสำนักงาน ผู้ช่วยข้างๆเขาพูดว่า: “ประธานหยาน ต้องแจ้งคุณนายสักหน่อยไหมว่ามาถึงแล้ว?”

หยานชิงเจ๋อตระหนักถึงบางสิ่งในทันที เสียงฝีเท้าของเขาหยุดชั่วขณะ แล้วพยักหน้า: “คุณช่วยบอกแทนผมหน่อย”

“รับทราบ!” ผู้ช่วยพยักหน้า เมื่อเจอหมายเลขโทรศัพท์ของซูสือจิ่น จึงโทรออก

จากนั้นสองสามวัน หยานชิงเจ๋อไม่เคยติดต่อซูสือจิ่น จนกระทั่งถึงวันนั้น ซูสือจิ่นตื่นขึ้นมาในตอนเช้า ได้ยินเสียงแม่บ้านที่หยานชิงเจ๋อจ้างมาคุยโทรศัพท์

ได้ยินเพียง: “คุณหยาน สองสามวันมานี้คุณนายสุขภาพดีมาก ไม่ป่วย… อืม อาหารก็กินอร่อย…กลางคืนก็นอนเช้าทุกวัน…ไม่ได้นอนดึก…”

ถึงเขาจะไม่ได้โทรหาเธอ แต่เขาก็ถามถึงสถานการณ์ของเธอทุกวัน?

ซูสือจิ่นรู้สึกเหลือเชื่อเล็กน้อย หลังจากที่ได้ยินป้าซวี่คุยโทรศัพท์เสร็จ เธอเดินไปที่ห้องครัวและแกล้งถามอย่างเป็นกันเอง: “ป้าซวี่ เมื่อกี้โทรหาใครเหรอ?”

“หืม คุณนาย ตื่นแล้วเหรอ?” ป้าซวี่กำลังจัดของในตู้เย็น: “ป้าเพิ่งโทรหาหลานสาว ถามแกว่าเรียนที่โรงเรียนเป็นอย่างไรบ้าง”

ซูสือจิ่นได้ยินคำโกหกที่ชัดเจนของเธอ แต่ไม่เปิดเผย เธอยิ้ม แล้วกลับไปที่ห้องของเธอ หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา และคลิกที่วีแชทของหยานชิงเจ๋อ

ในประโยคเดียว เธอพิมพ์ซ้ำหลายครั้ง พิมพ์แล้วลบ ลบแล้วแก้ไข ในที่สุดก็กัดฟันและกดส่งออกไป

ในขณะนี้ หยานชิงเจ๋อกำลังนั่งอยู่บนรถไฟ

เดิมทีเขาจะขับรถไปอีกเมือง แต่เนื่องจากหิมะตกหนัก สภาพถนนแย่มาก เขาจึงเปลี่ยนเป็นขึ้นรถไฟ

ข้างนอกตอนนี้มืดแล้ว หลังจากโทรเสร็จ เขาก็หลับตาลง ทันใดนั้นก็ได้ยินข้อความแจ้งเตือนจากวีแชท

เขาลืมตาขึ้นและเห็นข้อความที่ซูสือจิ่นส่งมา ซึ่งเรียบง่ายมาก แต่อารมณ์ของเขากลับซับซ้อนในทันที

เธอพูดว่า: “พี่ชิงเจ๋อ อยู่ข้างนอกดูแลตัวเองด้วย ฉันรอพี่กลับมาอยู่นะ”

เขาอ่านประโยคนี้หลายครั้ง กำลังจะตอบกลับ เขาใช้นิ้วแตะหน้าจอแล้ว แต่ไม่รู้จะพูดอะไร สุดท้าย เขาก็วางโทรศัพท์ลงบนโต๊ะเล็กๆ ตรงหน้า

ถัดจากเขา ชายชราผิวขาวอายุเจ็ดสิบเศษเห็นท่าทางที่ยุ่งเหยิงของเขาและริเริ่มที่พูดขึ้น: “แฟนของนายส่งข้อความมาเหรอ?”

หยานชิงเจ๋อหันศีรษะ ไม่ตอบ การแสดงออกของเขาค่อนข้างบอบบาง

ชายชราก็ไม่สนใจเช่นกัน พูดเป็นภาษาอังกฤษว่า: “เป็นหนุ่มมันดีจริงๆ! ฉันก็อยากเป็นหนุ่นสักครั้ง!”

หยานชิงเจ๋อมองดูหิมะที่ส่องสว่างด้วยไฟรถไฟนอกหน้าต่าง: “ใครไม่เคยเป็นหนุ่มบ้าง”

“ใช่สิ ใครจะไม่เคยเป็นหนุ่ม” นัยน์ตาของชายชราเป็นประกายระยิบระยับ :“แต่ว่า มีบางอย่างที่ทำได้ก็ต่อเมื่อตอนยังหนุ่ม! เหมือนคนและของบางอย่างที่พลาดกันไป บางทีอาจจะพลาดไปตลอดชีวิต…”

“ดูเหมือนคุณจะมีเรื่องราว” หยานชิงเจ๋อกล่าวอย่างเฉยเมย

ชายชราไม่สนใจน้ำเสียงของเขา แต่เริ่มพูดว่า:“ เมื่อก่อนมีผู้หญิงคนหนึ่งที่ดีกับฉันมาก ฉันก็ชอบเธอมากเช่นกัน แต่ตอนนั้นฉันเอาแต่ดื่มเหล้าทั้งวันทั้งคืน ไม่เคยฟังคำที่เธอบอก สุดท้ายฉันเมาและเห็นเธอเป็นอีกคน ฉันตบเธอ จากนั้นเธอก็จากฉันไป ฉันตามหาเธอมานานหลายปี สุดท้ายก็เจอ แต่เธอแต่งงานกับคนอื่นไปแล้ว”

เขาเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วพูดต่อว่า:“ต่อมา ฉันพบผู้หญิงอีกมากมาย แต่ไม่มีผู้หญิงคนไหนให้ความรู้สึกเหมือนตอนที่ฉันอยู่กับเธอ เมื่อวานนี้ ฉันไปหาเธอ แต่สิ่งที่ฉันเจอเป็นเพียงหลุมฝังศพ ฉันถึงรู้ว่าจะไม่มีวันได้เจอเธออีกแล้ว…”

ในตอนแรกหยานชิงเจ๋อไม่อยากฟัง แต่ในขณะนี้ เนื่องจากความไม่เที่ยงของชีวิต เขาก็เกิดความรู้สึกขึ้นลึกๆในใจ

ยามดอกไม้เบ่งบานรีบเด็ดเอา อย่ารอจนเหี่ยวเฉาทิ้งกิ่งไป

ทั้งสองเงียบเป็นเวลานาน หยานชิงเจ๋อหันศีรษะและถามชายชรา: “ถ้าคุณทำอะไรบางอย่างไป แล้วไม่สามารถกลับไปเป็นเหมือนเดิมได้ คุณจะทำอย่างไร?”

“ถ้าย้อนกลับไปไม่ได้จริงๆ ก็ยอมรับความจริง” ชายชรากล่าวว่า: “ความจริงไม่มีอะไรมากไปกว่าสองสิ่ง อย่างหนึ่งคือสิ่งที่นายยินดีที่จะยอมรับ อีกสิ่งคือเพราะนายไม่ยอมรับมันเอง แต่ถ้ามันเปลี่ยนไม่ได้จริงๆ ทำไมไม่เรียนรู้ที่จะยอมรับ ทำไมไม่ทำให้มันเป็นไปอย่างที่ต้องการล่ะ? แทนที่จะต้องมาเสียใจอย่างฉัน นี่คือคำแนะนำจากชายชราที่ใกล้ตาย”